เมืองซ่ง แคว้นซ่ง
กู่ไห่และกู่ฮั่นกำลังเดินไปบนถนนสายหลักของเมือง และมองคนเดินเท้าผ่านไปมา
“พ่อบุญธรรม ด้านหน้านี้คือหนึ่งในร้านของเรา เป็คนของเราทั้งหมดขอรับ” กู่ฮั่นกล่าวแนะนำ
กู่ไห่พยักหน้า และถอนหายใจ ขณะมองไปรอบๆ “หลายปีมานี้ เมืองซ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย”
“พ่อบุญธรรม ข้าได้ยินมาว่า ท่านเคยเป็ผู้บัญชาการกองทัพมาก่อน ทั้งไม่มีผู้ใดเทียบเทียม แม้แต่กองทัพพ่ายศึก ก็ยังสามารถทำให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ เหตุใด ท่านถึงให้พี่ใหญ่ดูแลด่านหู่เหลา และมาที่นี่แทนขอรับ?” กู่ฮั่นถามด้วยความสงสัย
กู่ไห่ส่ายหน้า พร้อมตอบ “เกาเซียนจือหาได้จัดการง่ายถึงเพียงนั้น หากคิดจะใช้ทหารหนึ่งแสนนายของด่านหู่เหลาเอาชนะเขา ต้องเสียเวลาไม่น้อย แต่สิ่งที่ข้าขาดแคลนที่สุดในตอนนี้ ก็คือเวลา!”
"เวลาหรือขอรับ? พ่อบุญธรรม หาก้าเอาชนะกองทัพซ่งด้วยกองกำลังด่านหู่เหลา ต้องใช้เวลานานเท่าใดขอรับ?”
"หนึ่งปี!"
"หนึ่งปี? นับว่านานแล้วหรือขอรับ?"
กู่ไห่ส่ายหน้า พลางตอบ “หากข้าเป็ผู้บัญชาการ ไม่ต้องกลัวแพ้ ไม่ช้าก็เร็วเราจะสามารถกำชัยได้ แต่ครั้งนี้สำนักชิงเหอตกลงทำสัญญากับข้าง่ายดาย ย่อมเป็เพราะมีบุคคลสำคัญบางคนจับตามอง ดังนั้นพวกเขาจึงให้คนธรรมดาต่อสู้กันเอง
ข้ากังวลว่าหากใช้เวลามากเกินไป คนสำคัญผู้นั้นจะรอไม่ไหว และจากไปเสียก่อน ถึงตอนนั้นหัวหน้าสำนักชิงเหอจะยังรักษาสัญญาหรือไม่ ก็ยากจะคาดเดา...”
"อะไรกัน? พ่อบุญธรรม หัวหน้าสำนักชิงเหอมิใช่ว่าทำหนังสือสัญญาแล้วหรือขอรับ?” กู่ฮั่นถามอย่างงุนงง
แต่กู่ไห่กลับกล่าวเหยียดหยาม “เ้าลืมสิ่งที่ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วหรือ?”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ คำสัญญานั้น จะมีผลก็เฉพาะในกรณีที่คนผู้นั้นแข็งแกร่ง หรือสถานะเท่าเทียมกันเท่านั้น
แต่หากความแข็งแกร่งหรือสถานะต่างกันมาก คำสัญญาดังกล่าวก็จะกลายเป็เพียงเื่ตลก หัวหน้าสำนักชิงเหออาจรักษาสัญญา หรือไม่สนใจสัญญานั่นเลยก็ได้!” กู่ฮั่นกล่าวอย่างจริงจัง
กู่ไห่พยักหน้าและเอ่ยว่า “เวลานี้นับว่าข้าได้หยิบยืมอิทธิพลของบุคคลสำคัญผู้นั้น ดังนั้นจึงต้องจัดการทุกอย่างก่อนที่เขาผู้นั้นจะจากไป เพื่อให้สัญญานี้ประสบผล!”
