งานประลองยุทธ์ถูกจัดไว้อีกสามวันหลังจากนี้ ลานประลองยุทธ์ของตระกูลจิ่งภายในระยะเวลาสิบกว่าวันนี้ราวกับถูกสร้างขึ้นใหม่ก็ไม่ปาน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า...แม้นิสัยของจิ่งเหวินซานผู้นี้จะไม่เท่าไร แต่ความสามารถก็ถือว่าใช้ได้ ตอนที่อ๋าวหรานยืนอยู่ที่สนามประลองก็เกือบจะคิดไปแล้วว่าตัวเองมาผิดที่ เวทีประลองขนาดเล็กมีเป็ร้อย เนื้อที่ก็มีประมาณสิบกว่าตารางเมตร ส่วนเวทีขนาดใหญ่ก็มีอีกหลายที่ซึ่งมีพื้นที่กว้างกว่าหนึ่งร้อยตารางเมตร เวทีทั้งหมดทำมาจากไม้เนื้อแข็งสีแดงชาด แกะสลักด้วยลวดลายเมฆคล้อยอย่างสวยงาม ธงตระกูลจิ่งที่แขวนอยู่บนเสาไม้ก็โดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้กัน
อ๋าวหรานถอนหายใจออกมาสองครั้ง “ลุงใหญ่เ้านี่ช่างล่ำซำจริงๆ”
จิ่งจื่อ “ล่ำซำ?”
อ๋าวหราน “หมายถึงร่ำรวย ทั้งไม้นี่และการตกแต่งนี่...แค่่เวลาสั้นๆ สิบกว่าวันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้แล้ว”
จิ่งเซียงส่ายหน้า “ไม่ใช่แค่นี้หรอก ข้าได้ยินเขาพูดกัน ข้าว่าเรือนฝั่งตะวันออกต่างหากที่จะทำให้เ้าตกตะลึง หรูหรางดงามราวกับทิวทัศน์แดนเซียนในโลกมนุษย์ ดูอลังการกว่าเรือนหลักที่พี่ชายข้าพักอยู่เสียอีก ตอนนี้พวกลูกหลานจากตระกูลต่างๆ ก็พักอยู่ที่เรือนฝั่งตะวันออก ตอนนี้ยังนึกว่าเรือนฝั่งตะวันออกเป็เรือนของผู้นำตระกูลอยู่เลย ยิ่งไปกว่านั้นมีอยู่หลายคนทีเดียวที่คิดว่าพี่จิ่งเคอคือนายน้อย”
อ๋าวหรานอดถอนหายใจไม่ได้ “ร้ายกาจจริงๆ เงินมากมายขนาดนี้ ลุงใหญ่เ้าเอามาจากไหนกัน เกรงว่าคงไม่อาจเอื้อนเอ่ยกับบรรดาผู้าุโตระกูลเ้าได้กระมัง?”
จิ่งเซียง “พวกผู้ดูแลบัญชีคลังของตระกูลต่างให้เขามา แต่ก็ให้มาจำกัด ได้ยินมาว่าลุงใหญ่ยังคร่ำครวญว่าตัวเองจนแล้วเลย เห็นว่าถึงกับเอาเงินสะสมส่วนตัวทั้งชีวิตของตัวเองมาใช้”
อ๋าวหรานแอบคิดว่าช่างกล้าจ่ายเสียจริงๆ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด หากว่าวันหน้าตระกูลจิ่งออกสู่โลกภายนอกอย่างเต็มตัว จิ่งเหวินซานก็คงกลายเป็ดั่งประตูหน้าของตระกูลจิ่ง ให้คนทั้งโลกได้รู้จักเขาเสียั้แ่เนิ่นๆ จิ่งเคอเองก็จะได้มีชื่อเสียง แน่นอนว่าผลการแข่งขันประลองยุทธ์เองก็สำคัญมาก
จิ่งเซียงหน้าตามีลับลมคมใน พูดเบาๆ ว่า “ได้ยินมาว่าท่านลุงใหญ่แอบทำการค้าลับๆ ข้างนอก ทั้งยังแอบขายสมุนไพรของตระกูล แต่นี่ก็เป็เพียงข่าวลือที่แอบพูดกันเท่านั้น ยังไม่อาจยืนยันได้”
อ๋าวหรานยักไหล่ ถามอีกว่า “กฎการแข่งขันประลองยุทธ์ครั้งนี้เป็อย่างไร?”
