นับั้แ่เยวี่ยเจาหรานกลับมาจากเขาและรับหน้าที่ปลอมตัวเป็น้องสาว ชุ่ยเชี่ยวก็คอยรับใช้อยู่ข้างกายเขาเสมอ เริ่มจากที่เยวี่ยเจาหรานในฐานะชายแท้ผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าต้องใส่เสื้อผ้าสตรีเช่นไร ต้องทำท่าทางเยี่ยงสตรีเช่นไร ล้วนเป็ชุ่ยเชี่ยวที่ ‘สอนให้ด้วยตนเอง’ ทว่าในวันนี้ ชุ่ยเชี่ยวกลับถูกเยวี่ยเจาหรานตบหน้าเพราะใครอีกคน
แต่สิ่งที่ทำให้ชุ่ยเชี่ยวยากจะรับได้ยิ่งกว่าก็คือ คนผู้นั้นเป็บุรุษ!
ชุ่ยเชี่ยวลูบใบหน้าน้อยๆ ที่ยังคงปวดแสบปวดร้อนของตน ในใจคิดอย่างสิ้นหวังอย่างยิ่ง เยวี่ยเจาหรานคงไม่ได้เปลี่ยนจากบุรุษเที่ยงแท้กลายเป็ชายแต่งหญิงไปแล้วหรือไม่? หรือจะบอกว่าบุรุษเที่ยงแท้ผู้นี้จะถูกเยี่ยนอวิ๋นเฟยทำให้ชอบเพศเดียวกันไปแล้ว...?
แต่ว่าเ้านายที่ตนเลือก นอกจากพะเน้าพะนอเขาแล้ว ยังจะมีหนทางอื่นอีกหรือ...? ยามนี้ได้มีเหล่าสาวใช้คนอื่นที่เพิ่งจะรีบเข้ามาดูสถานการณ์เอาป่านนี้ มองดูชุ่ยเชี่ยวที่อยากจะร้องแต่ก็ไม่มีน้ำตา ทุกคนต่างตระหนกลนลาน ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว
ถึงอย่างไรพลังในการเยียวยาตนเองของชุ่ยเชี่ยวนั้นก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง เพียงพริบตานางก็เก็บน้ำตาที่กำลังคลอหน่วยกลับไปโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยมอบหมายงานให้กับคนอื่นๆ “เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย ส่วนที่เหลือ ไม่ต้องใส่ใจอะไรทั้งนั้น”
จากเื่นี้ก็สามารถมองออกได้ว่า ชุ่ยเชี่ยวผู้นี้ ไม่ใช่คนร้ายกาจอย่างแน่นอน หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เยวี่ยเจาหราน และสวี่ชิวเยวี่ย ตัวละครหลักเหล่านี้โเี้ยิ่งกว่าจริงๆ เป็ไปได้ว่านางอาจจะเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของชีวิต เปิดความสามารถดัชนีทองคำแล้วกลายเป็นางเอกไปก็ได้ แต่โชคยังดี ต่อให้ชุ่ยเชี่ยวจะร้ายกาจ แต่ใจที่ปฏิบัติต่อเยวี่ยเจาหรานนั้นกลับมีเพียงความซื่อสัตย์ ไม่มีทางคิดปรารถนาจะเกี่ยวดองเป็ฮูหยินน้อยของจวนเยวี่ยอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรในใจของชุ่ยเชี่ยว ก็มีเพียงโอวหยางเถี่ยจู้ที่อยู่ใกล้ๆ กันเท่านั้นถึงจะแบบที่นางชอบ...
ท่ามกลางสายที่ชื่นชมและซับซ้อนผสมปนเปกันของทุกคน ชุ่ยเชี่ยวมีสีหน้าเรียบนิ่ง เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเื่อะไรขึ้นมาทั้งนั้น แล้วจึงตรงไปยังทิศทางของเยวี่ยเจาหราน อ๋อ… ก็คือทิศทางที่จะไปจวนเยี่ยนนั่นเอง
เยวี่ยเจาหรานที่ห้อตะบึงไปตลอดทางลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้วว่าบนโลกนี้ยังมียานพาหนะที่เรียกว่ารถม้าอยู่ นอกจากนี้ยังไม่ได้ใคร่ครวญเื่การจราจรติดขัดในยุคสมัยนี้เลย พูดง่ายๆ ก็คือมันไม่มีรถติดอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาวิ่งไปตลอดทางนั้นนอกจากจะเหนื่อยจนตายมิตายแหล่ ทั้งยังสร้างปัญหาเพิ่มให้กับตัวเองอีกไม่น้อย
หลังจากที่ทำไปได้สักพักผลลัพธ์ก็คือ หัวของเยวี่ยเจาหรานนั้นแผ่ความร้อนออกมา มวยผมสูงเอียงกระเท่เร่ ทั้งยังทำปิ่นปักผมไร้มูลค่าหล่นหายไปประปรายระหว่างทางสองสามอัน เหตุใดจึงเรียกว่าไร้มูลค่าน่ะหรือ? เพราะอันที่มีราคานั้นฮูหยินเยวี่ยล้วนไม่ยอมให้เขาใช้ และซุกซ่อนทั้งหมดเตรียมเก็บเอาไว้ให้เยวี่ยเยียนหรานตัวจริงอย่างไรล่ะ
ดังนั้นในเมื่อไม่มีค่า จะทำหล่นไปสักสองสามอันก็ไม่เป็ไร
จะว่าไปแล้ว ทั้งหมดนี้สำหรับเยวี่ยเจาหรานล้วนไม่สำคัญ เพราะยามนี้สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งใดในใจของเขา ก็คือผู้กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียงผู้นั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว
ทว่าร่างกายของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็อึดถึกทนมากจริงๆ ต่อให้อยู่ในการดูแลห่วยแตกของฮูหยินเยี่ยนเช่นนี้ก็ยังสามารถฟื้นฟูได้ด้วยความเร็วแสง นับเป็ปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์วงการแพทย์เลยจริงๆ แนะนำว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสามารถพิจารณาให้ร่างกายนี้ของตนไปสมัครเข้าบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ดู...
