หลังจากเหตุการณ์ใหญ่ที่สั่นะเืไปทั่วเมืออวิ๋นเฉิงได้ปิดม่านลง
เหล่าทหารองครักษ์แห่งราชวงศ์ที่ถูกนำโดยฝ่ายผู้ดูแลภายในนั้นก็ได้สลายตัวกลับไปหลังจากที่พวกเขาปิดล้อมคฤหาสน์ตระกูลเวินนานกว่าสองชั่วยาม
ภายในคฤหาสน์นั้นเกิดเสียงจากการต่อสู้ดังสนั่นอีกทั้งยังมีการะเิขนาดใหญ่โตจนเกิดแรงสั่นะเืไปทั่วทั้งแผ่นดินของเมืองอวิ๋นเฉิง
ผลการต่อสู้นั้นถูกลือไปในหลายรูปแบบมาก
บ้างก็ว่าทหารองครักษ์ของราชวงศ์นั้นใช้กำลังเพื่อกดดันตระกูลเวินเสียงะเินั่นคือเสียงที่เกิดจากยอดวิชาสุดพิสดารของต้วนเทียนหยายอดฝีมือระดับสุดยอดของอาณาจักรชูอวิ๋น
บ้างก็ว่าทหารองครักษ์กว่าหมื่นคนไม่เพียงแต่ไม่สามารถล้มตระกูลเวินลงได้เท่านั้นแม้แต่ต้วนเทียนหยายังถูกผู้าุโสุดลึกลับของตระกูลเวินบังคับให้ต้องล่าถอยกลับไป
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้จบไปตระกูลเวินก็กลายเป็ที่พูดถึงมากที่สุดของประชาชนในเมืองอวิ๋นเฉิงแห่งนี้กลายเป็จุดสนใจของผู้คนนับล้านคน
พวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าชะตากรรมของตระกูลเวินหลังจากนี้จะกลายเป็อย่างไร
จะได้เป็ใหญ่ในเมืองอวิ๋นเฉิง?
หรือจะต้องถูกกำจัดจนสิ้นตระกูล?
สี่วันผ่านไปหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในคฤหาสน์ตระกูลเวินขึ้นในที่สุดก็มีข่าวหลุดออกมาจากในราชสำนักแล้ว หลังจากนั้นไม่นานข่าวนี้ก็แพร่กรจายไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด
่เช้าของวันนี้ได้มีการประกาศจากองค์จักรพรรดิหลินเฮ่ายวนโดยมีใจความว่า
ฝ่ายผู้ดูแลภายในได้ร่วมมือกันกับครอบครัวตระกูลเฉินก่อกรรมทำชั่วทำร้ายคนของตระกูลเวินจนถึงแก่ชีวิตไปหกสิบแปดคน อีกทั้งยังร่วมมือกับอาณาจักรภายนอกในการวางแผนทำร้ายครอบครัวของเวินติ่งเทียนที่เป็เสาหลักของนักการแช่งแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นแห่งนี้...มีความผิดร้ายแรงต้องถูกลงโทษ!!
สุดท้ายเฉินเย่เซิงก็ต้องโทษปะาชีวิตถึงจะไม่สามารถลงโทษมันได้แล้วก็ตาม แต่เหล่าคนที่มีความสัมพันท์เกี่ยวข้องกับมันนั้นจะต้องถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรและห้ามกลับเข้ามาในเมืองอวิ๋นเฉิงอีกแม้แต่ก้าวเดียว!!
ส่วนหัวหน้าฝ่ายผู้ดูแลภายในหวังิชงนั้นไม่เลือกผิดชอบชั่วดีจนทำร้ายวิญญูชน ต้องโทษปลดตำแหน่งทางราชการออกทั้งหมดและเนรเทศออกเช่นกัน!!
