...หลิวผิงนำกองกำลังคุ้มกันหนึ่งหน่วยพร้อมอาวุธครบมือมาเคาะประตูใหญ่บ้านสกุลหู
ขณะที่พานเสวี่ยหลันเปิดประตูลานบ้านออก นางใจนขาแทบอ่อนทรุดลงไป
หลิวผิงทิ้งกองกำลังคุ้มกันไว้นอกบ้าน ส่วนตนเองเข้าไปในห้องโถง
คนในบ้านรีบลุกขึ้นมาทำการต้อนรับทันที
เจินจูจัดการสีหน้าเล็กน้อย เป็ปัญหาที่ผิดพลาดทางสกุลกู้จริงๆ ด้วย
หลิวผิงมีความชำนาญในด้านการสังเกตสีหน้าคนยิ่งนัก เมื่อเขาเข้าห้องโถงมา ก็ััได้ถึงความผิดปกติ
ความกดอากาศในห้องโถงต่ำจริงๆ แม้แต่หูฉางกุ้ยที่แต่ไหนแต่ไรมามักเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้กลับฉีกยิ้มแทบไม่ขึ้น
สกุลหูต้องเกิดเื่แล้วแน่ๆ
เขามองไปทางหูเจินจู เป็ไปดังคาด ดวงตาของนางมองมาที่เขาแฝงไว้ด้วยคำถาม
สองฝ่ายทักทายกันอย่างมีมารยาท
หลังจากนั้นหลิวผิงหันไปส่งสายตาทางเจินจู มีบางเื่ที่เขาไม่สามารถกล่าวต่อหน้าผู้อื่นได้
เจินจูเข้าใจได้ในทันที จึงนำทางเขาไปยืนอยู่ตรงกลางลานบ้าน
“แม่นางหู เกิดเื่อะไรขึ้นหรือไม่?” หลิวผิงรีบถาม
เจินจูมองเขาหนึ่งทีด้วยดวงตาหรี่แสง “เ้าของร้านหลิวรู้ว่าสกุลหูจะเกิดเื่หรือเ้าคะ?”
“ไอ๊หยา!” หลิวผิงตบมือหนึ่งที และกระทืบเท้าอย่างแรงด้วยความคับแค้นใจ “เมื่อวานตอนเช้าได้รับจดหมายเร่งความเร็วจากคุณชาย บอกว่าเป็เหวยจื่อยวน ผู้ที่เป็หมอติดตามคุณชายในเมื่อก่อน สมคบกับขันทีใหญ่ภายในจวนองค์ไท่จื่อ เผยเื่จวนสกุลกู้ถวายโสมคนชั้นยอดออกไป คุณชายกลัวว่าองค์ไท่จื่อจะพาลใส่ครอบครัวท่าน เลยให้ข้าเรียกรวมตัวกองกำลังคุ้มกันภายในเขตรัฐโจวมา เพื่อคุ้มกันครอบครัวพวกท่านระยะหนึ่ง ข้าก็รีบส่งคนไปรัฐโจวออกคำสั่งทันที ให้พวกเขารวมตัวหน่วยคุ้มกันขึ้นอย่างครบครัน แต่รัฐโจวไปกลับก็หนึ่งวันเต็มแล้ว เพราะอย่างนั้นเลยล่าช้าจนตอนนี้เพิ่งจะมาถึง”
ขณะที่เขากล่าวก็มองนางด้วยความตึงเครียดไปด้วย “แม่นางหู สกุลหูเกิดเื่ขึ้นแล้วจริงหรือ?”
