สภาพจิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถือว่าดีนัก
หลิวหย่งได้รู้จักกับตำรวจคนหนึ่งในสถานีตำรวจและได้รับข้อมูลที่เป็ประโยชน์มาการที่สามคนนี้ก่อเหตุผิดกฎหมายย่อมได้รับโทษหนักทว่าเมื่อเช้านี้คนในครอบครัวได้ไปโวยวายที่สถานีตำรวจด้วยและไม่รู้ว่าใครเป็ผู้คนวางแผน บอกว่าจะต้องทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเดือดร้อนไปด้วย...อันธพาลหญิงเช่นเสี่ยวหลานก็ต้องโดนพิพากษาเช่นกัน อีกทั้งยังกล่าวหาว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นทำตัวไม่งามท่ายั่วยวนทั้งสามคนก่อน พอไม่สำเร็จจึงแว้งกัด
อีกอย่างคำสารภาพที่สถานีตำรวจได้รับมาคือสามคนนี้ถูกยั่วยวนด้วยคำพูด
ไม่รู้ว่าใครเป็ผู้สร้างข่าวลืออยู่เงียบๆหญิงสำมะเลเทเมาเซี่ยเสี่ยวหลานถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่มีคนออกตัวสนับสนุนเธออีกทั้งเธอคือหญิงสำส่อนที่ทุกวันมิอาจขาดผู้ชายได้ ขอแค่เป็ผู้ชายล้วนไม่ปฏิเสธเซี่ยเสี่ยวหลานขายไข่ไก่อยู่ในเมืองเดิมทีอันธพาลทั้งสามมักวิ่งวุ่นไปมาระหว่างในเมืองและชนบท ได้ยินแค่กิตติศัพท์ของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่เท่าไรพอได้เห็นเธอด้วยตาตนเองเข้า จะอดใจได้ที่ไหนกัน?
พวกมันไม่ได้เพียงจะเล่นสนุกเท่านั้นยังคิดไว้ว่าจะได้ทั้งคนและเงินด้วย
หลิวหย่งฉงนงงงวย “หลานก็ไม่ได้ขุดหลุมศพตระกูลเซี่ยสักหน่อยพวกเขาเกลียดหลานขนาดนี้ไปเพื่ออะไร?”
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกไม่ชอบมาพากล “เป็บ้านเซี่ยที่แอบเล่นตุกติกจริงหรือ?”
เธอถึงกับคิดว่าตนอาจไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลเซี่ยไม่แน่ว่าอาจเป็บุตรีของศัตรูเสียมากกว่า เพราะถูกครอบครัวเลี้ยงดูมาดังนั้นคนตระกูลเซี่ยจึงทรมานทรกรรมเธออย่างเอาเป็เอาตายทนไม่ได้ที่เธอจะใช้ชีวิตโดยสงบสุข พอนึกถึงว่าเมื่อวานเกือบโดนคนล่วงเกินรวมถึงไข่ไก่ที่แตกเสียหายเ่าั้ เพลิงโทสะของเซี่ยเสี่ยวหลานก็แทบจะสะกดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็บ้านพัก ลุงหลานทั้งสองจึงคิดว่ากลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันถึงรายละเอียดกันยังต้องขอบคุณผู้มีพระคุณโจวเฉิงและคังเหว่ยด้วย
หลิวหย่งพบกับร้านอาหารของรัฐแห่งหนึ่ง
บริกรดูเกียจคร้านซึมกะทือราวกับใครติดหนี้ไม่คืนเงินเธออย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยชินกับเหล่าบริกรที่ปฏิบัติกับลูกค้าดุจพระเ้าในยุคของเธอจึงไม่เข้าใจท่าทางอวดดีของบริกรร้านอาหารรัฐในตอนนี้ที่น่าขันกว่านั้นคือพวกเขาเป็ลูกค้ากลุ่มแรกของร้านบริกรดูเหมือนจะไม่อยากดำเนินธุรกิจของพวกตนเอาเสียเลย
“มีตั๋วอาหารไหม?”
หลิวหย่งส่ายหน้า “ไม่มีตั๋วอาหารหรอก ยกอาหารมาให้พวกเราสักสองอย่างที”
ปกติแล้วมาร้านอาหารของรัฐก็รับประทานแค่บะหมี่สักชามเท่านั้นมีตั๋วอาหารจะยิ่งได้ราคาถูกขึ้นอีกมาก
บริกรนั้นดูออกว่าหลิวหย่งเป็คนบ้านนอก
เธอส่งเสียง หึ อย่างจองหอง “ไม่มีตั๋วอาหาร ราคาก็แพงนะ คุณจะรับประทานอาหารแบบไหนล่ะ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานมิอาจทนอารมณ์เช่นนี้ได้หากไม่ใช่เพราะเฟ้นหาภัตตาคารชั้นสูงนอกจากร้านอาหารของรัฐไม่ได้แล้วเธออยากจะหันหลังกลับออกจากร้านจริงๆ
“นี่ ดูเธอพูดเข้าสิ มีอะไรก็ยกมาเถอะคิดว่าพวกเราไม่มีเงินจ่ายหรือ?”
