หากพวกเขารวมตัวกัน นางก็จนหนทาง แต่หากพวกเขาแยกออกจากกัน ก็เป็โอกาสให้นางได้ลงมือจัดการทีละกลุ่มพอดี
ทหารไล่ล่าสามกลุ่มแบ่งออกค้นหาสามทิศทาง มีหนึ่งกลุ่มในนี้มุ่งมาทางที่จวินหวงซ่อนตัวอยู่พอดี
จวินหวงมิใช่ไร้สมอง ตอนที่ตัดสินใจเป็ตัวล่อทหารติดตาม ในหัวของนางมีแผนการเอาไว้แล้ว นางมียาสลบที่ผู้เฒ่าซานกุ่ยมอบให้และนางยังแตกฉานในคัมภีร์พิษ ตัวนางเชื่อว่าโอกาสชนะมีถึงเจ็ดแปดส่วน
นางล้วงเอายาสลบออกมา ฉีกชายกระโปรงออกมาหนึ่งส่วน แล้วเอายาสลบโรยใส่บนชายกระโปรง หลังจากที่ทหารไล่ล่าผ่านไปแล้ว นางค่อยตามไปอย่างไร้สุ้มเสียง
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เห็นได้ชัดว่าทหารไล่ล่าไม่ได้มีความกระตือรือร้นเท่าใดนัก แต่ละคนล้วนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง จวินหวงค่อยๆ ย่องเข้าไปที่ด้านหลังของพลทหารติดตามที่อยู่ท้ายสุดอย่างเบาที่สุด แล้วยื่นมือออกมาอย่างรวดเร็วประดุจฟ้าแลบ เอาเศษผ้าที่โรยยาสลบไว้อุดปากอุดจมูกทหารไล่ล่าผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าซานกุ่ยปรุงยาสลบนี้เองกับมือ ประสิทธิภาพรุนแรงยิ่งนัก ทหารติดตามยังไม่ทันจะเปล่งเสียงร้องออกมาก็อ่อนพับล้มลงไปแล้ว
จวินหวงปล่อยทหารผู้นั้นลงอย่างเบามือ แล้วยื่นมือเข้าไปดึงกระบี่ที่คาดอยู่ที่เอวของทหารติดตามออกมา แล้วกดคมกระบี่ปาดคอนายทหารผู้นั้นสิ้นชีพอย่างเงียบงัน
นางลากพลทหารไล่ล่าผู้นั้นเข้าไปซ่อนในพงหญ้า คนที่อยู่ข้างหน้าไม่สังเกตเลยว่ามีคนหายไปคนหนึ่ง จวินหวงทำตามสูตรสำเร็จนี้ ไม่นานก็จัดการทหารไล่ล่าไปได้สองกองพล
"ครืน... เปรี้ยง!" เสียงฟ้าคำรณ อสุนีบาตแปลบปลาบพาดผ่านขอบฟ้า แล้วพายุฝนก็เทกระหน่ำลงมา
ยังเหลือทหารไล่ล่าอีกหนึ่งกองพล
จวินหวงปาดน้ำฝนบนใบหน้าออก แล้วติดตามเงาร่างของพลทหารที่อยู่รั้งท้ายไปอย่างช้าๆ
"มารดาเถอะ ฝนตกซะแล้ว ไฟก็ไม่มีมืดไปหมด แล้วจะไปหลบฝนกันที่ไหน?" เสียงนายทหารคนหนึ่งสบถออกมา จวินหวงจำได้ว่าคนผู้นี้คือคนที่ก่อนหน้านี้เสนอให้แบ่งกลุ่มออกปฏิบัติการ เขาต้องเป็หัวหน้าของกองพลนี้อย่างแน่นอน
"ลูกพี่ ตอนที่พวกเราออกมาจากที่นั่น เหมือนว่าข้าจะเห็นถ้ำแห่งหนึ่ง ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ซ้ำฝนยังตกหนักขนาดนี้ กลับไปไม่ได้แน่นอน พวกเราตรงไปที่ถ้ำนั้นหลบฝนกันก่อนเถอะ" พลทหารผู้หนึ่งกล่าวเสนอความเห็น
ในใจของจวินหวงเกิดความสับสนในฉับพลัน
ที่พลทหารผู้นั้นชี้ไปคือถ้ำที่หนานสวินซ่อนตัวอยู่ เดิมทีนางคิดว่าฟ้ามืดแล้ว กลุ่มทหารไล่ล่าจะต้องถอยกลับไปแน่นอน หากปล่อยให้พวกเขาไปถ้ำนั้นจริงๆ หนานสวินร่างกายาเ็สาหัสอยู่อย่างนั้นต้องตายแน่ๆ
จะให้พวกเขาไปไม่ได้!
