ตอนเย็น 6 โมง 15 นาที ฉินหลางรีบเร่งมาถึงห้องทดลองตึกชีววิทยา
“ฉินหลาง เธอมาแล้ว—กรี๊ด!”
ตอนแรกเถารั่วเซียงยืนจัดเรียงตัวอย่างทดลองอยู่บนบันได เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของฉินหลาง เธอจึงหันตัวกลับมาทักทายเขา แต่คิดไม่ถึงว่าในชั่ววินาทีที่กำลังหมุนตัวนั้น บันไดพับที่เธอยืนอยู่ก็เกิดลื่นขึ้นมา ทำให้เธอทิ้งตัวลงไปด้านข้างพร้อมกับบันได กรีดร้องออกมาด้วยความใ
‘โอกาสดี!’
ฉินหลางที่เพิ่งจะเข้ามาในห้องทดลองเห็นฉากนี้พอดี แอบดีใจ ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดโชคอะไรขึ้นมา ฉากที่มีแต่ในละครน้ำเน่าแบบนี้ ได้เกิดขึ้นต่อหน้าเขาราวกับปาฏิหาริย์ นี่ถือเป็โอกาสดีที่ฟ้าประทาน เพื่อให้ตัวเองสามารถเป็วีรบุรุษช่วยสาวงามได้
ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ฉินหลางก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วราวกับเสือดาว ก่อนที่เถารั่วเซียงจะหล่นถึงพื้นแค่ชั่วพริบตาเดียว เขาชิงนอนลงไปบนพื้นก่อน ทำให้เถารั่วเซียงร่วงลงบนร่างของเขาตรงๆ
ความจริงฉินหลางสามารถเร็วได้มากกว่านี้ ถึงขั้นขัดขวางไม่ให้ฉากในละครน้ำเน่านี้เกิดขึ้นได้ โดยการโอบเอวของเธอไม่ให้หงายหลังได้ แต่ทว่าฉินหลางกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะเขาไม่้าแสดงออกมากไป กลัวมันจะทำให้เถารั่วเซียงใ ยิ่งไปกว่านั้น การนอนอยู่บนพื้นรับการกระแทกให้กับเถารั่วเซียงเป็เื่สวยงามที่ทำให้รู้สึกดีแน่นอน แม้จะถูกขวางกั้นด้วยเสื้อผ้าก็ตาม แต่ตอนที่ทุกส่วนของร่างกายได้ัักันนั้น ทำให้ฉินหลางรู้สึกดีอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทันใดนั้นร่างกายรู้สึกอ่อนระทวยไปยันกระดูก อยากที่จะนอนอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องลุกขึ้นอีกตลอดไป
เถารั่วเซียงควบคุมสติได้ยอดเยี่ยม ไม่ปล่อยให้ฉินหลางได้มีเวลาคิด (ลึก) เกินเลยแม้แต่น้อย รีบลุกขึ้นทันที “ขอโทษ! เมื่อกี้บันไดไม่ได้ฟาดไปโดนเธอใช่ไหม?”
“เื่เล็กน้อย ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ” ใบหน้าของฉินหลางเต็มไปด้วยความเป็ห่วง “น้าเถา คุณไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
“โชคยังดีที่เธอมารับทัน ขอบใจมาก” หลังจากกล่าวขอบคุณเสร็จ เถารั่วเซียงก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้เป็การเป็งานทันที “โรงเรียน้าเพิ่มห้องปฏิบัติการทดลองทางชีววิทยา เพิ่งนำตัวอย่างแมลงและผีเสื้อจำนวนมากเข้ามาใหม่ ฉันรู้ว่าเธอมีความรู้มากมายในด้านนี้ ดังนั้นถึงชวนเธอมาช่วยจำแนกสายพันธุ์ของพวกมัน แยกประเภทและจัดเรียงบนชั้นวาง”
“เพิ่มห้องปฏิบัติการทดลองทางชีววิทยา พูดซะน่าฟัง ทั้งที่ความจริงแค่เตรียมการรับมือเวลาที่เบื้องบนมาตรวจสอบ” ฉินหลางพูดไปยิ้มไป “คิดไม่ถึงว่าอาจารย์เถาของเรา ก็มีเวลาที่สร้างภาพด้วย”
“ไม่ว่าจะพูดยังไง สำหรับนักเรียนนั้นมันก็ถือว่าเป็เื่ดี”
“สำหรับคนอื่นจะดีไม่ดีผมไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็เื่ดีแน่นอน!” ฉินหลางพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ถ้าไม่มีตัวอย่างแมลงพวกนี้ ผมจะมีโอกาสได้รับใช้น้าเถาได้ยังไง”
“ปากดีให้มันน้อยๆ หน่อย! รีบทำงานได้ละ! ที่นี่มีตัวอย่างแมลงอีกหลายร้อยชิ้นเลย” เถารั่วเซียงยื่นตัวอย่างแมลงให้ฉินหลางหนึ่งกล่อง “ตั้งใจดูฉลากของแต่ละตัวอย่างด้วยนะ แล้วอย่าทำผิดเด็ดขาด ไม่งั้นต่อไปเขาจะพูดกันได้ว่าอาจารย์เถาเก่งไม่จริง”
“ไว้ใจเถอะครับ ไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน!”