เป็จวนสกุลกู้เกิดเื่ขึ้นจริงๆ ด้วย เจินจูยืนยันการคาดคะเนในใจ นางถอนหายใจและเล่าเื่เมื่อคืนให้หลิวผิงฟัง
“เพียะ” หลิวผิงตบหน้าตัวเองหนึ่งฉาดใหญ่อย่างรุนแรง “ล้วนโทษข้า หากเมื่อวานเร่งมาบ้านท่านตอนกลางคืนเลยก็คงดี เหตุใดข้าจึงยืดเวลาออกไปหนึ่งคืนกันนะ”
“…เ้าของร้านหลิวอย่าเป็เช่นนี้ ผู้ใดก็ไม่มีความสามารถในการรู้ล่วงหน้าได้เ้าค่ะ” หนึ่งฝ่ามือนั้นออกแรงไปอย่างมาก บนใบหน้าของเขาแดงเป็ปื้นขึ้นทันที
“พระพุทธองค์คุ้มครองแล้ว ดีที่พวกท่านทั้งครอบครัวไม่ได้เกิดเื่ร้ายแรงเข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีหน้าไปพบคุณชาย!” สองมือของหลิวผิงประสานกัน ร้องขอบคุณ์ด้วยความจริงใจ หากเมื่อคืนสกุลหูเกิดอะไรขึ้น เขาเกรงว่าใช้ความตายรับผิดก็ไม่เพียงพอให้ความโกรธอย่างรุนแรงของคุณชายสงบลงได้
“เ้าของร้านหลิว พี่ชายกู้อู่กล่าวมาว่าอย่างไรบ้าง เื่หลังจากนี้ควรจัดการอย่างไรเ้าคะ?” การจู่โจมในยามราตรีเมื่อคืนน่าหวาดกลัวมากนัก ชีวิตน้อยๆ ของผิงอันเกือบจบลงไปตั้งหลายครั้ง สภาพจิตใจทั้งครอบครัวสกุลหูล้วนตกอยู่ในความหวาดหวั่นไม่สบายใจ หากการลอบสังหารเกิดขึ้นอีกครั้งหรือสองครั้ง เกรงว่าทั้งครอบครัวของนางอาจใตายได้
หลิวผิงรีบล้วงเอาซองจดหมายที่ใช้ครั่งตีตราประทับหนึ่งฉบับจากในแขนเสื้อออกมายื่นให้นาง
เจินจูรับมา เปิดซองจดหมายออกและอ่านอย่างละเอียด
กระทั่งอ่านจดหมายจนจบ สีหน้ากลับไม่ดีเล็กน้อย ต้นสายปลายเหตุของเื่นางเข้าใจแล้ว แต่ให้พวกนางสกุลหูได้รับการคุ้มกันจากหน่วยคุ้มกันของสกุลกู้เป็การชั่วคราว และต้องรออยู่ตลอดจนกว่าองค์ไท่จื่อจะหมดสิ้นอำนาจ แล้วเื่นี้ถึงจะจบลงได้อย่างนั้นหรือ?
์... เมื่อไรที่องค์ไท่จื่อจะหมดสิ้นอำนาจลงล่ะ? หากแปดปีหรือสิบปีเขาไม่สิ้นอำนาจลง เช่นนั้นสกุลหูไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างระมัดระวังตัวสั่นงันงกไปตลอดเลยงั้นหรือ?
ถูกหน่วยคุ้มกันหนึ่งกลุ่มคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา นี่แตกต่างอะไรกับการติดคุกถูกควบคุมตัวกัน?
เจินจูกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้นชิงชังจนถึงที่สุด
ไท่จื่อ จิตใจคับแคบ จ้องจะแก้แค้นระบายความโกรธให้ได้ใช่หรือไม่?
เหอะ หากจะกล่าวถึงความคิดเล็กคิดน้อย จะมีผู้ใดใจแคบยิ่งกว่าสตรีได้อีก? ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธวูบไหว ความคิดในใจผุดออกมาทีละอย่าง
ให้เสี่ยวเฮยใช้หนึ่งกรงเล็บส่งเขาไปพบพญายมเสียเลยดีไหม?
หรือให้เสี่ยวจินไปจับเขามาแล้วโยนทิ้งลงไปในหุบเขาลึกดี?
หรือให้เสี่ยวฮุยโยนม่านถัวหลัวเข้าไปในรูจมูกของเขา ปล่อยให้เขาเข้าไปอยู่ในภวังค์เคลิบเคลิ้มขึ้น์ไปเลย?
