หลังจากนั้นคนบนโต๊ะก็เริ่มเล่นพนันกันต่อ ซึ่งชายขี้โกงคนนั้นปล่อยให้คนอื่นๆ ชนะกันไปสองสามตา ก่อนจะเริ่มเล่นตุกติก
สองสามรอบผ่านไปผู้ร่วมวงก็พ่ายแพ้หมดตัว
ถึงแม้ชายขี้โกงจะขยับมือไม้ว่องไวมาก แต่เมื่ออยู่ในสายตาของเยว่เฟิงเกอก็ราวกับเป็ภาพที่ฉายอย่างเชื่องช้า
มุมปากนางยังคงประดับรอยยิ้ม ยืนมองการแสดงของชายคนนั้นต่อไป
เยว่เฟิงเกอยืนมองอยู่ตรงนั้นตลอดโดยไม่เล่นไม่พนันอะไรทั้งนั้น ท้ายที่สุดก็ดึงดูดความสนใจของผู้ดูแลบ่อนเข้าจนได้
ชายร่างกำยำสองคนเดินเข้ามากล่าวเสียงเย็นกับเยว่เฟิงเกอ “นี่ ในเมื่อเ้าไม่คิดร่วมเล่น แล้วจะมายืนอยู่ที่นี่ทำอันใด รีบออกไป”
ชายสองคนนั้นพูดจบก็ดันเยว่เฟิงเกอออกไปด้านนอก
เยว่เฟิงเกอเคาะพัดตนลงบนมือของสองคนนั้น กล่าวเสียงเย็น “ใครบอกว่าข้าจะไม่เล่น ข้าแค่กำลังรอให้จินว่านหลี่กลับมา ต้องมีเขาอยู่ด้วย ข้าถึงจะยอมเล่น”
ในโรงพนันแห่งนี้จินว่านหลี่นับเป็คนจนมีชื่อ เขาแพ้อยู่ตลอด นอกจากจะเป็หนี้โรงพนันอยู่เจ็ดร้อยตำลึงแล้ว ยังติดเงินชายขี้โกงคนนั้นอยู่อีกแปดร้อยตำลึง
เหตุที่คนเหล่านี้ไม่ตีจินว่านหลี่ให้ตาย ก็เพราะ้าให้คนกลับไปรีดไถเอาเงินจากลูกสาวตนมาไถ่ถอน
ด้วยเหตุนี้เองจินว่านหลี่ถึงได้สามารถเล่นพนันที่นี่ต่อไปได้และติดหนี้เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
หนี้สูงถึงพันตำลึงเมื่อใด คนของโรงพนันถึงจะลงมือกับจินว่านหลี่ ถึงตอนนั้นคนไม่มีทางไม่นำตัวลูกสาวมาให้ทุกคนได้เสพสุขเป็แน่แท้
นี่ถือเป็กฎที่โรงพนันทุกแห่งในเมืองหลวงต่างเห็นพ้องต้องกันโดยไม่ต้องตราขึ้นเป็ลายลักษณ์อักษร
เมื่อนักพนันมีหนี้สะสมมากถึงพันตำลึงขึ้นไป โรงพนันมีสิทธิ์จัดการกับคนผู้นั้นอย่างไรก็ได้ ซึ่งรวมถึงคนในครอบครัวของพวกเขาด้วย
ที่จริงแล้วเหตุผลที่ทางการยอมปล่อยให้เ้าของบ่อนพวกนี้ทำเช่นนี้ได้ ก็เพื่อให้ทุกผู้คนได้ตระหนักว่า การพนันนั้นอันตรายแค่ไหน
เมื่อชายกำยำสองคนนั้นได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกว่าจะรอให้จินว่านหลี่กลับมาก่อนก็สบตากันไปทีหนึ่ง พวกเขาต่างคาดเดาว่า คุณชายตรงหน้าผู้นี้คงจะพอใจในตัวลูกสาวของจินว่านหลี่อยู่
เขาคงอยากจะอาศัยโอกาสนี้เพื่อบีบบังคับให้จินว่านหลี่ไม่อาจไม่เรียกลูกสาวมาปรนนิบัติเขาได้
ชายกำยำทั้งสองไม่เร่งรัดเยว่เฟิงเกออีก พวกเขาเองก็รู้ว่าอีกไม่นานจินว่านหลี่ก็ต้องกลับมา
เมื่อคนทั้งสองจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้เดินไปดูโต๊ะอื่นๆ
ครั้งนี้นางค้นพบว่าเกือบทุกโต๊ะล้วนมีคนที่เล่นตุกติก ซึ่งเป็ที่แน่นอนว่าเหล่าคนที่เล่นตุกติกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับโรงพนันว่านจินแห่งนี้ทั้งสิ้น
ดูเหมือนว่าจะเป็โรงพนันว่านจินที่แอบเล่นไม่ซื่อในที่ลับ เถ้าแก่ของที่นี่ได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนบรรดาคนที่มาเสี่ยงโชค การที่พวกเขาแพ้ก็คงแค่คิดว่าตนดวงไม่ดีถึงได้แพ้พนันซ้ำซาก
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าจินว่านหลี่คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้แน่ เพราะยามนี้ฉิงเอ๋อร์อยู่ที่จวนจั้นอ๋องแล้ว ดังนั้น จินว่านหลี่ต้องไปหาบุตรสาวที่หอชมบุปผาเสียเที่ยวเปล่าๆ แน่
นางยืนมองอยู่เช่นนั้นครู่หนึ่งก็เดินออกไปจากโรงพนันว่านจิน มุ่งหน้าไปยังหอชมบุปผา
