ด้วยความที่เป็อันธพาลของเขตเหนือมาั้แ่ไหนแต่ไร เถาว่านเฉิงถึงเคยาเ็ได้แผลมาก็มาก ผ่านสถานการณ์อันตรายมาไม่น้อย หลายครั้งที่เสี่ยงจนชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทว่าต่อให้อันตรายถึงขั้นนั้น เขาก็ไม่เคยกลัวขึ้นสมองเช่นตอนนี้มาก่อน
เขารู้สึกเหมือนมีิญญาร้ายจากขุมนรกตะปบหัวใจเขาไว้แน่น ความหวาดกลัวพุ่งสูงจนยากจะหายใจ
ทว่าเงาซิวลัวทองแดงก็หาได้มีทีท่าจะลงมือไม่ แม้แต่หน้าเขาก็ยังไม่มอง
เขายังคงนั่งเงียบเชียบอยู่บนเก้าอี้
เปลวไฟในห้องหับกึ่งลุกกึ่งดับ
แสงไฟสลัวส่องร่างของเขา ทิ้งเป็เงาน่าครั่นคร้ามไว้เื้ั
เวลาไหลผ่านไปทุกวินาที
ดรุณีน่าสงสารสองนางที่ถูกพาตัวมา เดิมทีเห็นเื่พวกนี้ก็ทั้งใทั้งกลัว พอเห็นเืกระเซ็นก็สลบเหมือดไปแล้ว
เถาว่านเฉิงไม่กล้าขยับ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันร้ายเหลือใจ ความเ็ปกอปรกับความกลัว เหงื่อเย็นไหลบ่าเป็สายน้ำตก มากจนชุ่มไปทั่วร่าง เวลาในสายตาเขาช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน เหมือนกับว่าราตรีช่างยาวนานจนชั่วนิรันดร์ก็ไม่อาจเห็นแสงตะวัน
เวลาชั่วจิบชาผ่านพ้นไป
เสียงฝีเท้าแว่วดังมาจากด้านนอก
เถาว่านเฉิงตาเป็ประกาย
เขารู้ว่าซุนอวี้หู่มาถึงแล้ว
คุณชายแห่งสำนักสำมะโนประชามาถึงแล้ว
ก่อนหน้านี้ทุกๆ สามวัน คุณชายซุนจะพาองครักษ์มาที่ห้องศิลาแห่งนี้ ส่งเงินทองเป็ค่าจ้างมิได้ขาด ถามสถานการณ์บ้างตามแต่เื่ พอคำนวณเวลาก็ควรที่จะมาถึงได้แล้ว
เขาต้องมีระดับสูงอยู่ข้างกายเป็แน่ บางทีอาจจะโค่นเงาซิวลัวทองแดงนี้ได้?
เถาว่านเฉิงมองเห็นแสงแห่งความหวัง
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว เขาก็อ้าปากจะร้องเรียกดังๆ
ทันใดนั้นเอง ที่ร่างซิวลัวทองแดงเหมือนจะอ่านใจออก เขาชำเลืองมองมา
ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่เถาว่านเฉิงสบตากับสายตาจะยิ้มก็ไม่เชิง จะไม่ยิ้มก็มิใช่หลังหน้ากากนั่นแล้วเป็ต้องหนาวสั่น จากนั้นก็เปล่งเสียงออกมาไม่ได้เลยแม้แต่พยางค์เดียว
แกร๊กๆ!
เสียงเบาๆ เกิดขึ้นก่อนบานประตูจะถูกผลักออก
ชายสามคนเดินเรียงแถวเข้ามา
หัวหน้าย่อมเป็ซุนอวี้หู่
หนึ่งเดือนผ่านพ้นไป แผลที่ไหล่ของซุนอวี้หู่บรรเทาลงมา บางทีอาจเป็เพราะเสียเืมากเกินไป สีหน้าถึงยังอ่อนแรงอยู่บ้าง อาจเป็เพราะร่ำสุราและร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วถึงได้เป็หนัก ทว่าก็ยังประแป้งหน้าเรียบแปล้เหมือนเช่นเคย กายมีกลิ่นหอมของกล้วยไม้ และแม้จะเป็ยามราตรีที่หิมะตกหนักและลมหนาวกรีดร้อง เขาก็ยังคงวีพัดหยก
คุณชายลูกผู้ดีตีนแดงผู้นี้กำลังคุยกลั้วหัวเราะกับคนข้างๆ กลับไปเป็จอมโอหังช่างระรานเหมือนเดิม
ตอนที่เขาผลักประตูเข้ามา มองเห็นสภาพที่เกิดเหตุแล้วเป็ต้องนิ่งทื่อ
“เื่อะไรกันเนี่ย?”
