ซูเมี่ยวเออร์ใกับท่าทีของอวิ๋นอี้ ที่น่าหงุดหงิดกว่านั้นคือ อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย นางกลับถูกอวิ๋นอี้รังแก
บรรยากาศเงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง
คนที่อยู่ในห้องเรียน ไม่มีผู้ใดมีท่าทีจะเข้ามาช่วยเหลือเลย ทุกคนต่างชะโงกหน้าเข้ามาดูราวกับชมละคร
คนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆ คือพระชายาเก้ากู่ซือฝาน ซึ่งเป็พวกเดียวกับอวิ๋นอี้
ราวกับจะมาเพื่อเพิ่มความกล้าให้นาง
ซูเมี่ยวเออร์พูดมิออกว่ารู้สึกอย่างไร สีหน้ามืดครึ้มลง ดึงเอากระดาษที่ติดอยู่บนใบหน้าออกมาด้วยความโกรธ ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “อวิ๋นอี้ ท่านเป็บ้ากระไร?”
“ดูก่อนสิว่าเ้าทำกระไร!” อวิ๋นอี้กดดัน
"ได้! ดีมาก!" ซูเมี่ยวเออร์ถูกคนที่เกลียดที่สุดต่อว่าสองครั้งติดกันั้แ่เช้า ความโกรธที่ระงับของนางพุ่งขึ้น "ข้าก็อยากเห็นนักว่าข้าทำกระไร!”
ซูเมี่ยวเออร์มิมีความเกรงกลัวในใจ หลักๆ เป็เพราะว่านางยังคิดมิออกว่าจะทำลายชื่อเสียงอวิ๋นอี้อย่างไร แผนการยังมิได้ดำเนินการ มีเพียงความคิด นางมิกลัวที่จะมีคนจับจุดอ่อนนางได้หรอก
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นจดหมาย ปฏิกิริยาแรกที่ได้เห็นทำให้นางประหลาดใจและพูดว่า "นี่เป็ลายมือข้า..."
"ดีนี่!" แม้ว่าอวิ๋นอี้จะหน้านิ่งมิเปลี่ยน ทว่าในใจของนางดีใจจะแย่แล้ว แอบด่าซูเมี่ยวเออร์ว่านังหมูตัวนี้ ยังช่วยนางสุมไฟได้อีก
ซูเมี่ยวเออร์มิได้พูดกระไร ก้มหน้าอ่านต่อไป สักพักนางก็ขมวดคิ้ว “ข้ามิได้เป็คนเขียน! มีผู้อื่นเลียนแบบลายมือข้าเขียน!”
อวิ๋นอี้แสยะยิ้ม “เช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนคุณหนูซูจะสร้างศัตรูไว้เยอะ ทุกคนล้วนพากันใส่ร้ายเ้าหรือ?”
“ท่าน!” ซูเมี่ยวเออร์อยากจะตอกกลับ ทว่าคิดได้ว่าเกือบจะโดนนางพาพูดไปกันใหญ่ นางจ้องหน้านิ่ง “อวิ๋นอี้ เก่งนี่ ท่านใช่หรือไม่ที่ปรักปรำข้า?”
“คุณหนูซูอย่ามากล่าวหากันลอยๆ เช่นนี้นะ” หากจะสู้กัน อวิ๋นอี้มีความมั่นใจมาก “มิมีหลักฐาน เพียงอ้าปากพูดก็ปล่อยข่าวลือได้ ข้าต่างกับเ้า เ้าใส่ร้ายข้าหรือไม่นั้นใจเ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ ทว่าข้ามีหลักฐานในมือ เ้ามิยอมรับก็ไม่เป็ไร ข้าส่งคนเชิญองค์ไทเฮาไปแล้ว เื่นี้หวังว่าองค์ไทเฮาจะช่วยตัดสินได้”
“กระไรนะ?” ซูเมี่ยวเออร์ะเิ “เ้าเชิญองค์ไทเฮามางั้นหรือ?”
