“ลาออกแล้ว” เซี่ยเจิงตอบอย่างไม่ได้แสดงอารมณ์ใดใด
ชวีเสี่ยวปอสูดลมหายใจเข้าไป เขาไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจกับเงินสองร้อยหยวนนั้นหรือเปล่า แต่สรุปแล้วก็คือหน้าอกของเขารู้สึกแน่นขึ้นมาอย่างบอกไม่พูด ทั้งยังไม่ได้รู้สึกมีความสุขอย่างที่คิดเอาไว้เลยสักนิด
“ตอนนี้ทนฟังฉันอธิบายได้รึยัง? ” เซี่ยเจิงไอขึ้นมาอีกสองครั้ง “ในฐานะที่ฉันเสียเงินสองร้อยหยวนนั้นไปก็ได้”
“ถ้างั้นนายก็...พูดมา” ชวีเสี่ยวปอกำโทรศัพท์ของเซี่ยเจิงเอาไว้แน่น จนทำให้เสียงล็อกหน้าจอดังขึ้นมา พร้อมทั้งอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้เซี่ยเจิงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ฉันจะฟัง”
“รู้ไหมว่าทำไมเถ้าแก่ถึงจ้างฉันให้ไปเป็นักร้อง? ” เซี่ยเจิงมองเขา พลางถามขึ้นมาก่อนเป็ประโยคแรก
“นายร้องเพราะ” ชวีเสี่ยวปอตอบออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด
“เอ่อ ไม่ใช่เื่นั้น” เซี่ยเจิงยกมุมปากยิ้มขึ้นมา “ก่อนหน้านี้มีคนลาออกไป”
ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา เขากะพริบดวงตาทั้งสองข้าง สายตาของเขาเผยให้เห็นว่า “เป็ปกติมาก เดิมทีงานร้องเพลงในร้านเหล้าแบบนี้อัตราการเข้าออกของคนก็มากอยู่แล้ว” แล้วจึงรอให้เซี่ยเจิงพูดต่อไป
“เด็กผู้หญิงที่อยู่มาก่อนหน้าฉัน เธอร้องเพลงที่นั่นมาเกือบสามปีได้” เซี่ยเจิงถีบขาที่อยู่ใต้ผ้าห่มเล็กน้อย ชวีเสี่ยวปอคิดว่าเขาจะกำลังจะเล่าเื่ยาวขึ้นมาซะอีก แต่จากนั้นเซี่ยเจิงก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า : “สาเหตุที่ลาออกเป็เพราะว่าถูกใครบางคนเอาขวดเหล้าฟาดเข้าที่หัวจนเกือบจะมีแผลเป็บนใบหน้า”
คิดไม่ถึงว่าในระหว่างที่เซี่ยเจิงพูดประโยคนี้เขาจะแสดงความน่าเวทนาออกมาด้วย
“ให้...ตายเถอะ? ” ชวีเสี่ยวปอไม่คาดคิดว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าที่เซี่ยเจิงเล่าเื่นี้ขึ้นมามันเกี่ยวข้องอะไรกับเื่ที่เขากำลังจะอธิบาย แต่ชวีเสี่ยวปอเองก็ใอยู่ไม่น้อยเลย
“เหตุผลนั้นง่ายมาก” เมื่อเซี่ยเจิงเล่าถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจออกมา เว้น่อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อไปว่า : “แค่เพราะว่าไม่ได้ดื่มเหล้าขวดนั้นที่ลูกค้ายื่นให้”
“ก็เลย...” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเหมือนจะเข้าใจขึ้นในทันที “วันนั้นผู้ชายคนนั้นเขาขู่นายเหรอ? ”
“ไม่ถึงกับขู่หรอก” เซี่ยเจิงชำเลืองมองไปยังมือของชวีเสี่ยวปอที่กำแน่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว และดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นมันเช่นกัน “ที่จริงวันนั้นก่อนที่นายจะเข้าไปเห็น เขามาหาฉันสองครั้งแล้ว”
ชวีเสี่ยวปอ : “......”
ทุกอย่างสับสนวุ่นวายไปหมดแล้ว
ชวีเสี่ยวปอนึกย้อนกลับไปในคืนนั้นอย่างละเอียด เขาเห็นเซี่ยเจิงชนแก้วกับคนคนนั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังร่ำลาอย่างมีมารยาท คิดไม่ถึงว่าที่แท้แล้วเซี่ยเจิงก็ไม่เต็มใจเช่นกัน แต่ทำไมตอนอยู่ต่อหน้าเขาเซี่ยเจิงถึงยังแสดงท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นได้อีก?