จวินหวงตัดสินใจได้ในชั่วพริบตา
ทหารกองนี้มีเพียงห้าคน แม้ว่าจวินหวงจะมีกำลังกายแข็งแกร่ง แต่หากต้องสู้พร้อมกันคนห้าคน นางไม่มีทางเอาชนะได้แน่ เห็นทีใช้วิธีเก่าย่อมดีกว่า
สายฝนเทกระหน่ำ ฟ้าคะนองครืนครั่นกัมปนาท
จวินหวงแอบเข้ามาอยู่ด้านหลังของคนที่รั้งท้ายสุดเงียบๆ ฉับพลันก็ยื่นมือเข้าไปอุดปากอุดจมูกของพลทหารไล่ล่าผู้นั้นอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวที่กุมไว้ในมือ พร้อมจะปาดเข้าที่คอหอยของทหารผู้นั้นในไม่ช้า
แต่ครั้งนี้ยาสลบกลับไม่ได้ออกฤทธิ์ในทันที หลังจากที่จวินหวงอุดปากอุดจมูกเขาแล้ว พลทหารไล่ล่าผู้นั้นหันพรวดกลับมา แล้วจ้องจวินหวงอย่างตะลึงเพริด "เจอแล้ว เขาอยู่นี่!"
ทันทีที่พลทหารไล่ล่าแผดเสียงออกมาเสร็จสิ้น ก็รู้สึกว่าสมองพลันวูบดับ อ่อนพับสลบลงไป
จวินหวงหน้าถอดสี ก่อนหน้านี้นางใช้ยาสลบมากเกินไป ไม่คิดว่าประสิทธิภาพของยาสลบจะอ่อนลงแล้ว นางไม่ได้ปล่อยคนผู้นี้ลงทันที
"ใคร!" สี่คนที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียง ก็หันกลับมาทันที จึงเห็นจวินหวงที่สวมผ้าคลุมของหนานสวินเข้าจนได้
จวินหวงไม่มีเวลาใคร่ครวญอีกแล้ว นางพลิกข้อมือจับกระบี่ปาดคอพลทหารที่สลบ จากนั้ยก็เงยหน้าขึ้นจ้องตอบสายตาของทหารไล่ล่าทั้งสี่อย่างเยือกเย็น
"เปรี้ยง!"
อสุนีแหวกผ่านม่านฟ้าลงมาอีกสาย ภายใต้แสงแปลบปลาบ มือของจวินหวงกุมกระบี่ยาว อาภรณ์ตัวยาวอาบย้อมไปด้วยโลหิต แม้ตัวจะตกอยู่ในสภาพจนตรอก แต่ดวงตาทั้งคู่กลับเหมือนผีร้ายในขุมลึก เ็าและไร้ความรู้สึก
อสุนีฟาด ฟ้าคำรณ ห่าฝนเทกระหน่ำ เสียงฟ้าคำรามเปรี้ยงปร้างราวกับจังหวะกลองที่บีบเค้นเอาชีวิต แต่ละเสียงกระหน่ำตีลงมาในหัวใจของหนานสวิน
กองไฟที่ก่อไว้ในถ้ำเนื่องจากไม่ได้เติมฟืน ไฟจึงมอดไปนานแล้ว สะเก็ดไฟเล็กๆ ยังคงกะพริบปริบๆ เหมือนกับอารมณ์กระสับกระส่ายไม่เป็สุขของผู้เป็นาย
ล่วงสามสี่ชั่วยามเข้าไปแล้ว หากนางไม่ได้เกิดเื่อันใด ไยจึงยังไม่กลับมา หรือว่า...
