ิญญายุทธ์ของหลินเนี่ยนาเ็สาหัส และหลับใหลอยู่ในจุดตันเถียน แต่ทันทีที่ของเหลวสีทองสายหนึ่งไหลเข้าไปในร่าง ก็ราวกับมันได้รับการชี้นำอย่างไรอย่างนั้น มันวิ่งตรงไปยังจุดตันเถียนของหลินเนี่ยน
ไม่กี่อึดใจต่อมา หลินเนี่ยนก็รู้สึกได้ว่าิญญายุทธ์ของตัวเองกำลังสั่นไหว
จิตใจของหลินเนี่ยนพลันสั่นไหวตาม นางจึงตรวจสอบจุดตันเถียนของตัวเอง
และพบว่าปีกที่หักของเสี่ยวหลานถูกของเหลวสีทองปกคลุมเอาไว้ ก่อนที่ของเหลวทั้งหมดล้วนถูกดูดซับเข้าไปตรงจุดที่ปีกหัก แล้วค่อยๆ กลายเป็โครงร่างสีเหลืองทอง
จนท้ายที่สุดปีกสีเหลืองทองก็โอบล้อมเสี่ยวหลานเอาไว้คล้ายกับรูปร่างไข่ใบหนึ่ง
แม้จะไม่เห็นสถานการณ์ในนั้นชัดเจน แต่เพียงอาศัยความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างตัวหลินเนี่ยนกับิญญายุทธ์ นางก็ััได้ว่า ิญญายุทธ์ที่าเ็สาหัสในร่างกายของตัวเองกำลังรักษาตัวเองด้วยความเร็วอันน่าใ ไม่สิ ไม่ใช่เพียงแค่รักษาตัว เหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอื่นด้วย สำหรับการเปลี่ยนแปลงอะไรนั้น ยามนี้นางยังไม่เข้าใจนัก
นอกจากิญญายุทธ์ที่กำลังรักษาตัวอย่างรวดเร็วแล้ว พลังิญญาฟ้าดินบริสุทธิ์ในแก่นอสูรระดับสองก็เติมเต็มปราณแท้ิญญายุทธ์ของนางอย่างรวดเร็ว พลังกายจึงค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาช้าๆ เช่นกัน
“เ้าสิ่งนี้คืออะไรกันแน่? ไยถึงทำให้ิญญายุทธ์ที่ได้รับาเ็ฟื้นฟูรวดเร็วเช่นนี้!?”
หลินเนี่ยนทำใจเชื่อไม่ลง ิญญายุทธ์คือสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ฝึกตน ดังนั้นสมบัติที่เกี่ยวข้องกับิญญายุทธ์เ่าั้ล้วนล้ำค่ามาก
อีกทั้งิญญายุทธ์ของนางเป็ถึงิญญายุทธ์ระดับปฐีขั้นสูง เมื่อดูจากความเร็วการรักษาิญญายุทธ์ของของเหลวสีทองนี้แล้ว อีกไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ไม่สิ อีกเพียงหนึ่งในสี่ถ้วยชาก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็เหมือนเดิม สมบัติเช่นนี้ต้องมีค่าควรเมืองแน่
“รักษาหายก็ดี ข้าจะได้เลิกกังวลเสียที”
ถังเหล่ยยังรู้สึกปวดใจ นั่นเป็ถึงของเหลวเลี้ยงิญญา สมบัติที่แม้แต่ราชันตงล้วนให้ความสำคัญ
“ขอบคุณเ้ามาก แต่ข้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้ชั่วคราว”
หลินเนี่ยนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
“พักผ่อนให้ดีเถอะ เยียนหลิงซานไม่ยอมรามือแน่ เขาคงค้นหาร่องรอยของพวกเราในเทือกเขาจนทั่ว”
ถังเหล่ยจับตามองการเคลื่อนไหวด้านนอกอย่างใกล้ชิด
หากถูกเยียนหลิงซานพบตัวเข้าตอนนี้ ถังเหล่ยคงทำได้เพียงทุ่มสุดตัว
จากนั้นหลินเนี่ยนก็ยื่นกล่องไม้กล่องหนึ่งให้ถังเหล่ย มันคือรางวัลงานแข่งขันหวู่เต้าที่เยียนหลิงซานมอบให้เขา ยารวมิญญาสองเม็ด
แกนชั้นในของยารวมิญญาปรุงจากแก่นอสูรระดับสอง แต่วัตถุดิบที่ใช้ปรุงยารวมิญญาหายากมาก ทำให้สามารถปล่อยพลังงานในแก่นอสูรออกมาได้เท่าตัว