“ขอรับ” หัวใจกู่ฮั่นหนักอึ้งขึ้นมาทันที
“ตอนนี้ การร่วมแรงร่วมใจของแคว้นซ่งดีมาก ฮ่องเต้เกื้อกูลข้าราชบริพาร ข้าราชบริพารเอื้อเฟื้อประชาราษฎร์ ประชาราษฎร์เกื้อหนุนทหาร เป็เช่นเหล็กแผ่นเดียวกัน ขวัญกำลังใจเทียมฟ้า เป็พลังที่ยากต่อกร! พ่อบุญธรรมศึกษาข้อมูลนี้มาสองวันแล้ว คิดเห็นเช่นไรขอรับ?” กู่ฮั่นถามด้วยความกังวล
“หากฮ่องเต้เกื้อกูลข้าราชบริพาร เช่นนั้นก็แยกพวกเขาออกจากกัน! หากข้าราชบริพารเอื้อเฟื้อประชาราษฎร์ ก็ทำให้แตกคอกัน! หากประชาราษฎร์เกื้อหนุนทหาร ก็ยุยงให้แตกแยกกัน!” กู่ไห่กล่าวเสียงเย็น
“โอ้? พ่อบุญธรรมตั้งใจจะทำสิ่งใดหรือขอรับ?” ดวงตาของกู่ฮั่นพลันเปล่งประกาย
“ข้าได้คิดแผนการเอาไว้เกือบหมดแล้ว ขอเรียกแผนนี้ว่า 'แผนการทำลายซ่ง' เพราะฮ่องเต้ซ่ง เหล่าขุนนาง ประชาชน และทหารเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงต้องแยกหัวใจของทหาร ประชาชน ขุนนาง และฮ่องเต้ ออกจากกัน ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพสับสนอลหม่าน เมื่อทำลายลงทีละอย่างๆ แคว้นซ่งย่อมล่มสลาย!” กู่ไห่กล่าวอย่างเยือกเย็น
“แผนการทำลายซ่ง? พ่อบุญธรรม แล้วต้องทำเช่นไรหรือขอรับ?” กู่ฮั่นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
กู่ฮั่นเคยได้เห็นความเก่งกาจสามารถของกู่ไห่ มาั้แ่ยังเด็ก ตราบใดที่มีคำว่า ‘แผนการ’ สองพยางค์นี้ ต้องเป็กลยุทธ์ที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่ ‘แผนการ’ ทุกแผนนั้น ดูเหมือนจะเป็ยุทธวิธีอันยิ่งใหญ่ และละเอียดรอบคอบ จนยากต้านทานไปเสียหมด
“ที่จริงแล้ว ระหว่างเดินทางมานี่ ข้าได้คิดแผนการไว้เกือบสมบูรณ์แล้ว สองวันมานี้ ข้ายังอ่านข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับแคว้นซ่ง ที่เ้ารวบรวมไว้แล้ว เพี่อหาจุดอ่อน
ตอนนี้เราจะยังขาดโอกาส และยังมิได้เลือกคนที่จะนำมาใช้งาน พรุ่งนี้เ้าจงจัดงานเลี้ยง และเชิญคนที่ข้าเลือก มาร่วมงานเลี้ยงที่จวนสกุลเถียน ข้าอยากตรวจสอบโดยละเอียด” กู่ไห่กล่าว
"ขอรับ" กู่ฮั่นพยักหน้า
ทั้งสองคนคุยกันขณะเดินบนถนน ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก ดังขึ้นแต่ไกล
"โอ๊ย!"
“หลีกไป! อย่าขวางทาง!”
"ย้า!"
กุบกับๆ!
เกิดความโกลาหลขึ้นที่ถนนด้านหน้า ผู้คนจำนวนมากพากันหลบจ้าละหวั่น ม้าราวยี่สิบตัวกำลังห้อตะบึงด้วยความเร็วสูง คนที่อยู่บนหลังม้าตัวหน้าสุดนั้นสวมชุดผ้าปัก
“ย้า!”
"อ๊าก!"
เสียงเร่งม้าดังขึ้นพร้อมเสียงกรีดร้อง มีชายผู้หนึ่งหลบหนีช้าไป ขาข้างหนึ่งจึงถูกเหยียบ ทำให้เขาส่งเสียงร้องอย่างเ็ป
กุบกับๆ!