หลิวผิงมองใบหน้าปรวนแปรไม่อาจคาดเดาได้ของนาง จู่ๆ ก็รู้สึกแผ่นหลังเย็นวูบขึ้นพักหนึ่ง
เจินจูเก็บจดหมายเข้าไปในหน้าอกอย่างลวกๆ
“เ้าของร้านหลิว เื่นี้พวกข้าทราบแล้ว ท่านพากองกำลังคุ้มกันมาด้วยหรือเ้าคะ?”
“ใช่ๆ พามาสี่สิบคน ผู้คุ้มกันที่เลือกมาล้วนฝีมือดีที่สุด พวกเขายังอยู่นอกลานบ้าน ข้าจะพาท่านไปดู” หลิวผิงชี้ไปทางประตูลานบ้าน
สี่สิบคน? มารดาเ้าสิ นางจะไปหาห้องมากมายเพียงนั้นให้พวกเขาอยู่ได้ที่ไหน นี่ไม่ใช่ว่าเพิ่มความลำบากให้นางหรอกหรือ?
เจินจูใบหน้าทุกข์ใจ เดินตามหลิวผิงไปนอกลานบ้าน
เป็ผู้คุ้มกันที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันทั้งหมดสี่สิบคนยืนอยู่นอกประตูจริงๆ
สองฝ่ายทักทายกันหนึ่งรอบ สี่สิบคนแบ่งเป็สองกลุ่ม ล้วนมีผู้นำของแต่ละกลุ่ม คนหนึ่งคือเหลิ่งปู้ฝาน คนหนึ่งคือหลูจวิน ล้วนเป็ผู้คุ้มกันอยู่รัฐโจวของจวนสกุลกู้มายาวนาน
“เ้าของร้านหลิว คนมากมายเพียงนี้ ที่นี่คงจัดหาที่ให้ไม่สะดวกเท่าไรนะเ้าคะ” เจินจูขมวดคิ้วกล่าว
“แม่นางหู ส่วนนี้ท่านอย่าได้เป็กังวล กองกำลังคุ้มกันสี่สิบคน แบ่งเป็สองกลุ่ม หนึ่งกลุ่มเฝ้าตอนกลางวัน หนึ่งกลุ่มเฝ้าตอนกลางคืน หลังจากผลัดเปลี่ยนเวร พวกเขาจะกลับเข้าเมืองไปพักผ่อน ขอแค่รบกวนครอบครัวท่านจัดหาอาหารกลางวันให้พวกเขาหนึ่งมื้อ อย่างอื่นก็ไม่ต้องให้ครอบครัวท่านลำบาก” หลิวผิงคิดปัญหานี้มาเรียบร้อยแล้วั้แ่เมื่อวาน
“แต่ตามจำนวนคนที่จู่โจมกลางดึกเมื่อคืน กองกำลังคุ้มกันยี่สิบคนอาจน้อยไป เอาเช่นนี้ ข้าจะกลับไปโยกย้ายมาอีกยี่สิบคน ตอนค่ำใช้กองกำลังสี่สิบคนเฝ้า เช่นนี้จะได้มั่นใจมากขึ้นหน่อย” หลิวผิงถูกเื่ที่สกุลหูพบกับการถูกลอบโจมตีทำให้ใยิ่งนัก เื่ที่คุณชายสั่งมาเขาไม่สามารถจัดการให้ดีได้ในตอนต้น หากไล่ตามหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ คงหลีกไม่พ้นการถูกลงโทษอย่างแน่นอน
กองกำลังคุ้มกันสี่สิบคน! เจินจูหางตากระตุก สามารถล้อมรอบบ้านสกุลหูได้หนึ่งรอบเลยนะ
แต่ตอนนี้นางก็ไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน เมื่อคืนได้รับความะเืใจมากเกินไป วันนี้หลี่ซื่อแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว ในตอนนี้ยังหลบอยู่ในห้อง เฝ้าผิงอันกับซิ่วจูด้วยความตึงเครียด ไม่กล้าออกจากบ้านเลย
จ้าวหงยู่ดีได้หน่อย พยายามฝืนจิตใจเข้าครัวมาเตรียมอาหารเช้าไว้อย่างเรียบร้อย แต่สีหน้าก็ขาวซีดสุดจะทนเช่นกัน
สีหน้าของผู้เป็บิดานางก็ไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร ดูอ่อนล้าไม่มีกำลังวังชา
หากตอนนี้มีกองกำลังคุ้มกันอยู่ แม้ยุ่งยากขึ้นหน่อย แต่มากน้อยอย่างไรก็ทำให้พวกเขาสบายใจได้บ้าง
เจินจูหารือกับหลิวผิงครู่หนึ่ง จึงจัดการปัญหาผู้คุ้มกันลงได้เรียบร้อย