จิ่งเซียงส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ ท่านลุงใหญ่ข้าแม้แต่ข่าวสารเพียงเล็กน้อยก็ไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดออกมาได้”
อ๋าวหราน “แม้แต่เ้าก็ไม่บอกหรือ?”
จิ่งเซียงพยักหน้า
พวกเขากำลังมองหาลานประลองเล็กๆ เ้าเด็กจิ่งจื่อนี่วันๆ เอาแต่เสนอตัวไปให้เหยียนเฟิงเกอซ้อม ได้ข่าวว่าตัวเขาก็ได้ประโยชน์จากการนี้มาก แล้วยังได้ยินมาอีกว่าอ๋าวหรานทะลุขีดจำกัดได้บ้างแล้ว จึงอยากลองประมือกันดูสักตั้ง
“คุณหนูเซียงเซียง นายท่านเหวินซานสั่งไว้แล้วว่าสามวันนี้ให้หยุดใช้ลานประลองชั่วคราว ต้องขออภัยคุณหนูคุณชายทั้งหลายด้วย”
เมื่อมองดูเฒ่าชราตรงหน้าที่มีสีหน้ายิ้มน้อยๆ แล้วพวกเขาก็ถอนหายใจอย่างปลงๆ “ไม่เป็ไร ไม่ทำให้เ้าลำบากหรอก”
พวกเขารู้ความถึงเพียงนี้ ผู้เฒ่าผู้นั้นก็มีท่าทางดีใจอย่างยิ่ง “เช่นนั้นก็ขอบคุณทุกท่านแล้ว อย่างไรเสียก็เป็งานใหญ่ของตระกูลจิ่งเรา นี่ก็เพื่อตระกูลจิ่งทั้งสิ้น”
เมื่อกิน 'น้ำแกงปิดประตู1' เข้าไปแล้ว พวกเขาก็ตั้งใจจะจากไปแต่โดยดี อ๋าวหรานตัดสินใจว่าสองสามวันนี้จะไม่ไปโรงยา จะได้ไม่ต้องเสี่ยงไปเจอกับจิ่งเซิ้ง ทั้งยังเกรงว่าตัวเองจะอดไม่ไหวซ้อมเ้าเด็กนั่นจนตาย จึงไปเรียนเื่อื่นๆ กับจิ่งเซียงแทน อย่างไรเสีย่นี้เขาก็ว่างมาก
“เซียงเซียง! เ้าอยู่นี่เอง เมื่อครู่ไปหาเ้า เ้าไม่อยู่ ข้าเลยกำลังจะกลับ”
แม่นางน้อยยิ้มอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับดอกบัว คนที่เดินผ่านไปมามองจนตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
“ซีเิ?”
“คุณชายอ๋าว! เ้าก็อยู่หรือ ได้ยินว่าเ้าไม่สบาย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
เมื่อเห็นว่าอ๋าวหรานก็อยู่ด้วย อิ่นซีเิจึงยิ้มดีใจขึ้นกว่าเดิม
อ๋าวหรานรีบยิ้มแล้วทักทาย ทำเอาเทพธิดาผู้นั้นเขินอายหน้าแดงจนต้องก้มหน้า
จิ่งเซียงส่งเสียงดังเฮอะออกมาเบาๆ แล้วถลึงตาใส่เขาไปทีหนึ่ง
อ๋าวหรานยิ้มให้นางทีหนึ่ง หันศีรษะมาหาอิ่นซีเิ “แม่นางซีเิ เ้ากับแม่นางหลางฉาอยู่ด้วยกันใช่หรือไม่?”
อิ่นซีเิเงยหน้า “ใช่...ใช่แล้ว คุณชายอ๋าวก็รู้จักแม่นางหลางฉาด้วยหรือ?”
