ซุนเฟยก้าวเข้ามาในลานกว้างก็พบชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดที่สวมชุดขาดรุ่งริ่ง หน้าเหลืองซูบผอมจำนวนมากรวมตัวอยู่ในลานกว้าง ไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงได้พากันมาชุมนุมที่นี่ เมื่อพวกเขาเห็นซุนเฟยเดินมาแต่ไกลๆ ก็พากันโห่ร้องแล้วคุกเข่าลงทั้งหมด
“องค์าาอเล็กซานเดอร์เสด็จมาแล้ว...”
“ฝ่าา ฝ่าาต้องให้ความเป็ธรรมกับพวกเราด้วยนะขอรับ!”
“เรา้าฟ้องเ้าหน้าที่เรือนจำที่จับกุมผู้บริสุทธิ์...”
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ เพียงเพราะลูกชายของข้าทำให้กิล ลูกชายของเลขานุการบาร์เซิลไม่พอใจ จึงถูกคุมขังไว้ในเรือนจำ ได้โปรด ฝ่าาให้ความเป็ธรรมด้วยนะขอรับ...”
ชาวบ้านต่างพากันคุกเข่าแล้วพากันะโขอร้องเสียงดังด้วยท่าทางโศกเศร้า
ซุนเฟยหันไปมองบรู๊ค บรู๊คส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฝ่าา ข้าไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านมารวมตัวกันอยู่ที่นี่และไม่เคยพูดว่าท่านจะเสด็จมาเรือนจำตอนบ่ายด้วยขอรับ แปลกมากๆ นี่...จะให้ข้าไล่พวกเขาออกไปไหมขอรับ?”
ซุนเฟยหัวเราะพลางส่ายหน้า “ไม่เป็ไร วันนี้ไม่ใช่ว่าข้ามาเพื่อจัดระเบียบคุกหรอกหรือ? แบบนี้ก็ดีแล้ว มันจะยิ่งทำให้รู้ว่าเกิดเื่อะไรในเรือนจำกันแน่ เ้าให้ทหารไปยกโต๊ะเก้าอี้ขึ้นมาที่ลานกว้าง แล้วให้พัศดีโอเลเกร์นำเอกสารทั้งหมดออกมา ข้าจะไต่สวนคดีความชาวบ้านตรงหน้าทั้งหมดก่อน”
บรู๊คพยักหน้าน้อมรับคำสั่งแล้วเดินจากไป
ไม่ช้า กลุ่มชาวบ้านบนลานกว้างก็ถูกเหล่าทหารกั้นให้ห่างจากองค์าา บางส่วนก็ยกเพิงเล็กๆ โต๊ะหิน เก้าอี้หินขึ้นมา บางส่วนก็ยกผ้าและหนังสัตว์ที่เขียนเกี่ยวกับคดีความที่ผ่านกระบวนการพิจารณาตัดสินคดีให้ถูกจำคุกในเรือนจำใน่สิบปีมานี้ ทหารวางกองทับเหมือนเนินเขาเล็กๆ ตั้งอยู่ข้างๆ เพิง หนังสัตว์บางส่วนที่เก็บไว้เป็เวลานานก็มีราขึ้น หรือมีจุดกระดำกระด่าง ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นอับโชยออกมา
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ นี่เป็ม้วนเอกสารทั้งหมดในระยะเวลาสิปปีมานี้ขอรับ ข้าให้คนไปยกมาทั้งหมดแล้ว ไม่มีอะไรหายไปแม้แต่ม้วนเดียว าาที่เคารพ ั้แ่ที่ข้าโอเลเกร์ได้มาดูแลเรือนจำของเมืองแซมบอร์ด ข้าไม่กล้าหย่อนยานแม้สักนิด...” โอเลเกร์ 'เ้าภูติตูดม้า' ยืนพูดประจบประแจงซุนเฟยอยู่ข้างๆ ในมือถือพัดขนนกสีขาวดูประณีตคอยพัดวีให้ซุนเฟยอย่างขยันขันแข็ง
ซุนเฟยพยักหน้า
