“เสี่ยวเฟย ทางนี้” เขาทำท่าเลี้ยวไปอีกทาง ก่อนนางจะหันตัวกลับ แล้วเดินตามหลังเขาช้า ๆ
“แม่ของเจ่าเจา นางเป็หัวแข็ง ใช่ว่าพูดเดี๋ยวเดียวแล้วจะเปลี่ยนใจนางได้ง่าย ๆ” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวที่นิ่งเงียบไปอย่างผิดปกติ
“เป็อะไร”
“เ้าคะ” อีกฝ่ายเงยหน้าแล้วมองตาแป๋ว ก่อนเขาจะเดินเข้ามาหา แล้วมองนางอย่างมีความหมาย
“ข้าถามว่าเป็อะไร”
“ปะ..เปล่าเ้าค่ะ” โม่โฉวถอนหายใจ แล้วดึงไหใส่ไก่ดำจากมือนางมาถือ ก่อนจะพานางเดินตรงลึกเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ห่างออกมาจากตลาดไม่ไกลมาก ก่อนจะเห็นบ้านไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“ถึงแล้วล่ะ” โม่โฉวหันมาบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนเสี่ยวเฟยจะทอดสายตาไปยังบ้านหลังนั้นครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มหวาน
กลิ่นควันจากเตาโชยมาเป็ระยะ เสี่ยวเฟยจึงเลื่อนสายตามองห้องครัวก่อนจะพบกับร่างของหญิงชราที่พยายามนำไม้แห้งใส่เตาอย่างลำบาก
“ข้าช่วยเอง” หญิงสาวรีบวางของในมือ แล้วตรงไปช่วยหญิงชราด้วยความรีบร้อน ท่ามกลางสายตาของโม่โฉวที่จับตามองดูความอ่อนโยนของเสี่ยวเฟยอย่างเงียบ ๆ
“นั่น ฮูหยินเสี่ยวเฟยใช่หรือไม่” สายตาฝ้าฟางพยายามมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ใช้จ้ะ” สิ้นเสียงของหญิงสาวเท่านั้น หญิงชราก็รีบถอยห่างในทันที เพราะพอรับรู้ถึงความร้ายกาจของนางอยู่บ้าง
“ฮูหยินมาถึงเรือนข้า มีอันใดรึเ้าคะ” เสี่ยวเฟยเห็นท่าทีหวาดหวั่นของอีกฝ่ายจึงรีบเข้าไปจับกายไว้เพื่อปลอบโลม
“ไม่ต้องกลัวนะ ข้ามากับท่านพี่โม่โฉว”
“นายท่านโม่โฉวก็มารึ เจ่าเจามาด้วยหรือไม่” นางถามด้วยความอยากรู้ ก่อนเสี่ยวเฟยจะค่อย ๆ พาหญิงชราเดินมานั่งยังโต๊ะด้านนอก
“เจ่าเจาไม่ได้มา ข้ากับภรรยามาเพียงสองคน” โม่โฉวเอ่ย แล้ววางไก่ดำลงบนโต๊ะ ก่อนเสี่ยวเฟยจะรีบหาถ้วยมาเทไก่ดำลงช้า ๆ พลางเทสมุนไพรที่ตั้งใจทำมา ยื่นให้หญิงชราพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านไม่ต้องจุดไฟทำอาหารแล้วล่ะ วันนี้ข้าซื้อไก่ดำจากตลาดมาฝาก เป็ยาบำรุง หลายวันมานี้เจ่าเจาทุกข์ใจเป็อย่างมาก ที่ท่านป่วยแล้วไม่ยอมกินยา ข้าก็เลยลงมือปรุงสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้ท่านด้วย” หญิงสาวพูดพลางยื่นถ้วยสมุนไพรให้หญิงชรา ก่อนนางจะชะงักนิ่ง
“พวกท่านกลับไปเถอะ” หญิงชราตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนเสี่ยวเฟยจะหันมองหน้าโม่โฉวด้วยสายตาผิดหวัง
“เหตุใดจึงไม่ยอมกินยา รู้หรือไม่ว่าเจ่าเจาเป็ห่วงท่านมาก” เสี่ยวเฟยย่อตัวลงนั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความจริงใจ ก่อนหญิงชราจะก้มหน้าส่ายศีรษะอย่างดื้อรั้น