ข้ออ้างที่บอกแก่ภายนอกคือ ฝูอันถังจะฝึกซ้อมผู้คุ้มกันอยู่ที่หมู่บ้านวั้งหลิน โดยขอให้ฟางเสิงช่วยชี้แนะทักษะการต่อสู้ให้ผู้คุ้มกันเหล่านี้
นี่เป็ข้ออ้างสมจริงที่สุดเท่าที่พวกนางจะคิดได้แล้ว
การเข่นฆ่าเมื่อคืนไม่ได้รบกวนคนในหมู่บ้านเลย มีเพียงพวกหลิงเสี่ยนสามคนที่อยู่ข้างเคียงได้ยินว่ามีความเคลื่อนไหว แต่รอจนกระทั่งพวกเขาเข้ามาสอบถาม การต่อสู้ก็จบลงไปแล้ว เจินจูทำได้เพียงหาข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อย
ทางบ้านเก่าสกุลหูนั้นเงียบสงบราบเรียบ ไม่ได้ถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ตอนเช้าผิงซุ่นมาชวนผิงอันไปเรียน เจินจูได้บอกไปว่าเขาได้รับลมหนาวไม่สบาย ต้องพักผ่อนอยู่หลายวันถึงจะไปเรียนได้
จนพานเสวี่ยหลันเข้ามาช่วยงานในตอนเช้า ภายในลานบ้านโดยรวมก็ชำระล้างจนสะอาดแล้ว เพราะสถานที่ทำอาหารหมักอยู่ด้านข้าง มีหมูที่ต้องเชือดทุกวัน ดังนั้นในอากาศจึงมีกลิ่นคาวเืบางๆ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของนางขึ้น
เพียงสีหน้าของทุกคนดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
ตอนที่หวงถิงเฉิงมาถึงบ้านสกุลหู ก็ถูกผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านนอกประตูลานบ้านทำให้ใเข้า เจินจูจึงให้เขาไปช่วยจัดการเื่ถางป่ากับหลิ่วฉางผิงเสียเลย
เจินจูนำทางหลัวจิ่ง หูฉางกุ้ย และฟางเสิงเข้ามา ให้พบหน้ากันกับหัวหน้าผู้คุ้มกันเล็กน้อย หลังจากนั้นพาเลี่ยงผู้คุ้มกันอื่นๆ ออกมาเพื่อบอกเล่าเื่ราวของมือสังหารที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และหน้าที่ของผู้คุ้มกันที่ต้องรับผิดชอบ
หลิวผิงให้ผู้คุ้มกันทำความคุ้นเคยกับพวกเขาหนึ่งรอบ สั่งให้พวกเขาทำตามการจัดการของสกุลหู แล้วจึงพากองกำลังหนึ่งหน่วยกลับเข้าเมือง รอให้พวกเขามาเปลี่ยนเวรยามตอนพลบค่ำ ส่วนเขาต้องรีบไปโยกย้ายผู้คุ้มกันมาเพิ่มอีกยี่สิบคน
ใบหน้าหลัวจิ่งไม่พอใจอย่างมาก กู้ฉีผู้นั้นจัดการเื่ราวได้ไม่ดียิ่งนัก เกี่ยวโยงสกุลหูเข้าไปพัวพันด้วยยังไม่ต้องพูดถึง แต่ผู้คุ้มกันยังมาสายถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่ว่าเมื่อคืนเขากับหลัวสือซานต้านอยู่หน้าบ้านสกุลหูพักหนึ่ง จนรอฟางเสิงรีบมาช่วย ก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้สกุลหูยังจะเหลือกันอยู่กี่คน
หลังจากหูฉางกุ้ยฟังต้นสายปลายเหตุจนจบ ได้รู้ว่ามือสังหารเมื่อคืนนี้ถูกองค์ไท่จื่อส่งมาเพื่อฆ่าพวกเขา เขาใจนแข้งขาอ่อนแรงทันที หากไม่ใช่หลัวจิ่งที่อยู่ด้านข้างประคองไว้ เขาคงไร้เรี่ยวแรงจนทรุดลงไปที่พื้นแล้ว
องค์ไท่จื่อเลยนะ! นั่นเป็ฮ่องเต้ในอนาคตเลยเชียว หากเขา้าเอาชีวิตของทั้งครอบครัวสกุลหู พวกเขาจะไปหลบที่ไหนได้?