ตอนนี้โอเลเกร์เหมือนไก่ชนที่ได้รับการสนับสนุนจากเ้านาย เขาเดินออกมานอกเพิงอย่างมีความสุขพลางะโว่า “องค์าาอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่ วันนี้ได้ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนคุกก็เพื่อเปิดโปงและแก้ไขการกระทำที่ผิดกฎหมายที่เลขานุการบาร์เซิลสารเลวได้ก่อไว้ในเมืองแซมบอร์ด จงดีใจเสียเถอะ วันนี้ความเป็ธรรมและความเที่ยงตรงได้มาถึงเรือนจำแล้ว พวกเ้า ใครที่ได้รับความไม่เป็ธรรมและกดขี่จากเ้าสารเลวบาร์เซิลสมควรตายก็สามารถมาฟ้องร้องกับองค์าาอเล็กซานเดอร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างวางใจ องค์าาของข้าฉลาดมีคุณธรรม ตรงไปตรงมาไม่เห็นแก่ตัว เป็ที่เคารพรักของประชาชน...จะให้ความเป็ธรรมแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน”
โอเลเกร์ใช้คำพูดสวยหรูมาชื่นชมซุนเฟยไม่ต่ำกว่าสิบสองคำขึ้นไป พล่ามจนน้ำลายกระเด็นเสร็จก็สั่งให้ทหารรักษาการทำการจัดระเบียบแยกฝูงชนอย่างระมัดระวังแล้วเว้นช่องว่างเล็กๆ ไว้ จากนั้นก็ให้ชาวบ้านทีละคนเดินมาตรงหน้าเพิงเพื่อร้องทุกข์
ซุนเฟยแอบพยักหน้าอย่างพอใจ
แม้ว่าโอเลเกร์จะเป็พวกขี้ขลาดตาขาวรักตัวกลัวตาย และยังเป็ภูตตูดม้าชั้นยอด (เลียแข้งเลียขาเก่ง) แต่ก็มีจุดแข็งของตัวเอง เทียบกันแล้ว โอเลเกร์มีความระมัดระวังรอบคอบมากกว่านายทหารอย่างบรู๊คซะอีก การจัดการลานกว้างเช่นนี้ให้เป็ประโยชน์อย่างมาก คนแบบนี้หากใช้ดีๆ ก็จะเป็ผู้ช่วยที่ไม่เลวเลย
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ที่เคารพ ได้โปรดช่วยล้างมลทินด้วย...”
คนแรกเป็ชายชราสวมชุดรุ่งริ่ง เขาก้าวมาคุกเข่าด้านหน้าซุนเฟย ก่อนหน้านี้ลูกชายของเขาทำหน้าที่เป็ข้ารับใช้ในคฤหาสน์ของบาร์เซิล แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งไม่ทันระวังทำจานใส่อาหารหมาที่เป็สัตว์เลี้ยงของเ้าอ้วนกิลตกแตก ทำให้ถูกปรับเป็เงินสิบเหรียญทอง แต่เพราะชายชราไม่มีเงินจ่าย ลูกชายของเขาจึงถูกกุมขังในเรือนจำ ผ่านมาสามเดือนกว่าแล้วไม่รู้ว่าอยู่หรือตาย
ไม่ช้า ม้วนคดีความของลูกชายของชายชราคนนี้ก็ถูกส่งมาให้ ซุนเฟยอ่านรายละเอียด สิ่งที่บันทึกไว้ในนั้นสอดคล้องกับเื่ที่ชายชราเล่า ซุนเฟยโบกมือ ทันใดนั้นลูกชายของชายชราก็ถูกปล่อยตัวทันที นอกจากนี้ยังได้มอบเงินสิบเหรียญทองที่เป็ทรัพย์สินในคฤหาสน์บาร์เซิลให้เป็ค่าชดเชย แม้ว่าลูกชายของชายชราต้องทนทุกข์ทรมานในคุกไม่น้อยแต่ก็ยังถือว่าแข็งแรงดี เมื่อทั้งสองพบหน้ากันก็ต่างกอดกันแล้วร้องไห้ออกมา ก่อนจะคุกเข่าด้วยความซาบซึ้งต่อความเมตตาของซุนเฟย
เห็นฉากนี้แล้วชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบๆ ต่างพากันตื้นตันใจ
มีบางคนที่มาร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดตรงหน้าเพิง ส่วนใหญ่เป็เื่เล็กน้อย แต่เพราะมันเป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับขุนนางบางส่วนในเมืองและบาร์เซิลจึงกลายเป็เื่ใหญ่ ชาวบ้านธรรมดาต่างถูกอำนาจกดขี่ข่มเหงทำให้ต้องจับกุมและต้องทนทุกข์อยู่ในเรือนจำ...