“หากท่านตายไป เจ่าเจาจะอยู่อย่างไร” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนหญิงชราจะตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าดังเดิม
“หากข้าตาย จะได้ไม่ต้องเป็ภาระของเขา ชีวิตข้ายาวนานมากพอแล้วล่ะ ฮูหยินไม่ต้องพูดให้ข้าใจอ่อนหรอก ต่อให้เจ่าเจามาคุกเข่าต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่รักษาตัวทั้งนั้นแหละ” เสี่ยวเฟยหันมองไปยังโม่โฉว ก่อนเขาจะย่อตัวลงนั่งด้านข้าง
“จวนของข้ากว้างขวาง ท่านไปอยู่ที่นั่น เจ่าเจาจะได้ดูแลได้ง่าย”
“ข้าไม่อยากเป็ภาระของใคร อย่าหาว่าข้าไล่เลยนะ พวกท่านกลับไปเถอะ” เสี่ยวเฟยได้ยินดังนั้น นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตักไก่ดำใส่ถ้วย แล้วเป่าให้หายร้อน พลันยื่นให้อีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม
“หากท่านอยากให้พวกข้ากลับ ท่านก็ต้องกินไก่ดำนี่เสียก่อน” กลิ่นหอมของไก่ดำโชยเข้ามายังจมูกของหญิงชรา นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะไม่ได้ลิ้มรสไก่ดำมานาน สายตาค่อย ๆ ลดมองไก่ดำในถ้วยครู่หนึ่ง ทว่ากลั่นใจปฏิเสธไป
“พวกท่านกลับไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว” โม่โฉวได้ยินดังนั้น จึงหันมาดึงมือเสี่ยวเฟยลุกขึ้น
“ในเมื่อนางไม่รับความเมตตาจากเรา ก็กลับกันเถอะ แล้วข้าจะให้เจ่าเจามาพูดอีกที” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงส่ายศีรษะ แล้วดึงมือออกจากเขา
“เพราะเจ่าเจาทำไม่สำเร็จ ข้าจึงต้องมาพูดกับนาง” เสี่ยวเฟยตอบสามี แล้วหันไปยังหญิงชราอย่างไม่ยอมแพ้ พลันรินยาสมุนไพรที่ปรุงมาด้วยความตั้งใจให้
“เช่นนั้น ท่านดื่มสมุนไพรถ้วยนี้ก่อน ข้าอุตส่าห์ลงมือทำเองกับมือ สูตรยานี้เป็สูตรยาที่ดีมาก ช่วยบำรุงร่างกายให้มีกำลัง หากท่านดื่มจนหมด อาการป่วยก็จะทุเลา” หญิงชราหันมองมายังเสี่ยวเฟย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เจ่าเจาเคยบอกว่าฮูหยินเสี่ยวเฟย เป็คนร้ายกาจ วันนี้ข้าได้ััแล้ว ไม่เห็นจริงอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด ถึงขนาดลดตัวลงมาต้มสมุนไพรให้คนแก่ใกล้ตายอย่างข้า จักเป็คนร้ายกาจได้อย่างไร” สิ้นเสียงของหญิงชรา โม่โฉวหันมองไปยังภรรยาของเขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนเสี่ยวเฟยจะยิ้มกลบเกลื่อน
“ใช่ ๆ ข้าไม่ใช่หญิงร้ายกาจซะหน่อย เจ่าเจาก็พูดเกินไป เช่นนั้น หากท่านเห็นความตั้งใจของข้า ช่วยดื่มสมุนไพรนี้หน่อยได้หรือไม่” หญิงสาวพยายามโน้มน้าว ก่อนอีกฝ่ายจะค่อย ๆ ยกยาสมุนไพรดื่มอย่างง่ายดาย พร้อมรอยยิ้มเสี่ยวเฟยเผยออกมาด้วยความดีใจ