เยว่เฟิงเกอเดินมาถึงหน้าหอชมบุปผาภายในระยะเวลาอันสั้น นางโบกพัดในมือยืนอยู่หน้าประตูพลางเฝ้าฟังเสียงด่าทอที่ดังออกมาจากด้านใน
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินว่ามีคนไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ไปแล้วก็รีบร้อนถามท่านแม่แห่งหอชมบุปผาว่าเป็ใครกันที่ไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ไป
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาบอกกับจินว่านหลี่ว่าอีกฝ่ายเป็ชายงามหน้าตาเย้ายวน คนบอกเพียงว่าตนคือเยว่เฟิงเกอแห่งจวนจั้นอ๋อง
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็คนของจวนจั้นอ๋องก็โกรธจนพลั้งมือตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง
“เ้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็การทำร้ายฉิงเอ๋อร์หรืออย่างไร? ” จินว่านหลี่ชี้หน้าด่าท่านแม่แห่งหอชมบุปผา “ทั้งเมืองหลวงลือกันไปทั่วว่าจั้นอ๋องใคร่บุรุษ เช่นนั้นชายที่ไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ไปก็ต้องเป็บุรุษที่จั้นอ๋องเลี้ยงไว้แน่ เ้าปล่อยให้เขาไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ไปได้อย่างไร แล้วทีนี้ข้าจะไปเอาเงินกับใคร”
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย นางใช้มือผลักนิ้วของจินว่านหลี่ออก ด่าเสียงเกรี้ยวกราด “เ้ายังมีหน้ามาว่าข้าอีก ในฐานะบิดาของฉิงเอ๋อร์ ที่เ้าเอานางมาทิ้งไว้ที่ข้านี้ หรือว่าไม่เป็การทำร้ายนาง? เพื่อหาเงินให้เ้าเอาไปเล่นพนันทุกวี่วัน นางต้องเผชิญหน้ากับบุรุษพวกนั้น หากไม่ใช่เพราะมีข้าอยู่ นางคงโดนเอาเปรียบไปนานแล้ว”
“ข้าเป็บิดานาง ข้ามีสิทธิ์กำหนดชีวิตของนาง” จินว่านหลี่ตอกกลับอย่างไม่รู้สึกละอาย
เมื่อท่านแม่แห่งหอชมบุปผาได้ยินเช่นนี้ก็โกรธจนกรีดร้องพร้อมกระทืบเท้า ด่าว่าอีกครั้ง “เ้าไม่คู่ควรเป็บิดาของฉิงเอ๋อร์ด้วยซ้ำ ยังมีหน้ามาพูดว่าเ้ามีสิทธิ์กำหนดชีวิตของนางอีก ข้ามีศักดิ์เป็น้าของฉิงเอ๋อร์ ข้าเองก็มีสิทธิ์กำหนดชีวิตนาง เป็ข้าเองที่ปล่อยให้คนของจวนจั้นอ๋องไถ่ตัวนางไป แล้วเ้าจะทำไม”
จินว่านหลี่โกรธจนหนวดกระติก เขาเอื้อมมือจะไปตบหน้าท่านแม่แห่งหอชมบุปผาอีกครั้ง ทว่า เยว่เฟิงเกอที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเดินก้าวยาวๆ เข้าไปในหอชมบุปผา
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาเห็นเยว่เฟิงเกอเข้ามา ก็ถลึงตามองจินว่านหลี่อย่างดุร้าย จากนั้นกดความโกรธในใจลงไปแล้วยิ้มแย้มต้อนรับผู้มาใหม่
“คุณชายท่านนี้ไม่คุ้นหน้าเลย เพิ่งมาครั้งแรกหรือเ้าคะ ในหอชมบุปผาของเรามีบุปผาอันดับหนึ่งอย่างเมิ่งซีหลัน และคณิกาอย่างทังเป๋าเป่า ตอนนี้พวกนางต่างก็ไม่มีแขก ไม่ทราบว่าคุณชายสนใจจะเลือกสตรีนางใดไปปรนนิบัติดีเ้าคะ? ”
เยว่เฟิงเกอไม่สนใจสตรีสองนางนั้น สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ร่างของจินว่านหลี่
“ข้า้าให้เขามาปรนนิบัติ” เยว่เฟิงเกอใช้พัดในมือชี้ไปที่จินว่านหลี่
เมื่อท่านแม่แห่งหอชมบุปผาและจินว่านหลีได้ยินคำพูดของเยว่เฟิงเกอก็พากันตกตะลึงเบิกตาโต
จินว่านหลี่ชี้จมูกตัวเอง เอ่ยถาม “เ้าไม่ได้พูดผิดกระมัง ้าให้ข้ารับใช้เ้า? ”
คิดดูสิ เขาจินว่านหลี่อายุอานามปาเข้าไปสี่สิบแล้ว แต่วันนี้กลับไปต้องตาคุณชายสูงศักดิ์หล่อเหลาคนหนึ่งเข้า?
