ทางด้านไป๋จื่อเยว่นั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ทว่าเนื่องจากพลังิญญาของมู่เฟิงนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นการรับรู้ของเขาจึงเฉียบคมกว่าคนทั่วไปมาก แม้ว่าเสียงเกือกม้าจะแ่เบาและอยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกลก็ตาม เขาก็สามารถได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย
หลังจากผ่านไปไม่ถึงสองนาที เสียงเกือกม้าก็ค่อยๆ ดังชัดขึ้น กลุ่มโจรนับร้อยชีวิตกำลังมุ่งหน้ามาจากระยะไกล เนื่องจากเป็คนกลุ่มใหญ่ ทำให้ระหว่างทางมีฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่ว
“พี่เฟิง พวกมันมาจริงด้วย”
ไป๋จื่อเยว่รีบซ่อนตัวในทันที
“อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะเข้าสู่ค่ายกลหินเทวะจากทางด้านนั้น จำตำแหน่งที่ข้ากำชับเ้าเอาไว้ให้ดี ห้ามพลาดเด็ดขาด”
มู่เฟิงมอบหินเทวะสีแดงซึ่งบ่งบอกถึงพลังธาตุไฟให้กับไป๋จื่อเยว่หนึ่งก้อน เด็กหนุ่มพยักหน้าและวิ่งไปยังทางออกอีกด้านของหุบเขาทันที
หม่าลี่มุ่งหน้าเข้าสู่อาณาเขตของหุบเขาพร้อมกับกองกำลังของเขา เพียงไม่นานกองกำลังทั้งหมดก็ผ่านตำแหน่งค่ายกลตรงปากทางเข้า และเข้ามายังพื้นที่ที่ถูกเตรียมเอาไว้
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็ขว้างหินเทวะในมือไปยังตำแหน่งค่ายกลบริเวณทางเข้าของหุบเขาในทันที
หินเทวะพุ่งทะลวงแหวกอากาศ และตกลงบนตำแหน่งสุดท้ายของหินเทวะในค่ายกลอย่างพอดิบพอดี
ตู้ม…!
ปรากฏเสียงะเิดังสนั่นขึ้นในทันที กำแพงไฟสีแดงเพลิงที่มีความสูงมากกว่าสิบเมตรลุกโหมกระหน่ำปิดกั้นทางเข้าหุบเขาได้อย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน ไป๋จื่อเยว่ก็ขว้างหินเทวะในมือไปยังค่ายกลในตำแหน่งทางออกของหุบเขาเช่นกัน ฉับพลันนั้นกำแพงไฟสีแดงเพลิงก็ลุกโชนขึ้นมาทันที มันปิดกันทางออกของหุบเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
กำแพงเพลิงทั้งสองฝั่งนั้นมีความสูงมากกว่าสิบเมตร และขนาดความยาวของมันก็ปิดกั้นทางเข้าออกของหุบเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าใครที่เข้าใกล้มันจะต้องถูกเปลวเพลิงแผดเผาจนกลายเป็เถ้าถ่านในทันที
ซึ่งนี่ก็คือค่ายกลขั้นสองระดับกลาง ค่ายกลเปลวเพลิงเผาผลาญ!
“ฮี้...!”
“ฮี้…”
ในขณะที่เสียงเกือกม้าพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ปรากฏกำแพงเปลวเพลิงขนาดใหญ่ลุกโชนขึ้นจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าภาพนี้ทำให้กองโจรทั้งหมดต่างก็ตื่นใ ไอความร้อนพุ่งเข้าปะทะใบหน้าของพวกเขาในทันที
“นี่มันเื่อะไรกัน?”