ระดับสูงที่เป็องครักษ์ทั้งสองนายเข้ามาล้อมหน้าซุนอวี้หู่ทันที
สองคนนี้คือยอดฝีมือที่หลิวหยวนชั่งจัดการให้คุ้มครองซุนอวี้หู่
ครั้งก่อนที่ซุนอวี้หู่เกิดเื่ หลิวหยวนชั่งไม่ตามแก้แค้นเ่ิูด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่รีบล้อมคอกก่อนวัวหาย รับสมัครยอดฝีมืออาณาน้ำพุิญญาสองคน ให้มาติดตามซุนอวี้หู่อย่าให้คลาดสายตา รักษาคามปลอดภัยให้ทายาทคนนี้ หลิวเล่ยตายไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับซุนอวี้หู่ขึ้นมา เขาก็จะไร้ซึ่งผู้สืบทอดของจริง
“ใครน่ะ?”
ทั้งสองแยกกันคุ้มครองซ้ายขวา สีหน้าเย็นเยียบเมื่อเดินดาหน้าเข้าหา
พวกเขาผ่านมาเป็ร้อยสมรภูมิ จึงััถึงความอันตรายและความดุดันน่าพิศวงจากภายในห้องศิลาได้ว่องไว
เปลวเพลิง!
ศพ!
โลหิต!
เด็กสาวกึ่งเปลือยนอนสลบไสล
ร่างซิวลัวทองแดงใต้แสงโคมไฟ ราวกับภาพลวงตาที่ไร้ตัวตน ไร้ลมหายใจ หัวใจไม่เต้น แล้วก็ไม่มีปราณเคลื่อนไหว
หากมิใช่เพราะั์ตามองเห็น พวกเขาใช้ััของพลังตรวจจับก็หาคนผู้นี้ไม่เจอ องครักษ์สองนายมองตากัน ใจระแวดระวังอย่างที่สุด ลำพังพลังของพวกเขาไม่อาจได้กลิ่นคาวเืก่อนหน้าจะเข้ามาในห้องนี้ แล้วก็ไม่รับรู้ว่ามีปราณเช่นใดโคจรอยู่ บ่งบอกได้ชัดเจนว่าพลังของเงาซิวลัวทองแดงเหนือกว่าพวกเขา
ซุนอวี้หู่ถอยกรูดเป็คราวแรก
ตอนนี้เองที่เงาซิวลัวทองแดงค่อยๆ หยัดยืนขึ้นมา
เถาว่านเฉิงที่นอนแผ่อยู่บนพื้นมองเห็นว่าในดวงตาเฉยเมยคู่นั้นมีรอยยิ้มซ่อนอยู่
ความรู้สึกที่เหมือนกับว่า...
เริ่มงานฉลองเข่นฆ่า!
ทุกคนรู้สึกตาพร่า
เงาซิวลัวทองแดงก้าวๆ เดียวก็มาถึงหน้าสององครักษ์ เขาต่อยออกไปอย่างง่ายดาย
การโจมตีนี้เรียกว่าไม่ใช่กลยุทธ์ เพราะตอนที่เขาวาดหมัดนั้นไม่ได้คิดจะป้องกันเลย เปิดช่องว่างทั่วตัว
“หาเื่ตาย!”
“โอหัง!”
สององครักษ์ตะเบ็งเกรี้ยวกราดพร้อมกัน
วิธีการโจมตีแบบนี้เกินคำว่าชุ่ยไปโข
ปราณบังเกิดทั่วกาย แสงสว่างโชติ่ พลังแกร่งกล้าปะทุออกมา ห้องศิลาพลันบังเกิดลมแรงโหยหวน ชักดาบยาวตรงบั้นเอวออกมา ฝักและคมดาบเสียดสีกันน่ากลัว ไอดาบหนาวเหน็บสาดรังสีจนอัคคีสลัวมอดดับ
ทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงดาบหนาว
และสิ่งที่ปะทะกับมันคือหมัดซึ่งเป็เืเนื้อ
ตูม!
เสียงกัมนาทเมื่อดาบและหมัดปะทะกันชนิดไม่ลีลา
ปั้ง!
ไอสีเงินฉาดฉาย
ดาบเหล็กกล้าสองเล่มแตกร้าว
ตัวดาบแหลกละเอียดกระจาย งามดุจดอกไม้ไฟสีเงินแวววาว
แต่กำปั้นกลับไร้รอยแผลใด หนำซ้ำยังไม่หยุด กระแทกกับอกองครักษ์เต็มเปา
กร๊อบๆ!