ครอบครัวตระกูลเวิน เช่น เวินติ่งเทียนและผู้าุโหลินสร้างอาวุธเพื่อชาติอย่างยากลำบากด้วยความทรหดอดทนองค์จักรพรรดิจึงอยากเชิญผู้เป็ดั่งเสาหลักของอาณาจักรทั้งสองท่านมาร่วมรับประทานอาหารกันในงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นใน“ศาลามองฟ้า” ที่ตั้งอยู่ในพระราชวัง อีกทั้งยัง้ามอบรางวัลให้อีกด้วย
ข่าวเื่นี้ถูกกระจายไปทั่วเมืองอวิ๋นเฉิงอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ยิ้มอยู่ได้ในตอนท้ายที่สุดก็คือตระกูลเวินส่วนคนที่ฉลาดหน่อยก็จะดูออกกันทันทีว่าท่าทีที่ฝ่ายราชสำนักแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นปฏิบัติต่อตระกูลเวินนั้นมีท่าทีที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันครั้งใหญ่ไปแล้ว ฝ่ายราชสำนักแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นไม่เพียงแต่ไม่ติดใจเอาความตระกูลเวินเท่านั้น อีกทั้งยังช่วยกำจัดศัตรูทุกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตระกูลเวินอีกด้วยแถมยังเชิญเวินติ่งเทียนและหลินอี้ไปร่วมรับประทานอาหารในพระราชวังด้วยกันอีก!!
อาหารมื้อค่ำในพระราชวังเป็เกียรติอันสูงสุดที่คนธรรมดาได้แต่ฝันถึงซึ่งมันหมายความว่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นนั้นจัดตระกูลเวินให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงมากๆเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าทางราชสำนักจะยังไม่ได้ประกาศออกมาว่าจะมอบเกียรติยศและทรัพย์สมบัติอะไรให้เป็รางวัลก็ตามแต่ผู้คนต่างก็เชื่อกันว่าจะต้องมีรางวัลอันทรงเกียรติและมูลค่ามหาศาลรอคอยตระกูลเวินอยู่ในงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำนั่นอย่างแน่นอน
ในวันที่มีข่าวประกาศออกมานั้นประตูของตระกูลที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแ่ามานานหลายวันก็ค่อยๆ เปิดออกช้าๆ
เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเวินต่างก็กลับออกมาก้าวเดินอยู่บนถนนที่เป็ดั่งสัญลักษณ์แห่งเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลเวินได้อย่างสมภาคภูมิอีกครั้ง
ถนนสายนี้จะเป็ดั่งเส้นทางที่นำพาตระกูลเวินมุ่งไปสู่ความรุ่งโรจน์ตราบชั่วนิจนิรันดร์กาล
เวินชงผู้เป็พ่อบ้านที่คอยเฝ้ามองตระกูลเวินฝ่าฟันลมฝนมานานนับสิบปีตอนนี้กำลังใส่เสื้อตัวใหม่เอี่ยมยืนหลังตรงอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเวินอย่างแจ่มใส
ั้แ่่เช้าที่ผ่านมานั้น มีจดหมายแสดงความยินดีส่งเข้ามาจำนวนมากราวกับกลีบดอกไม้ที่โปรยปลิวเข้าสู่คฤหาสน์ของตระกูลชื่อที่แสดงอยู่บนจดหมายนั้นล้วนมีแต่ชื่อที่ทำเอาเวินชงถึงกับหนังตากระตุก
ั้แ่่บ่ายของวันนี้เป็ต้นไปจะมีเหล่าคนใหญ่คนโตผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากมาเยี่ยมเพื่อแสดงความยินดีให้กับเวินติ่งเทียนและผู้าุโหลินอี้ที่ได้ขึ้นเป็ผู้ทรงอิทธิพลคนใหม่ของอาณาจักรชูอวิ๋นแห่งนี้
ดังนั้นเวินชงจะเป็ตัวแทนของตระกูลเวินที่ออกมาต้อนรับเกียรติยศและความรุ่งโรจน์เข้ามาในตระกูล
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง่บ่าย
บนเส้นทางที่ทอดยาวมาสู่คฤหาสน์ตระกูลเวินก็เต็มไปด้วยผู้คนและรถม้าจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าเข้ามา
คนที่นำมาเป็คนแรกนั้นคือเ้าอ้วนคนหนึ่ง
เ้าอ้วนที่เป็ที่รู้จักกันดีในเมืองอวิ๋นเฉิงหนึ่งในผู้นำตระกูลของอดีตสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิง โอวหยางกง
แต่ว่าเ้าอ้วนนี่รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า คำว่าสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิงอะไรนั่นมันได้สลายหายไปไม่ต่างอะไรกับหมอกควันแล้วั้แ่วันนี้ไปจะเหลือแค่ตระกูลเวินเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็ตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นเฉิง
“พ่อบ้านเวิน!! พ่อบ้านเวิน!!”
