จิ๋วปิ่งเห็นว่าเยว่เฟิงเกอปกป้องเขาถึงเพียงนี้ ท่าทางของนางยามนี้เหมือนเ้านายของเขาในตอนนั้นไม่มีผิด ทำเอาเขารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก เขาร้องเหมียวใส่เยว่เฟิงเกอ “พระชายาดีกับจิ๋วปิ่งมาก จิ๋วปิ่งตัดสินใจแล้ว ต้องมีสักวันที่จิ๋วปิ่งจะหาเ้านายพบแล้วพาพระชายาไปเจอให้ได้”
เยว่เฟิงเกอฟังคำของจิ๋วปิ่ง แย้มยิ้มให้เขา “เ้าวางใจเถอะ ข้าไม่มีทางโยนเ้าออกไปแน่”
คนที่อยู่ที่นี่มีแค่เยว่เฟิงเกอที่เข้าใจในสิ่งที่จิ๋วปิ่งพูด ส่วนคนอื่นๆ ได้ยินแค่ว่าจิ๋วปิ่งร้องเหมียวเหมียว
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอให้ความสำคัญกับแมวตัวนี้ถึงเพียงนี้ ก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาริษยามากขึ้น
สตรีน่าตายนางนี้ เมื่อเช้ายังจุมพิตอย่างลึกซึ้งดูดดื่มกับเขาอยู่เลย ทำเอาตอนประชุมเช้าเขาเอาแต่คิดถึงนาง
แต่ยามนี้นางกลับมาทำท่าทำทางราวกับไม่อาจตัดใจจากแมวตัวหนึ่งได้อยู่เช่นนี้
ในใจนางมีเขาคนนี้ที่เป็อ๋องหรือไม่?
เมื่อในใจคิดเช่นนี้ มือของม่อหลิงหานที่จับเยว่เฟิงเกออยู่ก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น
เยว่เฟิงเกอรับรู้ได้ว่าม่อหลิงหานกำลังโกรธ บนร่างเขามีไอเย็นเยียบแผ่ออกมา
นางอดกลอกตาไม่ได้ ก็แค่แมวตัวหนึ่งเท่านั้น เขาต้องโกรธถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ทว่า เพื่อไม่ให้ม่อหลิงหานโกรธต่อไป เยว่เฟิงเกอไม่เลือกใช้วิธีงัดข้อกับเขาอีก นางใช้วิธีประนีประนอมอ่อนข้อแทน
เยว่เฟิงเกอเขย่ามือม่อหลิงหานไปมาพลางกล่าวว่า “ท่านอ๋อง วันวันหม่อมฉันต้องอยู่แต่ในนี้ น่าเบื่อมากเลยเพคะ ตอนนี้มีแมวตัวนี้อยู่ข้างกาย คอยเล่นเป็เพื่อนให้หายเหงา เช่นนี้หม่อมฉันถึงได้ไม่ต้องรู้สึกเบื่อหน่ายมากนักเพคะ”
ม่อหลิงหานมองสตรีตรงหน้าที่กำลังออดอ้อนเขา ใจที่เ็าเป็น้ำแข็งก็ค่อยๆ หลอมละลายทีละน้อย
เพียงแต่แค่เขาเห็นเ้าแมวจิ๋วปิ่งนี่ทีไรก็ให้รู้สึกริษยานัก
“หรือว่ามีเปิ่นหวางแค่คนเดียวยังไม่พอ? ” ความหมายแฝงในคำพูดของม่อหลิงหานชัดเจนมาก แค่มีเขาคนเดียวก็พอแล้ว ยังต้องมีแมวโง่เง่าที่ไหนมาเป็เพื่อนอีก
เยว่เฟิงเกอยิ้มอย่างเอียงอาย “แหม ท่านอ๋องกล่าวอะไรเช่นนั้นเพคะ แน่นอนว่าหม่อมฉันมีท่านอ๋องเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ทว่า บางเวลาท่านอ๋องก็ต้องไปเข้าร่วมประชุมเช้าดังเช่นวันนี้ พอไม่มีท่านอ๋องอยู่ข้างกาย หม่อมฉันก็รู้สึกเบื่อทั้งวันเลยเพคะ”
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินเช่นนี้ อารมณ์ที่กรุ่นโกรธก็เกือบจะหายเป็ปกติ
“ความหมายของพระชายาคือ เ้าเอาแต่คิดถึงเปิ่นหวางทั้งวัน? ” ม่อหลิงหานพูดขึ้นมาโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
เพียงเพื่อให้ม่อหลิงหานเก็บจิ๋วปิ่งไว้ เยว่เฟิงเกอพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอนอยู่แล้ว วันนี้ทั้งวันหม่อมฉันเอาแต่คิดถึงท่านอ๋อง คิดถึงมากจนหม่อมฉันกินดื่มไม่ลงเลยเพคะ”
เฉียวเฟยที่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีจิ๋วปิ่งอยู่ในอ้อมแขน ยามนี้นับว่าถูกสาดอาหารสุนัข [1] ใส่ขนานใหญ่แล้ว
