โจวซื่อมองใบหน้าของฉือเย่อย่างไม่เต็มใจ จับมือของฉือเย่แน่น "เ้าสี่ ครั้งนี้เ้าจะต้องสอบให้ดี ครอบครัวของเราหวังพึ่งเ้า"
ฉือเย่พยักหน้าไม่พูดไม่จา
โจวซื่อหยิบถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อของตนเอง ก่อนที่จะยัดใส่ในมือของฉือเย่โดยตรง นางลดเสียงเบา "ในนี้ยังมีเงินอยู่บางส่วน ให้เ้าใช้มัน"
"ไม่จำเป็แล้ว" เมื่อคืนนี้เขาได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทระหว่างโจวซื่อและซ่งซื่อ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจสาเหตุของการทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งสองแล้ว
เขาไม่สามารถรับเงินนี้ได้ นอกจากนี้ฉือหางและหลินกู๋หยู่ก็ให้เงินเขามากเพียงพอแล้ว
"เ้าเอาไปเถอะ แม่ยังมีเงินอยู่!" โจวซื่อดูเหมือนจะชราภาพมากแล้ว มองฉือเย่ด้วยสายตาน่าสงสาร
เมื่อถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้ หัวใจของฉือเย่ก็สับสนหลายส่วน เขากล่าวปลอบว่า "พี่สามและพี่สะใภ้สามให้เงินข้าจำนวนมาก เพียงพอสำหรับข้าแล้ว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือเย่พูด มือของโจวซื่อที่ถือถุงเงินก็อ่อนแรงเล็กน้อย
สายตามองที่ฉือเย่เข้าไปในรถม้าอย่างน่าสงสาร โจวซื่อเบี่่ยงศีรษะไปมองฉือหางและหลินกู๋หยู่ที่ประตูปราดหนึ่งราวกับ้าจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด
สายฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
ใน่เวลานี้หลินกู๋หยู่ไม่จำเป็ต้องไปที่โรงหมออีกต่อไป
ฝนตกเช่นนี้ ทั้งหลินกู๋หยู่และฉือหางไม่สามารถทำความสะอาดพื้นได้
หลินกู๋หยู่นั่งปักผ้าอยู่ในห้อง นางแหงนหน้ามองดูสภาพอากาศภายนอก ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างเป็กังวลว่า "พี่ฉือหาง เมื่อก่อนฝนตกบ่อยไหม?"
ฉือหางกำลังง่วนอยู่กับงานไม้ เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลันส่ายศีรษะ "ก่อนหน้านี้ไม่เป็เช่นนี้ ข้าไม่รู้ว่าปีนี้เกิดอะไรขึ้น คิดไม่ถึงว่าฝนจะตกต่อเนื่องนานถึงเพียงนี้"
ผู้คนกล่าวว่าสายฝนในฤดูใบไม้ผลินั้นมีราคาแพงพอๆ กับน้ำมัน สามารถพูดได้ว่าสายฝนในฤดูใบไม้ผลินั้นหายากจนน่าสมเพช แต่ที่นี่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น วางงานในมือไว้บนเข่า ฟังเสียงฟ้าฝนข้างนอก หันศีรษะไปมองฉือหาง "พี่ฉือหาง เรามาฉวยโอกาสในตอนที่ฝนหยุดไปซื้ออาหารดีหรือไม่ หากเป็เช่นนี้ต่อไป อาหารอาจจะขึ้นราคา”
ในที่สุดฉือหางก็เข้าใจในสิ่งที่นางพูด เขามองไปที่ท้องนภาข้างนอกอย่างวิตกกังวล "ใช่ ฝนตกนานเกินไปแล้ว"
สายฝนยังคงพรำลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ตกหนักมาก แต่กระนั้นกลับตกไม่ยอมหยุด
ฤดูใบไม้ร่วงเป็ฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว นอกจากอาหารที่ต้องเสียภาษีแล้ว ผู้คนไม่เหลืออาหารมากนัก
อันที่จริง ทันทีที่ฤดูใบไม้ผลิมาถึง พืชพรรณต่างๆ จะเริ่มงอกเงยเจริญเติบโต กลายเป็อาหารมากมาย