จินว่านหลี่ใจนขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาเองก็ใจนอ้าปากค้าง
คุณชายท่านนี้หน้าตาหล่อเหลา แต่เหตุใดถึงได้พูดจาน่าใเช่นนี้
เขามาหอชมบุปผา ไม่้าบุปผาอันดับหนึ่ง แต่กลับเจาะจงเลือกจินว่านหลี่?
“ไม่ใช่แล้ว คุณชายท่านนี้ เกรงว่าหูข้าจะฟังผิดไปกระมัง ท่านแน่ใจนะเ้าคะว่า้าจินว่านหลี่ผู้นี้? ” ท่านแม่แห่งหอชมบุปผายังคงไม่กล้าเชื่อ คงไม่ใช่ว่าสมองของคุณชายท่านนี้มีปัญหากระมัง
เยว่เฟิงเกอโยนเศษเงินให้ท่านแม่แห่งหอชมบุปผา เดินอาดๆ เข้าหาจินว่านหลี่ “ถูกต้อง คนที่เปิ่นกงจื่อ [1] ้าก็คือเขา”
จินว่านหลี่รู้สึกได้ว่าตรงนั้นของตนกำลังเครียดเขม็ง ขาทั้งคู่สั่นเทาจนทรุดตัวนั่งลงกับพื้น
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาเองพอเห็นว่าคุณชายสูงศักดิ์คนนั้นเดินไปถึงตรงหน้าจินว่านหลี่แล้ว หัวใจของนางก็เขม็งเกลียว
นี่มันรสนิยมพิสดารอันใดกัน เขาถึงได้พอใจชายแก่ผู้นี้
เยว่เฟิงเกอใช้พัดในมือเชยคางจินว่านหลี่ขึ้น ทำเอาจินว่านหลี่รู้สึกหูอื้อตาลาย หนังศีรษะชาหนึบ
นางส่งยิ้มให้จินว่านหลี่ รอยยิ้มนั้นหล่อเหลาเสียจนสตรีนางใดที่ได้เห็นล้วนเป็ต้องลุ่มหลงอย่างที่ไม่อาจถอนตัวได้
ทว่า จะอย่างไรจินว่านหลี่ก็ไม่ใช่หญิง เพียงเห็นเยว่เฟิงเกอส่งยิ้มกระชากใจให้เขาเช่นนี้ ก็รู้สึกคล้ายตรงนั้นของตนยิ่งเครียดเขม็ง
“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่ใช่คนของหอชมบุปผา ต่อให้ท่านจะพึงใจในตัวข้าก็ไม่มีประโยชน์” ในที่สุดจินว่านหลี่ก็หาเสียงของตนเองเจอ เขารีบร้อนอธิบายสถานะของตนให้ชัดเจน
เขาแค่มีลูกสาวอยู่ที่นี่เท่านั้น วันนี้ที่เขาสวมอาภรณ์กระสอบตัวนี้มาที่นี่ก็เพื่อมาขอเงินลูกสาว
สุดท้ายเมื่อเขามาถึงหอชมบุปผา กลับได้ยินท่านแม่แห่งหอชมบุปผาพูดว่า ลูกสาวของเขาฉิงเอ๋อร์ถูกไถ่ตัวออกไปแล้ว
อีกทั้ง ยามนี้ยังต้องมาได้ยินชายสูงศักดิ์คนหนึ่งเจาะจงให้เขาไปปรนนิบัติ
นี่เขาไปล่วงเกินใครเข้า?
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นกงจื่อ(本公子)หมายถึง ตัวข้าผู้เป็คุณชาย