อวี๋เจียวกับอวี๋จือหางถือร่มเดินวนหาต้นเหยาเฉ่าด้วยความยากลำบากเดินตามหาไปถึงครึ่งแนวสันเขา อวี๋เจียวพบยาสมุนไพรจำนวนไม่น้อยทว่าท้ายที่สุดยังคงไม่พบร่องรอยของต้นเหยาเฉ่าเลย
ระหว่างทางพบกระต่ายป่าออกมาหาอาหาร อวี๋จือหางไม่ได้ไล่ตามไปเพราะหนทางบนเขาเปียกลื่น นอกจากนั้นยามนี้ยังเป็ฤดูเก็บเกี่ยว ในจวนมีธัญญาหารถึงแม้จะล่าสัตว์มานานปี ทว่าอวี๋จือหางยังคงมีกฎระเบียบผู้เฒ่าในหมู่บ้านมีกฎระเบียบสืบต่อกันมา หากภายในจวนไม่ขาดเสื้อผ้าและอาหารทางที่ดีที่สุดอย่าได้สังหารสรรพสัตว์ในป่าตามอำเภอใจ
อวี๋เจียวอยากจะขึ้นไปดูบนยอดเขาสักหน่อยอวี๋จือหางเกลี้ยกล่อมให้นางพักผ่อนเสียก่อนคนทั้งสองจึงหาหน้าผาสูงพอบังลมฝนเป็การแก้ขัดจากนั้นหยิบแป้งทอดที่เย็นชืดออกมาจากห่อผ้าแล้วแบ่งกันกินเล็กน้อย
หลังจากพักผ่อนเป็เวลาสองเค่ออวี๋เจียวกับอวี๋จือหางเก็บข้าวของออกจากหน้าผาสูง ใช้กิ่งไม้ช่วยพยุงมุ่งหน้าเดินไปยังยอดเขา
การค้นหาครั้งนี้ดำเนินไปจนถึงยามโยว่ (17:00-19:00น.) ท้ายที่สุดยังคงไม่พบต้นเหยาเฉ่า คนทั้งสองไม่กล้ารั้งรอจนกระทั่งฟ้ามืดจึงมุ่งหน้าเดินกลับไปยังตีนเขา
เมื่อกลับมาถึงจวนในสภาพอาภรณ์เปียกปอนรองเท้าและถุงเท้าชุ่มด้วยโคลนตมสตรีแซ่ซ่งต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ให้คนทั้งสองั้แ่เนิ่นๆ แล้ว อวี๋เจียวแช่น้ำร้อนชำระร่างกายได้ยินจากปากอวี๋ฝูหลิงว่าวันนี้มีคนป่วยด้วยโรคแผลพุพองมาตรวจไข้ท่านผู้เฒ่าอวี๋เป็ผู้ยื่นมือเข้ารักษา ผู้มาเยือนใจกว้างอย่างยิ่งเขามอบเงินค่ารักษาเป็จำนวนสามสิบตำลึงรอให้รักษาหายแล้วยังจะนำเงินจำนวนไม่น้อยมาขอบพระคุณ
อวี่เจียวไม่ได้สนใจเื่เงินค่ารักษาหลังได้ฟัง นางกลับรู้สึกเป็กังวลเล็กน้อยไม่ใช่โรคแผลพุพองทุกชนิดจะเกิดขึ้นเพราะพลังหยางและความร้อนแม้อวี๋หรูไห่รักษาโดยใช้เทียบยานั้นของนาง แต่ในโรคเช่นนี้หากผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อยก็จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ยากเยียวยา
นางใช้ผ้าเช็ดผมให้สะอาด เดิมทีอวี๋เจียวนึกอยากจะไปห้องของอวี๋หรูไห่เพื่อถามว่าชีพจรของคนป่วยในวันนี้เป็อย่างไรทว่าถูกสตรีแซ่อวี๋โจวขวางเอาไว้ั้แ่หน้าประตูห้องฝั่งตะวันออกนางปรายตามองอวี๋เจียว เอ่ยคล้ายแย้มยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มว่า “ดึกดื่นป่านนี้นายท่านพักผ่อนแล้ว เ้าจะมาหาเขาด้วยเื่อันใด?”