แต่ด้วยสายฝนโปรยปรายทุกวัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะสามารถทานอะไรได้
"หรือว่า” ฉือหางวางของในมือลง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม "อีกเดี๋ยวข้าจะไปในเมืองเพื่อซื้ออาหาร”
"ดีมาก” หลินกู๋หยู่พยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวสำทับว่า "รอให้ฝนเบากว่านี้ พวกเราไปซื้อของมาเก็บไว้ที่บ้านมากหน่อย"
โดยพื้นฐานแล้ว ฉือหางไม่มีความคิดเห็นอื่นใดต่อสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด
่บ่าย ท้องฟ้ายังคงครึ้มอยู่ แต่ฝนไม่ตกแล้ว
ฉือหางตรงไปที่บ้านสกุลหวังที่อยู่ติดกันเพื่อยืมเกวียนลาโดยคิดว่าจะไปและจะกลับบ้านให้โดยเร็ว
ทั้งสองซื้อแป้งหนึ่งร้อยจิน ข้าวสารหนึ่งร้อยจิน และอื่นๆ เช่นถั่วเขียวและถั่วเหลือง
ในวันที่สายฝนพรำต่อเนื่อง ผู้คนมักจะเจ็บป่วย หลินกู๋หยู่ซื้อสมุนไพรทั้งหมดที่อาจต้องใช้
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ฝนยังคงตกอยู่ ทั้งสองคนทำได้เพียงเอาเสื้อกันฝนที่ทำจากฟางมาคลุมไว้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นของเ่าั้ก็ยังคงเปียกเล็กน้อย
เมื่อฝนตก บนถนนไม่มีผู้คนสัญจรแม้แต่คนเดียว
ทั้งสองคนขนย้ายของทั้งหมดเข้าบ้าน จากนั้นฉือหางก็ไปคืนเกวียนลาให้ครอบครัวหวัง
หลินกู๋หยู่จัดบ้านเรียบร้อยพอดีกับที่ฉือหางพาโต้ซากลับมา
โชคดีที่ที่บ้านของพวกเขายังมีฟืนอยู่มาก
หลินกู๋หยู่วางอาหารที่เปียกบนกระดานไม้ จากนั้นวางไม้กระดานไว้บนเตียงเล็กเพื่ออบให้แห้ง
ทุกคนสามารถยอมรับได้หากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทว่าครั้งนี้ฝนตกมากว่าครึ่งเดือนแล้ว
ถึงคราวที่หลินกู๋หยู่ต้องไปโรงหมอแล้ว ทว่าสายฝนข้างนอกก็ยังคงไม่ยอมหยุด น้ำเอ่อถึงหัวเข่าของนางแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ นางไม่มีหนทางไปโรงหมอได้
โชคดีที่บ้านของพวกเขาสูงอยู่เล็กน้อย ได้ยินว่าบ้านของสองครอบครัวที่อยู่ต่ำกว่าพังทลายลงมาแล้ว
หลินกู๋หยู่และฉือหางรีบยกธรณีประตูให้สูงขึ้นเล็กน้อย โดยหวังว่าน้ำฝนข้างนอกจะไม่เข้ามา
ภายนอกน้ำท่วมกลายเป็แม่น้ำไปแล้ว สถานศึกษาก็เริ่มมีวันหยุด
แหงนหน้ามองไปที่สภาพอากาศภายนอก ใบหน้าของฉือหางไม่สู้ดีนัก เขาพูดด้วยเสียงเบา "กู๋หยู่ โชคดีที่เ้าบอกให้กักตุนอาหาร หากซื้อในตอนนี้ อาหารเหล่านี้จะต้องราคาแพงมาก"
หลินกู๋หยู่เดินไปที่ประตู โชคดีที่ตอนนี้อากาศไม่หนาวมาก ไม่เช่นนั้นคงลำบากกว่านี้
“แต่ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน ย่อมมีคนซื้อ” หลินกู๋หยู่มองไปที่สิ่งของบนพื้นในบ้าน แม้แต่สมุนไพรที่นางปลูกก็ถูกนางนำเข้ามาในบ้าน
เมื่อไม่มีแสงแดด สมุนไพรก็ก้มศีรษะลงทีละต้น
"เ้าพูดถูก” ฉือหางพยักหน้าเห็นด้วย "หากสามารถซื้อในราคาที่ถูกกว่าแม้เล็กน้อยก็ย่อมดีกว่า"
เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติอย่างน้ำท่วม?