เพียงครึ่งชั่วโมง ซุนเฟยก็ปล่อยนักโทษในเรือนจำไปแล้วสี่สิบกว่า ทั้งหมดเป็ชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม พวกเขาไม่เพียงได้อิสรภาพคืน แต่ยังได้รับค่าชดเชยอีกด้วย หนึ่งเหรียญทองเทียบเท่ากับรายได้ครอบครัวชาวบ้านทั้งปี ทุกคนต่างรู้สึกขอบคุณ พวกเขาคุกเข่าแล้วะโออกมาว่า าาทรงพระเจริญ...
ซุนเฟยเริ่มเสพติดกับการได้เป็ผู้พิพากษา
แต่ในขณะที่พิจารณาคดี ท่ามกลางฝูงชนมีชาวบ้านส่วนใหญ่ได้เห็นฉากนี้บนลานกว้างก็เริ่มทนไม่ไหวออกมาร้องทุกข์ของตัวเองบ้าง มีบางคนถูกขุนนางทำให้ครอบครัวล้มละลายกลายเป็ขอทาน บางคนถูกพ่อค้าใช้กลอุบายหลอกปล้นทรัพย์สินของครอบครัวไป มีบางคนที่ลูกสาวถูกขุนนางลักพาตัวเข้าไปในคฤหาสน์แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
ตอนนี้ บนลานกว้างฝูงชนเริ่มคึกคักจนแทบจะควบคุมไว้ไม่ได้
ซุนเฟยเห็นแบบนี้แล้วเริ่มคิดว่าสถานการณ์ชักไม่ดี ประชาชนที่ได้ยินข่าวก็มีแนวโน้มที่จะขึ้นมาที่นี่มากขึ้น เขาเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก ตัดสินใจยุติการพิจารณาคดีชั่วคราว สั่งให้เ้าหน้าที่จดคำร้องทุกข์ทั้งหมดลงในเอกสาร จากนั้นก็มอบให้เลขานุการคนใหม่อย่างท่านอาเบสท์เป็คนจัดการ เขาเชื่อว่าชายคนนี้จะสามารถจัดการได้
ซุนเฟยกวาดสายตามองม้วนคดีทั้งหมดที่วางบนพื้นอย่างคร่าวๆ โดยทั่วไปแล้วไม่ใช่คดีใหญ่อะไร ทำให้พิพากษาได้ง่าย สองชั่วโมงผ่านไป นักโทษในเรือนจำกว่าหกสิบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ถูกปล่อยออกไป ความจริงแล้วเมืองแซมบอร์ดเป็เมืองชนบทเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็คนซื่อสัตย์ โดยทั่วไปแล้วจึงไม่มีคดีอาชญากรรมอะไรร้ายแรงนัก ส่วนใหญ่เป็เพราะพ่อค้าและขุนนางที่มีอำนาจรังแกกดขี่ข่มเหงชาวบ้าน หรือไม่ก็เป็คดีทะเลาะวิวาทระหว่างชาวบ้านด้วยกัน สำหรับซุนเฟยแล้วเขายึดถือคำว่า ‘ความยุติธรรม’ ทำให้จัดการทุกอย่างได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
