เมื่อเขามั่นใจเพียงนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่มีความคิดเห็น
เธอมองปลาในมือเขา ก่อนเริ่มค้นหามีดพับสีเงินออกมาจากกระเป๋าสะพายสีอาทิตย์อัสดง หลังจากนั้นก็คิดจะรับปลามาจากมือของเหลียนเซวียน
แต่เขากลับจ้องมีดสีเงินในมือของนางไม่วางตา
"ขอข้าดูหน่อย"
เขายื่นมือออกไป นี่คือมีดสั้นที่ใช้ในป่าเล่มนั้น หลังออกจากป่า เขาก็ไม่เคยเห็นอีกเลย ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ ทั้งยังพับเก็บได้ด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขา ก่อนส่งให้เงียบๆ
ครั้นจะซ่อนก็ไม่ทันแล้ว อย่างไรเสียเขาก็เคยลูบคลำมาเป็ร้อยเป็พันรอบแล้ว
เหลียนเซวียนวางกระบี่บนพื้น ส่งไม้เสียบปลาให้เซวียเสี่ยวหรั่น แล้วค่อยรับมาพลิกดูสองสามรอบ ยังเปิดปิดมีดพับกลับไปกลับมาอีกด้วย
"แฮ่ม ให้ข้าก่อน ยังต้องใช้จัดการกับปลาอยู่นะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาทำราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ ไม่ยอมปล่อยมือ เลยจำต้องทวงถามกับเขา
มือของเหลียนเซวียนชะงักไปชั่วขณะ ถือมีดเล็กสีเงินเหมือนไม่อยากคืนให้ "ใช้กระบี่จัดการกับปลาได้หรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุกทำตาขวางใส่เขา "กระบี่เล่มนั้นเพิ่งใช้แทงคนมาเมื่อวานเองนะ"
เื่เมื่อคืนแม้เธอจะเห็นไม่ชัด แต่กระบี่เล่มนั้นดื่มโลหิตคนชุดดำมาแล้วหลายคนเืยังกระเซ็นเต็มตัวของเหลียนเซวียน
จะใช้กระบี่แบบนี้มาทำของกิน?
เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาขาวใส่เขา
เหลียนเซวียนได้สติก็ถูจมูก แล้วส่งมีดสีเงินคืนให้นาง
"หากท่านชอบมีดเล่มนี้ หลังจากทำปลาเสร็จเรียบร้อย มอบให้ท่านก็ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาทำท่าเสียดาย จึงเอ่ยปากออกไปทันควัน
แต่หลังจากหลุดคำพูดไปแล้ว เธอกลับอึ้งเสียเอง นี่เป็หนึ่งในสิ่งของไม่กี่อย่างที่เธอยังเก็บไว้กับตัว
แต่คำพูดเอ่ยออกไปแล้ว เธอไม่นึกเสียใจภายหลัง เขาชอบ ให้เขาก็ได้
ตอนแรกเหลียนเซวียนมีสีหน้าตกตะลึง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็ยินดี มองเซวียเสี่ยวหรั่นด้วยแววตาสืบเสาะค้นหา
"จริงรึ?"
