ไม่ผิด คำสาปที่น่ากลัวนี้ได้วนอยู่ในใจของพวกเราทุกคนในชั้นเรียน ในที่สุดก็จะสิ้นสุดลงแล้ว เมฆที่มืดครึมในใจฉันคล้ายกับว่าได้สลายหายไปแล้ว
กวานเหยาหยิบโทรศัพท์มือถือด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้ม ตอนที่กำลังจะประกาศว่าเกมนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “นี่มันเป็ไปได้ยังไง”
“เป็อะไร?” หวางอู่รีบถาม
“ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มโหวตให้เซี่ยงเหวินเฉิง 1 เสียง” กวานเหยารีบพูด พอเธอพูดออกมา ก็ทำให้หวางอู่โมโหขึ้นมาทันที “แม่ง เป็ใครกันแน่ที่โหวต”
“ฉวี๋รั่วปิงเป็คนทำแน่นอน” มีคนพูดขึ้นมาทันที ดังนั้นเพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบก็มองเขาทั้งสองด้วยสายตาที่โมโห
“ไม่ใช่ฉัน ฉันยังไม่ได้ออกไปจากห้องเรียนเลย โทรศัพท์มือถือก็วางอยู่ที่บนแทนพูดนั่น” ฉวี๋รั่วปิงส่ายมือพลางพูดด้วยความใจนทำอะไรไม่ถูก
“นี่มันเป็มายังไงกันแน่? ไม่ใช่ว่าพูดแล้วเหรอว่าไม่ให้ทุกคนโหวต? แล้วทำไมถึงโหวตน่ะ?” เซี่ยงเหวินเฉิงตะคอก ดวงตาทั้งคู่ล้วนเป็สีแดงเื ทุกคนกำลังจะหลุดพ้นจากความตายที่เป็ฝันร้ายนี้ออกมาได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับเหมือนดั่งเรือล่มเมื่อจอด ซึ่งนี่ทำให้เขารับไม่ได้
“มันเป็ใครกันแน่? ทำไมถึงทำอย่างนี้ เคียดแค้นฉันขนาดนี้เลยเหรอ?” เซี่ยงเหวินเฉิงด่าทอ สีหน้าของเขาขาวซีดไปหมด มองฉวี๋รั่วปิงด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น
ทุกคนในชั้นเรียนเกือบทั้งห้องล้วนคิดว่าฉวี๋รั่วปิงเป็คนทำ ยังไงนี่ก็เกี่ยวกับความเป็ความตายของเธอด้วย ถึงฉวี๋รั่วปิงจะอธิบายอย่างไม่หยุด ก็ไม่มีประโยชน์
“อีตัวน้อยอย่างเธอน่ะ ถึงฉันจะตายก็ไม่ปล่อยเธอไว้แน่” เซี่ยงเหวินเฉิงมองฉวี๋รั่วปิงด้วยความโกรธแค้น ถึงกับจะกระโจนเข้าไปต่อยเธอ แต่ทว่าตอนที่เขากำลังจะกระโจนเข้าไป ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดลง หลังจากนั้นคอของเขาก็บิดไปด้านหลังโดยตรง
และตามด้วยเสียงแตกหักของกระดูกที่ทำให้ผู้คนขนหัวลุกกัน คอของเขาถูกบิดไปด้านหลังจนหัก ทั้งตัวมีเสียงดังตูมตาม แล้วล้มลงกับพื้น และก็ไม่ขยับอีกต่อไปแล้ว
ในเวลาอันสั้น ได้มีคนตายอีกคนแล้ว ครั้งนี้ทั้งชั้นเรียนล้วนเงียบกริบ ต่างคนต่างก็มองไปที่ร่างของเซี่ยงเหวินเฉิง และเมินเฉยไม่พูด
“ฉวี๋รั่วปิง ฉันจะฆ่าเธอ!” หวางอู่ตะคอก และจะกระโจนเข้าใส่ฉวี๋รั่วปิง
“ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉันจริงๆ!”ฉวี๋รั่วปิงทั้งะโ ทั้งถอยไปข้างหลัง ผู้ชายที่อยู่รอบๆ ก็รีบหยุดหวางอู่ไว้ สาวูเาน้ำแข็งคนนี้อย่างฉวี๋รั่วปิง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวางอู่ หากไม่ระวังอาจจะถึงแก่ชีวิตได้
“หากไม่ใช่เธอแล้วจะเป็ใครล่ะ นอกจากเธอ ใครจะโหวตให้เขาได้?” หวางอู่ตะคอก เพื่อนๆ โดยรอบก็ล้วนมองฉวี๋รั่วปิงด้วยสายตาที่ระแวง
“ทุกคนอย่าทะเลาะกันเลย ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ว่าฉวี๋รั่วปิงเป็คนทำ พวกเราจักต้องหาให้เจอ ว่าเป็ใครกันแน่ที่โหวตหนึ่งเสียงนั้น คนคนนี้จะต้องมีความแค้นกับเซี่ยงเหวินเฉิงแน่นอน ในตอนที่ยังหาคนที่โหวตยังไม่เจอ ทุกคนอย่าออกไปจากห้องเรียนนี้เด็ดขาด” กวานเหยาพูด
