สายตาของศิษย์สายในศิษย์สายนอกชายหญิงโดยรอบต่างพากันจ้องมองเด็กหนุ่ม เนื่องจากในตอนนี้ข่าวลือที่ว่าศิษย์คนล่าสุดของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาที่เพียงเข้าสำนักได้เพียงไม่กี่วันเเต่อีกฝ่ายกลับสามารถสอบเลื่อนระดับเป็นักปรุงโอสถระดับสองได้สำเร็จ
ครั้งเเรกข่าวคราวนี้ไม่ได้มีคนเชื่อเท่าไหร่นักเพราะถึงแม้พวกเขาจะยึดถือเส้นทางของผู้ฝึกตนเเต่ก็พอรับรู้อยู่บ้างว่าเส้นทางของนักปรุงโอสถนั้นหาได้ง่ายดาย และสำหรับที่ว่าอีกฝ่ายเป็นักปรุงโอสถระดับสองก็คงเป็เพียงเื่ขบขันเท่านั้น
ทว่าการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มร่างบางที่นอกจากจะมีป้ายหยกเเสดงเเทนฐานะศิษย์ผู้สืบทอดเเล้ว อีกป้ายหยกที่แขวนคู่กันก็ดึงดูดสายตาไปไม่แพ้กันที่เมื่อพบเห็นต่างหลุดอาการกันทั้งสิ้น พึงทราบว่าขอเพียงเเต่ก้าวเท้าเข้ามากลายเป็ผู้ฝึกตนได้สำเร็จ แม้จะเป็เพียงระดับก่อเกิดเเต่ก็ทำให้ญาณััทั้งห้าอยู่เหนือชั้นกว่าคนธรรมดาทั้งสิ้น
ดังนั้นแล้วจึงไม่ผิดแน่เด็กหนุ่มนามว่าหนิงอ้ายผู้นี้เป็นักปรุงโอสถระดับสองอย่างเเท้จริง ด้วยเพราะมีป้ายหยกยืนยัน มีตราประทับของสมาคมสมาพันธ์นักปรุงโอสถเเห่งทวีปบูรพาอยู่นั่นเอง…
ถึงอย่างไรก็ตามหนิงอ้ายกับลู่ซียังคงเดินตรงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อก็มาถึงพื้นที่ส่วนกลางของทางสำนักศึกษา เห็นซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ที่มีน้ำตกจำลองขนาดย่อมอยู่ตรงด้านข้างซ้ายขวาที่ด้านหน้าได้มีผู้คุ้มกันยืนเฝ้าอยู่ เนตรเเห่ง์ส่งข้อมูลให้หนิงอ้ายได้รับรู้ว่าพื้นที่ด้านหลังซุ้มประตู ผาน้ำตกนี้ได้รับการดูเเลปกป้องจากค่ายกลชนิดหนึ่งที่มีความเเข็งแกร่งเป็อย่างมาก
ผู้คุ้มกันทั้งสองก็ถือได้ว่าเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นสูงเลยทีเดียว เพียงเท่านี้หนิงอ้ายก็คาดเดาได้ว่าย่อมเป็สถานที่พิเศษที่โดยปกติเเล้วศิษย์ในสำนักหากไม่ได้รับอนุญาตย่อมไม่สามารถเข้าไปด้านในได้เป็แน่
ลู่ซีเเสดงป้ายหยกที่ได้รับมาก่อนหน้าจากศิษย์พี่โม่โฉวให้กับผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ตรงหน้าตรวจสอบ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ชายวัยกลางคนทั้งสองคนจึงขยับตัวเปิดทางให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนเข้าไปในทันที เมื่อได้ก้าวข้ามผ่านธรณีประตูเข้ามาเเล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองต่างรู้สึกตรงกันว่าสถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็ดินแดนเซียนที่ทั้งสวยงาม มีความสงบเงียบส่วนตัวเป็อย่างมาก
ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นพร้อมกับหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดที่เบ่งบานชูช่อส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วทั้งบริเวณ ตลอดทั้งสองทางเดินได้มีการตกแต่งด้วยโคมไฟระยิบระยับหลากสีสันที่ถูกปักเรียงไปอย่างสม่ำเสมอที่คาดเดาได้ว่ายามค่ำคืนคงเป็ภาพที่สวยงามเป็อย่างยิ่ง
กลิ่นอายความบริสุทธิ์ของปราณฟ้าดินยังมีความเข้มข้นเป็อย่างมาก แม้ไม่อาจเทียบเท่าได้กับอาณาเขตพื้นที่ของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาด้วยเพราะสถานที่นั้นมีแรงหนุนจากมค่ายกลพิศดารและสมุนไพรวิเศษที่มีอายุหลายร้อยปี เเต่หากเทียบแล้วพื้นที่ส่วนในนี้ก็มีความเหนือชั้นกว่าพื้นที่ส่วนนอกอยู่หลายส่วน
ลู่ซีบอกว่าจุดหมายปลายทางที่ต้องไปนั่นคือหอชมจันทร์ ซึ่งเป็ศาลาทรงจีนหลังใหญ่ใจกลางสระบัวขนาดใหญ่ ตรงทางเดินเชื่อมระหว่างกลางเป็สะพานไม้เก่าแก่ที่ถูกแกะสลักลวดลายงดงามเป็อย่างมาก ตัวศาลามีมีระเบียงกั้นถึงสามด้านไว้สำหรับชมวิวทิวทัศน์โดยรอบนี้ อีกทั้งในสระน้ำต่างเต็มไปด้วยดอกบัวหลากหลายสายพันธ์ที่ส่งกลิ่นหอมเฉพาะลอยตามลม
ใน่เช้าหรือ่กลางวันศาลาชมจันทร์แห่งนี้จะมีแสงแดดสาดส่องลงมา ในยาม่เย็นเป็ต้นไปที่ท้องฟ้าโปร่งใสจะเห็นเงาพระจันทร์ค่อย ๆ ขึ้นมา หากเป็พระจันทร์เต็มดวงนั้นแสงจันทร์จะสาดส่องมายังลานศาลาริมน้ำแห่งนี้ดูสว่างไสวราวกับไม่ใช่เวลากลางคืนเสียอย่างนั้น นี่จึงเป็ที่มาของชื่อศาลาชมจันทร์แห่งนี้
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่บนสะพานไม้งามนี้เมื่อมาถึงหนิงอ้ายก็เห็นว่าศิษย์พี่จางลี่ ศิษย์พี่ซุนหลานกับหลี่ซวงสหายของเขากำลังนั่งจัดเตรียมสิ่งของสำหรับตกแต่งเพิ่มเติม ซึ่งต้าเฮยที่เห็นทั้งสามคนจึงเลื้อยไปจากอกเสื้อของหนิงอ้ายเข้าไปทักทายทุกคนด้วยความกระตือรือร้น
"ดูเหมือนว่าเ้าจะคิดถูกเเล้วนะจางลี่ที่ให้ตงหยางรับผิดชอบในเื่ของสถานที่ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวังเสียจริง โดยปกติเเล้วบริเวณส่วนนี้จะเป็พื้นที่เฉพาะสำหรับผู้าุโระดับสูงเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้..." ซุนหรานเอ่ยหยอกล้อขึ้นพร้อมกับทักทายทักทายเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่พึ่งมาถึง
"ช่างเป็สถานที่ที่งดงามมากเลยใช่หรือไม่?? หอชมจันทร์แห่งนี้ฟังว่ามีไว้สำหรับรับรองแขกผู้มาเยือนเท่านั้นซึ่งไม่นับรวมกับว่าพื้นที่ส่วนในเช่นนี้ไม่ต่างไปจากพื้นที่หวงห้ามของศิษย์ทั่วไปคงไม่ผิดไปนัก ไม่รู้ว่าตงหยางทำอย่างไรผู้าุโหงจึงอนุญาติได้เช่นนี้..." จางลี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปด้วยรอบหอชมจันทร์นี้ด้วยความชื่นชม