“เพลานี้ยังมิถึง อีกชั่วยามเห็นจะได้” อวิ๋นอี้ท่าทีสบายๆ ในน้ำเสียงมีความสงบ
คนที่ต่างไปจากนางอย่างสิ้นเชิงคือซูเมี่ยวเออร์ เดิมนางคิดว่า จดหมายที่มิมีที่มานี้มีคนใส่ร้ายนางแน่ แม้ว่าอวิ๋นอี้จะชี้จมูกของนาง บอกว่านางเป็คนเขียน หากนางมิยอมรับ อวิ๋นอี้ก็ทำกระไรนางมิได้ ทว่าคิดมิถึงเลยว่า อวิ๋นอี้จะเ้าเล่ห์เช่นนี้ ราวกับว่านางจะรู้ว่าตนมิมีทางยอมรับ จึงกล้าเชิญองค์ไทเฮามา
เมื่อไทเฮามา แม้ว่าจะเป็เื่เล็กๆ ย่อมกลายเป็เื่ใหญ่ได้
ซูเมี่ยวเออร์กัดฟันกรอด “อวิ๋นอี้! ท่านจะทำให้ข้าตายให้ได้เลยใช่หรือไม่!”
“ข้าเปล่า” อวิ๋นอี้ยังคงพูดอย่างสบายๆ
นางตัวเล็ก ใบหน้าบอบบาง เผชิญหน้ากับซูเมี่ยวเออร์ที่แยกเขี้ยวยิงฟัน เห็นแววตาของนางลดต่ำลง ดูนุ่มนวลและรังแกง่าย ทว่าฝูงชนที่ดูการแสดงนี้อยู่ กลับััได้ถึงสิ่งใดบางอย่างจากระหว่างทั้งสองคน
เช่น แรงอารมณ์ที่เปล่งออกมาจากอวิ๋นอี้
เมื่อก่อนนางดูมิได้เป็คนเช่นนี้ ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนจะมิค่อยกล้าสบสายตา มิค่อยชอบพูด แม้จะพูดไปนางก็มิกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองผู้คน
ความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อนางไม่ชัดเจนนัก อย่างไรพระชายาเจ็ดองค์นี้ เมื่อก่อนเป็แค่...ผู้ที่ไม่มีตัวตน
แม้ว่าตอนนี้นางจะยังยืนอยู่อย่างเงียบๆ ทว่าหลังของนางที่ตั้งตรง ตอนที่เผชิญหน้ากับซูเมี่ยวเออร์ สีหน้าของนางเฉยเมย ราวกับมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
มีกระไรบางอย่างมิเหมือนเดิม
ตู้ซือโหรวที่รายล้อมไปด้วยผู้คน ยิ้มออกมาช้าๆ
นางรู้ว่านางมิได้ยืนผิดฝั่ง พระชายาเจ็ดที่บุคลิกเปลี่ยนไปมากผู้นี้เป็สตรีที่ฉลาดนัก นางมิอยากต่อสู้กับคนฉลาด
หลังจากรู้ว่าไทเฮากำลังมา ท่าทีของทุกคนพลันเปลี่ยนไป
การเรียนมิได้จัดขึ้นตามกำหนด
ซูเมี่ยวเออร์สีหน้าอึมครึม จ้องอวิ๋นอี้ด้วยแววตาดุร้าย แทบจะอยากจะแทงนางให้เป็รู ในขณะเดียวกัน นางกำลังคิดหาวิธีอธิบายให้ไทเฮาฟัง
แม้ว่าจะโดนใส่ร้าย ทว่าองค์ไทเฮามิใช่ผู้ที่จะปล่อยผ่านไปง่ายๆ
นอกจากนั้น...
ซูเมี่ยวเออร์คิดถึงเื่นี้ ก็อดขนลุกมิได้ นึกไม่ออกว่าไทเฮาจะพูดกระไร
เมื่อก่อน หลังจากที่รู้ว่านางชอบหรงซิว ไทเฮาที่มิโปรดปรานอวิ๋นอี้จึงสนับสนุนนางตลอด
ทว่าหลายต่อหลายคราในวัง แผนการจัดการอวิ๋นอี้กลับถูกอวิ๋นอี้โต้กลับ ทำให้นางอับอายมาก แน่นอนว่าย่อมทำให้ไทเฮามิพอใจในตัวนางสักเท่าใดนัก
เพลานี้...
ซูเมี่ยวเออร์กุมหัว นางต้องหาทางฟื้นฟูภาพลักษณ์ของนางให้ได้
ต่างจากใบหน้าลุกลี้ลุกลนของนางอย่างสิ้นเชิง อวิ๋นอี้สีหน้ายังคงนิ่งเฉยและสงบ นั่งลงที่เก้าอี้มิพูดกระไรมาก รออย่างเงียบๆ
ระหว่างที่รออย่างเงียบๆ รถม้าของไทเฮาก็มาถึงใน่สาย
ไทเฮาเสด็จมาด้วยตนเองถือเป็เื่ใหญ่ของสำนักซืออี๋ แม่นมหลายคนคุกเข่าลงกับพื้นทำความเคารพพร้อมเพรียงกัน เหล่าพระชายาในสำนักย่อมมิกล้าที่เมินเฉย ทุกคนออกมาต้อนรับอย่างจริงจัง พูดพร้อมเพรียงกัน "ขอองค์ไทเฮาทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี!"