อวี๋เจียวสางผมที่ยังเปียกชุ่มเล็กน้อย เอ่ย“อยากมาถามว่าอาการป่วยของผู้ป่วยที่มาตรวจโรคกับท่านผู้เฒ่าเป็อย่างไรบ้างเ้าค่ะ”
สตรีแซ่อวี๋โจวหัวเราะเสียงเบา ถึงแม้น้ำเสียงจะเป็มิตรแต่ยังคงเจือความเย้ยหยัน “ท่านปู่ของเ้าจัดเทียบยารักษาไปแล้ว ยังมีอะไรให้ถามอีก? เ้าอายุยังน้อย ท่านปู่ของเ้าตรวจโรคให้ผู้คนมาครึ่งค่อนชีวิตยังต้องให้เ้ามาคอยซักถามงั้นหรือ?”
อวี๋เจียวใคร่ครวญครู่หนึ่งคิดว่าคำกล่าวของสตรีแซ่อวี๋โจวมีเหตุผล ถึงแม้วิชาหมอของอวี๋หรูไห่จะธรรมดาสามัญแต่ถึงอย่างไรก็เป็หมอ น่าจะตรวจรู้ว่าโรคภัยแตกต่างกันรวมถึงเื่ใช้ยาผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อยก็จะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ในเมื่อเขาจัดเทียบยาไปแล้วก็น่าจะมีความมั่นใจ
“ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกเ้าค่ะ ข้าจะกลับห้องไปพักผ่อนแล้ว”อวี๋เจียวเบี่ยงกายเดินกลับไป
ภายในใจสตรีแซ่อวี๋โจวรู้สึกสบายอารมณ์ไม่น้อยเดิมทีแม้เด็กนี่อาศัยว่าตนมีวิชาหมอ มักทำตัวแข็งกร้าวเสมอยามนี้นายท่านสามารถจัดเทียบยารักษาโรคที่นางรักษาได้คราวนี้นางจึงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดเสียแล้ว!
สตรีแซ่อวี๋โจวจดจ้องแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของอวี๋เจียวภายในใจเกิดเป็ความคิดหนึ่ง จะต้องหาวิธีเค้นเอาทุกสิ่งที่อวี๋เจียวรู้ออกมาเมื่อเป็เช่นนี้ภายหน้านายท่านจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงนางภายในจวนย่อมไม่มีส่วนให้อวี๋เจียวเอ่ยวาจาใดอีกต่อไป
ภายในใจของสตรีแซ่อวี๋โจวคิดวางแผนเป็อย่างดีอวี๋หรูไห่คิดก็คิดเช่นนี้ไม่ต่างกัน เขาคิดว่าตนสามารถรักษานายท่านสกุลมั่งคั่งยามนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่ท่านหมอเท้าเปล่าระดับกลางอีกต่อไป
ถัดจากนั้นเป็เวลาหลายวันสองผผัวเมียเฒ่าไม่ยอมให้อวี๋เจียวตำข้าวสั่งให้นางไปคัดตำราหมอที่เคยอ่านในห้องของอวี๋ฉี่เจ๋อเท่านั้น
อวี๋เจียวล่วงรู้ถึงความคิดของอวี๋หรูไห่เพียงแต่ในเมื่อ์ส่งนางมายังรัชสมัยไท่เยี่ยนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ย่อมต้องหลงเหลือร่องรอยเอาไว้เพื่อแสดงถึงคุณค่าของตนสักหน่อยอวี๋เจียวถือเสียว่าฝึกคัดอักษร นางกลับคัดตำราหมอที่จดจำขึ้นใจจำนวนหนึ่งจริงๆ
ตัวอักษรของอวี๋เจียวเป็รูปเป็ร่างแล้วเพียงแต่เพราะนางคัดลอกตามลายมือของอวี๋ฉี่เจ๋อคาดว่าภายหน้าตัวอักษรของนางจะต้องคล้ายกับตัวอักษรของอวี๋ฉี่เจ๋ออย่างยิ่ง
ท่ามกลางการรอคอยด้วยความร้อนใจของผู้คนในหมู่บ้านในที่สุดฝนที่ตกลงมาเป็เวลาหลายวันติดต่อกันก็หยุดลง ท้องฟ้าปลอดโปร่งจิตใจของผู้คนพลอยรู้สึกดีขึ้นเช่นกันอวี๋เจียวกับสตรีแซ่ซ่งพากันเก็บรวบรวมอาภรณ์ที่สะสมมาหลายวันจากนั้นยกอ่างไม้มุ่งหน้านำไปซักที่ริมลำธารหน้าหมู่บ้าน
