ควงเหยาใช้กระบี่ค้ำร่างตัวเอง พลางะโเสียงดังลั่น “ศิษย์น้องหญิง วิ่ง!”
หนีเจียเอ๋อร์พยายามลากตัวลู่ซี กึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าเป็อะไรหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์เป็ดั่งคนจมน้ำ ที่เห็นขอนไม้ลอยมาอยู่ตรงหน้า รีบร้องบอกทันที “ชิงหวา รีบไปช่วยศิษย์พี่ใหญ่ เร็ว!”
พอได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ควงเหยาและบรรดาศิษย์ในสำนัก ต่างก็พยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้าย เพื่อต้านทานการโจมตีของปีศาจหิมะ จนกระทั่งโจวชิงหวาเข้ามาสมทบ พวกเขาถึงทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง
ปีศาจหิมะถูกแทงมาแล้วหลายแผล กระบี่ของโจวชิงหวาจึงรุกฆาตได้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุด ทุกคนก็รอดตายมาได้...
ควงเหยาหยิบขวดกระเบื้องสีฟ้าออกมาจากแขนเสื้อ แล้วโยนไปทางโจวชิงหวา “แบ่งโอสถฟื้นฟูไปคนละขวด”
เมื่อพ้นอันตรายแล้ว หนีเจียเอ๋อร์ก็วางร่างของลู่ซีลง และเริ่มรักษาาแให้ แต่ด้วยความที่ตามองไม่เห็น หญิงสาวจึงไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า ได้แต่ร้องเรียกโจวชิงหวาให้ช่วยประคองควงเหยามา ผ่านไปครึ่งชั่วยาม อาการของลู่ซีจึงทรงตัว
ในเวลานี้ บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ย้อนกลับมาช่วยรักษาผู้าเ็
เมื่อเห็นว่าทุกคนมิได้รับอันตรายมากนัก หนีเจียเอ๋อร์จึงนั่งพักชั่วครู่ และเอ่ยถาม “ชิงหวา เ้ามาที่นี่เพื่อตามหาข้าอย่างนั้นหรือ?”
โจวชิงหวาลูบปลายจมูกของตน ด้วยความขัดเขิน “ก็ไม่เชิง ข้ากำลังจะไปหาเ้า แต่กลับหลงทาง จนได้ยินเสียงจากทางนี้ ถึงรู้ว่าเป็เ้า”
ควงเหยาไม่แปลกใจนัก “หากสำนักอิ้นเสวี่ยหาง่ายขนาดนั้น ประตูสำนักคงจะสึก เพราะถูกเหยียบจนทรุดไปหมดแล้ว!”
สำนักอิ้นเสวี่ยตั้งอยู่ในดินแดนซึ่งหนาวเหน็บที่สุด มีอาณาเขตติดูเาหิมะที่ไม่มีวันละลายมาตลอดหลายพันปี ทั้งยังถูกสร้างด้วยปรมาจารย์มากฝีมือ ไม่มีใครรู้ว่ามีผู้คนมากมายเพียงใด ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลหมายจะมารักษาตัว แต่สุดท้ายก็ต้องตายภายใต้หิมะของดินแดนแห่งนี้ เพราะหลงทาง
หลังจากลู่ซีได้สติตื่น สิ่งแรกที่นางทำ หาใช่กังวลกับอาการาเ็ของตัวเอง แต่กลับจับมือของหนีเจียเอ๋อร์ แล้วสำรวจไปทั่วตัวอีกฝ่าย “ศิษย์พี่หญิง แล้วศิษย์พี่ใหญ่เล่า เขาเป็อะไรหรือไม่?”
พอเห็นควงเหยานั่งอยู่ด้านหลัง ลู่ซีจึงขยับไปหลบที่เื้ัของหนีเจียเอ๋อร์
“ข้าสบายดี ขอบคุณศิษย์น้องลู่ซีที่เป็ห่วง บุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ ข้าคงตอบแทนได้ไม่หมด” ควงเหยาลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างเคร่งขรึม
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขา ลู่ซีก็ขวยเขินเล็กน้อย “นี่เป็เื่ธรรมดา ศิษย์พี่ใหญ่ไม่จำเป็ต้องใส่ใจ”
“ลู่ซี เ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องข้าจากการโจมตีของปีศาจ สำหรับข้าแล้ว นี่คือบุญคุณช่วยชีวิต หากมีสิ่งใดที่เ้า้า ข้าจะทำเพื่อตอบแทนเ้า” ควงเหยาเอ่ย
ลู่ซีดึงแขนเสื้อของหนีเจียเอ๋อร์ แก้มทั้งสองแดงระเรื่อ “ศิษย์พี่หญิง...”
แม้นางจะเขินอายอย่างหนัก แต่ก็อดมิได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองควงเหยา และสื่อความรู้สึกอันเอ่อล้นออกมาทางดวงตา โดยไม่รู้ตัว
“ฮะแฮ่มๆ!” ควงเหยากระแอมสองครั้ง แล้วพูดเสียงขึงขัง “ศิษย์น้องลู่ซีเป็คนจิตใจดี อ่อนโยนและมีน้ำใจ เป็สตรีที่หาได้ยาก ข้าคงรั้งรอมิได้แล้ว”
หนีเจียเอ๋อร์งงงัน “ศิษย์พี่ใหญ่ หมายความว่าอย่างไร?”