"จริงสิ แค่มีดเล่มเดียวเอง ข้าจะล้อเล่นกับท่านทำไมกันล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง หยิบมีดพับหมุนตัวกลับไปข้างลำธาร
จึงไม่เห็นรอยยิ้มล้ำลึกบนมุมปากของเหลียนเซวียน
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ได้ทำปลาเสียนาน ฝีมือจึงตกไปบ้าง ยามขอดเกล็ด จับหัวปลาไม่อยู่ทำหลุดมืออยู่หลายครั้ง ยังถูกเกล็ดปลาบาดตื้นๆ สองสามแผล
รอจนกระทั่งนางทำปลาเรียบร้อย เหลียนเซวียนก็ก่อไฟเสร็จพอดี
"ฝีมือการก่อไฟของท่านดีกว่าข้าอีก" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งปลาที่เสียบไม้เรียบร้อยให้เขา
"ไปได้มาอย่างไร?" เห็นนิ้วมือของนางมีาแตื้นๆ เหลียนเซวียนก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
"ไม่เป็ไรหรอก มิได้ทำปลาเสียนาน ฝีมือก็เลยตกไปหน่อย" เซวียเสี่ยวหรั่นแลบลิ้น หลังจากนั้นก็ส่งมีดพับที่ล้างสะอาดแล้วให้เขา "ให้ท่าน"
เหลียนเซวียนไม่ได้รับมา แต่มองนิ้วมือที่ได้แผลของนาง เขาควรล่าไก่ป่ามากกว่า การทำปลาซับซ้อนและเปลืองแรงเกินไป
"ไม่เป็ไร อีกสองวันก็หายแล้วล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขามองที่นิ้วโป้งของเธอไม่วางตา พลันรู้สึกหวานล้ำในหัวใจ
"อืม อีกประเดี๋ยวจะทายาให้" เหลียนเซวียนรับมีดพับแล้ววางไว้ข้างตัว ก่อนเริ่มย่างปลาอย่างจริงจัง
เครื่องปรุงอะไรล้วนไม่มีสักอย่าง เซวียเสี่ยวหรั่นเดินไปสำรวจรอบๆ ก็ไม่พบว่ามีพืชชนิดใดที่สามารถนำมาปรุงรส จนกระทั่งมาถึงช่องเขาแห่งหนึ่งก็เห็นผลราสเบอร์รีสีแดงสดเต็มต้น
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มด้วยสีหน้าเบิกบานเมื่อเห็นมัน
หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาวาง แล้วเริ่มเด็ดผลราสเบอร์รี ไม่ช้าก็ได้มากองใหญ่
เซวียเสี่ยวหรั่นหิ้วราสเบอร์รีกองนั้นกลับไปข้างลำธาร เหลียนเซวียนย่างปลาสุกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
"ท่านดู มีราสเบอร์รีด้วย"
เหลียนเซวียนมองปราดหนึ่ง "ที่นั่นเรียกราสเบอร์รีรึ? แต่ที่นี่พวกเราเรียกว่าเสวียนโกวจื่อ"
"อืม แต่ละท้องที่ชื่อเรียกไม่เหมือนกัน" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะคิกคักอย่างไม่นำพา
แต่ก็เริ่มเกาแขนของตนเอง
"ในพงหญ้ายุงเยอะ"
ข้อมือเล็กขาวกระจ่างถูกเกาจนเป็รอยแดง
เหลียนเซวียนย่นหัวคิ้วทันที "ไปล้างก่อน แล้วค่อยมาทายา"
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบไปล้างมือ
เหลียนเซวียนถือปลาเสียบไม้ทั้งสองตัวในมือซ้าย หลังจากนั้นก็ปลดถุงผ้าไหมผูกติดที่เอวออก
"เปิดดู ข้างในมียาทา"
เซวียเสี่ยวหรั่นแก้เชือกผูกแล้วเปิดถุงผ้ามาดู ของด้านในมีไม่น้อยเลย ทั้งตั๋วเงิน ขวดยา ก้อนกระดาษอะไรสักอย่าง ดูเหมือนจะมีหยกประดับด้วย
"ยาขวดไหน?" ในนั้นมียาตั้งสามขวด