"ลุกขึ้นเถิด"
ไทเฮาพูด ขณะที่มีแม่นมพยุงไปนั่งบนเก้าอี้สูงสายตาของนางกวาดมองทุกคน
แม้ว่านางจะสูงวัยแล้ว ทว่าสง่าราศีของนางยังคงสยบทุกคนลงได้
หลังจากที่กู่ซือฝานยืนขึ้น นางซ่อนตัวอยู่ข้างหลังอวิ๋นอี้อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าไทเฮามิได้สังเกตนาง ก็พึมพำเสียงเบา "ท่านพี่ ระวังตัวด้วยนะเพคะ!"
"......"
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก ในใจคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้อื่นคงวิ่งหางจุกตูดกัน คงจะมีเพียงกู่ซือฝานผู้โง่เขลาผู้นี้เท่านั้นที่ยังหน้าชื่นตาบานได้
เพิ่งจะคิดในใจได้ครึ่งหนึ่ง ไทเฮาพลันพูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาและทรงพลังว่า “มีเื่กระไรกันแน่? ถึงเชิญข้ามาถึงที่นี่? พระชายาเจ็ดช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิ”
อวิ๋นอี้ที่ถูกเรียกชื่อ นางเตรียมพร้อมนานแล้ว
ภายใต้การจ้องมองของกลุ่มคน นางเดินออกไปช้าๆ ถือจดหมายไว้ในมือ
หัวใจของซูเมี่ยวเออร์ตึงเครียดขึ้นมาทันใด
เมื่อเห็นเช่นนั้น ไทเฮาโบกมือให้แม่นมที่อยู่ข้างๆ รับจดหมายมา ด้วยความสงสัย ไทเฮาค่อยๆ เปิดจดหมายออก
ยิ่งอ่านไปถึงข้างหลัง สีหน้ายิ่งมืดมน
นางจำลายมือของซูเมี่ยวเออร์ได้อยู่แล้ว หลังจากอ่านจบ พูดเสียงดังขึ้นมา "เมี่ยวเออร์!"
ซูเมี่ยวเออร์ร้องไห้ออกมา รีบคุกเข่าลงพื้น "ไทเฮา! ท่านยา! ข้ามิได้เป็คนทำเื่นี้นะเพคะ! มีคนเลียนแบบลายมือข้า! ท่านย่าต้องเชื่อข้าสิเพคะ! ข้า...ข้ามิเคยเขียนจดหมายฉบับนี้!"
ไทเฮาสีหน้าขุ่นเคือง "เ้าบอกว่ามีคนเลียนแบบลายมือเ้า มีหลักฐานหรือไม่?"
"ข้า..." ซูเมี่ยวเออร์ใจสั่น พูดตะกุกตะกัก "ข้า..มิมีเพคะ"
"กระนั้นข้าจะเชื่อเ้าได้อย่างไร!" ไทเฮาโกรธ "เ้าจะว่าอย่างไรกับเื่นี้!"
ซูเมี่ยวเออร์จะว่าอย่างไรเล่า นางมิมีหลักฐานสักอย่าง มีเพียงคำพูดที่มาจากปาก ต่อให้ะโลงฮวงเหอก็ล้างมิหมด
ในตอนนั้นเองอวิ๋นอี้พลันพูดอีกครา "ไทเฮาเพคะ"
"เ้าจะทำกระไรอีก!" ซูเมี่ยวเออร์โกรธมาก ในใจของนางคิดว่าเป็อวิ๋นอี้ที่วางแผนทำเช่นนี้กับนางเป็แน่ น้ำเสียงดุร้าย "อวิ๋นอี้! อย่าให้มันมากเกินไปนะ!"
อวิ๋นอี้สีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงพูดเองต่อไป "ไทเฮาเพคะ ข้ายังมีหลักฐานอีก" หลังจากที่นางพูดจบ พลันหยิบจดหมายอีกฉบับออกมาช้าๆ
ซูเมี่ยวเออร์อึ้ง นี่มัน...กระไรอีกเนี่ย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้