ความเร็วของม้ายี่สิบตัวไม่ได้ลดลง ยังคงวิ่งต่อไปข้างหน้า ผู้นำกลุ่ม คือชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าชั่วร้าย ขณะนี้ดวงตาทั้งคู่ของเขาเต็มไปด้วยความเ็า ราวกับได้พบสิ่งไม่พึงใจ
“คนผู้นั้น คือพระราชนัดดาของฮ่องเต้ นามซ่งเจิ้งซี พระโอรสขององค์รัชทายาท ข้อมูลทั้งหมดของเขา ก็อยู่ในหนังสือที่ข้าได้รวบรวมให้พ่อบุญธรรมแล้ว
เขาเป็คนลุแก่อำนาจและหยิ่งผยอง อาจกล่าวได้ว่าเป็แกะดำของเมืองซ่งเฉิงแห่งนี้ ทั้งที่อายุน้อย แต่กลับมีนิสัยโเี้ ทั้งยังข่มเหงหญิงชาวบ้านไปไม่น้อยเลยขอรับ” กู่ฮั่นอธิบาย
“เขาคือพระราชนัดดาของฮ่องเต้ นามซ่งเจิ้งซี?” กู่ไห่หรี่ตาลง
"ย้า! หลีกทาง! ถอยไป!” ซ่งเจิ้งซีเฆี่ยนม้าด้วยแส้ และควบม้าอย่างรวดเร็ว
กุบกับ!
ชายอีกคน ถูกม้าของซ่งเจิ้งซีชนกระเด็น
พรึบ!
กู่ฮั่นรับตัวชายที่ถูกชนผู้นั้นเอาไว้
"หึ!" ซ่งเจิ้งซีปรายตามอง และแค่นเสียงอย่างเ็า
แต่เขาก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ยังคงควบม้าไปข้างหน้า พร้อมองครักษ์ยี่สิบคนซึ่งตามติดอยู่ด้านหลัง ถนนตลอดทั้งสาย ล้วนอลหม่านวุ่นวาย
เมื่อซ่งเจิ้งซีจากไป บนถนนก็มีเสียงร้องไห้ระงม ตามรายทางที่เขาผ่านไปนั้น มีอย่างน้อยแปดคนที่ได้รับาเ็ จากกลุ่มคนบนหลังม้าของซ่งเจิ้งซี
“ขอบคุณมากขอรับ” ชายที่พึ่งถูกกระแทกคนนั้น กล่าวด้วยความซาบซึ้ง
“เ้าไปที่ร้านยา ให้หมอตรวจดูเถอะ ว่าได้รับาเ็ถึงกระดูกหรือไม่” กู่ฮั่นกล่าว
“ขอรับ ขอบคุณท่านมาก ไอ๊หยา! ดูเหมือนว่าจะาเ็จริงๆ ขอบคุณท่านทั้งสองมาก ข้าขอตัวก่อนขอรับ”
ขณะที่ชายคนนั้นจากไป กู่ฮั่นก็มองกู่ไห่ แต่เวลานี้อีกฝ่ายกำลังมองแผ่นหลังของซ่งเจิ้งซีที่พึ่งจากไป พลางขมวดคิ้วและกล่าวว่า “กลิ่นคาวเืแรงมาก!”
“โอ้?”
“ชายเสื้อของซ่งเจิ้งซี เปื้อนไปด้วยเืสดๆ ไม่สิ! องครักษ์ทั้งยี่สิบคนของเขา ก็มีเืเปรอะอยู่ไม่มากก็น้อยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีรอยแผลไหม้บางส่วนบนร่างกายด้วย เ้ารีบส่งคนไปสืบ ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไปที่ใด?” กู่ไห่กล่าวเสียงเคร่ง
"ขอรับ" กู่ฮั่นรับคำ
สองชั่วยาม[1] ต่อมา
กู่ฮั่นและกู่ไห่เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง นอกตัวเมืองซ่ง
เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้าน ใบหน้าของกู่ไห่และกู่ฮั่นพลันดำคล้ำ
พวกเขาพบว่าในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านเรือนราวสิบกว่าหลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าหลังอื่น แต่วันนี้กลับกลายเป็เพียงซากปรักหักพัง อาคารทั้งหมดสิบกว่าหลัง ล้วนถูกไฟไหม้สิ้น
ป้ายของบ้านหลังใหญ่ซึ่งไหม้เกรียมนั้นมีคำว่า ‘จวนสกุลหลิน’ สองคำปรากฏอยู่รางๆ
“ไป! ตรวจดูว่ายังมีคนรอดชีวิตหรือไม่!” กู่ฮั่นสั่งผู้คุ้มกันเจ็ดแปดคนที่อยู่ด้านหลัง
"ขอรับ!"