หนานสวินคิดถึงสตรีที่ยังไม่ทราบชื่อแซ่ผู้นั้น หากเพื่อช่วยชีวิตเขาแล้วต้องตาย คิดแล้วในใจก็เ็ปยิ่ง
ความมืดมิดยามราตรีกำลังจะเลือนหาย ฝนกระหน่ำพลันหยุดลง ท้องฟ้าที่ไกลออกไปค่อยๆ สว่างขึ้น
จวินหวงคงยังไม่กลับมา
หนานสวินไม่ได้หลับทั้งคืน เวลานี้ก็ยังนั่งอยู่ เขาก้าวเท้าทีละก้าวๆ เดินกะโผลกกะเผลกไปยังนอกถ้ำ
สตรีนางหนึ่งยังไม่ห่วงความเป็ความตาย ได้ ลูกผู้ชายสูงเจ็ดฉื่อผู้องอาจเช่นเขา จะซุกอยู่หลังบ้านให้สตรีนางหนึ่งสู้สุดชีวิตเพื่อเขาได้อย่างนั้นหรือ?
าแทั่วร่างของเขายังไม่หาย ยิ่งรับลมหนาวมาตลอดคืนก็ยิ่งเจ็บหนัก าแที่พันไว้อย่างดีที่ต้นขาเริ่มปริออก โลหิตสีแดงฉานไหลซึมออกมาเปื้อนเสื้อผ้า
เขาพยุงตัวกับผนังถ้ำ ระยะทางไปปากถ้ำเป็ระยะทางสั้นๆ เพียงไม่กี่เมตร เขากลับใช้เวลาเดินเกือบหนึ่งเค่อ
"ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ! ท่านอยู่หรือไม่ ท่านแม่ทัพ!" จู่ๆ ก็มีเสียงร้องะโเรียกดังมาจากภายนอก
"เิเยว่!" หนานสวินจำเสียงคนที่ะโเรียกได้ หลังจากตะลึงไปครู่หนึ่ง ดวงตาทอประกายความรู้สึกยินดีอย่างไม่อาจปิดบัง
"ท่านแม่ทัพ!" น้ำเสียงจากภายนอกมีความตื่นเต้น หลังจากนั้นครู่เดียวก็มีเงาคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาจากปากถ้ำ
เขาเป็ชายหนุ่มกำยำล่ำสัน สวมชุดสีเทาอมเขียวหม่น คาดกระบี่ยาว ร่างกายแผดกลิ่นอายความดุดันเข้มข้น แต่ไม่ก้าวร้าวรุนแรง
"ท่านแม่ทัพ นี่ท่านเป็อย่างไรบ้าง?" เิเยว่เห็นร่องรอยาแมากมายของหนานสวินก็โกรธจนตาแดง "เป็ใครกันแน่! ข้าน้อยได้ยินว่าท่านถูกซุ่มโจมตี เป็ฝีมือใครหรือขอรับ? หากข้าไม่ได้ถลกหนังมันออกมา บิดาก็มิใช่แซ่เิ!"
"ไม่ต้องพูดเื่นี้แล้ว เ้ารีบไปช่วยข้าหาคนคนหนึ่ง" หนานสวินหยุดการพูดพล่ามไม่เลิกของเิเยว่ลง "คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมตัวนอกของข้า แม้จะเป็สตรีแต่แต่งกายเป็บุรุษ น่าจะมุ่งไปทางทิศเหนือ เ้าส่งคนไปตามหาทางทิศเหนือ ต้องช่วยข้าหาให้เจอให้ได้!"
"อ๋า?" น้อยครั้งที่เิเยว่จะเห็นหนานสวินมีท่าทางร้อนรนกระวนกระวายเยี่ยงนี้ จึงนิ่งงันไร้การโต้ตอบไปชั่วขณะหนึ่ง
"ยังไม่ไปอีก!" หนานสวินยกขาขึ้นจะเตะเิเยว่ แต่พอขยับก็ตึงรั้งไปถึงาแที่ต้นขา เจ็บจนต้องสูดปากร้องออกมา
"ขอรับๆๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ นอกเขามีรถม้า ข้าจะให้คนส่งท่านกลับไปก่อน าแบนร่างกายของท่านต้องรีบรักษา..." เิเยว่ยังไม่ทันกล่าวจบ มองเห็นแววตาของหนานสวินที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ ก็หน้าจ๋อยรีบหุบปาก แล้ววิ่งออกไปตามหาคนทันที