หลินกู๋หยู่ไม่มั่นใจ ในเวลานี้นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่ในบ้าน
ในตอนกลางคืน โต้ซานอนคนเดียวบนเตียงเล็ก
หลินกู๋หยู่นอนอยู่บนเตียง หันหน้าไปมองฉือหางและพูดอย่างกังวลหลายส่วน "เ้าคิดว่าบ้านของเราแข็งแรงพอไหม?"
ฉือหางวางมือบนหน้าท้องของหลินกู๋หยู่ลูบเบาๆ เขาลดเสียงลง "ข้าไม่รู้ แต่ตำแหน่งที่ตั้งของบ้านเรายังค่อนข้างสูง ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังคงกังวลเล็กน้อย"
หากรู้เร็วกว่านี้ เขาจะสร้างบ้านก่อนแล้ว
“หลังจากนี้นำของสำคัญทั้งหมดใส่ลงในอ่างอาบน้ำ เผื่อเวลานั้นจะได้เอามันไปได้สะดวก” หลินกู๋หยู่คิดเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว
หากบ้านทรุดพัง ถึงเวลานั้นก็คว้าอ่างอาบน้ำซึ่งเต็มไปด้วยของใช้ที่จำเป็และสะดวกต่อการขนออกไป
ฉือหางลูบหน้าท้องของหลินกู๋หยู่อย่างอ่อนโยน ขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยเสียงต่ำว่า "เช่นนี้จะดีหรือ?"
“ไม่เช่นนั้นข้าก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว” สีหน้าของหลินกู๋หยู่เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดหลายส่วน “คงจะดีหากบ้านของเราอยู่บนูเา เช่นนั้นเราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฝนพัดพาไปหรือทำให้ทรุดพัง"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ฉือหางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มีถ้ำอยู่บนเขา ข้าเคยอาศัยอยู่ที่นั่นเวลาข้าไม่ได้ลงจากูเา"
เดิมทีหลินกู๋หยู่มีอาการง่วงนอนเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางฟื้นคืนพลังแล้ว พูดอย่างตื่นเต้นว่า "มันก็ดีอยู่หรอก แต่ข้ากลัวว่าถ้ำอาจจะถูกสัตว์อื่นยึดครองไปแล้ว"
“พรุ่งนี้ข้าจะลองไปดู” ฉือหางดึงหลินกู๋หยู่เข้ามาในอ้อมแขนของเขา พูดเบาๆ ว่า “เ้าไม่ต้องกังวล จะไม่เป็ไร”
“อย่าไปเลย” หลินกู๋หยู่คว้าแขนของฉือหางและพูดอย่างวิตกกังวลว่า “มันอันตรายเกินไป”
“ไม่เป็ไร” ฉือหางเอื้อมมือไปแตะผมของหลินกู๋หยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกอบอุ่น “ถ้าเป็ไปได้ ข้าจะพาพวกเ้าขึ้นไปที่นั่น”
“ช่างมันเถอะ” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง “อยู่บ้านเฉยๆ จะดีกว่า”
นางไม่้าให้ฉือหางห่างจากนาง เมื่อนางตกอยู่ในอันตราย
เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น หลินกู๋หยู่ก็เห็นน้ำบนพื้น
ไม่รู้ว่าเมื่อไรฝนจะหยุดตกเสียที
แม้ฉือหางจะยกธรณีประตูให้สูงขึ้นเล็กน้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดน้ำฝนไม่ให้เอ่อไหลเข้ามาได้
ทันทีที่จัดข้าวของเสร็จ ฉือหางก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูที่ไม่ได้ดังเป็พิเศษท่ามกลางเสียงฝน
ในขณะที่ฉือหางเดินไป สายฝนก็เอ่อถึงหัวเข่าของเขาแล้ว
เมื่อเปิดประตู ฉือหางเห็นฉือซู่ยืนอยู่ที่ประตู โดยสวมเสื้อกันฝนที่ทำจากหญ้าฟาง
"พี่ใหญ่” ฉือหางเงยหน้ามองขณะเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
ฉือซู่เห็นว่าบ้านของฉือหางเต็มไปด้วยน้ำและมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า "เื่มันเป็อย่างนี้ เ้าสาม บ้านของเราไม่มีอาหารแล้ว ไม่รู้ว่าบ้านของเ้ามีอาหารอยู่หรือไม่?"