“พวกเราใช้คนละเม็ด เ้าก็รีบฟื้นฟูพลังกายซะ”
ถังเหล่ยเอายารวมิญญายัดใส่มือหลินเนี่ยนในความมืด จากนั้นเขาก็กินมันเข้าไปเม็ดหนึ่ง แล้วหลับตาลง เริ่มดูดซับฤทธิ์ยา
หลินเนี่ยนพึมพำออกมา ก่อนจะกินยารวมิญญาเข้าไปเช่นกัน
สถานการณ์ด้านนอก เยียนหลิงซานไล่ตามมาแล้ว
ความจริงแล้วตอนที่ถังเหล่ยกับหลินเนี่ยนหาที่ซ่อนตัวเสร็จ เยียนหลิงซานก็เพิ่งไล่ตามมาถึง
เขาคิดไม่ถึงว่าถังเหล่ยจะหนีมาทางเทือกเขาสัตว์อสูร เดิมทียังคิดว่าเขาจะไปที่จวนตระกูลถัง
เยียนหลิงซานไล่ตามไปตลอดทาง ทว่าหลังจากไล่มาถึงเทือกเขาสัตว์อสูรแล้ว ร่องรอยทั้งสองก็หายไปเสียอย่างนั้น
เยียนหลิงซานััถึงกลิ่นอายของถังเหล่ยในบริเวณรอบๆ ไม่ได้เลย เพราะรอบด้านมีสัตว์อสูรปรากฏตัวออกมาเป็บางครั้ง กลิ่นอายของถังเหล่ยกับสัตว์อสูรผสมปนเปกันไปหมด
“ิญญายุทธ์ของเด็กสาวคนนั้นาเ็สาหัส ส่วนถังเหล่ยก็เป็เพียงผู้ชำนาญยุทธ์ผู้หนึ่ง ต้องไม่กล้าเข้าไปในเทือกเขาสัตว์อสูรลึกเกินไปแน่ พวกเขาจะต้องอยู่บริเวณนี้แหละ!”
เยียนหลิงซานเดินเข้าไปส่วนลึกของเทือกเขาสัตว์อสูรหนึ่งร้อยลี้ รอบด้านเริ่มมีสัตว์อสูรระดับสี่ปรากฏตัว พวกมันมีพลังเทียบเท่ายอดฝีมือระดับยอดยุทธ์
จากพลังของถังเหล่ยแล้ว หากเจอกับสัตว์อสูรระดับสี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเยียนหลิงซานมั่นใจว่าถังเหล่ยน่าจะซ่อนตัวอยู่สักแห่งในเทือกเขาสัตว์อสูร
ทว่าในระยะร้อยลี้กว้างใหญ่เกินไป โดยเฉพาะในเทือกเขาสัตว์อสูรที่ดูไร้ขอบเขต ถ้าถังเหล่ยวิ่งหนีไปอีกฝั่ง อาจจะไล่ตามไม่ทันแล้วจริงๆ
เยียนหลิงซานเอากระบอกสีดำอันหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ กระบอกมีขนาดประมาณเท่าฝ่ามือ บนนั้นมีรูหลายรู
จากนั้นในเยียนหลิงซานก็บริกรรมคาถาแล้วเปิดกระบอกออกมา มีผึ้งมากมายบินออกมาจากในนั้น
ผึ้งเหล่านี้ต่างจากผึ้งปกติ ขนาดของพวกมันเล็กมาก และหางล้วนมีรูปภาพอสรพิษ
นี่คือผึ้งที่เยียนหลิงซานใช้ทักษะลับฝึกฝนออกมา ซึ่งเอาไว้ใช้ในการสำรวจขุมทรัพย์ที่อันตราย
เยียนหลิงซานสามารถใช้ิญญายุทธ์พูดคุยกับผึ้งเหล่านี้ได้ ถ้าพบร่องรอยของพวกถังเหล่ย เขาจะรู้ตัวอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันเยียนหลิงซานก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขายังคงค้นหาร่องรอยของถังเหล่ยในเทือกเขาต่อไป
ในป่าที่แน่นทึบ ร่างของเฮยเซียจื่อก็ปรากฏออกมา เขาไล่ตามเยียนหลิงซานมาถึงที่นี่
เฮยเซียจื่อรับรู้ถึงความลำบากที่เยียนหลิงซานกำลังเผชิญอยู่ ถังเหล่ยต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่
ถ้าพูดถึงเื่หาคน เฮยเซียจื่อเชี่ยวชาญกว่าเยียนหลิงซานมาก เขาติดตามเฮยฉานฉู่มานานหลายปี พิษที่เพาะเลี้ยงมามีหลายชนิด หนึ่งในนั้นยังมีพิษที่ใช้ค้นหากลิ่นอายของมนุษย์ด้วย
เฮยเซียจื่อะโไปมาบนต้นไม้ ในมือพลันปรากฏธงยาวคันหนึ่งขึ้น