“พวกเราตกลง” คนอื่นๆ พยักหน้ากันหมด และทั้งห้องเรียนได้เริ่มการค้นหาแล้ว ทุกๆ ล้วนทุกถูกสอบถามคนละหนึ่งรอบ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือยังถูกแยกส่งไปทีละคน ซึ่งพบว่าโทรศัพท์มือถือไม่ได้ขาดแม้แต่เครื่องเดียว ดูแล้วไม่น่าจะใช้การโหวตที่ถูกส่งจากโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในห้องเรียน
“เป็ใครกันแน่ที่โหวต ถ้าแน่จริงก็ออกมาสิ!” หวางอู่แหกปากด่า แต่ทว่าทุกคนล้วนมีสีหน้าที่บริสุทธิ์ แม้แต่ฉวี๋รั่วปิงก็แสดงออกว่าไม่ใช่ตนที่ทำ
การตรวจสอบได้มาถึงขั้นที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ศพของเซี่ยงเหวินเฉิงคงปิดไว้ได้ไม่นานนัก ด้วยเหตุนี้ในเวลาอันสั้นนี้ จักต้องหาทางหาตัวคนที่โหวตคนนั้น
“ไม่ใช่ นี่มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและอันตรายของทั้งชั้นเรียน เป็ไปไม่ได้ที่จะมีคนก่อกวน ซึ่งมันไม่มีผลดีต่อคนที่โหวตเลย” ฉันมองสถานการณ์เบื้องหน้าพลางบ่นพึมพำ ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก ยืนอย่างกล้าหาญแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้ว ฉันรู้ว่าใครเป็คนโหวตแล้ว”
“เป็ใครล่ะ?” หวางอู่รีบถามฉัน
“นั่นก็คือคนที่ส่งแบบสอบถามนั่นเอง!” ฉันกัดฟันพูด ในที่สุดฉันก็พบว่าตนเองคำนวณตกหล่นอะไรไป ฉันนับทุกคนในชั้นเรียนไปหมดแล้ว กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเฉินเฟิงไปเลย
จริงๆ แล้วคนที่ส่งแบบสอบถาม ก็มี 1 สิทธิ์เหมือนกัน และก็สามารถโหวตได้ 1 เสียง ซึ่งกล่าวได้ว่าถึงพวกเราทุกคนจะไม่โหวต แต่เขาก็สามารถโหวตได้ 1เสียงในรอบสุดท้ายตามปกติ เพื่อตัดสินแพ้ชนะของการโหวตในครั้งนี้
เกาิตะลึงงันอยู่พักหนึ่งก็นึกได้อย่างฉับพลันพลางพูดว่า “ไม่ผิด ก็คือตัวเฉินเฟิงเอง ตอนที่ผู้ส่งแบบสอบถามส่งแบบสอบถามนั้น ก็มีสิทธิ์ในการโหวต 1เสียง”
“ฉันไม่เชื่อ! ให้ฉันลองดูก่อนถึงจะเชื่อ” หวางอู่พูด และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วส่งแบบสอบถามมั่วๆ ชุดหนึ่งเข้าไปในกลุ่มอื่นๆ กลับพบว่าจริงๆ แล้ว ตนเองก็สามารถเลือกโหวตได้
“ใช่ ดูแล้วเป็ความจริงจริงๆ ด้วย” หวางอู่มองโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าที่ขาวซีด พูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “หากเป็เช่นนี้ ถึงพวกเราจะไม่โหวต ผลโหวตในกลุ่มก็ไม่ทางเป็ศูนย์ได้ตลอดกาล เกมนี้ก็จะไม่มีทางสิ้นสุดลงเหมือนกัน”
หลังจากที่เกาิฟังจบแล้ว ก็ทรุดลงบนที่นั่ง สีหน้าขาวซีด การคำนวณทุกอย่างของเขา ล้วนเป็การคำนวณพลาดทั้งหมด การต่อต้านของพวกเรา เมื่ออยู่ต่อหน้าเสียงที่สำคัญนี้ก็ไร้ซึ่งความหมาย
“ไม่ใช่แค่เช่นนั้น หากพวกเราไม่โหวต เช่นนั้นแล้วก็จะเป็การเอาอำนาจผู้นำในการโหวตส่งมอบให้กับคนที่ส่งแบบสอบถาม หากประสบกับรายการที่ต้องเลือกใน่สุดสัปดาห์แล้วล่ะก็ เช่นนั้นพวกเราก็จบเห่แน่” ฉันวิเคราะห์อย่างใจเย็น