อ๋าวหรานพยักหน้า “เคยเจออยู่สองสามครั้ง แต่ไม่ค่อยสนิท”
อิ่นซีเิ “ถ้าเช่นนั้น...”
อ๋าวหรานยิ้มแล้วพูดว่า “เซียงเซียงบอกว่าน้อยนักที่จะเห็นนางออกจากห้อง ดังนั้นข้าจึงอยากลองถามดู”
อิ่นซีเิส่งเสียงดังอ้อออกมาทีหนึ่งสายตาที่มองไปทางอ๋าวหรานหมองหม่นลงเล็กน้อย “แม่นางหลางฉาผู้นั้นเหมือนว่าจะาเ็ เดินลมปราณอยู่ตลอดเวลา และน้อยครั้งที่จะพูดกับข้า”
อ๋าวหรานใ “าเ็? เหตุใดถึงาเ็ได้?”
อิ่นซีเิถูกเสียงที่สูงขึ้นของเขาทำให้ใ “ข้า...ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน ข้า...ก็แค่เดาเอา คุณ...ชายอ๋าวเป็ห่วงนางมากหรือ?”
อ๋าวหรานรีบส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในตากลับแฝงแววชั่วร้าย “นายน้อยแห่งตระกูลจิ่งของเรา 'จิ่งฝาน' ชอบแม่นางหลางฉามาก แต่เขาเขินอาย ดังนั้นข้าจึงช่วยถามให้”
เ้าเด็กบ้าเอ๋ย ข้าเองก็แค้นฝังหุ่นเหมือนกัน
จิ่งเซียง “!!!”
จิ่งจื่อ “? ? ?”
ั้แ่เมื่อไรกัน?
สีหน้าของอิ่นซีเิมีรอยยิ้มขึ้นมาทันใด “เช่นนั้นเองหรือ? หาก้า ข้าสามารถช่วยได้”
รอยยิ้มของอ๋าวหรานแฝงลับลมคมใน “เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามอีกว่าแม่นางหลางฉานอกจากฝึกวรยุทธ์แล้ว ยังทำอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
อิ่นซีเิส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว ไม่ออกจากห้องเลยทั้งวัน”
อ๋าวหรานสงสัยในใจ คงไม่ได้รับาเ็จริงๆ หรอกกระมัง? แต่ถ้าดูจากวรยุทธ์ของหลางฉาแล้ว บนแผ่นดินใหญ่นี้ยังมีใครสามารถทำร้ายนางได้อีก?
อิ่นซีเิยิ้มตอบว่า “คุณชายเองก็จะเข้าร่วมงานแข่งประลองยุทธ์ครั้งนี้ด้วยหรือ?”
อ๋าวหรานพยักหน้า “แน่นอน ข้าอยากลองประมือกับยอดฝีมือบนแผ่นดินใหญ่นี้ดู”
“อา จริงหรือ?” ดวงตาของอิ่นซีเิโค้งมน “ข้าอยากเห็นท่าทางตอนคุณชายประลองยุทธ์ ต้องหล่อเหลาสง่างามมากแน่ๆ”
“เช่นนั้นข้าจะพยายาม แต่ข้าคงไม่หล่อเหลาสง่างามเท่านายน้อยตระกูลจิ่งหรอก”
อิ่นซีเิ “คุณชายอ๋าวกับนายน้อยตระกูลจิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากเลยนะเ้าคะ ถึงได้พูดถึงเขาตลอด”
อ๋าวหรานหัวเราะฮ่าๆ ออกมาสองที ข้าทำเพื่อให้เ้ารับรู้ถึงการมีอยู่ของเนื้อคู่ในอนาคตของเ้าต่างหาก เหนื่อยเหมือนกันนะนี่
จิ่งเซียงดึงอ๋าวหรานมาข้างๆ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “พี่ชายข้าชอบหลางฉาั้แ่เมื่อไร? บอกมานะว่าข่าวลือก่อนหน้านี้เป็เ้าที่ปล่อยออกมาใช่หรือไม่?”