ฉินหลางไม่เข้าใจวิชาอื่นเลยสักนิด แต่กับความรู้ทางชีววิทยาของเขานั้นมันมีมากกว่าวิชาอื่นตั้งไม่รู้กี่เท่า ตัวอย่างแมลงชนิดต่างๆในมือเขา แม้ไม่ต้องดูฉลาก ฉินหลางก็ไม่มีทางทำผิดพลาดอย่างแน่นอน และตัวอย่างกล่องที่ฉลากได้ร่วงหล่นออกไปนั้น ฉินหลางก็สามารถนำมันติดกลับมาได้อย่างถูกต้อง เถารั่วเซียงมองดูฉินหลางจำแนกประเภทอย่างเป็ขั้นเป็ตอน จัดเรียงตัวอย่างแมลงและผีเสื้อตามประเภทได้อย่างเป็ระเบียบ นอกจากพยักหน้าเบาๆ แล้ว ยังแอบชมอยู่ในใจ เชี่ยวชาญเฉพาะอาชีพจริงๆ ความรู้ทางชีวภาพของเ้าหมอนี่ ไม่เลวเลยจริงๆ
ฉินหลางไม่เพียงแต่มีความรู้ทางชีวภาพที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว ยังมีความคล่องแคล่วว่องไว ตัวอย่างแมลงและผีเสื้อถูกจัดวางอย่างเป็ระเบียบบนชั้นวางทีละชิ้นทีละชิ้นอย่างรวดเร็ว
“อาจจารย์เถาครับ ชื่อบนฉลากของตัวอย่างผีเสื้อกล่องนี้ผิดครับ” ตอนนี้ ฉินหลางโบกตัวอย่างผีเสื้อในมือไปยังเถารั่วเซียง
“เธอลงมาพูดสิ ระวังหน่อย” เถารั่วเซียงบอกให้ฉินหลางลงมาจากบันไดก่อนแล้วค่อยพูด จะได้ไม่ต้องซ้ำรอยของเธอเมื่อสักครู่นี้
ต่อให้ฉินหลางหน้าด้านมากสักแค่ไหน ก็คงไม่กล้าแกล้งหกล้มแล้วกระโจนไปยังอาจารย์เถา เขาสไลด์ตัวลงมาจากบันไดอย่างกระฉับกระเฉง ก่อนจะยื่นตัวอย่างผีเสื้อไปด้านหน้าเถารั่วเซียง “อาจารย์เถาครับ ฉลากบอกผีเสื้อชนิดนี้ชื่อ ‘ต๋ามั๋วเฟิ่งเตี๋ย’ แต่ความจริงแล้วมันควรจะเป็ชื่อ ‘ยวี้ปันเฟิ่งเตี๋ย’ ถึงจะถูก!”
“เธอมั่นใจขนาดนั้นเลย?” เถารั่วเซียงถามด้วยความสงสัย “บนโลกนี้มีผีเสื้อทั้งหมดประมาณ 14,000 กว่าสายพันธุ์ และผีเสื้อทั้งสองตัวที่เธอพูดถึง น่าจะเป็ผีเสื้อในตระกูลเฟิ่งเตี๋ยทั้งคู่ เธอแน่ใจได้ยังไงว่ามันคือ ‘ยวี้ปันเฟิ่งเตี๋ย’ ไม่ใช่ ‘ต๋ามั๋วเฟิ่งเตี๋ย’ ล่ะ? เธออย่าบอกนะ ว่าเพียงเพราะบนตัวของผีเสื้อตัวนี้เหมือนไม่เท่าต๋ามั๋วอ่ะ!”
ฉินหลางคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เถารั่วเซียงจะพูดตลก อดที่จะยิ้มไม่ได้ “อืม…ต๋ามั๋วเฟิ่งเตี๋ยกับต๋ามั๋ว หลวงจีนความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าเ้ายวี้ปันเฟิ่งเตี๋ยตัวนี้ กับหลวงจีนยังเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง—”
พูดถึงตรงนี้ ฉินหลางจงใจหยุดอย่างกะทันหัน เพื่อให้เธอสงสัย
เถารั่วเซียงกระตือรือร้นขึ้นมาจริงๆ ด้วย ถามอย่างอดไม่ได้ “มีอะไรเกี่ยวข้องกัน? เธออย่าบอกครูมั่วๆ นะ”
“ต๋ามั๋วเฟิ่งเตี๋ยมันมีจุดเยอะกว่า สีสันสวยงามกว่า แต่เ้ายวี้ปันเฟิ่งเตี๋ย จะมีจุดน้อยกว่า สีสันก็น้อยกว่าด้วยเช่นเดียวกัน แต่จุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดอยู่ที่ยวี้ปันเฟิ่งเตี๋ย เพราะตรงใต้ปีกของมันจะมีจุดสีขาว คล้ายหลวงจีนสองรูปกำลังนั่งสมาธิหันหลังชนกัน แล้วยังเหมือนกับหลวงจีนน้อยของญี่ปุ่นอิคคิวซัง เพราะฉะนั้นมันจึงมีฉายาว่า ‘ผีเสื้ออิคคิว’ คุณลองสังเกตดูสิ จุดสีขาวทั้งสองแผ่นนี้เหมือนหลวงจีนน้อยสองรูปที่กำลังเล่นประตูหลังกันอยู่รึเปล่า?”
เถารั่วเซียงสังเกตดูอีกครั้งโดยละเอียด พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ เห็นด้วย “เหมือนหลวงจีนน้อยจริงๆ ด้วย ฉินหลาง ฉันล่ะนับถือนายจริงๆ เลย สามารถใช้วิธีนี้มาแยกแยะประเภทของผีเสื้อได้ด้วย—เพียงแต่ ความคิดนี้ของเธอมันสกปรกไปรึเปล่า บอกว่าหลวงจีนน้อยเล่นประตูหลังกัน น่าคลื่นไส้จริงๆ เลย”
“อันนี้เป็เื่ธรรมดาครับ ในเมื่อคู่ของเหลียงจู้ หนุ่มสาวคู่นี้สามารถกลายเป็ผีเสื้อด้วยกันได้ หลวงจีนน้อยที่ชอบเล่นประตูหลังก็กลายเป็ผีเสื้อได้เช่นเดียวกัน เราจะมองคนที่เขารักร่วมเพศด้วยสายตาแปลกแยกได้ยังไงล่ะ ถึงแม้จะเป็คู่กันไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังหันหลังเล่นประตูหลังกันได้ไม่ใช่เหรอ”
“เธอนี่นะช่าง…ยังมีนิทานอะไรที่น่าสนใจอีกรึเปล่า เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“…”
ในขณะที่กำลังทำงานไปด้วยคุยเล่นกันไปด้วยนั้น ฉินหลางรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขากับเถารั่วเซียงลดลงไปไม่น้อย นั่นทำให้ฉินหลางตระหนักขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังพอที่จะมีโอกาสอยู่บ้าง ดูไปแล้วทุกอย่างกำลังเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
ตัวอย่างแมลงและผีเสื้อถูกวางบนชั้นวางทีละชิ้นๆ ระยะห่างของทั้งคู่ก็กำลังค่อยๆ ลดลงทีละนิดๆ ด้วยเช่นกัน
“ตัวอย่างแมลงและผีเสื้อกล่องสุดท้ายแล้ว เธอจัดการละกันนะ ตอนนี้ฉันมีธุระต้องออกไปทำ ไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม?” หลังจากที่เถารั่วเซียงรับโทรศัพท์แล้ว เธอก็รีบเตรียมเดินออกไป
“ไม่มีปัญหาครับ” ฉินหลางรับตัวอย่างแมลงมาจากมือเถารั่วเซียง
“ตอนเธอจะกลับ อย่าลืมล็อกประตูให้ด้วยนะ” เถารั่วเซียงกล่าวเตือนฉินหลางก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ไม่มีเถารั่วเซียงอยู่ข้างๆ คอยเบี่ยงเบนความสนใจ ฉินหลางจึงจัดวางตัวอย่างพวกนี้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
หากแต่ฉินหลางไม่ได้รีบกลับออกไป เขาตั้งใจจะรออีกสักพัก เผื่อเถารั่วเซียงกลับมาก่อนเขาจะได้ “ตื้อ” ทานมื้อค่ำกับเธอได้ เหมือนอย่างที่ฉินหลางเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ทำดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนไม่ใช่สไตล์ของเขา
ฉินหลางเดินวนอยู่ในห้องปฏิบัติการตัวอย่างหนึ่งรอบ ตัวอย่างแมลงที่สุดแสนจะธรรมดาชิ้นหนึ่งได้ดึงดูดความสนใจเขา
ตัวอย่างนี้เหมือนเพิ่งจะทำขึ้นมาไม่นาน มองทะลุเข้าไปกล่องใส มันคือ “ยุงลามก” ที่ตากอากาศจนแห้งแล้ว!
