บทที่ ๓:สองิญญาในปรโลก
ความมืด... มันคือความมืดอันเย็นเยียบและไร้ที่สิ้นสุด เป็สภาวะที่ไร้น้ำหนัก ไร้เสียง ไร้ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น โจวเม่ยหลิงกำลังดำดิ่งสู่ห้วงอเวจีแห่งความว่างเปล่า ก่อนที่แสงสว่างวาบหนึ่งจะฉุดรั้งสติของนางและิญญาอีกดวงหนึ่งขึ้นมา
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง จางซื่อผิงไม่ได้อยู่บนถนนที่เปื้อนเืของเมืองหยางปี้อีกต่อไป และิญญาของโจวเม่ยหลิงก็ไม่ได้อยู่ในซากรถที่บิดเบี้ยวกลางกรุงปักกิ่ง แต่ทั้งสองกลับยืนอยู่ ณ สถานที่อันแปลกประหลาด รอบกายคือม่านหมอกสีเทาที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลเอื่อยอย่างเงียบเชียบจนน่าใจหาย ที่ปลายทางของแม่น้ำ ปรากฏซุ้มประตูหินขนาดมหึมา สลักลวดลายอสูรที่น่าเกรงขาม
“นี่มันที่ไหนกัน...แล้วเ้าเป็ใคร” โจวเม่ยหลิงหันไปถามจางซื่อผิงที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ไม่แพ้กัน
“ที่นี่คือ 'ด่านหนี่หลัว' ประตูสู่ปรโลก” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของพวกนาง ทั้งคู่หันไปพร้อมๆ กันจึงได้เห็นบุรุษในชุดองครักษ์โบราณยืนเฝ้าประตูอยู่ เขาหันมายังร่างทั้งสองก่อนจะหันกลับไปยังจุดเดิม... ไม่นานนักก็มีเสียงถกเถียงกันดังออกมาจากด้านในประตู
“ข้าบอกแล้วอย่างไรว่ามีบางอย่างผิดพลาด!” เสียงเกรี้ยวกราดเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัด “เ้าไปนำิญญาสองดวงนี้มาได้อย่างไรในเมื่อด้ายแดงแห่งชีวิตของพวกนางยังไม่ขาดสะบั้น!”
ิญญาของเม่ยหลิงและซื่อผิงหันไปมองตามเสียง พวกนางเห็นร่างในชุดคลุมสีดำสนิท สองมือกุมบัญชีหนังเก่าๆ เอาไว้แน่น กำลังยืนตัวสั่นงันงกอยู่เบื้องหน้าร่างสูงใหญ่ที่แผ่รัศมีน่าเกรงขามออกมา ร่างนั้นสวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักดิ้นทองลายเมฆา แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน แต่พลังกดดันที่แผ่ออกมาก็ทำให้ิญญาทั้งสองรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงแก่น
ยมทูตผู้นำทางิญญาก้มหน้าต่ำ “ท่านผู้ดูแลโปรดอภัย ข้า...ข้าเห็นสัญญาณคลาดเคลื่อน... พลังชีวิตของพวกนางดับวูบลงกะทันหัน ข้าจึงคิดว่าถึงฆาตแล้ว...”
“คิดรึ!” ผู้ดูแลปรโลกตวาดลั่น “หน้าที่ของเ้าคือการตรวจสอบ ไม่ใช่การคาดคิด! เพราะความผิดพลาดของเ้า ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงยิ่งกว่า!”
ผู้ดูแลหันมามองิญญาโปร่งแสงของหญิงสาวทั้งสอง ดวงตาของเขาราวกับมีดวงดาวนับล้านโคจรอยู่ภายใน “ิญญาของพวกเ้าถูกกระชากออกจากร่างก่อนเวลาอันควร ทำให้สายใยที่เชื่อมต่อกับกายหยาบเสียหายอย่างหนัก พวกเ้าไม่สามารถกลับเข้าร่างเดิมของตนเองได้อีกต่อไป”
คำพูดนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของทั้งเม่ยหลิงและซื่อผิง ไม่ได้กลับเข้าร่างเดิม? หมายความว่าอย่างไร?
