ั้แ่ซูเมี่ยวเออร์ถูกพาออกไปจากสำนึกซืออี๋ ชีวิตของอวิ๋นอี้พลันสุขสบายมากขึ้นเรื่อยๆ
มิมีผู้ใดจ้องจับผิดนางทุกวัน นอกจากไปเรียนแล้วก็เป็การกินดื่มและเล่นสนุก
ในการเรียนก็สบายเช่นเดียวกัน หลักๆ เป็เพราะว่าผู้ที่สอนพวกนาง กลับกลายเป็พวกแม่นม
แม่นมใช้ชีวิตอยู่ในวังมานาน รู้กฎการเอาชีวิตรอด นางทาสก็คือนางทาส คิดอยากจะเดินบนหัวเ้านาย มิช้าก็เร็วต้องจบเห่แน่
ฉะนั้นที่สำนักซืออี๋ในเพลานี้จึงสงบสุข
ส่วนเื่ดื่มกินเล่นสนุก อวิ๋นอี้มีกู่ซือฝานเป็ผู้คิดเื่เหล่านี้ จึงเล่นสนุกกันได้ทั้งวัน
เล่นกันเองยังมิพอ นางยังลากตู้ซือโหรวมาเล่นด้วยกัน หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาหลายครา แม้แต่กู่ซือฝานยังอดมิได้ที่จะพูดว่า "พระชายาเอกเปลี่ยนไปมากเลยเพคะ!"
จะเปลี่ยนกระไรเสียอีก?
ตู้ซือโหรวได้ยินความคิดเห็นของนาง พลันเม้มปากและยิ้ม
ต่อหน้าคนนอก นางแบกรับชะตากรรมของตระกูลตู้และหน้าตาของราชวงศ์ นางจึงต้องคำนึงถึงคำพูดและกิริยามารยาทในทุกกระเบียดนิ้ว
นางดูเป็ผู้ใหญ่มากทั้งยังฉลาดเฉลียว จนแทบมิมีผู้ใดจำได้ว่านางยังคงเป็สตรีวัยแรกรุ่น
นางทำได้เพียงระมัดระวังและใช้ชีวิตตามความคิดของคนในตระกูล พวกเขาหวังให้นางเป็สตรีแบบใด นางต้องสวมบทบาทเช่นนั้นตลอดมา
เมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่ตัวนางเอง ก็ลืมใบหน้าที่แท้จริงของตนเองไปแล้วเช่นกัน
เพียงแต่...
ตู้ซือโหรวมองไปที่อวิ๋นอี้ สายตาอ่อนโยนแฝงไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
เื่ภูมิหลังของอวิ๋นอี้นั้นนางรู้ชัดเจน นางรู้จักนางสนมทุกคนในวังถึงขนาดพระชายาและแม้แต่ที่มาของนางสนมในวัง นางล้วนรู้ทั้งหมด
นางมีบิดาที่เก่งกาจ ทั้งยังมีสวามีที่ยอดเยี่ยม ฉลาดทั้งยังมีอิสระที่จะทำทุกอย่างที่นาง้า ดีเสียจริง
สายตาของตู้ซือโหรวดูจริงจังมาก ทำให้อวิ๋นอี้ที่เล่นกับกู่ซือฝานอยู่หันกลับมามองนาง “อาโหรว เหตุใดจึงจ้องข้าเช่นนั้น?”