จากนั้นเขาก็โบกธงเบาๆ ิญญายุทธ์หลายร่างโผล่ออกมาธงคันนั้น ิญญายุทธ์เหล่านี้มีหลากหลาย ทั้งอสรพิษ ทั้งแมลงบิน หรือสัตว์แปลกประหลาดอีกมากมาย
นี่คือทักษะหุ่นเชิดิญญายุทธ์ของเฮยฉานฉู่ ซึ่งต้องดึงิญญายุทธ์ออกมาจากร่างของผู้ฝึกตนโดยตรง ก่อนจะสร้างเป็หุ่นเชิดเก็บไว้ใช้เอง
แต่ผู้ฝึกตนที่ถูกดึงิญญายุทธ์ออกไปจะตายทันที
ิญญายุทธ์บนธงของเฮยเซียจื่อล้วนเป็ิญญายุทธ์ระดับธรรมดา เพราะเกิดจากการจับผู้ชำนาญยุทธ์บางส่วนมาสร้างธง
ยอดฝีมือผู้ทรงยุทธ์ปกติล้วนมีเื้ั ่นี้เฮยฉานฉู่ถูกจักรวรรดิประกาศจับ ทำให้เวลาพวกเขาจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเป็พิเศษ
ิญญายุทธ์เหล่านี้กระจายออกไปเหมือนเป็จมูก คอยค้นหากลิ่นอายของถังเหล่ยที่ยากจะััได้ในเทือกเขาสัตว์อสูรแห่งนี้
ถังเหล่ยกับหลินเนี่ยนยังอยู่ในถ้ำค่อยๆ ฟื้นฟูพลัง พวกเขาไม่รู้ว่าด้านนอกได้กระจายกำลังครอบคลุมทั่วพื้นที่แล้ว สัตว์อสูรระดับต่ำบางส่วนถูกสังหารอย่างไร้สุ้มเสียง
ในระยะร้อยลี้สัตว์อสูรถูกเยียนหลิงซานเก็บกวาดจนหมด
เฮยเซียจื่อซ่อนอยู่ในความมืดตลอดเพื่อไม่ให้เยียนหลิงซานเจอตัว
หลินเนี่ยนที่กินยารวมิญญาเข้าไป ปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างฟื้นฟูมามากกว่าครึ่ง แต่ิญญายุทธ์ในจุดตันเถียนยังไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ชัดเจนว่าอาการาเ็ของิญญายุทธ์ฟื้นฟูหายดีแล้ว แต่ไยยังอยู่ในสภาพหลับลึกอีก?
หลินเนี่ยนลองเรียกเสี่ยวหลานในร่าง ทว่าไม่มีการตอบสนองกลับ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากถังเหล่ยกินยารวมิญญาเข้าไปแล้ว ร่างกายก็ถูกฤทธิ์ยามหาศาลเติมเต็ม
ตอนนี้เขาเป็เพียงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ถึงแม้พลังจะแข็งแกร่งกว่าผู้ชำนาญยุทธ์ธรรมดาหลายเท่า แต่พลังิญญาฟ้าดินที่ร่างกายรับไหวก็ยังมีจำกัด
หลังจากที่พลังิญญาฟ้าดินในร่างเติมเต็มแล้ว ถังเหล่ยก็รู้สึกว่าพลังสีทองในร่างช่วยเขาดูดซับภายในเสี้ยววิ พลังิญญาฟ้าดินที่เปลี่ยนเป็พลังปราณแท้พลังยุทธ์ ถูกจุดตันเถียนของถังเหล่ยดูดซับไป
แต่ัคชสารในร่างของถังเหล่ยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เหมือนปราณแท้พลังยุทธ์แค่นี้ไม่อยู่ในสายตาของมัน
เวลาผ่านไปแล้วไปเล่า ถังเหล่ยยังคงปิดตาดูดซับพลังิญญาฟ้าดินในร่างกายอยู่ตลอด หลินเนี่ยนปลุกิญญายุทธ์ของตัวเองเป็บางครั้ง แต่กลับััการเคลื่อนไหวใดๆ ไม่ได้เหมือนเคย
หลินเนี่ยนจึงลอบมองไปทางถังเหล่ย เพราะในถ้ำมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไร นางทำได้เพียงััถึงลมหายใจแ่เบาของถังเหล่ย
“เ้าหมอนี่คงไม่ได้หลับไปแล้วกระมัง!?”
หลินเนี่ยนพึมพำ เขยิบไปด้านหน้า ทันใดนั้นดวงตาสองดวงก็เปิดขึ้นในความมืด ทำให้นางใจนหงายหลังล้มตึง
“เ้าคิดจะทำอะไร!?”
ถังเหล่ยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“นั่งอยู่นิ่งๆ ซะ!”