โอวหยางกงะโทักทายมาแต่ไกลอย่างนอบน้อมในแบบที่ไม่เคยเป็มาก่อนโดยที่ตัวเขานั้นยังอยู่ห่างจากประตูใหญ่ของคฤหาสน์นับร้อยเมตร
ด้านหลังของเขานั้นคือหนึ่งในสี่ัน้อยโอวหยางเฟิงผู้เป็บุตรชายและเหล่าผู้าุโระดับเซียนเทียนอีกหลายท่านที่มาพร้อมกับเหล่าคนใช้ที่กำลังจูงรถม้าพร้อมเกวียนขนาดใหญ่กว่ายี่สิบคัน
อะไรนะ? ทำไมถึงไม่เก็บไว้ในถุงฟ้าดินน่ะหรือ?
ก็เพราะว่าพวกมัน้าที่จะให้ตระกูลเวินได้เห็นว่าของขวัญที่มันเตรียมมานั้นยิ่งใหญ่ล้ำค่ามากแค่ไหน
สมบัติยี่สิบคันรถ โอวหยางกงยังรู้สึกว่าน้อยไปเลยเขาอยากจะเอาสมบัติทั้งครึ่งหนึ่งของตระกูลมามอบเป็ของขวัญให้เวินติ่งเทียนและหลินอี้เลยด้วยซ้ำเพียงแค่้าโอกาสในการประนีประนอมเพื่อขอแลกกับความอยู่รอดของตระกูลโอวหยาง
หมาป่าจอมโลภที่เคยคิดจะกลืนกินตระกูลเวินเข้าไปนั้นต้องนี้กลายเป็เพียงหมาน้อยที่กำลังกระดิกหางอย่างน่าสงสารตัวหนึ่งเท่านั้น
์อยู่ข้างตระกูลเวินเราแล้ว!!
ต้องขอบคุณวีรบุรุษน้อยผู้นั้นที่มาช่วยตระกูลเวินเอาไว้ในยามที่วิกฤตคับขันที่สุด- ผู้าุโหลินอี้
การมาถึงของโอวหยางกงเป็เหมือนการเปิดม่านเริ่มงานเลี้ยงฉลองของตระกูลเวินอันทรงเกียรติ
เหล่าตระกูลดังจากทั่วทั้งเมืองอวิ๋นเฉิงได้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
แม้แต่เหล่าผู้มีอิทธิพลระดับสูงของอาณาจักรชูอวิ๋นยังพากันมาร่วมงานนี้ด้วย
ทั้ง่บ่ายของวันนั้นภายในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ของตระกูลเวินนั้นราวกับว่าได้กลายเป็พระราชวังของอาณาจักรชูอวิ๋นแล้วเหล่าคนที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมดล้วนสามารถพบเห็นได้ในที่แห่งนี้
แม้แต่คนอย่างโอวหยางกงที่เป็พ่อค้าเศรษฐีผู้ร่ำรวยยังไม่สามารถเข้าไปในบริเวณลานกว้างหน้าห้องเมฆาร่วงโรยเลย
คนที่จะสามารถเข้าไปในลานกว้างแห่งนี้ได้ อย่างต่ำๆ ก็ต้องเป็ข้าราชการระดับสองขึ้นไปเท่านั้นโอวหยางกงที่เป็แค่พ่อค้าธรรมดาไม่มีทางเหยียบเข้ามาได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว
ส่วนคนที่สามารถเข้าไปในห้องเมฆาร่วงโรยได้ และมีสิทธินั่งดื่มชาร่วมโต๊ะสนทนากับเวินติ่งเทียนได้มีแค่คนเหล่านี้เท่านั้น
หัวหน้าฝ่ายการทหาร แม่ทัพผู้พิทักษ์อาณาจักรอันดับหนึ่งยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิง ท่านแม่ทัพหลี่จิ้ง
หัวหน้าฝ่ายการปกครองนายกรัฐมนตรีผู้ที่มีความรู้สูงล้ำมากที่สุดในอาณาจักร ท่านสื่อซือิ หรือท่านนายกสื่อ