“ไม่ผิด ดังนั้นก่อนที่จะหาตัวฆาตกรเจอ ทุกคนจะไม่โหวตไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้น พวกเราจะต้องตายเร็วขึ้น มือมืดที่อยู่เื้ันั้นได้รู้แผนการของพวกเราแล้ว โดยเฉพาะในเวลาสำคัญ ก็ได้โหวตเสียงที่สำคัญที่สุด 1 เสียง” ตวนมู่เซวียนก็พูดขึ้น
และกวานเหยาได้ประกาศให้แยกย้าย หลังจากนั้นตำรวจก็เข้ามา ยังคงเป็ตำรวจ 2 คนนั้น ตอนที่พวกเขาเห็นศพของเซี่ยงเหวินเฉิง สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแต่อย่างไร
พวกเราทุกคนได้เดินออกไป และก็เหลือแค่ตำรวจกับนายแพทย์นิติเวชที่มาด้วยกัน
เมื่อมาถึงสนามกีฬา สีหน้าท่าทางของฉันก็ไปหยุดเปลี่ยน ทั้งขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน
“ตำรวจเ่าั้มีบางอย่างไม่ปกติ” ฉันพูดกับหลี่โม่ฟ๋านที่อยู่ข้างๆ ทันที
“ทำไมล่ะ ฉันรู้สึกว่าก็ปกตินะ” หลี่โม่ฟ๋านพูด
“สมองนายผิดปกติเหรอ นายคิดดูดีๆ สิ ชั้นเรียนของพวกเราั้แ่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ ตายแล้วกี่คน?” ฉันถามหลี่โม่ฟ๋าน
“อันนี้ก็มี เฉินเฟิง หลี๋หยู่เสวียน ซูหย่า มี่เสี่ยวหยู่ เซี่ยงเหวินเฉิง ตอนนี้ก็ 5 คนแล้ว” หลี่โม่ฟ๋านนับดูครู่หนึ่งแล้วพูด
“คน 5 คน นายลองคิดดีๆ มีคนตายไปแล้ว 5 คน ทั้งโรงเรียนมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง?” ฉันถามหลี่โม่ฟ๋าน
“ใช่ เหมือนกับว่าโรงเรียนไม่มีการตอบสนองอะไร นอกจากนักเรียนในชั้นเรียนอื่นๆ ที่ยิ่งกลัวกันขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คล้ายว่าในส่วนของโรงเรียน กลับไม่พูดอะไร” หลี่โม่ฟ๋านคิดขึ้นได้ฉับพลันพลางพูด
“ชั้นเรียน 1 ห้องมีคนตายแล้ว 5 คน เื่นี้พอที่จะทำให้ทั้งประเทศตื่นตระหนกใได้ แต่นายดูสิ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของพวกเรา ยังมีสถานีโทรทัศน์อีก ที่ไม่สนใจใยดีเื่นี้เลย ทำอย่างกับไม่เคยเกิดขึ้นน่ะ” ฉันยักไหล่ และสีหน้าที่คาดคิดไม่ถึง
“พูดได้ถูกต้อง ว่ากันตามเหตุผลแล้ว โรงเรียนของพวกเราเกิดเื่ที่ใหญ่ขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีใครรู้ พ่อแม่ของพวกเราก็ไม่รู้เื่นี้แม้แต่น้อย” หลี่โม่ฟ๋านพูดด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด
“ยังมีอีกนิดหน่อย ก็คือตำรวจสองสามคนนั้น พวกเขาก็น่าแปลกมาก” ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
“ตำรวจเ่าั้มีอะไรที่แปลกเหรอ?” หลี่โม่ฟ๋านถามด้วยความแปลกใจ
“ทำไมมีการตายติดต่อกันตั้งสองสามครั้ง ตำรวจที่มาจัดการก็มีแค่พวกเขาสองสามคนนั้น นี่ไม่น่าแปลกเหรอ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ยังไงก็ควรจะมีกลุ่มสืบสวนสอบสวนพิเศษสักกลุ่มก็ยังดี” ฉันรีบพูด
“ไม่ผิด จนถึงตอนนี้ ตำรวจที่พวกเราเห็นก็มีแค่สองสามคนนี้” หลี่โม่ฟ๋านพูด
“หากฉันทายไม่ผิดแล้วล่ะก็ ห้องเรียนของพวกเราเกิดเื่ใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับมีไม่กี่คนที่รู้ ก็เพราะมีพลังที่ลึกลับอย่างหนึ่ง ได้ปิดข่าวเอาไว้ ทำให้นอกจากพวกเราแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีทางรู้” ฉันแสยะยิ้มพูด