เมื่อจัดการเื่ราวทุกอย่างเสร็จ ชาวบ้านต่างพากันคุกเข่าแล้วร้องสรรเสริญออกมาอย่างยินดีว่า “องค์าาทรงพระเจริญ!” “องค์าาอเล็กซานเดอร์ทรงพระเจริญ” ซุนเฟย บรู๊ค โอเลเกร์ และคนอื่นๆ ก็พากันเดินเข้าไปในป้อมปราการสีดำ
เมื่อเข้ามาในป้อมปราการซุนเฟยก็พบว่า ที่นี่สมเป็เรือนจำจริงๆ เพราะป้อมปราการที่ตั้งอยู่บนลานกว้างนี้ ความจริงแล้วเป็เพียงที่อยู่อาศัยของผู้คุม ส่วนห้องขังที่แท้จริงกลับอยู่ใต้ดิน ในูเาลูกนี้ถูกคนขุดเจาะเป็ทางเดินลึกๆ ทอดยาวลงสู่ชั้นใต้ดิน
ทางเดินกว้างประมาณสามเมตรสูงสองเมตร เดินลงไปตามขั้นบันไดหินทีละก้าว
ไม่ช้าแสงสว่างก็มืดลง หลังจากเดินลึกลงไปใต้ดินประมาณสามสี่ร้อยเมตร ทางเดินก็กลายเป็ทางเรียบขนานไปกับอุโมงค์ ทั้งสองฝั่งเป็กำแพงหิน ซึ่งถูกคนงานตัดเป็หินรูปตาข่ายมีขนาดต่างกันไปจำนวนมาก ้าวางถ่านหินไว้ มีเปลวไฟริบหรี่คอยส่องแสงท่ามกลางความมืด กลิ่นเหม็นอับตลบไปทั่วทุกสารทิศ
ยิ่งเดินซุนเฟยยิ่งแปลกใจ
เพราะเขายิ่งค้นพบเื่น่าประหลาดใจ ูเาหินลูกนี้ดูเหมือนจะถูกขุดจนกลวงทั้งหมด ทั้งคุกไม่ได้ใช้อิฐหรือกระเบื้องสักแผ่น ทั้งหมดถูกคนขุดเจาะจากด้านในูเาหิน หูได้ยินเสียงน้ำไหล ทางเดินค่อยๆ กว้างขึ้น ทั้งสองด้านจะถูกตัดเป็ห้องหินจำนวนมากแล้วใช้กรงเหล็กปิด ในห้องหินเหล่านี้จะปูด้วยฟางชื้นๆ มีแค่เตียงหินกับเก้าอี้หิน มันเป็สถานที่ที่จัดไว้คุมขังนักโทษ
แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ซุนเฟยได้ปฏิรูปเรือนจำด้วยการนิรโทษกรรมนักโทษ เขาปล่อยชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคุมขังไว้ ทำให้ห้องขังว่างเปล่า มีเพียงนักโทษในห้องขังไม่กี่คนที่กระทำผิดจริง ไม่ว่าจะปล้นสะดม ทำร้ายผู้อื่น เมื่อเห็นซุนเฟยและคนอื่นๆ เดินเข้ามา บางคนก็มองนิ่งๆ มีบางคนก็วิ่งมาอยู่ตรงหน้ากรงเหล็กพลางะโว่าไม่ได้รับความเป็ธรรม บางคนก็หัวเราะอย่างเหยียดหยาม...