"เ้านั่นเป็ถึงว่าที่เ้าสำนักคนต่อไปที่ผู้าุโคนอื่น ๆ ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ยังไม่นับรวมไปว่าตงหยางได้เคยช่วยเหลือผู้าุโหงในครั้งนั้น จึงไม่แปลกอันใดที่อีกฝ่ายจะยอมผ่อนปรนให้ยืมใช้สถานที่ในครั้งนี้..." ซุนหรานเอ่ยเสริมขึ้นในใจชื่นชมสหายคนนี้เป็อย่างมาก
"ตงหยางได้เข้าร่วมในการทำภารกิจที่สำคัญกับเหล่าผู้าุโหลายคนในสำนักหลายครั้งจึงไม่ใช่เื่อันใดหากบรรดาผู้าุโเ่าั้จะประณีประนอมรักษาซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ อย่างไรในวันข้างหน้าตงหยางย่อมได้นั่งประจำการในตำแหน่งเ้าสำนักคนต่อไป..." จางลี่เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะชวนทุกคนพูดคุยในเื่การเตรียมความพร้อมให้เป็ไปตามที่ได้วางไว้ เพราะไม่กี่ชั่วยามก็จะเป็เวลานัดหมายเเล้ว
"เเล้วจ้าวหลานกับอู๋ฮั่นเล่าไม่ได้มาพร้อมกับพวกเ้าอย่างนั้นรึ??" หลี่ซวงถามถึงสหายอีกสองคนที่ตามจริงเเล้วควรจะมาพร้อมกันกับหนิงอ้ายกับลู่ซีในตอนนี้เเล้ว
"จ้าวหลานช่วยศิษย์พี่โม่โฉวกับจินหั่วในการจัดเตรียมพวกเครื่องดื่มในงานเลี้ยงนี้ ส่วนอู๋ฮั่นข้าให้อยู่เป็เพื่อนอี้หลินเสียก่อนอีกฝ่ายตั้งท่าจะเข้ามาช่วยพวกเราอย่างเดียวเลย..." ลู่ซีตอบกลับอีกฝ่ายไปซึ่งสร้างเสียงหัวเราะจากทุกคนในที่นี้เพราะต่างนึกภาพออกได้ว่าอู๋ฮั่นนั้นต้องพบเื่ยุ่งยากเสียเเล้ว
จากนั้นไม่นานโม่โฉวและจิ่นหัวก็ได้ตามมาถึง อีกฝ่ายได้บอกว่าตงหยางอาจจะมาช้ากว่าเวลาที่ได้กำหนดไว้เนื่องจากอีกฝ่ายมีเื่ที่ต้องไปจัดการกับท่านเ้าสำนักเมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะตามมาทีหลัง หนิงอ้ายลอบคิดในใจว่าย่อมไม่พ้นเป็เื่ศิษย์ในสำนักที่ยังไม่ฟื้นคืนสติ ตอนนี้ยังมีผู้ที่รับรู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นตามที่ชายหนุ่มได้เล่าให้ฟัง ดังนั้นยิ่งเื่ราวนี้ยังไม่มีผู้ที่รับรู้มากเท่าไหร่พวกเขาก็จะตามสืบค้นได้ง่ายมากขึ้นเช่นกัน
หอชมจันทร์กลางสระน้ำได้ถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านสีฟ้าซึ่งเป็สีโปรดของอี้หลิน ตรงมุมห้องมีซุ้มดอกไม้หลากสีสันที่ต้าเฮยเป็ผู้จัดการด้วยตนเองพร้อมกับชูคอไปมาซึ่งได้เรียกเสียงชื่นชมจากทุกคนในที่นี้เ้าตัวน้อยได้รับไว้อย่างเขินอาย ทางด้านขวามีโตะขนาดย่อมที่มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดวางอยู่ โตะทางฝั่งด้านซ้ายก็เต็มไปด้วยอาหารนับสิบกว่ารายการที่ส่งกลิ่นหอมเป็อย่างมากในตอนนี้
อีกไม่ถึงหนึ่งเค่อก็ตะเป็เวลาตามนัดหมายเเล้ว อู๋ฮั่นได้เดินนำอี้หลินที่ถูกปิดตามายังสถานที่จัดงานวันเกิดนี้ท่ามกลางเสียงโวยวายราวกับเด็กน้อยของอีกฝ่าย เมื่อมาถึงเด็กหนุ่มจึงได้รับอิสระก่อนที่จะลืมตาขึ้น ได้เห็นว่าตรงหน้าของเขาเป็ศิษย์พี่ทั้งสาม สหายของตนทั้งหกคนพร้อมกับต้าเฮยที่ได้เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า
"สุขสันต์วันเกิดนะอี้หลิน!!!"