“แค่ก…” นางกระแอมอย่างเขินอาย “ข้าแค่อิจฉาเ้า”
“อิจฉาข้าเื่กระไรกัน?” อวิ๋นอี้ปล่อยกู่ซือฝาน มิได้เกาจุดที่นางคัน [1] เพียงทำตัวเลียนแบบท่าทีของตู้ซือโหรว แช่ตัวลงไปในน้ำพุร้อน “เ้าน่ะใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยเกินไป”
ตู้ซือโหรวเม้มปาก ยักไหล่อย่างช่วยมิได้ "ช่วยมิได้นี่ ข้ามิได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวข้าเอง ข้ามีตระกูลที่ต้องรับผิดชอบต่างจากเ้า"
"ก็จริง" อวิ๋นอี้เท้าคางครุ่นคิดครู่หนึ่งพลันพยักหน้า
นางรู้ว่าภูมิหลังครอบครัวตนเองยอดเยี่ยมเพียงใด แม้ว่านางจะมิทำกระไรเลย บิดาของนาง พี่ชายสองคน ทั้งน้องชายต่างก็จะดูแลนางอย่างดี
ในเื่ครอบครัว นางมิจำเป็ต้องกังวลจริงๆ
แม้ว่าฟ้าจะถล่ม นางก็ยังมีพี่ชายคนโตที่จะคอยคุ้มครอง พี่ชายคนโตคุ้มครองมิไหวก็ยังมีพี่คนรอง
เมื่อคิดถึงเื่นี้ อวิ๋นอี้พลันรู้สึกถึงความเหนือกว่าในทันใด
นางเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข หลังจากยิ้มอยู่นาน ถึงได้สติว่ากำลังคุยกับตู้ซือโหรว เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตู้ซือโหรว นางพลันรีบบังคับตัวเองให้งอหน้าลง ตั้งใจเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “อืม...ตอนที่เ้าอยู่กับพวกเรา มิต้องคิดมากหรอก เราสามคนกินเล่นสนุกกัน ความสบายใจสำคัญที่สุดก็พอ”
"เข้าใจแล้ว"
หลังจากที่ตู้ซือโหรวพูดจบ ก็พลันกวักน้ำมาสาดใส่หน้าของอวิ๋นอี้
อวิ๋นอี้สะดุ้ง มิคิดว่านางจะทำเช่นนี้ โดนเล่นงานต่อหน้าต่อตา
“ได้เลย! เ้า!” นางตอบโต้และพูดอย่างดุดัน “ตู้ซือโหรว! รอเจ๊ก่อน!”
“มาสิ! คิดว่าข้าจะกลัวหรือ! หากวันนี้มิทำให้เ้าต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต ข้าตู้ซือโหรวจะกินอึให้ดู!” ตู้ซือโหรวพูดคำขาดอย่างผยอง ประสานนิ้วทั้งสิบ แล้วก็กวนน้ำในบ่อ ทันใดนั้นก็ผลักน้ำออกอย่างแรงจนเกิดเป็ปราการน้ำหนาพุ่งตรงไปที่หัวของอวิ๋นอี้ นางมิทันตั้งตัว ทำให้เปียกราวกับไก่ต้ม ยืนอยู่กลางบ่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" ตู้ซือโหรวหัวเราะเสียงดัง "มาสิ! ข้าจะสอนให้เ้าเป็ผู้เป็คนเอง!"
"หนี่มา!" [2] อวิ๋นอี้ถูกนางยียวนหลายครา จะทนได้อย่างไร แน่นอนว่าตั้งใช้ท่าทีของหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนงับเหยื่อ รีบวิ่งเข้าไปสู้กับตู้ซือโหรวในบ่อน้ำ
ทั้งสองทำตัวราวกับทะเลาะกัน ทั้งยังปากดีพูดคำหยาบใส่กันเก่งอีกด้วย
คำพูดหยาบที่ว่านั้น มิมีกระไรมากไปว่าการบอกว่าข้าเป็พ่อเ้า ข้าเป็ปู่ คำพูดสิ้นคิดเทือกนั้น
ผู้ใดจะคิดได้ว่า สตรีบ้าสองคนนี้ที่ต่อสู้กันมิรู้จบ หนึ่งในนั้นคือพระชายาเจ็ดที่ก่อนหน้านี้มิเคยแม้แต่จะผายลม และอีกผู้หนึ่งเป็พระชายาเอกองค์รัชทายาทที่สง่างามและมีคุณธรรม