“แต่ทว่า ไม่ใช่แค่พวกเรา ครูประจำชั้นของพวกเราก็รู้เื่นี้” หลี่โม่ฟ๋านพูด
“งั้นก็ลองดูเถอะ” ฉันพูดขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไรอีก
เช้าวันนี้ดูแล้วน่าจะต้องศึกษาบทเรียนเองแล้วสิ มีหลายคนได้กลับหอพักไปแล้ว แต่พวกเราที่เป็นักเรียนไปกลับ ทำได้แค่เดินเล่นในสนามกีฬาอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
“ลูกพี่” ทันใดนั้นหยางย่าซินก็กระโจนเข้ามา ทั้งยังจูงโก่งหงหยุนที่อยู่ข้าง ๆ
“โอ้ มีเื่อะไรเหรอ?” ฉันพูดกับหยางย่าซินอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่มีอะไร ก็แค่เที่ยงวันนี้ ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวลูกพี่สักมื้อน่ะ” หยางย่าซินพูด
“แค่นี้เหรอ งั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“เยี่ยมไปเลย วันนี้ขอบคุณลูกพี่มากๆ” หยางย่าซินพูดอย่างยิ้มแย้ม และโก่วหงหยุนที่อยู่ข้างๆ ได้มองฉันแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลง
“ไม่มีอะไร มันเป็สิ่งที่ฉันควรจะทำน่ะ” ฉันพยักหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง วันนี้เพื่อนในห้องเรียนตายไปแล้ว 3 คน ไม่ว่าเป็ใครก็รู้สึกว่าไม่สบายใจมากนัก
“เดินเล่นเป็เพื่อนฉันหน่อยก็แล้วกัน ยังไงก็น่าเบื่อหน่ายแล้ว” ฉันพูดกับหยางย่าซิน
“ไม่มีปัญหา ก็แค่ลูกพี่ ฉันมีข่าวสำคัญบางอย่าง” หยางย่าซินพูด
“ข่าวสำคัญอะไร?” ฉันถามด้วยความประหลาดใจ
“ลูกพี่ นายต้องระมัดระวังตัวแล้ว เพราะว่านายเป็เหตุทำให้ซูหย่าตาย ตอนนี้จ้าวเฉินเห้อกำลังหาเสียง ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าจะมาหาเื่นาย” หยางย่าซินพูดเตือน
“งั้นจะทำไมล่ะ ฉันไม่กลัวมันหรอก” ฉันพูดอย่างไม่พอใจ
“ฉันรู้ว่าลูกพี่เก่ง แต่ว่าหากไม่กลัวบุรุษก็ควรจะกลัวคนถ่อยน่ะ จ้าวเฉินเห้อก็คือคนถ่อย และนอกจากจ้าวเฉินเห้อแล้ว นายยังได้ก่อเื่ใหญ่ขึ้นแล้ว” หยางย่าซินพูด
“เหรอ เื่อะไร?” ฉันมองหยางย่าซินพลางถามด้วยความประหลาดใจ
“ลูกพี่นายก็น่าจะรู้ว่าพวกเราคือสายศิลป์ นักเรียนหญิงค่อนข้างมาก” หยางย่าซินถาม
“ฉันรู้ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ สิ” ฉันขมวดคิ้วพูดกับเขา
หยางย่าซินพยักหน้า แล้วรีบพูดว่า “ลูกพี่ นายไม่รู้หรือ เพราะว่านายคนเดียวที่ทำให้ซูหย่ากับมี่เสี่ยวหยู่ต้องตายน่ะ ซึ่งตอนนี้ทำให้พวกผู้หญิงทั้งหลายล้วนกลัวนายเป็อย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงกำลังปรึกษากันว่า ครั้งหน้าหากแบบสอบถามมีนาย ทั้งหมดก็จะเลือกนายน่ะ”
“ข่าวนี้ฉันจะรู้ได้อย่างไรล่ะ?” ฉันมองหยางย่าซิน
“แฟนฉันเป็คนสืบข่าวมาน่ะ” หยางย่าซินจูงมือโก่วหงหยุน แล้วพูดอย่างเคอะเขิน
“ครั้งนี้คงจะลำบากแล้วสิ” ฉันขมวดคิ้วบ่นพึมพำ ชั้นม.5/5 ของพวกเราเป็ห้องเรียนสายศิลป์ จำนวนนักเรียนหญิงก็มากกว่านักเรียนชายเท่าตัว กล่าวได้ว่าหากนักเรียนมีความคิดเป็เอกฉันท์แล้วล่ะก็ เช่นนั้นอำนาจในการโหวตก็จะอยู่ในเนื้อมือของนักเรียนหญิง
ครั้งนี้ฉันได้ล่วงเกินนักเรียนหญิงทั้งห้องแล้ว ดูแล้ววันข้างหน้าคงจะต้องลำบากแน่ๆ