วาจาสำเนียงปักกิ่งของคังเหว่ยทำเอาบริกรอวดดีถึงกับใ
เดี๋ยวนี้สำหรับผู้คนหลายหนแห่งแล้วคนปักกิ่งนั้นช่างสูงส่งอย่างไรก็เป็ถึงเมืองหลวง ยโสโอหังอยู่พอตัว พอดูดีๆ แล้วในสี่คนนี้มีแค่หลิวหย่งที่ดำคล้ำตัวเตี้ย อีกสามคนล้วนดูดีมีชั้นเชิงไม่แพ้กัน
บริกรไม่กล้าหยิ่งยโสอีกต่อไปแล้ว “ฉันไปถามในครัวสักครู่”
ผ่านไปสักพักเดินก็กึ่งวิ่งออกมา “พ่อครัวจูบอกว่ามีปลาชิง [1] ที่เพิ่งส่งมาจากอ่างเก็บน้ำไป๋ซี [2] หนักสัก 18 ชั่งได้พวกคุณกินไหวไหม?”
หลิวหย่งเป็คนบ้านนอกคอกนา ได้แต่คิดว่าปลาจะมีอะไรอร่อยกันปลาที่จับได้ในชนบทนั้นทุกคนล้วนกินจนเบื่อและไม่อยากกินในเมื่อจะเลี้ยงอาหารผู้อื่นแล้ว ก็ต้องยกอาหารประเภทขาหมูชิ้นโตมาเสียมากกว่า
ทว่าบริกรร้านอาหารรัฐช่างน่าเหลืออดเขาจึงพยักหน้ารับอย่างไม่สบอารมณ์
“ก็กินมันนั่นแหละ ยกอาหารอย่างอื่นมาอีกหน่อยแล้วกัน”
“คุณลุง ปลาชิง 18 ชั่งพอกินแล้วครับ”
โจวเฉิงอธิบายกับเซี่ยเสี่ยวหลาน “ปลาชิงใหญ่ไปเล็กไปก็ไม่อร่อยทั้งนั้น น้อยกว่า 10 ชั่งไม่อวบอ้วนพอ เกิน 20 ชั่งเนื้อปลาจะแก่เกิน 18 ชั่งถือว่ากำลังพอดี”
นี่ไม่ใช่การอธิบายให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟังเท่านั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังให้บทเรียนกับหลิวหย่งอยู่
แต่โจวเฉิงทำเช่นนี้กลับไม่ทำให้คนรำคาญหลิวหย่งมิอาจไม่ยอมรับว่าโจวเฉิงนั้นมีเสน่ห์ ได้แต่บ่นอุบอิบว่าเกือบไปแล้วอีกนิดเดียวเขาจะได้ปล่อยไก่ต่อหน้าหนุ่มปักกิ่งสองคนนี้แน่แม้ว่าท้องไส้ของผู้คนส่วนใหญ่ในปี 83 ยังคงพร่องอาหารดีๆ แต่โจวเฉิงไม่เหมือนคนขาดแคลนเงินทองเอาเสียเลยหากยกอาหารประเภทขาหมูมาจริงเขาก็ไม่น่ามีปฏิกิริยาใดๆ รอให้ปลาชิง 18 ชั่งนั่นขึ้นโต๊ะเสียก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้รู้แล้วว่าร้านอาหารของรัฐมันเจ๋งตรงไหนกัน
เนื้อปลาครึ่งหนึ่งนำไปแล่เป็แผ่นบางแล้วทำปลาต้มพริกเสฉวน
อีกครึ่งหนึ่งทุบจนเนื้อนิ่มเป็ปุยแล้วทำซุปลูกชิ้นปลาหัวปลานำไปนึ่งกับพริกสับ เอาเนื้อปลาชิ้นใหญ่ไปทอดจิ้มกินกับงาและเกลือ
ปลาหนึ่งตัวทำอาหารได้ถึงสามอย่างกับน้ำแกงอีกอย่าง เพิ่มด้วยเครื่องเคียงที่ปริมาณพูนขอบทุกจานหลิวหย่งรับประทานปลาต้มพริกเนื้อนุ่มนวลลิ้นโดยไม่ปริปาก
แท้จริงแล้วไม่ใช่ปลาที่ไม่อร่อย แต่คนชนบทไม่มีฝีมือขนาดนั้นและทำใจใส่น้ำมันปรุงอาหารเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร
อาหารของวันนี้และมื้อนี้ เป็มื้อที่เซี่ยเสี่ยวหลานผู้ข้ามมาถึงปี 83 แล้ว กินได้อย่างสบายใจที่สุดมื้อหนึ่งเลยทีเดียว
แต่บรรยากาศระหว่างรับประทานอาหารก็แปลกพิกล หลักๆคือคังเหว่ยที่ทำตัวแปลก โจวเฉิงสงวนท่าทีแล้วส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตาคังเหว่ยถึงได้เชิญชวนดื่มเครื่องดื่มพร้อมกับอวยพรอย่างยิ้มแย้มเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจได้ คังเหว่ยเองก็ไปสถานีตำรวจด้วยกัน น่าจะรับรู้แล้วว่า ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เป็คนที่ชื่อเสียงไม่น่าพิสมัย