ทว่าเนื่องจากฮูหยินเยี่ยนและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมีเจตนาต้องปิดบังสภาพร่างกายและอาการป่วยของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วต่อภายนอก ดังนั้นโลกภายนอกย่อมไม่รู้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นเกือบจะเสร็จสิ้นการฟื้นฟูตัวเองด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าแล้ว จึงทำให้สวี่ชิวเยวี่ยผิดแผนไปหมด แล้วไปบอกกับเยวี่ยเจาหรานว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้ป่วยระยะสุดท้าย หากยังไม่มาดูหน้ากันเป็ครั้งสุดท้าย เป็ไปได้อย่างมากว่าหยินและหยางคงต้องแยกจาก [1]
แต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกว่าสวี่ชิวเยวี่ยที่ไม่เป็ไปตามคาดมานานในที่สุดก็นับว่าชะตาฟ้าเปิดขึ้นมาแล้วหรือไม่ เพราะมันได้ไปสะกิดความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ของเยวี่ยเจาหรานอย่างแม่นยำ นับว่าเป็มรสุมลูกใหญ่ที่พัดกระพือขึ้นมาในจวนเยี่ยนท่ามกลางความสงบนิ่งเลยจริงๆ
เมื่อคนที่ส่งไปกลับมา ริมฝีปากของสวี่ชิวเยวี่ยก็แย้มรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีความอ่อนหวานหรือความน่ารักที่แสร้งทำอย่างที่เห็นได้ยามปกติ กลับกันมันกลับแฝงความเ้าเล่ห์ที่ลึกล้ำเกินจะหยั่ง สวี่ชิวเยวี่ยวางถ้วยน้ำชาที่ถืออยู่ ก่อนจะยกมือไปทางอาเชวี่ยที่อยู่ข้างๆ “ทำได้ดีมาก พาเข้าไปรับรางวัล จริงสิ เ้าคงอยู่ที่จวนเยี่ยนไม่ได้แล้ว เข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”
“เข้าใจความหมายของคุณหนูแน่นอนขอรับ! ข้าน้อยจะรีบออกจากเมืองหลวงไปทันที และจะไม่กลับมาอีกเลย” เด็กหนุ่มลูกมือผู้นี้ก็คือคนที่ไปแอบส่งข่าวที่จวนเยวี่ยเจาหรานในวันนี้นั่นเอง เมื่อได้ยินคำตอบของเขา สวี่ชิวเยวี่ยก็แสดงท่าทีพึงพอใจอย่างยิ่ง นางโบกมืออย่างเป็ธรรมชาติ ไม่เอ่ยคำพูดใดอีก
อาเชวี่ยพยักหน้าอย่างรู้แจ้งอยู่อีกด้าน แล้วจึงพยักหน้าให้กับสวี่ชิวเยวี่ย จากนั้นจึงพาคนออกไปจัดการเื่ที่เหลือ จนกระทั่งเมื่ออาเชวี่ยกลับมาหลังจากเสร็จเื่แล้ว สวี่ชิวเยวี่ยก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่งเมื่อครู่อย่างช้าๆ มือเรียวจับบนไหล่เล็กของอาเชวี่ย แล้วเอ่ยอย่างเนิบนาบ “ตามเวลาที่คำนวณ นางก็น่าจะมาได้แล้ว คนที่จัดเตรียมไว้ทางด้านท่านป้าเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“ได้จัดการไว้ตามที่คุณหนูสั่งแล้วเ้าค่ะ วันนี้เราควรไปที่ใดหรือเ้าคะ?” อาเชวี่ยเดินตามอีกฝ่ายออกไปสองสามก้าว แล้วจึงหยุดอยู่เพียงประตูไม่ได้ย่างเท้าออกไปข้างหน้าอีก สวี่ชิวเยวี่ยหลุบตาลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเบา “เวทีได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ยามนี้พวกเราก็ย่อมต้องเข้าไปเป็ผู้ชมสิ...”