“คืนวันนั้นเถ้าแก่ให้ฉันไปดื่มกับเขาแก้วหนึ่ง” ขณะที่พูดเซี่ยเจิงก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกุมมือของชวีเสี่ยวปอเอาไว้... ชวีเสี่ยวปอสั่นขึ้นมาอย่างแรง ตอนที่เซี่ยเจิงยื่นมือไปกุมเอาไว้นั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาสงบลงได้ แต่โชคดีที่ครั้งนี้ชวีเสี่ยวปอไม่ได้เอามือหลบออกแล้ว
“ฉันไม่อยากดื่ม เขาก็เลยเล่าเื่หญิงสาวคนนี้ให้ฉันฟัง” เซี่ยเจิงพูดขึ้นพลางเพิ่มกำลังมือบีบลงไปบนนิ้วของชวีเสี่ยวปอ “ที่จริงต่อให้วันนั้นนายไม่...เอ่อ เป็แบบนั้น ฉันก็จะลาออกอยู่แล้ว”
ทันใดนั้นตรงหน้าของชวีเสี่ยวปอก็มีท่าทางของเถ้าแก่หน้าหนวดนั่นแวบขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขยะแขยงอยู่ครู่หนึ่ง อะไรคือ “ต้อนรับนายตลอด” “มาหาเพื่อนใหม่” ชวีเสี่ยวปอไอออกมาสองครั้ง พร้อมทั้งดึงมือของตัวเองออกมาจากมือของเซี่ยเจิง จากนั้นก็ตีลงไปบนหลังมือของอีกฝ่ายอย่างแรง
เซี่ยเจิง : “ ? ” แฟนฉันทำไมถึงได้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบนี้นะ
ชวีเสี่ยวปอเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งยังแทบจะพูดเสียงผ่านช่องฟันออกมาประโยคหนึ่งว่า : “แล้วทำไมนายถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ !”
“นายก็ต้องให้โอกาสฉันด้วยสิ” เซี่ยเจิงหยิบโทรศัพท์มือถือที่ชวีเสี่ยวปอโยนลงไปบนผ้าห่มขึ้นมา ปัดเลื่อนไปสองสามครั้งเพื่อเปิดบันทึกการโทรของวันศุกร์ ซึ่งตัวเลข 27 ที่แสดงเด่นชัดอยู่ด้านหลังชื่อของชวีเสี่ยวปอ เป็เครื่องพิสูจน์ว่าที่เซี่ยเจิงพูดเป็ความจริง “นายเรียกรถออกไปเลย แล้วยังไม่รับโทรศัพท์อีก งั้นจะฉันอธิบายให้ใครฟังล่ะ”
“ฉันหมายถึงเื่ที่คนนั้น...ไอ้บ้านั่นมันมายุ่งวุ่นวายกับนาย ทำไมนายถึงไม่บอกฉันเร็วกว่านี้ !” ั้แ่ในตอนที่ความเข้าใจผิดนั้นคลี่คลายลงชวีเสี่ยวปอก็ไม่อาจรู้สึกสงบลงได้เลย เมื่อนึกถึงเซี่ยเจิงที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ความบีบคั้นในอกของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณ
“ฉันนึกว่าฉันจะจัดการเองได้” เซี่ยเจิงถอนหายใจออกมา ในที่สุดก็เปิดผ้าห่มออก แล้วจึงขยับทั้งตัวเข้าไปใกล้กับชวีเสี่ยวปอ “เื่นี้ฉันทำไม่ถูก ถ้าไม่ปิดบังนายั้แ่ตอนแรก ก็คงจะไม่เกิดเื่ยุ่งยากแบบนี้ขึ้น แต่ฉันคิดว่ายังไงก็ต้องร้องให้จบอาทิตย์นี้ ฝืนอีกแค่สองวันเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว และฉันก็ไม่ได้กลัวว่าจะเป็แผลบนหน้าด้วย แต่ถ้ามีเื่ขึ้นมา ฉันทำใจเสียเงินสองร้อยนั้นไปไม่ได้จริงๆ ”
ในขณะที่พูดประโยคสุดท้ายเซี่ยเจิงยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกด้วยท่าทางที่เ็ปทุกข์ทรมาน ราวกับว่าถ้าหากไม่มีเงินสองร้อยหยวนนี้จริงๆ เขาก็จะหมดเนื้อหมดตัวเลยอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่การแสดงเกินจริงนั้น ทำให้ชวีเสี่ยวปอที่เมื่อครู่กำลังรู้สึกเจ็บใจ จู่ๆ ก็หัวเราะลั่นขึ้นมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“ท่าทางดุดันที่นายจะต่อยกับฉันตอนแรกนั้นหายไปไหนหมดแล้วล่ะ” ชวีเสี่ยวปอจ้องเขาตาเขม็ง