ทั้งสองท่านนี้รวมกับหวังิชงอีกคนเป็ข้าราชการที่สำคัญที่สุดของอาณาจักรแห่งนี้แต่ถ้าเปรียบเทียบกันทั้งในเื่ของฐานะและอำนาจแล้วทั้งสองท่านอยู่เหนือกว่าหวังิชงเยอะมากโดยเฉพาะท่านแม่ทัพหลี่จิ้งนั้นเป็ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงเช่นเดียวกันกับต้วนทียนหยาการที่มีคนแบบนั้นมาเยี่ยม ย่อมเป็เกียรติยศอันสูงส่งแก่ตระกูลอยู่แล้ว
อีกทั้งยังมีแม่ทัพตู้ิแห่งกองกำลังพิทักษ์เมืองรัฐมนตรีจากทั้งหกหน่วยที่อยู่ในสังกัดฝ่ายการปกครอง และเชื้อพระวงศ์อีกสองท่าน
มีเพียงยอดคนที่มีอำนาจสูงเป็อันดับต้นๆ ของอาณาจักรชูอวิ๋นแห่งนี้เท่านั้นที่มีสิทธินั่งสนทนากับเวินติ่งเทียนอยู่ภายในห้องเมฆาร่วงโรยแห่งนี้
หลี่จิ้ง แม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร ตอนนี้กำลังถือถ้วยชาอันหอมกรุ่นเอาไว้ในมือดื่มไปสองสามคำ จากนั้นก็หัวเราะฮ่าฮ่ากับเวินติ่งเทียนพลางกล่าวว่า
“ฮ่าฮ่า พี่น้องเวินวิกฤตที่ตระกูลเวินต้องเผชิญครั้งนี้ ในที่สุดพวกท่านก็ผ่านมันมาได้เสียที การที่ข้าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรท่านได้แบบนี้ก็หวังว่าท่านจะไม่ถือสาโกรธเคืองอะไรกันเลย!!”
หลี่จิ้งมีฐานะระดับไหนแล้ว กลับมีคำพูดที่ดูเกรงใจแบบนี้ออกมาต่อหน้าผู้อื่นได้
ถึงแม้การที่ฝ่ายการทหารจะไม่ได้ออกตัวช่วยในครั้งนี้จะเป็เพราะมีเหตุผลอื่นคอยกดดันอยู่แต่คนระดับเทพาอย่างเขาแต่เดิมก็ไม่มีความจำเป็ต้องเอ่ยปากขอโทษผู้อื่นอยู่แล้ว?
ดังนั้นแค่ประโยคขอโทษประโยคเดียวก็ทำให้ผู้คนภายในห้องต่างก็อยากจะประจบเอาใจเวินติ่งเทียนมากกว่าเดิม
“ยินดียินดีจริงๆ ท่านประมุขเวิน!!” เชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่งยิ้มออกมาจนรอยเหี่ยวย่นขึ้นเต็มหน้า
“การที่ตระกูลเวินมีวันนี้ได้ ล้วนเป็ผลมาจากการนำของท่านประมุขเวินยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ!!” รัฐมนตรีจากหน่วยแรงงานนั้นพูดประจบเสียจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว
“ท่านประมุขเวิน ตระกูลเวินมีความสามารถขนาดนี้ไม่ทราบว่าบุตรชายของท่านเคยคิดที่จะเข้ารับราชการไหมหน่วยงานของข้ากำลังขาดผู้ช่วยคนหนึ่งพอดี เป็ข้าราชการระดับสองน่ะ...” รัฐมนตรีหน่วยบุคคลนั้นหนักข้อกว่าเยอะ ชวนเข้าทำงานกันตรงๆ เลย
ตู้ิตอกกลับทันทีว่า “ไอ้บ้า เวินเทาน่ะมีพร์ด้านวรยุทธ์ขนาดนั้นไปเป็ข้าราชการฝ่ายบุ๋นบ้าบอนั่นทำไม เขาต้องมาเข้าร่วมกับกองกำลังพิทักษ์เมืองของข้าสิ!!”