นับั้แ่ที่เยวี่ยเจาหรานถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วส่งกลับจวนเยวี่ยเพื่อปกปิดอำพรางแล้ว ความโกรธเกรี้ยวในใจของฮูหยินเยี่ยนก็ยังคงคุกรุ่นไม่ได้ปลดปล่อยออกมา ยามนี้ได้รับข่าวที่สวี่ชิวเยวี่ยจงใจปล่อย ย่อมต้องเกิดความคิดอยากจะไปจับคนขึ้นมาเช่นกัน เสียงโครมครามในเรือน ก็คือเสียงของฮูหยินเยี่ยนที่สะบัดมือขว้างถ้วยชามทิ้งลง
ต้องบอกเลยว่า ตอนนี้เยวี่ยเจาหรานนั้นดวงตกสุดๆ อยู่ดีไม่ว่าดี ดันมารับเคราะห์ในวันที่ฮูหยินเยี่ยนแพ้พนันมาทั้งคืน พาเอาความโมโหที่เสียเงินมาลงใส่เยวี่ยเจาหรานทั้งหมดในรวดเดียว
ทางฝั่งของเยวี่ยเจาหรานนั้นยังคงวิ่งกระหืดกระหอบตรงไปยังเรือนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แต่กลับมีเสือโผล่มาขวางกลางทาง... ฮูหยินเยี่ยน ข้างหลังนั้นยังมีกองทัพที่ดูไม่เอาไหนอีกสองสามคน เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาจะมาจับคน เยวี่ยเจาหรานหยุดฝีเท้ากลางคัน ประจันหน้าในาหนึ่งต่อกองทัพ ช่างน่าประหวั่นชวนถอยหลังไม่น้อยเลยจริงๆ
“สะใภ้แสนดีของข้า หลบหายไปสามสี่วัน ยามนี้ยังกล้ากลับมาอีกหรือ?”
ฮูหยินเยี่ยนชิงลงมือก่อน นาง ‘ชวนคุยอย่างสนุกสนาน’ ทว่ากลับเป็ดั่งพยัคฆ์ในเงามืด ซ่อนไว้ซึ่งเขี้ยวเล็บคมกริบ
เยวี่ยเจาหรานนั้นแม้จะไม่ได้แสดงความเหน็ดเหนื่อยออกมา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังลอบกำหมัดไว้แน่น บนหัวผุดเม็ดเหงื่อขึ้นมาไม่หยุด ในยามนี้พานพบกันดั่งโลกกว้างทางแคบ ไม่รู้ว่าใครที่จะเป็ผู้แข็งแกร่งที่กำชัยในท้ายที่สุด... แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เยวี่ยเจาหรานนั้นแพ้ทั้งคนแพ้ทั้งกระบวนทัพ
“ท่านแม่...” เยวี่ยเจาหรานดึงความกล้าขึ้นมา แล้วจึงเอ่ยออกไปในที่สุด อีกทั้งไม่ได้เรียกฮูหยินเยี่ยนว่าฮูหยินเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับเรียกว่าท่านแม่ตามเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ใช้โอกาสตอนที่ฮูหยินเยี่ยนกำลังตกตะลึง เยวี่ยเจาหราน ‘ได้ทีขี่แพะไล่’ เอ่ยต่อไป “ท่านแม่ ข้าเพียงอยากจะกลับมาดูอวิ๋นเฟย... ได้ยินว่าเขาล้มป่วย...”
บังอาจนัก! ใครกล้าปากพล่อยปล่อยข่าวนี้ออกไปกันแน่! ฮูหยินเยี่ยนได้สติกลับมาทันใด นางโมโหจนะเิออกมา ทั้งนึกขึ้นมาได้ว่าหลายวันมานี้โต๊ะไพ่มือไม่ขึ้น เอาแต่เสียเงินตลอด นางจึงผลักความรับผิดชอบที่ต้องเสียเงินทั้งหมดไปให้การอดนอนเลือกสมุนไพรยาให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทุกวี่ทุกวันแทน ยามนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่อยู่ตรงหน้า ย่อมต้องเป็ ‘ภรรยา’ มารับไปแทน!
โดยไม่สนใจความถูกต้องอันใดทั้งสิ้น ฮูหยินเยี่ยนแค่นเสียงเฮอะอย่างเ็า และพลันออกคำสั่ง “จับตัวเอาไว้!”
เชิงอรรถ
[1] หยินหยางแยกจาก (阴阳两隔) หมายถึงการที่หลังจากที่คนตายไปแล้วจะถูกแยกออกจากโลกของคนเป็ คนตายไปอยู่ยมโลก (阴间) คนเป็อยู่ในโลกมนุษย์ (阳间)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้