“…เจิน …เจินจู นี่ นี่จะจัดการอย่างไรดี? นั่นเป็องค์ไท่จื่อเลยนะ? พวกเราทั้งครอบครัวหลบไปไหนไม่ได้แล้ว” หูฉางกุ้ยสีหน้าทุกข์ระทม ขาดก็แต่ร้องไห้โฮสะอึกสะอื้นออกมาแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านฟังความหมายของข้าไม่ชัดหรือ? ทำไมองค์ไท่จื่ออยากฆ่าพวกเรา นั่นก็เพราะครั้งก่อนเสี่ยวเฮยนำทางองครักษ์ของคุณชายกู้เข้าูเาไปขุดโสมคนระดับสูงออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ถวายโสมคนขึ้นไปให้ฮ่องเต้ อาการป่วยของฮ่องเต้จึงเริ่มฟื้นดีขึ้นมาช้าๆ ดังนั้นองค์ไท่จื่อถึงได้เอาความโมโหฉุนเฉียวมาลงที่พวกเราอย่างไรล่ะเ้าคะ” เจินจูกล่าวอย่างเชื่องช้า
หูฉางกุ้ยฟังจนตกตะลึง อาการป่วยของบิดาตัวเองหายแล้ว ลูกชายไม่ใช่ว่าควรดีใจหรือ?
“อาการป่วยของฮ่องเต้หายแล้ว ไม่ใช่เื่ดีหรือ? ทำไมองค์ไท่จื่อจะต้องโมโหด้วย?”
สามคนที่เหลือล้วนหลุดยิ้มขึ้นมากะทันหัน หากเื่ภายในราชวงศ์เรียบง่ายเช่นนั้นได้ก็คงจะดียิ่ง
“หากอาการป่วยของฮ่องเต้หายดี องค์ไท่จื่อก็ไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้ ต้องได้รับการควบคุมจากฮ่องเต้ต่อไป ท่านว่าเขาจะดีใจได้หรือเ้าคะ?” เจินจูอธิบายกับเขาอย่างอดทน
“…แต่ แต่พวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกันหรือ? ได้รับการควบคุมจากฮ่องเต้ไม่ใช่สิ่งที่สมควรแล้วหรือ? เหตุใดองค์ไท่จื่อจึงมีความคิดผิดครรลองครองธรรมเช่นนี้ได้?” หูฉางกุ้ยที่ทำตามคำสั่งสอนของบิดามารดามาโดยตลอดดวงตาเบิกกว้าง เกิดความไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“ท่านพ่อ ท่านต้องรู้นะว่าผลประโยชน์มหาศาลและสิทธิเด็ดขาดที่อยู่ต่อหน้า คนบางคน ต่อให้เป็ครอบครัวก็ล้วนสามารถทอดทิ้งได้ ไม่เช่นนั้นราชวงศ์ในอดีตจะมีการรวมหัวกันก่อฏ หักหลัง ก่อจลาจลมากมายเพียงนั้นมาจากไหน หัวใจของมนุษย์ดังหุบเขาแห่งความโลภที่ต่อให้ทับถมลงไปเท่าไรก็ไม่มีวันเติมเต็มเพียงพอได้ ทุกยุคสมัยต่างก็เป็เช่นนี้ตลอดมาเ้าค่ะ” บิดาและบุตรชายต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน พี่ชายน้องชายทำร้ายกันอย่างโเี้ ส่วนราชวงศ์ไหนที่ไม่เคยประสบกับสิ่งเหล่านี้ คงมีเพียงคนสมองเรียบง่าย ความคิดบริสุทธิ์ไม่ซับซ้อนอย่างหูฉางกุ้ยเท่านั้น ถึงจะคิดว่าราชวงศ์เป็ตัวอย่างของบิดามารดาที่มีเมตตาให้บุตรปฏิบัติกตัญญูกตเวที และพี่น้องมีมิตรไมตรีต่อกัน