ฉือหางมองไปที่ใบหน้าของฉือซู่ พูดอย่างละล้าละลัง "พี่ใหญ่ บ้านเราก็ไม่ค่อยมีอาหารเช่นกัน เดิมทีข้าก็อยากถามพี่อยู่เหมือนกัน"
“พวกเ้ายังมีอาหารเท่าใดหรือ?” ฉือซู่พูดอย่างหน้าด้าน เอ่ยอย่างไม่ท้อถอย “ข้ากับพี่สะใภ้ของเ้าหิวย่อมไม่เป็ไร แต่ท่านแม่กับลูกๆ พวกเราทนไม่ได้จริงๆ ที่จะปล่อยให้พวกเขาหิว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือซู่พูด ฉือหางก็ไม่อาจฝืนทนได้หลายส่วน คิดอยู่พักหนึ่ง "พี่ใหญ่ ถ้างั้นข้าแบ่งให้พี่ครึ่งหนึ่ง พี่รออยู่ที่นี่สักครู่หนึ่ง"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด มุมปากของฉือซู่ก็อดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น พยักหน้าอย่างตื่นเต้น "ก็ดี ข้าจะรอเ้าที่นี่"
หลินกู๋หยู่กำลังจัดข้าวของ ทันทีที่เห็นฉือหางเข้ามาจากข้างนอก นางเอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า "ใครหรือ?"
"พี่ใหญ่” ฉือหางหยิบข้าวหนึ่งไห คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับหลินกู๋หยู่ว่า "กู๋หยู่ ฝั่งท่านแม่กับพี่ชายไม่มีอาหารเหลือแล้ว"
หลินกู๋หยู่เงยหน้ามองสิ่งของในมือของฉือหางและพูดเรียบๆ ว่า "ไปเถอะ บอกว่าไม่มีแล้ว"
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ ฉือหางก็ยิ้มและเดินออกไปข้างนอก
เดิมทีหลินกู๋หยู่ไม่้าให้ในตอนแรก แต่กระนั้นนางจะไม่ให้ไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วโจวซื่อก็เป็มารดาของฉือหาง
อย่ามองว่าภายนอกฉือหางไม่สนใจโจวซื่อ แต่หลินกู๋หยู่รู้ว่าเขายังมีโจวซื่ออยู่ในใจ ท้ายที่สุดสตรีผู้นั้นก็เป็ผู้ให้กำเนิดเขา
ระหว่างรอฉือหางกลับมา หลินกู๋หยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ระดับน้ำในบ้านเพิ่มมากขึ้น หลินกู๋หยู่ปูแผ่นไม้บนพื้น ไม่ให้โต้ซาลงจากเตียงเพราะกลัวว่าจะหนาวเย็น
โต้ซาถือของเล่นไว้ในมือ ทอดมองออกไปด้านนอกอย่างหม่นหมองเล็กน้อย
“ท่านแม่ เมื่อไรฝนจะหยุดตก?” โต้ซาหันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ในขณะพึมพำกับตัวเอง เอ่ยเสียงกระซิบว่า “ข้าอยากจะไปเรียนหนังสือ!”
ไม่รู้ว่าเวลานี้สถานการณ์ของฉือเย่เป็อย่างไรบ้าง ในตอนนี้ฝั่งพวกเขาเกือบจะกลายเป็แม่น้ำแล้ว ถ้าสถานการณ์ของฉือเย่ยังดีอยู่ย่อมดีแท้ แต่หากเกิดสถานการณ์น้ำท่วมระหว่างทาง เื่อื่นไม่ได้กังวล กังวลก็แต่ฉือเย่จะไม่สามารถเดินทางและไม่มีอาหารกิน
ฉือหางที่บังเอิญคิดถึงฉือเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ครอบครัวของพวกเขาไม่มีปัญหาในขณะนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็ไรจริงๆ
ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังเย็บเสื้อผ้าอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียง "ปัง"
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือหางชะงักงัน
ทั้งสองคนรีบวางของในมือลงแล้ววิ่งออกไป