หม่าลี่แผดเสียงคำรามออกมาทันที ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นใกับสถานการณ์นี้เช่นกัน
“แย่แล้วท่านหัวหน้าใหญ่ ด้านหลังของเราก็ถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงไฟเช่นกันขอรับ”
โจรผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มพลันะโรายงานด้วยความใ
“แย่แล้วพี่ใหญ่ พวกเราถูกล้อมเอาไว้แล้ว”
สีหน้าของหัวหน้ารองพลันเปลี่ยนไป เขากล่าวขึ้นด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“กู๋เหล่าเอ้อร์นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หม่าลี่ตวาดถามกู๋เหล่าเอ้อร์อย่างดุดัน
กู๋เหล่าเอ้อร์สะดุ้งในทันที สถานการณ์ในตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเช่นกัน
“ฮ่าๆ ๆ ข้ากำลังรออยู่เลย เ้าพวกโจรชั่ว!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมาจาก้า
เมื่อทุกคนแหงนหน้ามองก็พบว่า้ามีเด็กหนุ่มสวมใส่ชุดคลุมสีขาวกับเด็กหนุ่มที่สวมใส่ชุดคลุมสีดำยืนอยู่เหนือหุบเขา
“พวกเ้าเป็ใคร?”
หม่าลี่ตะเบ็งเสียงถามด้วยใบหน้าเ็า
“เป็ใครอย่างนั้นหรือ ข้าก็คือผู้ผดุงความยุติธรรมแทน์อย่างไรเล่า พวกเ้าปล้นชิงของจากชาวบ้านและทำร้ายชีวิตของผู้บริสุทธิ์ วันนี้ถึงเวลาที่พวกเ้าจะต้องชดใช้แล้ว”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเยาะเย้ย
“ไร้สาระ ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมริอาจจะทำตัวเป็วีรบุรุษ พี่น้องทั้งหลาย สังหารเ้าเด็กสองคนนั้นเสีย”
หม่าลี่สั่งการเสียงดังด้วยสีหน้าไม่น่ามอง
โจรสองคนะโลงจากหลังม้าและปีนขึ้นผาเพื่อไปจัดการกับพวกมู่เฟิงทันที
แผ่นยันต์สีแดงหลายแผ่นปรากฏขึ้นในมือของมู่เฟิงและไป๋จื่อเยว่อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็โยนมันไปยังโจรสองคนที่กำลังปีนขึ้นมา
ปรากฏเสียงะเิดังสนั่นพร้อมกับเปลวเพลิงหลายสายพวยพุ่งออกมา เมื่อแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์หลายแผ่นเกิดการะเิขึ้นพร้อมกัน กลุ่มเปลวเพลิงก็ขยายออกเป็วงกว้างและกวาดเข้าหากองโจรอีกหลายคน
“อ๊าก…!”
หลายคนถูกเปลวเพลิงที่มีอุณหภูมิความร้อนหลายพันองศาแผดเผาร่างในทันที พวกเขาทำได้เพียงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนโดยไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้ ร่างกายของพวกเขาถูกแผดเผาจนกลายเป็เถ้าธุลี มีโจรผู้หนึ่งอยู่ใกล้กับรัศมีะเิมากเกินไป แรงะเิจึงฉีกกระชากร่างของเขาจนกลายเป็เพียงเศษเนื้อ
“จื่อเยว่ จุดชนวนะเิแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์พวกนั้นเลย!”
มู่เฟิงสั่งการทันที เขาและไป๋จื่อเยว่รีบขว้างแผ่นยันต์จำนวนหนึ่งไปยังตำแหน่งที่พวกเขาวางแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์เอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อเป็การจุดชนวน
ตู้ม…! ตู้ม…! ตู้ม…!
เสียงะเิดังกึกก้องพร้อมกับเปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นและลุกลามไปทั่วหุบเขา
“อ๊าก…!”
ทันใดนั้นกับดักเพลิงที่ถูกวางไว้ใต้ฝ่าเท้าของโจรกว่าสิบคนก็เกิดการะเิขึ้น รัศมีะเิกระจายออกเป็วงกว้างกว่าสิบเมตร ในบรรดาโจรกว่าสิบคน มีสี่ห้าคนถูกะเิร่างจนกลายเป็เศษเนื้อ ส่วนโจรคนอื่นก็ได้รับผลกระทบจากเปลวเพลิงโดยตรงเช่นกัน
“แย่แล้ว มันคือแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ รีบกระจายตัวกันเร็วเข้า รีบกระจายตัว!”