เพราะฝนตก รวงข้าวในทุ่งนาถูกสายลดพัดจนล้มลงเป็จำนวนไม่น้อยครอบครัวใดที่ยังไม่เก็บเกี่ยวต่างรีบลงนาพากันขุดคลองเล็กเพื่อระบายน้ำในท้องทุ่ง
สตรีแซ่ซ่งและอวี๋เจียวซักเสื้อผ้าอยู่ริมแม่น้ำพบผู้คนในหมู่บ้านที่ผ่านทางเอ่ยทักทายเป็ครั้งคราวมีผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอวี๋เจียวมาก่อน เพราะอวี๋ฉี่เจ๋อมีชื่อเสียงอันดีงามในหมู่บ้านมาโดยตลอดหลายต่อหลายคนต่างรู้สึกสนอกสนใจภรรยาของเขาอย่างอวี๋เจียวไม่น้อยต่างฉวยโอกาสขณะสนทนามองพิจารณาอวี๋เจียว
อวี๋เจียวปล่อยให้พวกนางมองพิจารณาตามใจชอบท่าทางสง่าผ่าเผยอย่างยิ่ง บางครั้งเงยหน้าแย้มยิ้มเรียกผู้คนในหมู่บ้านที่มาพูดคุยกับสตรีแซ่ซ่งว่าท่านป้าและอาสะใภ้
เดิมทีทุกคนต่างได้ยินมาว่าสกุลอวี๋ซื้อตัวแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาเสริมมงคลให้อวี๋ฉี่เจ๋อยังคิดว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะหน้าตาธรรมดา ไม่ได้งามล้ำเลิศแต่อย่างใดครั้นยามนี้ได้พบต่างคิดว่าแม่นางน้อยผู้นี้ที่ถูกซื้อตัวมาไม่ได้ย่ำแย่ไปกว่าสะใภ้ที่พวกนางแต่งเข้าจวนแม้แต่นิดไม่เอ่ยถึงเื่หน้าตางดงาม วาจายังอ่อนโยนเจือรอยยิ้ม แลดูฉลาดเฉลียวยิ่งนัก
ครั้นได้ยินผู้คนเอ่ยชื่นชมอวี๋เจียวใบหน้าของสตรีแซ่ซ่งพลอยมีสง่าราศีเช่นกัน ถึงแม้ปากจะเอ่ยวาจาอ่อนน้อมถ่อมตนทว่าภายในใจกลับยิ่งรู้สึกพอใจอวี๋เจียวมาก
หลังซักเสื้อผ้าหนึ่งอ่างไม้ใบใหญ่จนเสร็จแสงของท้องฟ้าเริ่มเข้าใกล้ยามโพล้เพล้ เพราะนั่งคุกเข่าอยู่ข้างลำธารเป็เวลานานสตรีแซ่ซ่งรู้สึกปวดเมื่อยแผ่นหลังอยู่บ้าง นางหยัดกายลุกขึ้นบิดเอวเอ่ยพลางแย้มยิ้มว่า “ควรจะกลับจวนไปทำกับข้าวได้แล้ว”
อวี๋เจียวรับอาภรณ์ที่ถูกบิดจนแห้งมาวางไว้ในอ่างไม้จนหมดจากนั้นอุ้มอ่างไม้แล้วเอ่ยไปทางสตรีแซ่ซ่งว่า “วันนี้ข้าทำกับข้าวเองท่านตากผ้าเสร็จก็เข้าไปพักผ่อนในห้องเถิดเ้าค่ะ”
สตรีแซ่ซ่งรู้สึกจิตใจสงบหลังได้ฟัง โบกมือเอ่ย “ข้าไม่เหนื่อย”
คนทั้งสองพูดคุยเรื่อยเปื่อยขณะเดินกลับจวนอวี๋เมิ่งซานมารออยู่หน้าประตูครั้นเห็นคนทั้งสองกลับมาจึงรีบเข้ามารับอ่างไม้แล้วบอกให้พวกนางสองคนเข้าไปพักผ่อนยามนี้เขาคุ้นชินกับการสวมขาเทียมอย่างมาก เดิมทีก็มีนิสัยไม่อาจอยู่นิ่งถึงแม้ไม่อาจทำงานหนัก แต่มักจะแย่งทำงานที่เรี่ยวแรงของตนพอจะทำได้ไปจนหมด
อวี๋เมิ่งซานยกอ่างไม้เข้ามาในลานเรือนและตากผ้าไว้บนราวเชือกตากผ้าอวี๋เจียวคิดจะเข้าไปช่วย แต่ถูกสตรีแซ่ซ่งดึงกลับเข้าห้องเสียก่อน “ให้ท่านอาเ้าตากไปเถิดพวกเราสองคนพักสักประเดี๋ยว”
นางรินน้ำชาให้อวี๋เจียวหนึ่งจอกก่อนจะรินให้ตนเองอีกหนึ่งจอกคนทั้งสองนั่งพักในห้องเป็เวลาพักหนึ่ง