เสียงกระดูกแตก
สององครักษ์คำรามบ้าคลั่งไม่หยุด รู้สึกถึงพลังที่กระหน่ำจู่โจมะเิในอก พวกเขากระเด็นไปชนฝาผนังหินจนทะลุออกไป กระดูกไม่รู้แหลกไปเท่าไร
“เป็ไปไม่ได้ ข้า...ข้าเข้าอาณาน้ำพุิญญาตาที่สองแล้ว แค่หมัดเดียวกลับ...ฆ่าข้าได้...เ้าเป็ใคร?”
“เ้าคือหลินอี้หลง หมัดคู่ทลายฟ้า ใช่ไหม? ในลู่ิมีแค่หลินอี้หลงเท่านั้นที่มีพลังหมัดเท่านี้ ต้องเป็เ้าแน่!”
องครักษ์อ่อนเผละอยู่บนพื้น
องครักษ์ทางซ้ายกระอักเื ตะเกียกตะกายมองเงาซิวลัวทองแดง ตัวเขาและสหายเข้าอาณาน้ำพุิญญาตาที่สองนานแล้ว ในนครลู่ิทั้งหมด นอกจากผู้แข็งแกร่งเลื่องชื่อที่เกียรติยศรุ่งโรจน์แล้ว จะมีผู้ใดต่อยเขาทีเดียวจอดได้ง่ายดายอย่างนี้อีก?
ในบรรดาผู้แข็งแกร่งเลื่องชื่อ มีเพียงหลินอี้หลงเท่านั้นที่มีพลังเนนี้
เงาซิวลัวไม่ตอบ
เขาค่อยๆ เคลื่อนสายตามามองที่ซุนอวี้หู่
แววตาโเี้ ราวกับแมวมองหนู
“เ้า...” ซุนอวี้หู่มิใช่คนโง่ เขาเห็นคราแรกก็หันหลังจะเผ่น
พลังมหาศาลไร้รูปร่างเข้าจู่โจมเขาจากด้านหลัง พันธนาการไว้แน่น ลากกลับมากลางอากาศ โยนลงบนผนังหินที่พังไปครึ่งค่อน เสียงปึงดังมา ไม่รู้กระดูกแตกไปกี่ชิ้น เขาใจนแทบบ้า ลืมเลือนความเ็ปจนสิ้นเมื่อร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง “อย่า อย่าฆ่าข้า ข้าเป็หลานชายของหลิวหยวนชั่ง อย่าฆ่าข้า...ต้องมีเื่เข้าใจผิด ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ พวกเราไม่รู้จักกันนะ...”
“เฮอะๆ...”
เสียงเย้ยเยาะเ็าดังแว่วมา
เป็เสียงแรกที่หลุดรอดจากปากของเงาซิวลัวทองแดง
“ชู่ว!” เขาทำมือว่าอย่าพูด เสียงพิสดารดังออกมาจากภายใต้หน้ากาก เหมือนกับกำลังพูดกับเด็กเล็ก เขาเอ่ยเบาหวิว “เป็เด็กดีนะ ก่อนอื่นก็อย่าพูดเลย ฟังข้าพูดซะ ข้าพูดจบแล้วเ้าค่อยพูดนะ”
เถาว่านเฉิงรู้สึกประหลาด เหมือนว่าร่างซิวลัวทองแดงนั่นละจิตสังหารลง แล้วเปลี่ยนเป็คนละคน จากิญญาสังหารกลายเป็ต่ำช้า ในคำพูดมีความพึงพอใจที่ได้เล่นพิเรนทร์ และกลับกลอก
“ไม่...ไม่ อย่าฆ่าข้าเลย อย่า...ช่วยด้วย!” ซุนอวี้หู่กลัวลนลาน เขาะโร้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ดูคุณชายลูกผู้ดีคนนี้สิ ตาขาวจนน่าสมเพช
“ไม่เชื่อฟังเอาเลยเสียจริง” เงาซิวลัวทองแดงบ่นพึมพำ จากนั้นก็เตะพื้นตามอารมณ์
ฟิ้ว
เสียงผ่าอากาศอย่างเฉียบคม หินก้อนเล็กพุ่งเข้าชนปากซุนอวี้หู่อย่างจัง
ซุนอวี้หู่โอดครวญ ทว่ารู้สึกได้แต่ปากที่ชาดิก สูญสิ้นการรับรู้ไป ตอนที่จะเอ่ย เสียงที่ออกมาจากลำคอกลับแหบและเบาจนไร้ความหมาย กระทั่งประโยคสักประโยคยังพูดออกมาไม่ได้
“บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าพูด ฟังข้าพูดก่อน เ้าคนนี้ไฉนไม่ยอมเชื่อฟัง?” เงาซิวลัวทองแดงเอ่ยเหมือนโกรธ
ซุนอวี้หู่อยากร้องก็ร้องไม่ออกแล้วคราวนี้
เถาว่านเฉิงกลัวจนตัวสั่นงันงก ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม
เมื่อเงาซิวลัวทองแดงเดินไปจนถึงข้างร่างองครักษ์สองนายซึ่งสลบเหมือด มองดูโดยละเอียดแล้วตบกบาลทีหนึ่งเพื่อยืนยันว่าทั้งคู่สลบจริง และจะไม่มีทางได้ยินบทสนทนานี้ จากนั้นก็หยิบดาบหักบนพื้นขึ้นมา เดินไปแทงเฉินเอ้อร์และพวกอันธพาลซ้ำอีกทีเพื่อยืนยันว่าตายจริง จากนั้นจึงโยนดาบชำรุดนั่นทิ้งไป
เขายกเถาว่านเฉิงขึ้นแล้วโยนไปไว้ข้างซุนอวี้หู่
จากนั้นก็รุดมาถึงตรงหน้าคนทั้งคู่ เ่ิูเอ่ยช้าๆ และเป็ขั้นเป็ตอน “มีคนเคยบอกข้าว่า ตอนที่ควรลงมือก็จงลงมือ อย่ามัวบ้าน้ำลาย ดังนั้นข้าก็จะไม่พูดเื่ไร้สาระ เสือกดาบฆ่าพวกเ้าให้มันเสร็จๆ ไป แต่พอมาคิดดูอีกที ข้าใช้วิทยายุทธ์มากขนาดนี้ เพื่อจะแต่งองค์เป็เทพแต่กระทำเหมือนมารมานานเต็มที กลับไม่อาจมองสีหน้าระทมทุกข์เสียดายของพวกเ้า ไม่อาจเสพย์ความสุขที่แผนลุล่วง เป็เช่นนั้นคงน่าเบื่อน่าดูเลย...เพราะงั้นมาๆๆ พวกเรามาหารือต้นสายปลายเหตุกันดีกว่า”
ซุนอวี้หู่ดิ้นรนร้องไห้เป็เผาเต่า เหมือนจะอยากเอ่ยอะไร เสียดายที่ฟันกับลิ้นง่อยไปแล้ว พูดอะไรไม่ได้สักคำ
“ไม่ๆๆ ท่านต้องจำคนผิดแน่ ข้าไม่เคยยั่วยุอะไรท่าน” เถาว่านเฉิงกลัวคนน้ำหูน้ำตาไหลพราก
เงาซิวลัวทองแดงหัวเราะเย็น “จำคนผิด? จะเป็ไปได้อย่างไร หน้าเ้าข้าจำได้แม่นมั่นั้แ่วันแรก พวกไม่รู้เป็รู้ตาย พาคนมาล้อมคฤหาสน์ข้ายี่สิบกว่าวันแล้ว ข้าจะจำเ้าผิดได้งั้นหรือ?”
เถาว่านเฉิงหน้าเปลี่ยนสี
เขารู้แล้วว่าชายคนนี้คือใคร
“ทำไม? กลัวหรือ? ไม่ใช่บอกว่าข้าข่มขู่เ้าหรอกหรือ?” เ่ิูยิ้มอารมณ์ดีใต้หน้ากาก “ฮ่าๆๆ ดูหน้าเ้าตอนนี้สิ กลัวจนร้องไห้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ายโสนักหรอกหรือ? ฮ่าๆๆ...สบาย ความรู้สึกเช่นนี้ช่างสุขสบายเสียจริง!”
“ข้า...ข้า...ข้า...” เถาว่านเฉิงกลัวจนคุกเข่า หัวก้มกราบเหมือนกระเทียม เขาเอ่ยคำอื่นไม่ได้อีกเลย
เถาว่านเฉิงในตอนนี้ เสียใจจนไม่รู้จะเสียใจอย่างไร
ไม่ใช่ว่าคนมีเงินต้องรักษาภาพพจน์ที่สุดหรือ?
ไม่ใช่ว่าเ่ิูที่เขาพูดถึงกันนักหนานั้นง่ายต่อการรับมือหรือ?
ไม่ใช่ว่าแผนจะสำเร็จโดยไม่มีการสูญเสียหรือ?
ไม่ใช่ว่า...
เขาไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเ่ิูจะจัดการด้วยไม้นี้
“ความจริงแล้วนับแต่เริ่ม ข้าก็ไม่ได้อยากฆ่าเ้าหรอก” เ่ิูปัดมือ “ข้าคิดมาตลอดว่าพวกอันธพาลเหมือนเช่นเ้ามีอยู่ทั่วไปในเมืองลู่ิ ใช้เงินทำกิจ เห็นเงินทีตาลุกวาว นี่เป็รูปแบบการใช้ชีวิตแต่เดิมของพวกเ้า ถึงเวลาก็กำราบไม่ได้...”
“ใช่ๆๆๆ ท่านพูดถูกแล้ว ข้าแค่พวกอันธพาล ท่านเป็ยอดฝีมือสูงส่งทั้งชาติตระกูลและวรยุทธ์ ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ...” เถาว่านเฉิงดีใจ ไหลไปตามน้ำแล้วโขกหัวกับพื้นเหมือนกระเทียม
เ่ิูตบบ่าเขาแล้วว่า “ได้เลย อย่าเพิ่งรีบดีใจไป ฟังข้าพูดให้จบก่อน โขกหัวก็ดี แคว้นเสวี่ยได้เท่าเทียมเสียที...เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากเอาชีวิตเ้าหรอก แต่ว่าตอนข้าเห็นพวกนาง...” เ่ิูชี้ดรุณีน่าสงสารทั้งสองนางที่สลบเหมือดไป เขาว่าต่อ “แล้วยังได้ยินเื่ที่พวกเ้าพูดกันอีก ก็เกิดขึ้นแล้ว เดนมนุษย์อย่างพวกเ้า ตายไปเสียดีกว่าอยู่ให้หนักแผ่นดิน”
“อย่า ข้าไม่อยากตาย ข้า...” เถาหว่านเฉิงกลัวลนลาน
“เด็กผู้หญิงที่เ้าขายเข้านรกบนดินก็เคยเอ่ยว่าอย่า แล้วเ้าทำอย่างไรกับพวกนางล่ะ?” เ่ิูเหยียดยิ้มยามเอ่ยเบาๆ “เ้าดูสิ ข้าพูดมาขนาดนี้แล้ว ถึงตายก็ตายได้กระจ่างแล้วมั้ง? เด็กดี เ้าต้องฟังคำข้า ไปตามทางของเ้าอย่างสบายใจเถอะไป”
เอ่ยไม่ทันจบ
ตวัดมือตบทีเดียวเหมือนมีตะปูทิ่มร่างสั่นเทาของเถาว่านเฉิง ทิ่มจนจมดินโคลนใต้เท้า
คราวนี้เขาสิ้นลมหายใจโดยสิ้นเชิง
เ่ิูเบนหน้ามองซุนอวี้หู่ที่ครั่นคร้ามจนิญญาหลุดจากร่าง ค่อยๆ ถอดหน้ากากซิวลัวทองแดงออกมา เอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่น่ากลัวยิ่งกว่ามารใดๆ ในสายตาซุนอวี้หู่ “ตาเ้าแล้ว...อืม จะว่าไปข้าก็พร่ำอะไรไร้สาระมาเยอะแล้ว ข้าไม่ใคร่จะอธิบายอะไรอีก ได้เห็นหน้านี้ข้าว่าเ้าก็คงตายตาหลับแล้วล่ะ”
ซุนอวี้หู่อาเจียนเอาของเหลวสีขาวออกมา แววตาอ้อนวอน
“มนุษย์ไม่มีเจตนาฆ่าเสือ แต่เสือมีใจจะฆ่ามนุษย์” เ่ิูสวมหน้ากากเข้าไปใหม่อีกครั้ง “เื่คราวก่อนข้าไม่ถือสา ใครจะคิดว่าเ้าจะรนหาที่ ส่งมาให้ข้ายันบ้าน ข้าจะไปจากลู่ิอยู่แล้ว ขืนปล่อยเ้าตัวมหันตภัยให้ลอยชายอยู่ต่อไป มีหวังว่าสหายและครอบครัวข้าต้องมีเื่ลำบากกวนใจเพราะเ้าแน่ๆ...เฮอะๆ เพราะงั้นเ้าก็ทำตามทางของเ้าเถอะ”
เ่ิูยกมือขึ้นช้าๆ
ทันใดนั้นเอง
พรวด!
เสียงเบาหวิวตามมาด้วยความเหม็นซึ่งหาต้นตอที่โชยออกมาจากสะโพกของซุนอวี้หู่
เขาพ่นของเหลวสีขาวออกมาอย่างบ้าคลั่ง มุมปากมีน้ำสีเขียวเล็กน้อย สิ้นลมหายใจสุดท้าย ความกล้ามลายหาย ใจนตายสนิททั้งเป็
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้