ควงเหยายิ้ม และเงียบไป
บรรยากาศอันเงียบสงัดเช่นนี้ ทำให้ผู้คนเขินอายเล็กน้อย
หลังพักผ่อนกันสักพัก ศิษย์ที่ไม่ได้าเ็ ต่างก็เข้ามาช่วยขนย้ายผู้ป่วย
โจวชิงหวาประคองควงเหยาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับมือหนีเจียเอ๋อร์ เดินไปด้วยกัน
พอกลับมาถึงสำนักอิ้นเสวี่ย เมื่อควงเยวี่ยโหลวพบว่าศิษย์หลายคนาเ็ จึงสอบถามคร่าวๆ แล้วรีบตรวจดูอาการของแต่ละคนทันที จากนั้นก็สั่งให้ศิษย์คนอื่นๆ ไปเตรียมยา และช่วยดูแลคนเจ็บอย่างเร่งด่วน ก่อนบอกให้คนพาลู่ซีกับควงเหยาที่าเ็หนักกว่าทุกคนไปที่ห้องโอสถ เพื่อเข้ารับการรักษา
โจวชิงหวาช่วยประคองพวกเขานอนลง ส่วนควงเยวี่ยโหลว ก็สั่งให้หนีเจียเอ๋อร์มาเรียนรู้การรักษาาแจากคมเขี้ยวของปีศาจหิมะอยู่ใกล้ๆ
ขณะที่ถอยห่างจากาแของลู่ซี ควงเยวี่ยโหลวก็อธิบายอย่างละเอียด และอดทนสอนอย่างเป็ขั้นเป็ตอน เพื่อให้หญิงสาวจดจำได้
เมื่อโจวชิงหวาเห็นว่าหนีเจียเอ๋อร์จดจ่ออยู่กับการเรียน จนลืมการมีอยู่ของตนไปโดยสมบูรณ์ เขาก็อยากจะอาละวาดขึ้นมา ยิ่งมองควงเยวี่ยโหลวจับมือเรียวของนางเช่นนั้น ก็อดขบกรามแน่นมิได้
อดทน!
พอเห็นว่าการรักษาสิ้นสุดลงแล้ว ขีดความอดทนของเขาพลันขาดผึง ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น เดินไปดึงมือของนางออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหาเื่ “ท่านควง ข้าขอคุยกับน้องสาวสักครู่ ได้หรือไม่?”
ควงเยวี่ยโหลวเหลือบมองชายหนุ่ม ที่กำลังจับไหล่ของหนีเจียเอ๋อร์แน่น ใบหน้าซึ่งอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีดำของเขา ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ใด หากแต่น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยยังคงนุ่มนวลเช่นเคย
“เชิญคุณชายโจวตามสบาย!”
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว พยายามฝืนตัวออกจากฝ่ามือของโจวชิงหวาเงียบๆ หากแต่มือของอีกฝ่ายกระชับแน่นไม่ต่างจากคีมเหล็ก ตรึงนางเอาไว้จนยากที่จะผละออกได้
หญิงสาวเม้มปากแน่น และพรูลมหายใจออกมายาวเหยียด พลางพูดเสียงใจเย็น “อาจารย์ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ไว้ข้าจะกลับมาดูอาการของศิษย์พี่ใหญ่กับลู่ซีนะเ้าคะ”
“อืม...” ควงเยวี่ยโหลวรับคำเบาๆ ก่อนหันไปมองโดยรอบ
โจวชิงหวาดึงหนีเจียเอ๋อร์ออกจากห้องโอสถอย่างรวดเร็ว จนนางแทบจะสะดุดบันได
“ว๊าย!” หนีเจียเอ๋อร์อุทาน
โจวชิงหวาชะงัก ขณะมองไปที่เท้าของนางด้วยความกังวล “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าเป็อะไรหรือไม่?”
“เป็สิ!” โทสะของหนีเจียเอ๋อร์พุ่งปะทุ นางสะบัดมือออก และโพล่งออกมาอย่างไม่ยั้งคิด “อาจารย์ไม่เห็นจะหยาบคายเหมือนเ้าเลย”
พอพูดไปแล้ว หญิงสาวก็เพิ่งตระหนักได้ ว่าตัวเองคงจะทำเกินไปหน่อย จึงก้มหน้าลง “ขออภัย... ข้ามิได้ตั้งใจจะว่าอย่างนั้น”
โจวชิงหวามองอยู่นาน โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงเดินผละไปทางด้านซ้าย
หนีเจียเอ๋อร์เดินตามไปที่ห้องพักของเขา ชายหนุ่มซดเหล้าไปครึ่งไหแล้ว แต่ก็ยังหงุดหงิด จนต้องขว้างมันออกไป
ไหสุรากระแทกกับกรอบประตู จนสุราเปื้อนชายกระโปรงของหญิงสาว
นางสะดุ้งด้วยความใ เดิมที อยากจะเอ่ยปากขอโทษ แต่คำพูดที่กล่าวออกมา กลับกลายเป็คำถาม “พี่ชิงหวา ไม่ทราบว่าข้าทำอะไรผิด ท่านถึงโกรธขนาดนี้”
โจวชิงหวาหันไปมอง พบว่าไหสุราที่ตนโยนออกไปด้วยแรงโทสะ แตกเป็เสี่ยงๆ อยู่ใกล้ตัวนาง สุราสาดกระเซ็นไปทั่ว อีกทั้งเศษไหเ่าั้ยังหล่นอยู่ข้างเท้าของหญิงสาว ซึ่งอาจจะบาดเท้าเอาได้ ชายหนุ่มจึงรีบขยับไปโอบอีกฝ่ายออกมาจากจุดนั้นทันที
“ปล่อยข้านะ!” หนีเจียเอ๋อร์ดิ้นรนอย่างหนัก
“ได้ๆ... ข้าปล่อยแล้ว ไม่ต้องใ!” โจวชิงหวาปล่อยนางอย่างไม่เต็มใจ