ผู้ที่เมื่อก่อนใบหน้ามักเปี่ยมด้วยความโศกเศร้าเช่นสตรีแซ่ซ่งยามนี้หัวคิ้วผ่อนคลาย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มนับั้แ่อวี๋เมิ่งซานเดินได้ภายหน้าร่างกายของอวี๋ฉี่เจ๋ออาจบำรุงรักษาจนหายดีภายในใจของสตรีแซ่ซ่งรู้สึกอิ่มเอมหวังเพียงวันคืนธรรมดาและเงียบสงบเช่นนี้จะคงอยู่ไปยาวนาน
หลังจากดื่มชาสองจอก สตรีแซ่ซ่งลุกขึ้นไปห้องหุงต้มเพื่อทำอาหารอวี๋เจียวตามไป สตรีแซ่ซ่งเอ่ยทั้งรอยยิ้มกับบอกกับนางว่า“เ้าไปนั่งในห้องของฉี่เจ๋อเถิด รอกระทั่งข้าทำกับข้าวเสร็จแล้วจะไปเรียก”
อวี๋เจียวคิดจะแอบอู้แต่เดิม ไม่อยากฝึกคัดอักษรอีกแล้วครั้นได้ยินสตรีแซ่ซ่งเอ่ยเช่นนี้ นางทำได้เพียงเข้าไปฝึกคัดอักษรในห้องของอวี๋ฉี่เจ๋อด้วยสีหน้าอมทุกข์
ครั้นเห็นอวี๋เจียวยู่ใบหน้าเล็ก อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ย“ไม่อยากเขียนตำราหมอก็ไม่ต้องเขียนแล้ว ไม่ต้องใส่ใจคำกล่าวของท่านปู่”
อวี๋เจียวเย้ยหยันเสียงเบา “หากข้าไม่เขียนไม่รู้ว่าท่านปู่ของเ้าจะทำอะไรกับข้า!”
อวี๋ฉี่เจ๋อปรายตามองนาง เอ่ยเสียงเบาว่า“ข้านึกว่าเ้าจะไม่ใส่ใจเื่พวกนี้”
อวี๋เจียวเชิดใบหน้าเล็กขึ้นแสงอาทิตย์สีทองอบอุ่นที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างสาดส่องลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนางโฉมหน้างดงามประณีตกว่ายามทั่วไป ช่างไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตาเครื่องลายครามนางเอ่ยเสียงเบา “จะไม่ใส่ใจได้อย่างไรข้าดูแล้วเหมือนจะเป็เ้าเสียมากกว่าที่ไม่เคยถือสาหาความเื่ในจวนพวกนี้”
นิ้วมือที่กำลังหยิบตำราของอวี๋ฉี่เจ๋อชะงักค้างชั่วขณะใบหน้าสะอาดสง่างามไม่เผยความรู้สึกใด “ถึงอย่างไรก็จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานแล้วเหตุใดข้าต้องถือสาหาความเื่ที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้”
“หยุด!” อวี๋เจียวเอ่ยด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง“ผู้ใดบอกว่าเ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน คนเ่าั้เป็แค่หมอกำมะลอไร้ความสามารถเท่านั้นรอให้ข้าหาสมุนไพรพบเสียก่อน รับรองว่าภายหน้าเ้าจะต้องอายุยืนนับร้อยปีแน่นอน”
อวี๋ฉี่เจ๋อก้มหน้าลงก่อนจะกางตำราบดบังริมฝีปากหยักยิ้มบางของเขาเอาไว้ขานรับเสียงเบาว่า “อืม” หนึ่งเสียง
ขณะคนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ข้างนอกมีเสียงเคาะประตูดัง ‘ปังๆ’น้ำเสียงรีบร้อนเปี่ยมพลังทำให้อวี๋เจียวขมวดคิ้วเล็กน้อย คาดว่าคงเป็คนป่วยอาการร้ายแรงมาหาหมออวี๋เจียวไม่สนใจ นางจุ่มน้ำหมึกในจานฝนหมึกแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนตำราหมอต่อไป