“ไม่มีแล้ว หายไปหมดแล้ว” เซี่ยเจิงอ้าแขนออกมา พร้อมทั้งใช้คางชี้ไปยังชวีเสี่ยวปอครั้งหนึ่ง “คุณแฟน มากอดที”
ชวีเสี่ยวปอสูดจมูกเล็กน้อย จากนั้นจึงขยับเข้าไปในอ้อมกอดของเซี่ยเจิง
“ปอเอ๋อร์ นายรู้ไหม? ” เซี่ยเจิงวางคางลงไปบนไหล่ของชวีเสี่ยวปอ พลางเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา “หลังจากที่คบกับนายแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าก่อนที่จะทำอะไรฉันคิดก่อนตลอดเลย ผลที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ถ้านายรู้เข้าแล้วจะคิดยังไง ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยกลัวว่าจะสร้างปัญหาเลย แต่ฉันกลัวจะเห็นนายไม่สบายใจ ไม่สบายใจเพราะฉัน นายเข้าใจไหม? ”
เนื่องจากอยู่ในท่าทางเช่นนี้เซี่ยเจิงจึงไม่อาจที่จะเห็นสีหน้าของชวีเสี่ยวปอได้ แต่เขาก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายสูดจมูกเข้าไปแรงขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้
“อย่าทำน้ำมูกเลอะเสื้อฉันนะ” เซี่ยเจิงลูบไล้แผ่นหลังของชวีเสี่ยวปอลงไป จากนั้นก็ตบเบาๆ ลงไปบนเอวของเขา
“ให้ตายเถอะ” ชวีเสี่ยวปอสบถออกมา จากร้องไห้ก็กลายเป็หัวเราะขึ้นมา “ฉันบอกได้ไหมว่ามันเลอะไปแล้ว !”
“ก็ได้” เซี่ยเจิงหันศีรษะมา จูบลงไปบนใบหูของชวีเสี่ยวปอทีหนึ่ง “เห็นว่านายอยู่ในฐานะแฟนของฉัน ให้อภัยนายก็ได้”
ทั้งสองคนกอดกันจู้จี้อยู่เช่นนี้พักใหญ่ ผลัดกันหยอกเย้าแหย่ัักันไปมา สุดท้ายชวีเสี่ยวปอก็เป็คนปล่อยมือออกมาก่อน ถ้าขืนยังนัวเนี่ยกันอยู่เช่นนี้ก็คงจะไม่ได้หยุดแค่การลูบไล้แล้วละ สภาพในตอนนี้ของเซี่ยเจิง มันไม่เหมาะกับการทำเื่อย่างนั้นเอาเสียเลย
“จริงสิ ฉันถามอะไรอีกอย่างได้ไหม? ” เซี่ยเจิงทำท่าทางป้องกันตัวขึ้นมา “ถามแล้วห้ามตีฉันนะ ตอนนี้ฉันไม่มีแรงตอบโต้”
“โถ่ ขี้ขลาดขึ้นมาแล้ว” ชวีเสี่ยวปอบีบคางของเซี่ยเจิง “มีอะไรที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม ก็ร้องไห้ออกมาเสียเถิด ตัวข้ายินดีรับฟัง”
“ทำไมตอนนั้นนายถึงได้แน่ใจขนาดนี้ว่าฉันต้องมีลับลมคมในกับคนคนนั้นแน่ๆ ? ” สีหน้าของเซี่ยเจิงดูสงสัยเป็อย่างมาก เขาอยากรู้เื่นี้มากจริงๆ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชวีเสี่ยวปอทำเสียงอ๋าขึ้นมาครั้งหนึ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประหลาดใจกับข้อสงสัยที่เซี่ยเจิงถามขึ้นมาเลยก็ตาม “ซือจวิ้นบอกว่าฉันขาดความรู้สึกมั่นคง”
“นายบอกซือจวิ้นว่านายทะเลาะกับฉันอยู่ฝ่ายเดียวไปแล้วเหรอ? ” เซี่ยเจิงเลือกใช้คำได้ถูกต้องแม่นยำเป็ที่สุด
“อืม พูดกับเขาไปนิดหน่อยน่ะ” ในขณะที่พูดชวีเสี่ยวปอก็นอนคว่ำหน้าลงไปบนเตียง คาแรกเตอร์เ็าที่เขารักษาเอาไว้มาตั้งนานในที่สุดก็สามารถสลัดทิ้งไปได้สักที “นายคิดว่าเขาพูดถูกไหม ที่บอกว่าความรู้สึกมั่นคงอะไรนั่น”
“ก็ต้องดูว่าตกลงแล้วนายกลัวอะไรกันแน่”