ตึก!
ผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งรีบเดินไปด้านหน้า และค้นหาทันที ในไม่ช้า ร่างไหม้เกรียมจำนวนมากก็ถูกนำออกมา
“ไม่มีคราบเขม่าควันในปาก พวกเขาคงถูกฆ่าก่อน ค่อยนำศพมาเผา” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งรายงาน
“หัวหน้า ตรงนี้ยังมีคนรอดขอรับ!” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งะโขึ้น
“โอ้?” ทุกคนรีบเข้าไปตรวจสอบทันที
ในซากปรักหักพังของจวนสกุลหลิน กลับมีชายซึ่งทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเขม่าคนหนึ่ง ขยับร่างอย่างอ่อนแรง
“เขาไม่ตาย แม้ว่าจะโดนดาบแทงเข้าหัวใจหรือ?” กู่ฮั่นอุทานอย่างตระหนก
“ไม่! หัวใจของคนผู้นี้อยู่ทางด้านขวา จึงไม่ตาย!” กู่ไห่กล่าว
ผู้คุมกันคนหนึ่ง รีบเช็ดเขม่าออกจากจมูกและปากของคนผู้นั้น ก่อนเทน้ำเข้าปากเขา
“แค่กๆๆ!”
หลังจากกระอักกระไอ ชายคนนั้นก็ลืมตาขึ้น และมองไปรอบๆ สิ่งที่เข้ามาในครรลองสายตา ก็คือภาพซากปรักหักพัง
"พี่สาว! พี่สาว! พี่สาว!" ชายผู้นั้นเริ่มค้นหาไปรอบบริเวณ ราวกับคนบ้า
“ศพทั้งหมดอยู่ด้านนอก!” กู่ฮั่นกล่าวพร้อมถอนหายใจเบาๆ
ชายคนนั้นรีบตะเกียกตะกายไปด้านนอก และมองสำรวจโดยรอบ ในที่สุด ก็พบร่างไหม้เกรียมของหญิงสาวคนหนึ่ง
ศีรษะของนางเหมือนจะถูกทุบ บนร่างมีรอยเื เสื้อผ้ายับยุ่ง เสียชีวิตจากการเสียเืมากเกินไป
"พี่สาว! พี่สาว! ท่านห้ามตายนะ! พี่สาว!" ชายผู้นั้นเขย่าร่างหญิงสาวไม่หยุด
แต่นางได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
"อ๊าก! อ๊าก! ซ่งเจิ้งซี! อ๊าก!" เขาโอบกอดร่างไร้ิญญา และร้องไห้อย่างรวดร้าว
“พ่อบุญธรรม ก่อนหน้านี้ข้าได้ตรวจสอบมาแล้ว นี่คือบ้านของหลินชง ทหารทัพหน้าของเกาเซียนจือขอรับ หญิงผู้นี้มีนามว่าเสี่ยวเตี๋ย ภรรยาของหลินชง พวกเขาทั้งสองรักกันลึกซึ้ง ภายหลังมิทราบเป็มาเช่นไร ซ่งเจิ้งซีถึงได้ต้องตาเสี่ยวเตี๋ยเข้า เขาปรารถนานางมานาน บางทีอาจเพราะครานี้หลินชงไม่อยู่บ้าน ดังนั้น...” กู่ฮั่นอธิบาย
“แนวหน้าของเกาเซียนจือ หลินชงหรือ?” กู่ไห่มองชายที่กำลังเ็ปผู้นั้น และเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“คนมีอำนาจล้วนเป็แบบนี้ โศกนาฏกรรมเช่นนี้ คงมิใช่เพียงแค่ที่นี่ และมิใช่แค่ครั้งนี้ เพราะเป็ถึงพระราชนัดดา ด้วยฐานะอันสูงส่งของเขา เื่คงต้องถูกผู้มีอำนาจปกปิดไว้ อีกไม่นาน เ้าหน้าที่จะต้องมาทำลายหลักฐานอย่างแน่นอน” กู่ฮั่นส่ายหน้าเบาๆ
กู่ไห่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ยกเลิกงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องหาคนอื่นแล้ว เป้าหมายเอาเป็ซ่งเจิ้งซีก็แล้วกัน บาปที่ก่อไว้ เขาจะต้องชดใช้!”