เมื่อเดินลึกเข้าไป ทางเดินก็กว้างขึ้นจนเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่
เสียงน้ำดังซู่ๆ ยิ่งมายิ่งชัดเจน
ในที่สุดหลังจากที่เดินเข้ามาได้ห้าร้อยกว่าเมตร ปรากฏเส้นทางแม่น้ำใต้ดินซึ่งมีกระแสน้ำที่หนาวเสียดแทงกระดูกไหลผ่าน มีบางห้องที่กำแพงหินถูกเจาะเพื่อให้กระแสน้ำไหลท่วมพื้น ทำได้แต่นั่งอยู่แต่บนเตียงหินเท่านั้นถึงจะไม่ต้องแช่น้ำ นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า ‘คุกน้ำ’
ซุนเฟยใอย่างมาก
ขนาดของเรือนจำแห่งนี้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้ซะอีก แม้แต่เครื่องมือก่อสร้างที่ทันสมัยในโลกเก่าสมัยศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด หาก้าขุดเขาวงกตั์แบบนี้ในูเาหิน เกรงว่าคงต้องใช้เวลาหลายสิบปี ต้องเสียทรัพยากรทางการเงิน ทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรวัสดุจำนวนมหาศาล...ช่างน่าในัก ยากที่จะจินตนาการได้ ที่สำคัญขุดอุโมงค์ั์แบบนี้เพื่ออะไรกันแน่?
ราวกับว่ามองเห็นความสงสัยของซุนเฟย เ้าภูตตูดม้าโอเลเกร์ที่เดินตามหลังก็รีบอธิบายว่า “ฝ่าา ความจริงแล้วเรือนจำแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชาวเมืองแซมบอร์ดเป็คนสร้างขึ้น...ตามประวัติของราชวงศ์ เมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีชาวบ้านคนหนึ่งขึ้นมาล่าสัตว์บนูเาแล้วหลงมาพบที่นี่เข้า จากนั้นก็กลับไปแจ้งให้ทางราชวังทราบ จึงมีรับสั่งให้ปิดล้อมที่นี่ทันที หกสิบปีต่อมา าารุ่นหลังได้สำรวจและปรับปรุงแก้ไขจนกลายเป็เรือนจำ หกสิบปีต่อมาไม่เคยมีนักโทษคนไหนสามารถหลบหนีออกจากเรือนจำได้ พระบิดาของท่านเคยกล่าวไว้ว่า แม้แต่ยอดฝีมือหากถูกขุมขังไว้ที่นี่ก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้ ได้แต่ตายอยู่ที่นี่...”
ที่แท้เป็แบบนี้นี่เอง
ได้ยินโอเลเกร์พูดแบบนี้ ซุนเฟยก็พลันตระหนักบางอย่างขึ้นมา แอบพยักหน้าให้โอเลเกร์
คำอธิบายนี้ทำให้เข้าใจยิ่งขึ้น อุโมงค์หินั์ใต้ดินนี้ ความจริงไม่ใช่สิ่งชาวเมืองแซมบอร์ดตอนนี้จะสร้างได้ ต่อให้เมืองแซมบอร์ดจะยังเป็อาณาจักรบริวารระดับสี่ เสียเวลาไปอีกสิบกว่าปีก็ยังไม่อาจขุดอุโมงค์หินั์ใต้ดินที่น่าเกรงขามนี้ได้
“งั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็คนสร้างอุโมงค์ั์นี้?” ซุนเฟยถาม
“เื่นี้นั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด มันไม่มีร่องรอยอะไรเหลือไว้ในอุโมงค์นี้เลย นอกจากทางเดินและห้องหินแบบง่ายๆ แล้วก็ไม่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังใดๆ เลย ครั้งแรกที่เข้ามาที่นี่ก็ไม่พบตำราหรือสิ่งของอื่นๆ ในอุโมงค์เลย ที่นี่เหมือนถูกใครบางคนขุดทิ้งไว้ หลังจากนั้นด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้ต้องทอดทิ้งไป มีคนเคยสงสัยว่านี่เอาจจะเป็ผลงานชิ้นเอกของพระเ้า!” โอเลเกร์พูดอย่างตื่นเต้น
“ผลงานชิ้นเอกของพระเ้า?”