“นายท่านนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับข้าหรือเ้าคะ” ซื่อผิงถามเสียงสั่น
ยมทูตนำิญญามองทั้งสองอย่างรู้สึกผิดก่อนจะถามผู้ดูแลปรโลก “หากเป็เช่นนี้จะต้องทำอย่างไรดีขอรับ”
“คงมีเพียงหนทางเดียวที่จะแก้ไขความผิดพลาดครั้งนี้” ผู้ดูแลกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย
“นั่นคือ... พวกเ้าทั้งสองต้องสลับร่างกัน”
“สลับร่าง!” เม่ยหลิงอุทานออกมาเป็คนแรก ความคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ของเธอไม่อาจยอมรับเื่เหลือเชื่อเช่นนี้ได้
จางซื่อผิงเองก็ใไม่แพ้กัน นางมองไปยังร่างโปร่งแสงของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง และรู้สึกถึงชะตากรรมอันน่าประหลาดที่กำลังจะผูกพันพวกนางไว้ด้วยกัน
ผู้ดูแลปรโลกผายมือไปยังยมทูตที่กำลังตัวสั่น “ความผิดนี้เกิดขึ้นจากคนของเรา มิใช่ความผิดของพวกเ้า ดังนั้น ์ย่อมไม่อาจลงโทษผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัว...มีแค่สองสิ่งที่จะมอบให้เพื่อเป็การชดเชยแก่ิญญาทั้งสอง”
บรรยากาศพลันเปลี่ยนไป พลังงานอันอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากร่างของผู้ดูแล
“ข้ามีเพียงสองสิ่งที่จะมอบคืนเพื่อชดเชยแก่พวกเ้าจงเลือกมาว่าพวกเ้าจะเอาสิ่งใด หนึ่งคือ หูทิพ สามารถได้ยินทุกอย่างที่เ้าปรารถนาอยากรับรู้ สองคือ ดวงตาทิพ สามารถมองเห็นทุกอย่างในสิ่งที่เ้าอยากเห็น” เขายกนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว แสงสีเงินและสีทองปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว
“แต่ก่อนจะเลือก ข้าจะให้พรทั้งสองข้อแก่พวกเ้าชั่วคราว เพื่อให้พวกเ้าได้หยั่งรู้ถึงชีวิตและชะตากรรมของกันและกันเสียก่อน... จากนั้น พวกเ้าจงเลือกเพียงสิ่งเดียวที่จะติดตัวไป” สิ้นเสียง แสงสีเงินและสีทองก็พุ่งเข้าใส่ิญญาของทั้งสองสาวในบัดดล
วูบ!
โลกทั้งใบของพวกนางพลันเปลี่ยนไป...โจวเม่ยหลิงไม่ได้ยืนอยู่ในปรโลกอีกต่อไป นาง รู้สึก ถึงพื้นดินแข็งๆ ใต้ฝ่าเท้าที่เปลือยเปล่า ได้กลิ่น ดินและต้นหญ้า ัั ได้ถึงความรักอันท่วมท้นที่มีต่อบ่าวผงจงรัก และความเ็ปรวดร้าวจากการถูกรถม้าพุ่งชน!
ในขณะเดียวกัน จางซื่อผิงก็ รู้สึก ถึงพวงมาลัยเย็นๆ ในมือ ได้กลิ่น หนังและน้ำหอมราคาแพง ัั ได้ถึงความเครียดจากการชิงดีชิงเด่นในตระกูล และความเย็นเยียบของความตายที่พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง!