คาดไม่ถึง คาดไม่ถึง หากกู่ซือฝานมิได้เห็นกับตาของนางเอง นางคงคิดไม่ถึงเช่นกัน
นี่แหละนะที่ว่าเปลี่ยนไปมาก
นิสัยส่วนตัวของตู้ซือโหรวที่แท้จริงคือกล้าหาญแข็งแกร่งยิ่งกว่าบุรุษ
นางมิอาจจะยอมรับท่าทีเช่นนี้ได้ชั่วขณะหนึ่ง
สตรีสามคนใช้เวลาไปกับการเล่นในบ่อน้ำพุร้อน เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ พวกนางพากันเดินเข้าไปที่โรงอาหารด้วยกัน
ทานข้าวเสร็จ จากที่แช่บ่อน้ำพุร้อนมาทั้งบ่าย วุ่นวายมิเบา ทั้งสามคนง่วงเล็กน้อย เมื่อถึงทางเข้าหอพักก็บอกลากัน แยกกันกลับห้องของตนเอง
เปลือกตาของอวิ๋นอี้แทบจะปิดลง ผลักประตูออก พลันเดินตรงไปที่เตียง
ทันใดนั้น นางหยุดฝีเท้า ดวงตาของนางที่เกือบจะหรี่เป็เส้นตรงเบิกกว้างอย่างช้าๆ
บุรุษผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง พิจารณาจากแผ่นหลังเหยียดตรงของเขา น่าจะเป็หรงซิว
ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นอวิ๋นอี้จะเห็นแผ่นหลังนี้ แน่นอนว่านางจำได้ทันที
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือแม้ว่าหรงซิวจะมานอนกับนางทุกคืนใน่เวลานี้ ทว่าทุกครั้งที่เขาเข้ามาจะเป็หลังจากที่นางผล็อยหลับไปนานแล้ว
หากมิใช่เพราะตอนเช้าที่ตื่นมาจะได้เห็นเขาเป็ครั้งครา นางคงจะสงสัยว่านางเข้าใจผิดไปเองหรือไม่
เหตุใดวันนี้ถึงมาเร็ว?
อวิ๋นอี้กระแอมเบาๆ ร่างบนเตียงพลันขยับ แล้วหันกลับมา ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องไปที่นาง
"อวิ๋นเออร์" หรงซิวเรียกชื่อนางเบาๆ
เขาน่าจะเพิ่งตื่น เสียงของเขาแหบแห้งและเกียจคร้านอย่างเห็นได้ชัด
อวิ๋นอี้แอบสบถ บุรุษผู้นี้รู้หรือไม่ว่าเขาน่าดึงดูดอย่างไร เสียงของเขาชวนฟังอย่างไร
“อื้ม...” นางหน้าแดงอย่างควบคุมมิได้ ก้มหน้าลงแล้วตอบเบาๆ “ฝ่าามาแล้วหรือเพคะ?”
“กระนั้นผู้ที่พูดกับเ้าอยู่เป็ผีหรือ?” หรงซิวหัวเราะ ลุกขึ้นนั่งพลางโบกมือให้นาง "เข้ามาใกล้ๆ ดูสิว่าข้าเป็ผีหรือไม่"
"......"
การกระทำของสตรีที่อวิ๋นอี้กลั่นกรองออกมามิได้ง่ายๆ ถูกคำพูดมิกี่คำของหรงซิวทำลาย
เผชิญหน้ากับบุรุษที่ไม่เข้าใจกระไรเลยเช่นนี้ เหตุใดนางถึงต้องหน้าแดงด้วย!
อวิ๋นอี้มุ่ยปาก นั่งบนขอบเตียง หรงซิวเอนตัวเข้ามา ถูกนางจงใจใช้ก้นดันออกไปไกล
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้หรงซิวงุนงง เขาจ้องอวิ๋นอี้อยู่นาน แสดงความคิดเห็นเบาๆ "ก้นเ้าไม่เลวเลย"
"......"
อวิ๋นอี้อยากจะตายเสียให้ได้!
พฤติกรรมบ้าๆ นี่ ขอร้องล่ะอย่าแสดงออกมาได้หรือไม่!
เชิงอรรถ
[1] เกาจุดที่คัน 挠痒痒 หมายถึง เอ่ยถึงเื่ที่อีกฝ่ายไม่สบายใจ หรือเื่ที่แทงใจ
[2] หนี่มา 尼玛 หมายถึง คำสบถ มาจาก 你妈 หมายความว่า แม่มึ*
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้