หม่าลี่พลันตระหนักได้ในทันทีว่าะเิอันทรงพลังเหล่านี้คืออะไร เขาจึงรีบะโสั่งให้ทุกคนกระจายตัวออกไปโดยเร็ว
อานุภาพพลังของแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์นั้นเทียบได้กับะเิมือ ดังนั้นแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ขั้นสองแผ่นหนึ่งจึงมีมูลค่าหลายร้อยเหรียญตำลึงทองเลยทีเดียว
ตู้ม…! ตู้ม…! ตู้ม…!
คราวนี้โจรผู้หนึ่งถูกะเิร่างจนกลายเป็เศษเนื้อไปพร้อมกับม้าที่เขาควบขี่ เสียงะเิภายในหุบเขายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เปลวเพลิงปะทุขึ้นและโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการสั่นะเืไปทั่วทั้งหุบเขา ก้อนหินบนหน้าผาสูงชันจำนวนมากร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะแตกกระจายกลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้โจรหลายคนได้รับาเ็จากแรงกระแทก
ภายในหุบเขาแห่งนี้ มู่เฟิงได้วางกับดักเอาไว้มากกว่าสามสิบตำแหน่ง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลย เกือบทั้งหุบเขากำลังจมอยู่ในทะเลเพลิง โดยเปลวเพลิงก็กำลังถาโถมไปทั่วทุกสารทิศ
หม่าลี่ะโลงจากหลังม้า ทั่วทั้งร่างของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังกังชี่สีเหลือง ทำให้เขาสามารถต้านทานเปลวเพลิงที่โอบล้อมอยู่โดยล้อมและแรงะเิที่กำลังะเิขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
แต่เนื่องจากคนอื่นๆ ไม่ได้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขา โจรส่วนใหญ่ล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายเท่านั้น ทำให้พวกเขาถูกทะเลเพลิงแผดเผาร่างกายจนตาย ทางฝั่งกองโจรส่วนน้อยที่มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่นั้นยังพอต้านทานเปลวเพลิงเหล่านี้ได้อยู่บ้าง เพียงแต่พวกเขาไม่อาจต้านทานแรงะเิได้จึงถูกแรงะเิฉีกกระชากร่างจนตาย
ในอากาศกำลังอบอวลไปด้วยกลิ่นเผาไหม้
ตู้ม ตู้ม ตู้ม...!
เพียงไม่นานแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ที่ถูกวางเอาไว้มากกว่าสามสิบตำแหน่งก็ะเิออกมาจนหมด ภายในหุบเขากำลังเกลื่อนไปด้วยซากศพที่ถูกแผดเผาจนกลายเป็เถ้าถ่านของมนุษย์และม้า
การะเิเมื่อครู่ทำให้กองกำลังนับร้อยคนของหม่าลี่หลงเหลือคนเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น แน่นอนว่าทั้งสิบกว่าคนนี้ล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขึ้นไป แม้แต่หัวหน้าสามของกองโจรยังถูกะเิฉีกกระชากร่างจนตายไปแล้ว
“ว้าว ช่างเป็วิธีการที่ร้ายกาจมาก”
หลังได้เห็นฉากนี้ ไป๋จื่อเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความยินดี เขามองไปยังมู่เฟิงด้วยสายตาชื่นชมและความเทิดทูนที่มากขึ้น
“ใครที่กล้าคิดจะเป็ศัตรูกับพี่เฟิง นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนผู้นั้นแล้ว”
ขณะนี้สีหน้าของหม่าลี่ดำทะมึนไม่ต่างจากก้นหม้อ เขามองดูซากศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าไม่น่าเกลียด จากนั้นเขาก็ตวัดสายตาไปทางมู่เฟิงที่อยู่้าอย่างเคียดแค้น
“เ้าหนุ่ม หากข้าไม่ได้สังหารเ้าให้ตายคามือ ข้าก็ไม่ขอเป็คนแล้ว!”