อ๋าวหรานส่ายหน้าอย่างรุนแรง “ไม่ใช่แน่นอน! อยากสืบหาความลับก็ต้องมีการเสียสละบ้าง อย่างไรเสียเื่นี้คนทั้งตระกูลจิ่งก็รู้กันไปทั่วแล้ว เพิ่มอิ่นซีเิเข้ามาอีกคนก็ไม่นับว่ามากไปหรอก”
จิ่งเซียงหยิกอ๋าวหรานอย่างรุนแรง “ฝันไปเถิด ตาของอิ่นซีเิแทบจะงอกอยู่บนตัวเ้าแล้ว!”
อ๋าวหรานโอบไหล่นาง “ดังนั้นจึงอยากให้พี่เ้าช่วยข้าจัดการดอกท้อสักดอก ช่วยแม่นางที่มองคนผิดผู้นี้สักหน่อย”
จิ่งเซียง “เ้ามีสิทธิ์อะไร!”
อ๋าวหราน “ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรหรอก ข้าแค่มีความสุข”
จิ่งเซียงพูดพึมพำว่า “ระวังพี่ชายข้ารู้เข้าแล้วมาจัดการกับเ้า”
อ๋าวหรานเคาะหัวนางแล้วถามว่า “พึมพำอะไรอยู่?”
——
สามวันให้หลัง
ช่างฉือจายตระกูลจิ่ง
ใน่สามวันมานี้ ทุกวันจะต้องมีแขกใหม่ๆ เดินทางมาถึงตระกูลจิ่ง เหตุเพราะจิ่งเหวินซานรับหน้าที่ดูแลทุกอย่าง เพราะฉะนั้นแขกที่มาใน่นี้จึงล้วนเป็จิ่งเหวินซานและจิ่งเคอเข้าไปดูแลทักทาย ส่วนพวกจิ่งฝานแทบจะไม่ค่อยรู้จักใครเลย จึงทำได้เพียงพยักหน้าทักทาย มีอยู่หลายคนที่ไม่แม้แต่จะเคยเจอกันด้วยซ้ำ
แต่เกรงว่าวันนี้คงต้องเจอกันสักหน่อยแล้ว
โชคดีที่วันที่จิ่งเหวินซานเลือกนั้นเป็งานเลี้ยงรับประทานอาหารของตระกูลพอดิบพอดี จึงได้เชิญแขกทุกท่านมาร่วมงานด้วย
ตอนที่พวกอ๋าวหรานไปถึงก็มีคนเข้ามานั่งในช่างฉือจายหลายคนแล้ว ลูกหลานตระกูลจิ่งเดิมทีก็มีอยู่หลายคน ตอนนี้ยังเพิ่มลูกหลานจากตระกูลอื่นเข้าไปอีก ที่นั่งเดิมนั้นเริ่มไม่พอแล้ว เด็กรับใช้จึงได้จัดโต๊ะกลมใหญ่ขึ้นมาอีกสองโต๊ะ ดีที่ทางนั้นกว้างมากพอจึงมีที่นั่งสำหรับคนอีกเป็ร้อยอย่างไม่มีปัญหาใดๆ
“นายน้อยมาแล้ว คุณหนูเซียงเซียง คุณชายจิ่งจื่อ คุณชายอ๋าว ข้าน้อยจะนำท่านไปยังที่นั่งนะขอรับ” เด็กรับใช้ที่มาต้อนรับแต่ละคนล้วนหน้าตาหล่อเหลา ท่าทางคำพูดคำจาไม่ธรรมดา อ๋าวหรานไม่อาจไม่ถอนหายใจ จิ่งเหวินซานจัดการงานได้ดีจริงๆ สอดส่ายตามองไปยังบรรดาลูกหลานจากตระกูลต่างๆ แต่ละคนก็ยากจะปกปิดความใลงได้
คนตระกูลจิ่งหน้าตางดงาม นี่เป็อาวุธที่ติดตัวมาแต่กำเนิด คนมักจะมอบความรู้สึกดีๆ และความชอบให้กับสิ่งที่สวยงามอยู่เสมอ ในช่างฉือจายเสียงดังสนุกสนาน ลูกหลานตระกูลจิ่งคาดว่าปกติคงยากนักที่จะได้มีโอกาสทำความรู้จักกับคนภายนอก วันนี้ได้ทำตามใจแล้ว โดยเฉพาะพวกลูกหลานที่ยังอายุน้อยทั้งหญิงชายเหมือนจะไม่กลัวคนแปลกหน้าเลย แถมยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ละคนแสดงท่าทางเหมือนเสียดายที่ไม่ได้เจอกันเร็วกว่านี้
“นายน้อย คุณหนูเซียงเซียง นั่งตรงนี้เถิดขอรับ”
อ๋าวหรานมองที่นั่งของทั้งสองก็อดรู้สึกอยากกุมขมับไม่ได้ ตรงนี้ห่างจากที่นั่งหลักค่อนข้างไกลทีเดียว จิ่งเหวินซานคิดอะไรอยู่กันนะ ทนไม่ไหวถึงเพียงนี้ ไม่กลัวหลังหักหรืออย่างไร? แล้วพวกผู้าุโตระกูลจิ่งจะเห็นด้วยหรือ?