ตอนนี้พวกเขาอยากจะหายตัวไปจากที่นี่ในทันทีเสียจริง เพราะหากต้องได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินเข้าบ่อยๆ อาจจะเป็การชักนำภัยร้ายมาสู่ตัวได้
ม่อหลิงหานถูกคำพูดของเยว่เฟิงเกอหยอกล้อจนอารมณ์ดีเป็ที่สุด เขายกมือขึ้นหยิกแก้มนางเบาๆ ก่อนจะปล่อยออก “ในเมื่อเป็เช่นนี้ เช่นนั้นจะเลี้ยงจิ๋วปิ่งไว้ในจวนก็ได้”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง” เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินว่าม่อหลิงหานอนุญาตให้เลี้ยงจิ๋วปิ่งไว้ในจวนได้ นางก็ดีใจจนเผลอเขย่งปลายเท้าไปจุ๊บแก้มม่อหลิงหานทีหนึ่ง
ม่อหลิงหานถูกการกระทำนี้ของนางทำให้อึ้งงันไปเล็กน้อย เขาหน้าแดงทันที
โชคดีที่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ไม่มีใครทันสังเกตว่าใบหน้าเขากำลังแดงระเรื่อ
เยว่เฟิงเกอเดินเข้าไปอุ้มจิ๋วปิ่งมาจากอ้อมแขนของเฉียวเฟยที่ใจนแข็งเป็ก้อนหินไปแล้ว จากนั้นจึงใช้ใบหน้าตนแนบกับศีรษะเล็กๆ ของจิ๋วปิ่ง ถูไถเบาๆ
จิ๋วปิ่งเองก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน เมื่อครู่เขาเห็นอะไรไป พระชายาจุมพิตท่านอ๋องก่อน?
แหม ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าแมวจริงๆ
จิ๋วปิ่งที่ถูกเยว่เฟิงเกอใช้ศีรษะถูไถถึงกับต้องมุดศีรษะซุกหน้าเข้ากับข้อพับของเยว่เฟิงเกอ
“อะแฮ่ม...” ม่อหลิงหานกระแอมไอออกมาสองเสียง ปกปิดความเขินอายที่ปรากฏชัดบนใบหน้า
เขาหันศีรษะไปและเห็นเฉียวเฟยยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางเหมือนกำลังอึ้งค้างอยู่
เขามองเฉียวเฟยอย่างเ็า น้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง “ยังมัวยืนอยู่ที่นี่ทำอันใด ยังไม่ไปอีก”
เฉียวเฟยดึงสติกลับมาได้ก็ไม่กล้ากล่าววาจาใด รีบหมุนกายไปจากเรือนเยว่เหยา
“ไปกันเถอะพระชายา ไปพักผ่อนเป็เพื่อนเปิ่นหวาง” ม่อหลิงหานพูดพลางก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้อง
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอเพิ่งจะเริ่มรู้สึกกลัวแล้วที่ไปจุ๊บแก้มม่อหลิงหานเช่นนั้น เมื่อครู่เป็เพราะนางดีใจยิ่งนัก จึงลืมนิสัยดั้งเดิมของม่อหลิงหานไป
จิ๋วปิ่งะโลงจากอ้อมแขนของเยว่เฟิงเกอ เขาหันหน้าไปบอกเยว่เฟิงเกอว่า “พระชายาจะไปทำเื่น่าอายกับท่านอ๋องแล้ว ท่านเก้าเองก็จะไปหาเสี่ยวฮัว ทำเื่น่าอายด้วยกัน”
นางมองเงาร่างที่ห่างไปไกลแล้วของจิ๋วปิ่ง มุมปากอดกระตุกไม่ได้
ยามนี้ม่อหลิงหานได้เอนกายลงบนเตียงแล้ว เมื่อเห็นว่าเยว่เฟิงเกอยังยืนอยู่ที่ประตูอย่างไม่มีทีท่าว่าจะขยับไหว ก็ออกปากส่งเสียงเตือน “พระชายาคงไม่คิดจะยืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืนหรอกใช่หรือไม่ คืนนี้อากาศหนาวมากนะ”
เยว่เฟิงเกอหมุนกายไปหัวเราะเอียงอายให้ม่อหลิงหานสองเสียง “วันนี้ท่านอ๋องเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แต่หม่อมฉันยังไม่ง่วง ขอหม่อมฉันนั่งอยู่ในสวนสักครู่นะเพคะ”
เยว่เฟิงเกอพูดขณะกำลังจะก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังสวน เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ก้าวออกไป ร่างกายกลับถูกฉุดดึงเข้าไปด้านในด้วยแรงมหาศาล