ฮ่าฮ่า!!
ภายในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยคำสรรเสริญเยินยอให้กับตระกูลเวินมีแต่เสียงหัวเราะเฮฮาดังออกมาจากภายในห้องทำเอาเวินติ่งเทียนแทบจะตัวลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว
ในตอนนั้นเอง หัวหน้าฝ่ายการปกครองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็ฉลาดล้ำที่สุดอย่างท่านนายกรัฐมนตรีสื่อซือิ ก็ถามคำถามที่ผู้คนสนใจกันมากที่สุดออกมา
“ประมุขเวิน ไม่ทราบว่าผู้าุโหลินอี้ตอนนี้อยู่ที่ไหนหรืออายุน้อยๆ ก็มีความสามารถโดดเด่นยอดเยี่ยมจนน่าใแบบนี้แล้ว พวกเราอยากที่จะได้พบกับยอดคนอายุน้อยท่านนี้เหลือเกิน!!”
“ใช่แล้ว ท่านผู้าุโหลินอยู่ที่ไหนให้พวกเราได้ััถึงความเก่งกาจสามารถของเขาหน่อยเถอะ!!”
ผู้คนพากันเรียกร้องกันจ้าละหวั่น
เวินติ่งเทียนกลับยิ้มเรียบๆ ออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “หลินอี้ลำบากลำบนเพื่อตระกูลเวินมามากแล้ว หลังจากการปะทะกันเมื่อสามวันก่อนจบไปเขาก็เก็บตัวพักผ่อนอยู่ในห้องมาตลอดเกรงว่าวันนี้พวกท่านคงไม่มีวาสนาจะได้พบแล้วล่ะ...”
เอ๋...
เสียงร้องที่แสดงถึงความผิดหวังดังขึ้นเต็มบ้าน
หลินอี้ผู้นี้ได้กลายเป็บุคคลระดับตำนานของอาณาจักรชูอวิ๋นไปแล้ว
รายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ในคฤหาสน์เวินเมื่อสามวันก่อนนั้นถูกปิดเงียบเอาไว้อย่างแ่าแต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าการที่ตระกูลเวินนั้นสามารถต่อต้านองครักษ์ของราชวงศ์หรือกระทั่งการที่สามารถต้านทานต้วนเทียนหยาได้นั้นล้วนเป็ผลงานของผู้าุโหลินผู้นี้ทั้งนั้น
รวมทั้งเหล่าสิ่งของระดับสุดยอดที่ตระกูลเวินมอบให้กับฝ่ายผู้ดูแลภายในอย่างยาหลอมฟ้า แหวนพระสุเมรุ โล่เหล็กอักขระเมฆ นั้นก็เริ่มมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทุกคนเลยรู้สึกสนใจและรู้สึกเคารพในตัวนักการช่างอายุน้อยที่มีทักษะฝีมือร้ายกาจและลึกลับคนนั้นเป็อย่างมาก
คนระดับนี้จะต้องก้าวหน้าไปไกลแน่ถ้าตอนนี้ยังไม่รีบเกาะหางไว้ ต่อไปก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
และในขณะที่ผู้คนกำลังคิดว่าผู้าุโหลินอี้น่าจะกำลังเก็บตัวฝึกวิชาอยู่นั้นณ ห้องฝึกลับที่อยู่ในชั้นใต้ดินของสวนด้านหลังคฤหาสน์นั้น
หลินหยางกำลังนั่งนิ่งพร้อมกับปิดตาสองข้างด้วยจิตใจอันนิ่งสงบ
แต่ตรงเบื้องหน้าของเขานั้นยอดฝีมือของตระกูลเวินทั้งสิบเก้าคนที่กำลังวิ่งวุ่นไปมาเพราะถูกเ้านกสีแดงตัวน้อยตัวหนึ่งไล่กวดอย่างโเี้
“โอ๊ย!! ท่านาาหั่วเอ๋อร์ท่านช่วยเบามือหน่อยเถอะนะ!!”