หลังจากสองพี่น้องนั่งลงแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเด็กรับใช้ผู้นั้นจะมีวี่แววเชิญอ๋าวหรานกับจิ่งจื่อให้นั่งลงแต่อย่างใด อ๋าวหรานเองก็ไม่รู้ว่าควรนั่งลงหรือไม่
จิ่งเซียงเงยหน้ามองพวกเขาทั้งสอง “พวกเ้าทั้งสองยืนทำอะไร นั่งลงสิ!”
พวกอ๋าวหรานยังไม่ทันตอบ เด็กรับใช้ผู้นั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ “คุณหนูเซียงเซียง โต๊ะหลักนี้นายท่านใหญ่ไม่ได้จัดที่นั่งไว้ให้คุณชายจิ่งจื่อกับคุณชายอ๋าวหรอกขอรับ” นายท่านใหญ่ที่ว่าก็คือจิ่งเหวินซานนั่นเอง
จิ่งเซียงขมวดคิ้วในทันใด “เช่นนั้นเ้าจะให้พวกเขานั่งตรงไหนล่ะ?”
เด็กรับใช้ผู้นั้นเห็นจิ่งเซียงโกรธก็รีบค้อมเอวก้มศีรษะ “คุณชายจิ่งจื่ออยู่ที่โต๊ะสอง ส่วนคุณชายอ๋าวอยู่ที่โต๊ะสามขอรับ”
จิ่งเซียงน้อยนักที่จะโกรธ แม้แต่เื่ของหลางฉาอย่างมากก็แค่ทำหน้าดุ แววตายังคงสดใส แต่ตอนนี้เพียงแค่ได้ยิน ดวงตาก็ลุกเป็ไฟแล้ว “ถึงแม้เ้าจะจัดให้พี่ข้ากับข้านั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก แต่ก็ห่างจากที่นั่งหลักเป็พันลี้เห็นจะได้ ตัวข้าจะอย่างไรก็ได้ แต่พี่ข้าเป็ถึงนายน้อยตระกูลจิ่ง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าผลการแข่งขันประลองยุทธ์จะออกมาเป็เช่นไร เอาแค่ตอนนี้ ตำแหน่งนายน้อยตระกูลจิ่งยังคงเป็ของพี่ข้า และต่อให้เขาไม่ใช่นายน้อย พ่อข้าก็ยังเป็ถึงผู้นำตระกูล! เ้ารังแกกันมากเกินไปแล้วรู้หรือไม่!”
เด็กรับใช้ผู้นั้นเริ่มเหงื่อซึม จิ่งเซียงไม่ให้โอกาสเขาแก้ตัวแม้แต่น้อย “ช่างเถิด พี่ข้ากับข้าก็ขี้คร้านจะพูดอะไรแล้ว แต่เ้ายังจัดให้พวกเขาสองคนไปนั่งตรงอื่นอีก!”
เชิงอรรถ
น้ำแกงปิดประตู1 (闭门羹)ถูกคนอื่นปฏิเสธไม่ให้เข้าไป/ไม่ให้เข้าพบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้