ขาทั้งสองข้างของนางลอยอยู่เหนือพื้น ร่างกายเองก็ไม่เชื่อฟังลอยหวือไปข้างหลังตามแรงดึง
เยว่เฟิงเกอใสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะปะทะเข้ากับกำแพงมนุษย์อย่างรวดเร็ว
“ม่อหลิงหาน ท่านทำอะไร? ” ใจของเยว่เฟิงเกอเริ่มเต้นตึกตักอีกครั้ง
ม่อหลิงหานมองใบหน้าของสตรีตัวน้อยในอ้อมแขนที่กำลังแดงน้อยๆ เพราะความใ เขาไม่พูดอะไรอีกทั้งนั้นก็ก้มหน้าลงจุมพิตนาง
วันนี้ทั้งวันในสมองเขามีแต่เงาร่างของเยว่เฟิงเกอ
หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้รั้งเขาไว้เพื่อปรึกษาเื่ชายแดน เขาคงรีบบินกลับมาหาสตรีน้อยนางนี้แล้ว
เยว่เฟิงเกอปิดตาลงครั้งนี้อย่างไม่คิดดิ้นรนอีก นางแน่วแน่รับััจากม่อหลิงหาน
ตอนที่คนทั้งสองกำลังจูบกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน นอกหน้าต่างก็มีเสียงแมวร้องสองเสียง
เยว่เฟิงเกอได้ยินเสียงของจิ๋วปิ่ง เขากำลังบอกแมวอีกตัวว่า “เ้าดูสิท่านอ๋องและพระชายากำลังทำเื่น่าอายกันอยู่ พวกเราเองก็ควรจะทำอะไรเช่นนั้นกันได้แล้ว จริงหรือไม่? ”
แมวอีกตัวแค่นเสียง ตอบว่า “ฝันไปเถอะ”
แมวตัวเมียตัวนั้นรีบะโหนีหายไปอย่างรวดเร็ว จิ๋วปิ่งรีบร้อนไล่ตามไปทันที “เสี่ยวฮัว เ้าอย่าหนีสิ ท่านเก้าจะต้องรับผิดชอบเ้าอย่างแน่นอน”
เพราะด้านนอกมีเสียงแมวร้องดังขึ้น ม่อหลิงหานจึงโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อครู่เขากำลังตั้งอกตั้งใจส่งมอบััให้นาง ทว่าเสียงที่ดังอยู่นอกหน้าต่างกลับแย่งความสนใจของสตรีในอ้อมแขนไปจากเขา
ม่อหลิงหานก่นด่าในใจ “จิ๋วปิ่งน่าตาย วันหน้าเปิ่นหวางจะต้องถลกหนังเ้าออกมาแล้วเอาเ้าไปย่างกิน”
เยว่เฟิงเกอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเขากำลังมองนางด้วยแววตาแฝงความกรุ่นโกรธ ชั่วขณะนั้นก็รู้แล้วว่าเมื่อครู่ที่นางเบนความสนใจไปที่สิ่งอื่นทำให้เขาโกรธเข้าแล้ว
นางหัวเราะแห้งๆ สองเสียงทันที “ท่านอ๋อง ถ้าอย่างไรเราทำต่อดีหรือไม่? ”
ทำต่อกับผีสิ
ม่อหลิงหานหมดอารมณ์แล้ว เขาหมุนกายมานั่งลงบนเตียง หันหลังให้เยว่เฟิงเกอโดยไม่กล่าววาจา
เยว่เฟิงเกอดึงชายเสื้อม่อหลิงหานไว้ กล่าวอย่างออดอ้อนว่า “ท่านอ๋องอย่าพิโรธเลย จิ๋วปิ่งแค่อยากให้สาวของเขาได้เห็นว่าพวกเรารักใคร่กันเพียงไร เช่นนี้ เขาจะได้เกี้ยวพานางได้สำเร็จเสียที”
“จิ๋วปิ่งคิดเช่นนี้? ” เมื่อม่อหลิงหานได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดว่าพวกตนรักใคร่กันลึกซึ้ง ความขุ่นมัวในใจก็สลายไปกว่าครึ่ง
เยว่เฟิงเกอพยักหน้าอย่างหนักแน่น แสดงออกว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปเป็ความจริงทั้งหมด
ม่อหลิงหานหันหน้าไปเห็นสีหน้าจริงจังของเยว่เฟิงเกอ ความขุ่นมัวในใจก็สลายหายไปทันที
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] อาหารสุนัข(狗粮)คนจีนมักเรียกคนโสดว่า สุนัขตัวคนเดียว สุนัขเดียวดาย ดังนั้น เวลาที่คนมีคู่แสดงความรักอย่างเปิดเผยต่อหน้าคนโสดจึงมักถูกเรียกว่า เป็การสาดอาหารสุนัขให้คนอื่นกิน