เธอคิดอย่างไม่ยี่หระ อย่างไรเสียก็แค่คนที่พบกันโดยวาสนาหากพวกเขาจะดูถูกเธอเพียงเพราะข่าวลือ เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปมาหาสู่กันดีกว่า
อาหารสองมื้อย่อมชดใช้บุญคุณที่ช่วยที่ชีวิตไว้ไม่หมดเธอได้ดิบได้ดีเมื่อไรจะต้องตอบแทนอีกครั้งแน่นอน เมื่อตอบแทนแล้วนับจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป
ตะเกียบคู่หนึ่งคีบเนื้อท้องปลาที่นุ่มที่สุดใส่ชามของเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานเงยหน้าขึ้น โจวเฉิงยิ้มให้กับเธอ
เวลาเขายิ้มช่างดูดีเสียจริง
หลิวหย่งมองอยู่ก็รู้สึกว่าพังพอนตัวนี้จะขโมยลูกไก่ในบ้านของเขาต่อหน้าต่อตาเลยรีบตัดบทความคลุมเครือดุจคลื่นใต้น้ำที่กำลังถาโถมนี้
“มา มา มา ดื่มเถอะ ฉันขอดื่มให้คุณทั้งสองหนึ่งจอกขอบคุณพวกคุณทั้งสองอีกครั้งที่ช่วยเสี่ยวหลานไว้”
โจวเฉิงยกจอกขึ้นมา คังเหว่ยจึงไม่กล้าไม่ยกจอกตาม
โจวเฉิงกล่าวด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุด “ผมกับเสี่ยวหลานถูกชะตากันั้แ่ครั้งแรกที่ได้พบคุณลุงไม่ต้องเกรงใจแล้ว เรียกผมว่าโจวเฉิงได้ หรือเรียกผมว่าเฉิงจื่อก็ไม่เป็ไรผมและเสียวเหว่ยขอดื่มให้คุณลุงหนึ่งจอกเช่นกัน”
“โจวเฉิง คุณพูดจาให้มันระวังหน่อยอะไรคือถูกชะตากับเสี่ยวหลานั้แ่แรกพบ คำพูดแบบนี้มันพูดไปเรื่อยได้หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานนั้นงดงามเป็เื่ปกติที่ชายหนุ่มจะถูกใจั้แ่แรกเห็นทว่ารู้จักกันได้แค่วันเดียวก็กล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าผู้าุโนั้นช่างเหลาะแหละเกินไปเสียแล้วราวกับไม่เห็นว่าเสี่ยวหลานเป็คนที่มีค่า เชิดหน้าชูตาให้เป็ตัวจริงหลิวหย่งรู้สึกโกรธไม่น้อย คิดว่าตัวเองไม่ควรพาคังเหว่ยไปสถานีตำรวจด้วยกันเลย
โจวเฉิงวางจอกเหล้าลงแล้วลุกขึ้นยืน
“คุณลุงวางใจเถอะ ผมอายุ 20 ปีแล้ว ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ข่าวลือของเสี่ยวหลานพวกนั้นเมื่อครู่คังเหว่ยได้บอกกับผมแล้ว ผู้าุโในบ้านผมท่านหนึ่งได้กล่าวไว้จะมองคนหรือมองเื่ราวต้องไม่นิยามด้วยคำพูดของคนอื่น แต่ต้องััด้วยตนเองตัดสินด้วยตนเอง... เสี่ยวหลานเป็คนเช่นไร ผมมีวิจารณญาณของตัวเอง แต่กระนั้นถึงต่อให้ผมถูกภาพลักษณ์ประดิษฐ์ที่เสี่ยวหลานแสดงออกหลอกลวงแล้วนั่นก็เป็เพราะผมยินดีะโลงไปในหลุมพรางเอง โทษใครไม่ได้ทั้งนั้นผมพูดแบบนี้ไม่มีความหมายอื่นใดและไม่ได้จะนำเื่บุญคุณมาทำให้เสี่ยวหลานคบหากับผมผมเพียงแต่อยากบอกคุณลุงว่าผมมีความจริงใจเหลือเกินที่จะผูกมิตรกับเสี่ยวหลานครับ”
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะเคยมี่เวลาหนึ่งกับคนอื่นแล้วจริงๆโจวเฉิงก็ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น
อย่าได้สนว่าเมื่อก่อนเธอชอบใคร จากนี้ไปเธอต้องชอบเขาอย่างแน่นอน!
เชิงอรรถ
[1]青鱼ปลาชิง หรือปลาคาร์ฟดำ มีรสชาติดีผู้คนนิยมรับประทาน
[2]白溪水库อ่างเก็บน้ำไป๋ซี ตั้งอยู่ที่เมืองหนิงปัวเขตหนิงไห่มีหน้าที่หลักคือเก็บน้ำและกันน้ำหลาก รวมไปถึงผลิตกระแสไฟฟ้า