ได้ยินอย่างนั้นเด็กหนุ่มจึงร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับพุ่งเข้ากอดหนิงอ้ายด้วยความรวดเร็วก่อนที่ลู่ซี จินหั่ว หลี่ซวง จ้าวหลานและอู๋ฮั่นจะรวมตัวกันเข้ากอดเด็กน้อยทั้งสองคนในกลุ่มที่เรียกสายตาเอ็นดูจากศิษย์พี่ทั้งสามคนที่ยืนมองอยู่ตรงนี้
คำว่ามิตรภาพเป็สิ่งที่มีค่าเป็อย่างมากในยุทธภพ ได้เเต่หวังว่าเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดคนจะยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อไปในวันข้างหน้าได้อย่างยาวนาน
"ขอบใจพวกเ้าทุกคนและขอบคุณศิษย์พี่ทั้งสามที่ให้เกียรติมาร่วมงานวันเกิดของข้าด้วยนะขอรับ..." อี้หลินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งสายตาไปยังสหายของตนทุกคนอีกทั้งยังประสานมือโค้งคำนับให้กับศิษย์พี่ที่เอ็นดูตนเช่นนี้
"เป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้นเ้าเป็สหายของพวกเรา..." หลี่ซวงเอ่ยขึ้นซึ่งได้รับการพยักหน้ายอมรับจากทุกคน
"ศิษย์น้องอี้หลินเกรงใจมากไปเเล้ว เอาละ!! งานเลี้ยงสมควรที่จะเริ่มได้เสียทีไม่ต้องรอตงหยางหรอกเดี๋ยวเ้านั่นก็ตามมาเองทีหลังนั่นเเหละ" โม่โฉวเอ่ยขึ้นจากนั้นทุกคนจึงเเยกย้ายไปยังที่นั่งที่ได้เตรียมไว้
"เริ่มงานเลี้ยงกันเถอะ!!" อี้หลินเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่ให้ศิษย์พี่ซุนหรานเป็ผู้เริ่มทานอาหารก่อนด้วยเพราะอีกฝ่ายมีอายุมากที่สุดกว่าทุกคนในที่นี้ ช่างเป็เหตุผลที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพูดไม่ออกเลยทีเดียวพร้อมกับที่ทุกคนต่างหัวเราะชอบใจออกมาเสียงดัง
บรรยากาศในงานเลี้ยงวันเกิดของอี้หลินเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน แม้ว่าเครื่องดื่มจะไม่สามารถเป็สุราหรือของมึนเมาเนื่องจากกฎของสำนัก เเต่ถึงอย่างนั้นหนิงอ้ายก็ได้หยิบโอสถเหลวชนิดหนึ่งที่ตนได้ทำขึ้นมาเฉพาะที่ให้ความรู้สึกไปไม่ต่างจากไวน์ในโลกเดิมสักเท่าไหร่นัก เพียงเเต่ว่าส่วนผสมในเครื่องดื่มนี้คือผลไม้และสมุนไพรหลากหลายชนิดที่มีฤทธิ์บำรุงร่างกายให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัว
อาหารที่หนิงอ้ายได้ทำขึ้นนอกจากจะมีหน้าตาที่สวยงามที่ให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยเเล้ว รสชาติก็นับได้ว่าอร่อยมากแม้กระทั่งศิษย์พี่ทั้งสามคนที่คุ้นชินกับการลิ้มรสจากเหลาอาหารที่มีชื่อเสียงต่างยืนยันเห็นตรงกันว่าอร่อยมาก
ใบหน้าของอี้หลินผู้เป็เ้าของงานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้เต็มไปด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น ครึ่งชั่วยามต่อมาตงหยางก็ได้มาถึงหอชมจันทร์นี้ซึ่งที่นั่งที่ทุกคนให้อีกฝ่ายคือที่นั่งตรงหัวโตะที่ตรงฝั่งด้ายซ้ายมือมีหนิงอ้ายนั่งอยู่ ส่วนทางฝั่งขวาเป็ศิษย์พี่ซุนหรานที่นั่งกอดคอศิษย์พี่โม่โฉวอย่างเหนียวเเน่น ส่วนต้าเฮยในตอนนี้ก็ได้เกาะติดกับอี้หลินพร้อมกับร่วมกินอาหารพร้อมกับทุกคน อสรพิษตัวน้อยนั้นกินอาหารเข้าไปเป็จำนวนมากไม่ต่างไปจากชายตัวโตสักเท่าไหร่ทำเอาทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างมาก