หม่าลี่แผดเสียงคำราม เขาถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือ จากนั้นก็ดีดฝ่าเท้าทะยานร่างขึ้นสูงกว่าสิบเมตร เท้าของเขาเหยียบอยู่บนผนังเพิงของผาชัน จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นไปอีกครั้งเพื่อพุ่งตัวไปหาเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่้า
มู่เฟิงแสยะยิ้ม ในมือของเขายังมีแผ่นยันต์สีทองอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อเขาขว้างมันออกไป แผ่นยันต์เ่าั้ก็พลันะเิเป็ลำแสงกระบี่สีทองหลายเล่มและพุ่งทะลวงไปทางหม่าลี่
สีหน้าของหม่าลี่พลันเปลี่ยนไปทันที เขาที่กำลังดีดตัวขึ้นมาต้องรีบตีลังกาถอยหลังกลับไป เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของลำแสงกระบี่เ่าั้
มู่เฟิงถือดาบเอาไว้ในมือ จากนั้นเขาก็ะโลงไปด้านล่าง โดยพุ่งเป้าเข้าโจมตีหม่าลี่ในทันที
“ฆ่ามัน…!”
ในขณะที่หัวหน้ารองและบรรดาโจรที่เหลืออีกกว่าสิบคนกำลังจะพุ่งตัวเข้าช่วยหม่าลี่
“พวกเ้าอย่าได้ลืมข้าสิ”
เสียงของไป๋จื่อเยว่ก็ดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน และทันใดนั้นเขาก็ขว้างแผ่นยันต์กระบี่หิรัณย์ออกมา ปรากฏเป็ลำแสงกระบี่สีทองจำนวนเจ็ดถึงแปดเล่มพุ่งทะลวงเข้าโจมตีโจรกลุ่มนั้นทันที
ฉึก! ฉึก...!
“อ๊าก…!”
โจรหกคนถูกลำแสงกระบี่สีทองเ่าั้เจาะทะลุหน้าอกและศีรษะ ทำให้เสียชีวิตลงทันใด
“ตายเสีย!”
ไป๋จื่อเยว่แผดเสียงคำรามพร้อมกับเหวี่ยงกระบี่ในมือ และในขณะเดียวกันนั้น เสือดาวหางอสรพิษกับหมาป่าวายุต่างก็พุ่งกระโจนเข้าหาฝ่ายตรงข้ามที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนเช่นกัน
ส่วนทางด้านมู่เฟิงและหม่าลี่ ทั้งสองฝ่ายกำลังถือดาบเผชิญหน้ากันกลางหุบเขา ระหว่างพวกเขามีระยะห่างราวๆ สิบเมตร ต่างฝ่ายต่างก็จ้องเขม็งใส่กันอย่างไม่วางตา
“เ้าหนุ่ม เ้าเป็ใครกันแน่?”
หม่าลี่เอ่ยถามด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“เ้าสังหารผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า ทำให้สำนักศึกษาเทียนอวิ่นของเราไม่พอใจ ข้าได้รับภารกิจจากทางสำนักศึกษาให้มาที่นี่เพื่อสังหารเ้าเสีย”
มู่เฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
“ว่าอย่างไรนะ พวกเ้าเป็คนของสำนักศึกษาเทียนอวิ่น!”
สีหน้าของหม่าลี่เปลี่ยนไปในทันที เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความตื่นตระหนก
สำหรับเขาแล้ว สำนักศึกษาเทียนอวิ่นนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าทางสำนักศึกษาเทียนอวิ่นจะสังเกตเห็นถึงการดำรงอยู่ที่ต่ำต้อยของเขา กระทั่งยังส่งคนมาสังหารเขา
หม่าลี่กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด และทันใดนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชาย เรามาทำข้อตกลงกันดีหรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้