“ขอรับ นอกจากพระเ้าผู้สูงส่งแล้วคงไม่มีใครกระทำได้ การขุดเจาะเขาวงกตใต้ดินขนาดั์ท่ามกลางหินแข็งๆ ในูเานี้มันเป็เื่ยากสำหรับมนุษย์...แน่นอนว่ามีคนเคยบอกว่าอุโมงค์หินนี้อาจจะเป็ฝีมือคนแคระ แต่เผ่าคนแคระก็หายสาบสูญไปจากแผ่นดินมาสี่ร้อยห้าร้อยปีแล้ว...”
โอเลเกร์เล่าให้ฟัง ดวงตาของซุนเฟยพลันเป็ประกาย วิสัยทัศน์ก็พลันเปิดกว้างขึ้น เมื่อได้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่สูงหลายร้อยเมตรและพื้นที่ที่กว้างใหญ่ตรงหน้า เตาถ่านวางเรียงรายอยู่้าผนังของห้องโถงอย่างเนื่องแน่น เมื่อเงยหน้าขึ้น มันดูเหมือนท้องฟ้าในยามกลางคืนที่มีแสงดาวทอแสงระยิบระยับสวยงาม
บนกำแพงหินของห้องโถงถูกขุดเป็บันไดทีละชั้นม้วนขึ้นไป กำแพงสูงร้อยเมตร แบ่งออกเป็สิบชั้น ทุกชั้นจะขุดห้องขังหินเรียงรายอย่างแน่นขนัด ทำให้ซุนเฟยรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้ามาอยู่ข้างในของตึกสูงระฟ้านับร้อยเมตรของโลกเก่า มันน่าทึ่งอย่างมาก
ไม่มีคำพูดใดจะอธิบายถึงความตกตะลึงในใจของซุนเฟยตอนนี้ได้
“ฝ่าา ที่นี่เป็สถานที่คุมขังสำหรับนักโทษที่ก่ออาชญากรรมใหญ่ ก่อนหน้านี้ข้านำนักเวทที่สวมชุดคลุมสีดำและศพของชายหน้ากากเงินมาขังไว้ที่นี่ แม้แต่แปเตอร์ แช็ค อดีตผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ที่ถูกฟ้องร้องในข้อหาฏก็ถูกขังไว้ที่นี่เช่นกันขอรับ”
โอเลเกร์กล่าวอย่างรอบคอบ
ซุนเฟยพยักหน้า เขาพูดว่า “อืม ดีมาก โอเลเกร์ เ้าส่งคนพาบรู๊คไปนำแช็คลงมา ข้าอยากเห็นหน้าเขา”
โอเลเกร์รีบเรียกผู้คุมสองนายเข้ามาพลางออกคำสั่ง ก่อนที่ผู้คุมจะนำบรู๊คขึ้นบันไดหินไป ในไม่ช้าก็หายลับเข้าไปในขั้นบันไดหิน แช็คถือว่าเป็นักโทษอุกฉกรรจ์จึงถูกคุมขังไว้ในชั้นที่เจ็ด จึงต้องใช้เวลาสักพัก
ซุนเฟยถือโอกาสำรวจห้องโถงั์นี้อย่างละเอียด ยิ่งมองก็ยิ่งใ แม้กระทั่งตัวเขาเอง หากจะสร้างอาคารแบบนี้คงเป็เื่ที่ปาฏิหาริย์มากๆ มันน่าเหลือเชื่อเกินไป คงมีเพียงพระเ้าที่สามารถทำได้
ทันใดนั้นสายตาซุนเฟยก็ตกไปที่บานประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่ที่สูงยี่สิบกว่าเมตรที่อยู่ตรงกำแพงหินไกลๆ ประตูบานนั้นเต็มไปด้วยลวดลายลึกลับ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
“ประตูนั่นมีไว้ทำอะไร?” ซุนเฟยถาม
---------------------