ตูม
เวินเทาถูกหั่วเอ๋อร์ใช้ปีกข้างหนึ่งตบเปรี้ยงอย่างไร้เมตตาจนกระเด็นไปไกลถึงสิบกว่าเมตรถ้าไม่ใช่ว่าเขาสวมใส่ชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬเอาไว้เกรงว่าเขาคงจะต้องกระดูกหักไปหลายส่วนแล้ว
“สิบแปดกระบวนท่าเท้าแหวกขุนเขา!!”
หัวหน้าหน่วยองครักษ์ของตระกูลเวินนั้นกัดฟันะโพุ่งเข้าใส่หั่วเอ๋อร์อีกครั้ง
“กรงเล็บคมกริบของท่านาาหั่วเอ๋อร์!!”
สุดท้ายหัวหน้าผู้นั้นก็ถูกหั่วเอ๋อร์ใช้ท่าโจมตีที่ตั้งชื่ออะไรประหลาดๆก็ไม่รู้นั่นซัดใส่จนกระเด็นไปชนกับกำแพงห้องฝึกซ้อมและติดอยู่บนนั้นจะแกะตัวเองออกมายังแกะไม่ออกเลย
ส่วนคนอื่นๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
หั่วเอ๋อร์รู้สึกดีมากที่ได้กระทืบคนเป็ๆ จนเละเทะแบบนี้ถึงแม้ว่านี่จะเป็ภารกิจที่หลินหยางเป็คนสั่งมาก็ตาม แต่นี่เป็ภารกิจที่มันเต็มใจจะทำมากที่สุดภารกิจหนึ่งเลย
หลินหยางได้จัดให้เหล่านักรบเกราะดำสิบเก้าคนมาเข้ารับการทรมานจากหั่วเอ๋อร์ทุกวันเป็เวลาหนึ่งชั่วยามในความทรงจำของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วนั้น ความเ็ปที่มากพอในระดับหนึ่งบางครั้งอาจจะสามารถกระตุ้นให้เราทะลุข้ามผ่านกำแพงความสามารถของขอบเขตระดับเซียนเทียนได้
ถึงแม้ชุดเกราะสีดำทมิฬชุดนี้จะสามารถเพิ่มความสามารถให้คนเหล่านี้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับเซียนเทียนได้แล้วก็ตามแต่หลินหยางก็บอกกับพวกเขาว่า สุดท้ายแล้วชุดเกราะนี่ก็เป็ของนอกกายพลังฝีมือต่างหากที่จะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต
อนาคตของหลินหยางไม่ได้จบแค่เท่านี้แน่นอน
อนาคตของตระกูลเวินเองก็ไม่ได้จบแค่เท่านี้เช่นกัน
ดังนั้นเหล่าคนที่ถูกหลินหยางคัดเลือกให้เป็องครักษ์ประจำตัวสุดแข็งแกร่งกลุ่มแรกนั้นระดับเซียนเทียนไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายของพวกเขาอย่างแน่นอน
“หั่วเอ๋อร์ เ้าอย่าแอบอู้... ถ้าเ้าไม่ฝึกพวกนั้นให้เต็มที่ละก็วันนี้ก็อย่าหวังจะได้กินข้าวเย็นเลย”
เอ้าเฮ้ย!!!!
หั่วเอ๋อร์ส่งเสียงร้องอนาถออกมาจากนั้นก็รีบใส่แรงลงไปมากกว่าเดิมสองเท่า
เฮ้ยย!!
เหล่าเด็กน้อยตระกูลเวินผู้น่าสงสารเริ่มส่งเสียงหวีดร้องกันอย่างโหยหวนยิ่งกว่าเดิม