เหล่าศิษย์พี่ทั้งสามคนรวมไปถึงตงหยางได้เล่าเื่ราวต่าง ๆ ของทางสำนักตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้กับทุกคนได้รับฟัง อีกทั้งยังให้คำแนะนำในส่วนอื่นที่เป็ประโยชน์แก่เด็กหนุ่มเหล่านี้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากว่าตงหยางเป็ถึงว่าที่เ้าสำนักคนต่อไป รวมไปถึงจางลี่ ซุนหรานและโม่โฉวต่างก็เป็ศิษย์ผู้สืบทอดของตำหนักทั้งสามเช่นกัน
พวกเขาทั้งสี่คนจึงเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่เป็ประโยชน์เป็อย่างมาก กล่าวได้ว่างานเลี้ยงวันเกิดของอี้หลินในครั้งนี้ได้สร้างสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า
"จริงสิ!!!ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์บอกว่าศิษย์น้องหนิงอ้ายเป็นักปรุงโอสถระดับสองเเล้ว นี่เป็เื่ที่น่ายินดีเป็อย่างยิ่ง..." จางลี่เอ่ยชมเด็กหนุ่ม ไม่คาดคิดว่าระยะเพียงไม่ถึงสิบวันอีกฝ่ายนั้นราวกับพยัคฆ์ติดปีกเช่นนี้
"นักปรุงโอสถระดับสองด้วยอายุสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ศิษย์น้องถือได้ว่าเป็สุดยอดอัจฉริยะในรอบหลายร้อยปีเสียด้วยซ้ำ ไม่เสียชื่อศิษย์ของท่านเหวินหวู่ หนึ่งในสามปรมจารย์โอสถสูงสุดในมหาทวีปแห่งนี้..." จางลี่เอ่ยเสริมขึ้นตามสิ่งที่ตนได้รับรู้มาก่อนนะ
"หนิงอ้ายนี่เ้าเป็นักปรุงโอสถระดับสองได้อย่างไรกัน?? ความจริงเเล้วเ้าเป็ตาเฒ่าประหลาดที่ปลอมตัวใช่หรือไม่..." อี้หลินที่ได้ยินดังนั้นจึงร้องออกมาเสียงดังด้วยความใ
"ข้าก็อายุเท่ากับเ้าหยุดคิดสิ่งไร้สาระได้เเล้ว..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับตบไหล่ของอีกฝ่ายไปเบา ๆ
"นี่คือโอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์ระดับสองความบริสุทธิ์สิบส่วน เป็ขั้นโอสถที่ข้าสามารถปรุงออกมาได้ในตอนนี้ โอสถนี้สามารถช่วยทะลวงชีพจรในร่างกาย สามารถยกระดับความสามารถของิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟได้หนึ่งขั้น ข้ามอบให้เ้าเป็ของขวัญวันเกิด สหายข้า..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมอบขวดโอสถแก้วที่มีเม็ดโอสถสีเเดงทับทิมนับสิบเม็ดอยู่ด้านใน
"โอสถฤทัยอัคคีพิสุทธิ์เป็สุดยอดโอสถวิเศษที่ท่านเหวินหวู่ได้คิดค้นขึ้น ฟังว่าแม้จะเป็เพียงโอสถระดับสองก็จริงเเต่ด้วยความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนนี้ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็โอสถระดับสูงเเล้ว หากนำไปประมูลที่โรงโอสถราคาย่อมไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญทองอย่างแน่นอน ข้าลืมบอกไปว่านั่นคือราคาต่อหนึ่งเม็ดโอสถ..." โม่โฉวเอ่ยเสริมขึ้นตามสิ่งที่ตนพอรับรู้มาอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าศิษย์น้องหนิงอ้ายจะมากไปด้วยพร์เพราะโอสถนี้หาได้ปรุงอย่างง่ายดาย