ภาพชีวิต ความทรงจำ ความรู้สึกของทั้งสองหลั่งไหลเข้าหากันราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก เม่ยหลิงเห็นความยากลำบากของซื่อผิง เห็นรอยยิ้มของเด็กสาว เห็นความโหดร้ายของยุคสมัยที่ชีวิตคนจนนั้นเบายิ่งกว่าขนนก ซื่อผิงเห็นความซับซ้อนในโลกของเม่ยหลิง เห็นเงื่อนงำเื้ั "อุบัติเหตุ" ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างเืเย็น
เมื่อแสงสว่างจางลง ิญญาทั้งสองกลับมายืนอยู่ที่เดิม แต่บัดนี้แววตาที่มองกันและกันนั้นเต็มไปด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
จางซื่อผิงเป็ฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน ดวงิญญาของนางสั่นไหวน้อยๆ แต่น้ำเสียงกลับมั่นคง “ท่านหมอโจว... ในเมื่อท่านจะต้องไปเป็ตัวข้า ใช้ชีวิตของข้า... โลกของข้านั้นเรียบง่ายแต่ก็อันตรายยิ่งนัก คนชั่วมีอยู่ทุกหนแห่ง การแก่งแย่งเอาเปรียบเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ชีวิตคนนั้นเหมือนมดปลวก”
นางหยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างแน่วแน่ “ดวงตาทิพ คงจะดีที่สุดสำหรับท่าน... เพื่อใช้มองให้ออกว่าใครคือมิตรแท้ ใครคืออสรพิษ และเพื่อเอาตัวรอดในโลกอันโหดร้ายนั่น”
นางสูดหายใจลึก ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ “ตระกูลจางของข้า ท่านพ่อเป็ขุนนางตงฉิน ทำให้ตระกูลต้องพบกับความวิบัติ ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้วที่ครอบครัวข้าถูกคนชั่วในราชสำนักกล่าวหาว่ายักยอกเงินหลวง...และถูกสั่งปะาอย่างไม่เป็ธรรม แต่หากท่านไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับเื่เ่าั้ อาชีพขายผักของข้าก็มีความสุขสงบไม่น้อยท่านสามารถเลือกได้”
โจวเม่ยหลิงมองสบตาจางซื่อผิงด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป... แววตาที่เต็มไปด้วยความนับถือและเห็นใจ
“คุณหนูจาง ท่านคิดถึงผู้อื่นก่อนตนเองเสมอ” เม่ยหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านพูดถูก ในโลกของท่านที่เต็มไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น ดวงตาทิพย่อมเป็เครื่องมือที่สำคัญที่สุด ข้าจะรับพรข้อนั้นไว้”
เธอเว้นจังหวะ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคมขึ้น “ส่วนท่าน... ในโลกของข้าที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและคำโกหก หูทิพ จะเป็อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของท่านเช่นกัน การตายของข้าไม่ใช่อุบัติเหตุ ข้ารู้ดีว่ามีคนวางแผนสังหารข้า”
ดวงตาของเม่ยหลิงทอประกายกร้าว “ด้วยหูทิพ ท่านจะได้ยินคำโกหกผ่านเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ ได้ยินเสียงกระซิบผ่านกำแพงหนา ได้ยินแผนการร้ายที่ถูกส่งผ่านอุปกรณ์สื่อสาร... ท่านจะใช้มันเพื่อสืบหาความจริงให้ข้าได้ และข้าเชื่อว่าท่านทำได้”
เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของิญญาหญิงสาวชาวบ้านตรงหน้า “เื่ครอบครัวของท่าน... เมื่อข้าไปอยู่ในร่างท่านแล้ว ปัญหานั้นก็ย่อมเป็ปัญหาของข้า ข้าขอสัญญาว่าจะใช้สติปัญญาทั้งหมดที่มีเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลจางให้จงได้”
“เรามาทำเพื่อกันและกันเถิด... คุณหนูจาง”
จางซื่อผิงพยักหน้ารับช้าๆ น้ำใสๆ เอ่อคลอในดวงตาของนาง นี่คือพันธสัญญาที่ผูกพันสองิญญาจากสองโลกไว้ด้วยกัน ผู้ดูแลปรโลกมองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ
“เมื่อพวกเ้าตัดสินใจได้แล้ว ก็จงเตรียมตัวเถิด จากนี้ต่อไปเ้าทั้งสองจะต้องตัดขาดจากกัน และไปดำรงค์ชีวิตตามที่พวกเ้านั้น้า”
เขายกมือขึ้น ร่างของยมทูตโค้งคำนับแล้วถอยห่างออกไป แสงสีทองและสีเงินปรากฏขึ้นอีกครั้ง สว่างจ้ากว่าเดิม ก่อนจะแยกตัวออกจากกัน แสงสีทองพุ่งเข้าสู่ร่างของโจวเม่ยหลิง และแสงสีเงินพุ่งเข้าสู่ร่างของจางซื่อผิง “จงไปตามชะตากรรมใหม่ของพวกเ้าเถิด!”
สิ้นเสียงผู้ดูแลฯ ร่างของทั้งสองก็ถูกกระแสพลังมหาศาลดูดกลืนหายไปในประตูปรโลก... เพื่อไปตื่นขึ้นในร่างใหม่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ได้เลือก แต่ต้องเดินต่อไป.!