การมองเห็นของฉินหลางค่อนข้างละเอียดมาก และเขาก็ค่อนข้างจะแน่ใจว่า เ้ายุงตัวนี้ก็คือยุงลามกตัวที่ตายเพราะถูกพิษของเขา คิดไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในมือของเถารั่วเซียง และยังได้กลายเป็ตัวอย่างแมลงแล้วด้วย
“หรือว่าเถารั่วเซียงจะรู้อะไรบางอย่าง?” ฉินหลางรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
ฉินหลางไม่ได้กลัวว่าเถารั่วเซียงจะรู้ความลับของตน แต่เขากลัวว่าเถารั่วเซียงได้รับาเ็ หรืออาจรุนแรงจนถึงตายเพราะความสงสัย เพราะตาเฒ่าพิษค่อนข้างจะเป็คนที่ชอบใช้วิธีการที่เหี้ยมโหดและเด็ดขาด ถ้าหากให้ตาฒ่าพิษรู้ว่าเถารั่วเซียงรู้ความลับของฉินหลางแล้วละก็ เถารั่วเซียงจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!
“หรืออาจจะเป็แค่ความบังเอิญเท่านั้น?”
ผ่านไปพักหนึ่ง ฉินหลางค่อยๆ สงบสติลง เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะเป็กังวลเกินไป คิดไปเอง กลัวไปเอง เพราะถึงยังไงเขากับเถารั่วเซียงก็เพิ่งจะได้รู้จักกันไม่นาน โดยเฉพาะเ้า ‘ยุงลามก’ ตัวนี้ เป็ยุงที่ได้มาั้แ่คลาสแรกที่ได้เรียนกับเธอ ตอนนั้นเถารั่วเซียงน่าจะยังไม่แม้แต่จะคุ้นหน้าเขาด้วยซ้ำถึงจะถูก
“มันเป็ความบังเอิญแน่นอนเลย!” ฉินหลังครุ่นคิด สักพักฉินหลางจึงได้มั่นใจกับข้อสรุปของตน
ข้างๆ กับตัวอย่างแมลงที่วางไว้ คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปยังคงเปิดอยู่ ดูเหมือนว่าเถารั่วเซียงจะลืมปิดคอมพิวเตอร์ ฉินหลางเลื่อนเม้าส์ คอมพิวเตอร์ที่กำลังพักหน้าจออยู่กลับเข้าสู่โหมดปกติ ตอนที่เขากำลังจะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ จู่ๆ เขาก็นึกถึงเื่ของอันเต๋อเซิ่งขึ้นมา เขาจึงเปิดเบราว์เซอร์ ค้นหาคำว่า ‘เมืองเซี่ยหยาง’ ‘อันเต๋อเซิ่ง’ ‘บิวตี้คลับ’ และคำอื่นๆ
เพียงไม่นาน ฉินหลางเจอกับข้อมูลที่ค่อนข้างจะมีประโยชน์
แต่แล้วในเวลานี้เอง ฉินหลางก็ได้รับสายที่โทรมาจากฮานซานฉาง เพียงครู่หนึ่ง ฉินหลางก็พูดขึ้น “ฉันกำลังจะออกไป”