ฟางเสิงฟังอยู่ด้านข้างแอบใอยู่ข้างใน เขาดูถูกแม่นางสกุลหูผู้นี้เกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเข้าใจเื่ราวของโลกได้ทะลุปรุโปร่งอย่างมาก ทัศนคติที่มีต่อสรรพสิ่งเข้าใจแจ่มชัดเพียงนี้ ช่างไม่เหมือนแม่นางน้อยอายุสิบสี่ปีผู้หนึ่งเลยจริงๆ
หูฉางกุ้ยราวกับเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมองค์ไท่จื่อถึงไม่หวังให้บิดาของตนเองร่างกายแข็งแรง ทว่าเขาก็ไม่ได้กังวลอยู่กับเื่นี้มากนัก ที่บ้านมีผู้คุ้มกันเฝ้าอยู่มากมายเพียงนี้ ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลงได้ เมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ทั้งยังวิตกกังวลอีก จิตใจอ่อนระโหยโรยแรงอย่างมาก
เจินจูให้เขาไปอธิบายให้หลี่ซื่อและผิงอันฟังหนึ่งรอบ แล้วถือโอกาสไปพักผ่อนด้วย
เมื่อฟางเสิงทราบต้นสายปลายเหตุ เพียงพยักหน้าเล็กน้อย ตามความเห็นของเขาขอแค่องค์ไท่จื่อไม่ส่งทหารมาจับกุมอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้ก็คงไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นเป็การชั่วคราว อย่างไรเสียก็ยังมีฮ่องเต้บัญชาการควบคุมราชสำนักอยู่ องค์ไท่จื่อก็น่าจะมีความพะว้าพะวังในการลงมืออยู่บ้าง
แต่กว่าเขาจะได้แต่งงานยังเป็เวลาอีกตั้งครึ่งเดือน คนเหล่านี้อย่าได้ก่อเื่ขึ้นใน่เวลานี้จะได้หรือไม่ เขากลับบ้านตัวเองไปพร้อมกับความโมโห
ในห้องโถง หลัวจิ่งสีหน้าไม่มีความสุขอย่างยิ่ง
“เขาเขียนจดหมายมาให้เ้า?”
เขาเห็นที่นางเก็บจดหมายเข้าในหน้าอกแล้ว
เจินจูมึนงงทันที พลางกะพริบตาปริบๆ มองเขา หลังจากนั้นคิดขึ้นมาได้ เขาคงกล่าวถึงกู้ฉี
“ใช่แล้ว ส่งจดหมายมากล่าวขอโทษ บอกว่ารู้สึกผิดอย่างมาก สาเหตุเกิดขึ้นมาจากทางเขาที่ทำให้ครอบครัวข้าเข้าไปพัวพันด้วย แล้วก็อธิบายสถานการณ์ทางเมืองหลวงเล็กน้อย สุดท้ายให้ครอบครัวข้ารับผู้คุ้มกันไว้เฝ้าดูแล องค์ไท่จื่อนิสัยจิตใจคับแคบ มีปณิธานแก้แค้นอย่างแรงกล้า ให้ครอบครัวข้าระมัดระวังให้มาก”
“เหอะ ล้วนเป็เขานำภัยพิบัติมาให้พวกเ้า ทางพวกเขามีหนูสกปรกผุดขึ้นมาอยู่ข้างกายตัวเอง ยังดึงครอบครัวเ้าจมลงไปอยู่ในอันตรายด้วยอีก แค่ขอโทษจะมีประโยชน์อะไร” หลัวจิ่งกล่าวอย่างไม่พอใจ
เจินจูชำเลืองมองเขาปราดหนึ่ง จู่ๆ ก็เกิดรอยยิ้มขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้