"เม็ดละหนึ่งหมื่นเหรียญทองที่มันมากไปเเล้ว ข้าว่า..." อี้หลินที่จะพยายามปฏิเสธด้วยเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับมานั้นล้ำค่ามากเกินไปแต่หนิงอ้ายก็ได้เอ่ยขัดขึ้น
"ข้าให้เ้าใช้กับตัวเองหาได้ให้ไปขายเสียหน่อย เ้าอย่าได้คิดมากนี่เป็ของขวัญที่ข้าพึงพอใจมอบให้แก่เ้า..." หนิงอ้ายตอบกลับไปอีกครั้งด้วยความหนักเเน่น
"เช่นนั้นเป็พวกข้าที่มอบของขวัญให้กับเ้าบ้างเเล้วกัน..." เสียงของเด็กหนุ่มที่เหลือดังขึ้นพร้อมกับแย่งกันมอบของขวัญให้กับเ้าของวันเกิดอย่างอี้หลิน
ทางฝั่งของศิษย์พี่ทั่งสามรวมไปถึงตงหยางนั้นก็ได้มอบของขวัญวันเกิดให้อีกฝ่ายเช่นกัน เด็กหนุ่มก็ได้รับคำแนะนำจากศิษย์พี่จางลี่ว่าของขวัญที่ได้รับมานั้นค่อยไปเปิดในเรือนพัก อี้หลินก็เห็นด้วยในสิ่งนี้จึงเอ่ยรับคำพร้อมกับเก็บลงในเเหวนมิติของตนในทันที
ใกล้จะถึงยามห้ายเเล้ว ทุกคนต่างคิดเห็นตรงกันว่างานเลี้ยงวันเกิดในครั้งนี้สมควรที่จะยุติลงได้เเล้ว แม้ว่าจะเป็วันหยุดที่ทางสำนักกำหนดขึ้นให้พักผ่อนก็จริงเเต่ถึงอย่างไรนั้นกฎเกณฑ์ที่ว่าศิษย์ทุกคนจะต้องกลับเข้าเรือนพักในตำหนักไม่เกินยามห้าย ดังนั้นหลังจากที่ช่วยกันเก็บกวาดให้หอชมจันทร์นี้กลับคือสู่สภาพเหมือนเดิมก่อนหน้าเเล้ว ทุกคนจึงพากันเดินกลับออกมาท่ามกลางเเสงจันทร์ที่ส่องสว่างสวยงามเป็อย่างมาก
จากนั้นจึงได้กล่าวอำลากันเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะแยกกลับไปยังตำหนักของตนที่อยู่ไปตามทิศทั้งสี่ และเช่นเดิมตงหยางได้เดินมาส่งหนิงอ้ายที่หน้าตำหนักเหมือนเดิมก่อนหน้า ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ได้เดินเคียงข้างไปกับเด็กหนุ่มร่างบางด้วยจังหวะที่เท่ากันไม่ช้าหรือไม่เร็วเกินไป ชวนให้ผู้ที่พบเห็นต่างรู้สึกว่าทั้งสองคนช่างเหมาะสมกัน เพีนงไม่นานเท่านั้นก็มาถึงหน้าซุ้มประตูทางเข้าของตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเสียเเล้ว
"เื่ราวยังไม่ร้ายเเรงมากนักเ้าอย่าได้เป็กังวลไป หากมีสิ่งอื่นคืบหน้าข้าจะบอกให้เ้าได้รับรู้อีกครั้ง..." เฟยหลงคล้ายกับว่าอ่านใจของเด็กหนุ่มตรงหน้าออก เพราะอีกฝ่ายได้ร่ายบทเวทย์ปิดการรับรู้บทหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขึ้นให้อีกฝ่ายได้คลายกังวล
"ข้าได้ยินเช่นนี้ก็สบายใจขึ้นมาอยู่บ้างท่านก็ระวังตัวด้วยเล่าเพราะเื่นี้เื้ัย่อมไม่ธรรมดา..." หนิงอ้ายตอบกลับอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมากไปด้วยฝีมือก็จริงเเต่ทว่าความประมาทก็ได้คร่าชีวิตผู้คนมากมายเช่นกัน
"เ้าสบายใจได้ ต้าเฮยเ้าอย่าลืมดูเเลนาย...หนิงอ้ายด้วยเล่า..." ต้าเฮยชูคอขึ้นจากอกเสื้อของเด็กหนุ่มพร้อมกับขยับไปมาราวกับ้าบอกว่าไว้ใจอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
เห็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงมองใบหน้าของร่างบางอีกเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปด้วยความรวดเร็ว ทางฝั่งของหนิงอ้ายไม่รอช้าจึงเเสดงป้ายหยกประจำตัวพร้อมกับเข้าไปในตำหนักของตนในทันที...