“พ่อบุญธรรม เลือกซ่งเจิ้งซีหรือขอรับ? ท่าน้าให้เขาตายหรือขอรับ?” สีหน้ากู่ฮั่นเปลี่ยนไปทันที
“ไม่ ข้า้าให้เขามีชีวิตอยู่!” ดวงตากู่ไห่ปรากฏแววเ็า
หนึ่งวันจากนั้น ในจวนเล็กๆ นอกเมืองซ่ง กู่ไห่สั่งคนรับใช้กลุ่มหนึ่ง ผูกจดหมายจำนวนมากติดกับนกพิราบสื่อสารฝูงใหญ่ กู่ฮั่นยืนอยู่ด้านหน้ากู่ไห่ ในมือถือกระดาษอยู่ปึกหนึ่ง หน้าแรกสุดของกระดาษ มีคำว่า 'แผนการล้มซ่ง' ขนาดใหญ่สี่คำ
“พ่อบุญธรรม น้องชายของเสี่ยวเตี๋ยผู้นั้น ได้ติดตามกองคาราวานของเราไปแล้ว อีกไม่นานคงจะไปถึงแนวหน้าที่หลินชงอยู่อย่างแน่นอน” กู่ฮั่นกล่าว
“แค่เสี่ยวเตี๋ยคนเดียวคงไม่พอ ให้รวบรวมหลักฐานการกระทำผิดของซ่งเจิ้งซีทั้งหมดต่อไป นอกจากนี้ให้รวบรวมเื่ราวโศกนาฏกรรมของครอบครัวทหารทั้งหมดมา หากไม่มีก็ทำขึ้นเอง อย่าทำอันตรายผู้ใด เพียงแค่ให้พวกเขาหายไปสักพัก หลังการสู้รบจบลง ค่อยปล่อยพวกเขา” กู่ไห่กล่าว
“พ่อบุญธรรมโปรดวางใจ อย่างไรก็ตาม มีข่าวส่งมาจากแนวหน้า ดูเหมือนเกาเซียนจือ พอได้ยินว่าพ่อบุญธรรมเป็ผู้บัญชาการด่านหู่เหลา จึงหยุดการเคลื่อนทัพไปแล้วขอรับ” กู่ฮั่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ไม่! เกาเซียนจือเป็ผู้บัญชาการทัพ ย่อมไม่ใช่คนไม่กล้าเสี่ยง นั่นเป็เพียงข่าวลวง หากข้าเดาไม่ผิด เวลานี้เขาไม่ได้หยุดทัพ แต่คงจะลอบนำทหารฝีมือดีกลุ่มหนึ่งไปด่านหู่เหลาแล้ว!” กู่ไห่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“โอ้?” กู่ฮั่นอุทานอย่างใ
“ทางกู่ฉินนั้น คงต้านได้ระยะหนึ่ง ดังนั้นใน่เวลานี้ เราต้องรีบจัดการทหารซ่งแปดแสนคน” กู่ไห่กล่าว
“ข้าได้อ่านแผนการทำลายซ่งของพ่อบุญธรรมแล้ว แผนแรก ทำลายขวัญกำลังใจทหาร!” ภายในดวงตากู่ฮั่นปรากฏประกายแห่งความชื่นชม
“ปล่อยนกพิราบ! แผนการทำลายซ่ง เริ่มได้!” กู่ไห่กล่าว
แกรก!
กรงนกเปิดออก นกพิราบฝูงใหญ่ทะยานสู่ท้องฟ้า บินไปยังทิศเหนือ
---------------------------------------------
[1] สองชั่วยาม เท่ากับ 4 ชั่วโมง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้