"ขวดเล็กสีขาว" เหลียนเซวียนมองนางปราดหนึ่งก่อนจะย่างปลาต่อ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กสีขาวออกมา วางถุงผ้าของเขาลง หลังจากนั้นก็เปิดฝาขวด เนื้อของสีผึ้งด้านในเป็สีขาวราวกับหิมะเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสามส่วน
"นี่แก้คันได้ด้วยหรือ" เธอแตะสีผึ้งเล็กน้อยแล้วทาไปบนผิวที่แดงเป็ปื้น
"อืม สีผึ้งทาผิวของศิษย์พี่เป็ของดีที่ตลาด้า ราคาสูงลิบจนไม่อาจประเมินค่าได้" เหลียนเซวียนตอบ
"ของดีขนาดนี้ เอามาทาแก้คันได้อย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นคิดจะเก็บกลับไป
"ทาเถอะ ถึงจะเป็ที่้าของตลาดมีเงินใช่ว่าจะหาซื้อได้ แต่ก็เป็แค่สีผึ้งยาธรรมดาอย่างหนึ่งของศิษย์พี่เท่านั้น"
"สีผึ้งยาของพี่ใหญ่ผูหยางต้องแพงมากแน่เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นบ่นอุบ ก่อนใช้ปลายนิ้วแตะเนื้อสีผึ้งเล็กน้อยอย่างระมัดระวัง
หลังจากผูหยางชิงหลันเริ่มสนิทกับเธอแล้ว ก็จะให้เธอเปลี่ยนคำเรียกให้ได้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็เลยต้องเปลี่ยน
"สีผึ้งยาเก็บไว้ไม่ได้ใช้ ยิ่งนานไปก็จะใช้ไม่ได้ผลแล้ว" เหลียนเซวียนไม่คิดเช่นนั้น
"ก็จริง สีผึ้งมีวันหมดอายุ" เซวียเสี่ยวหรั่นคล้อยตาม ในที่สุดก็ควักเนื้อยาเพิ่มอีกหน่อย ทาที่ข้อมือ "แต่สีผึ้งยานี้มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลเป็ด้วยกระมัง เหลือไว้ให้ท่านทารอยแผลดีกว่า"
เหลียนเซวียนเหลือบมองนางปราดหนึ่ง มุมปากพลันโค้งขึ้น แต่กลับเม้มเอาไว้
"แฮ่ม บนตัวมีแผลเป็บ้างไม่เห็นเป็ไร อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว"
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ให้ความร่วมมือ
เซวียเสี่ยวหรั่นมีท่าทางร้อนใจขึ้นมา "ได้อย่างไรเล่า แม้ไม่มีใครเห็น แต่ตนเองก็เห็น อุตส่าห์มียาดีลบรอยแผลเป็ได้ ยังคร้านจะทาอีกหรือ"
"ข้าไม่มีเวลากับเื่เล็กน้อยพรรค์นี้" เหลียนเซวียนพลิกปลาย่างที่เริ่มเหลืองเกรียม
"บอกว่าเป็เื่เล็กได้อย่างไร โบราณกล่าวว่าร่างกายเส้นผมิัได้มาจากพ่อแม่ ร่างกายของท่านก็ควรทะนุถนอมให้ดี ถึงจะไม่ผิดต่อบิดามารดา" เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามเกลี้ยกล่อม
เหลียนเซวียนมุมปากกระตุก ทำเป็ไม่สนใจนาง
เซวียเสี่ยวหรั่นฉุนจัด ถามอย่างตรงไปตรงมา "ตกลงท่านจะทาหรือไม่ทา?"
"ไม่ทา" เหลียนเซวียนยืนกราน "แต่ถ้าเ้าช่วยทาให้ ข้าก็จะไม่คัดค้าน"
เซวียเสี่ยวหรั่นได้สติกลับมาทันที หมอนี่ขุดหลุมให้เธอะโลงไปอีกแล้ว
นึกถึงเรือนกายแข็งแกร่งยามเปลือยท่อนบนเกาะอยู่ข้างสระน้ำ พวงแก้มของเธอก็ร้อนผ่าวอย่างไม่อาจควบคุม
เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องดวงหน้าสงบนิ่งเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของเขา ก็แทบอยากขว้างขวดใบเล็กสีขาวใส่หน้าเขาอย่างยั้งไม่อยู่
บุรุษผู้นี้เริ่มกลายเป็คนหน้าหนาั้แ่เมื่อไร?
