“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านปู่แล้วเ้าค่ะ!”
เคอโยวหรานกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่บ้านเฉิน ก่อนหันไปเอ่ยอย่างอ่อนแรงกับถงซื่อที่กำลังประคองตนเองว่า “ท่านแม่ ท่านแบกกระสอบธัญพืช และให้ท่านพ่อแบกข้าได้หรือไม่เ้าคะ? ข้าไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ เ้าค่ะ!”
“อืม!”
ถงซื่อปาดน้ำตา จากนั้นจึงรับกระสอบธัญพืชมาจากมือของบิดาทึ่ม บอกให้เขาย่อกายลงเพื่อแบกเคอโยวหรานขึ้นหลังเพื่อมุ่งหน้าไปทางจวนเก่า
แม้บิดาทึ่มจะปัญญาทึบ แต่กลับเชื่อฟังคำของถงซื่อมากที่สุด ไม่ว่านางให้ทำสิ่งใดย่อมทำสิ่งนั้น กล่าวคือว่านอนสอนง่ายเป็อย่างยิ่ง
คนทั้งครอบครัวไม่มีข้าวของอันใดให้ต้องเก็บ เพราะตลอดทั้งปีก็มีเพียงเสื้อผ้าบนกายเท่านั้นที่ยังสวมใส่ได้
ถงซื่อเป็คนรักสะอาด ในทุกๆ วันมักจะซักเสื้อผ้ายามค่ำและนำกลับมาสวมใส่อีกครั้งยามเช้า
หากเช้าวันถัดมาเสื้อผ้าไม่แห้งก็จะสวมใส่ทั้งๆ ที่เปียกชื้น
ยามฤดูหนาวล้วนพากันปกคลุมร่างกายด้วยฟางข้าว ไม่แข็งตายก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว
หนึ่งครอบครัวไม่มีสัมภาระแม้เพียงชิ้นเดียว ช่างน่าเวทนาจนต้องทอดถอนใจ!
เคอโยวหรานอยู่บนหลังของบิดาทึ่ม ครั้นโยกไปโยกมานานเข้า นึกไม่ถึงว่าจะผล็อยหลับไปโดยไม่บอกกล่าว
ภายในความฝัน นางหวนกลับไปยังเมือง A อันเป็เมืองการค้าระหว่างประเทศ ทว่าที่นี่กลับมิใช่ลานจอดรถ แต่เป็ซูเปอร์มาร์เก็ตที่กินพื้นที่มากกว่าสองพันตารางเมตรในเมืองการค้า
ภายในซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากของใช้ในชีวิตประจำวัน ยังมีข้าว เส้นหมี่ ธัญพืช น้ำมัน ผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ ผักผลไม้ เนื้อหมู เนื้อวัว และอาหารปรุงสุกอื่นๆ
ทว่ากลับไม่มีเงาผู้ใดเลยสักคน! นอกจากนางก็ไม่มีพนักงานขายแม้แต่คนเดียว
ความฝันนี้ช่างสมจริงยิ่งนัก เคอโยวหรานคิดว่าคงเพราะนางหิวมากเกินไปจึงฝันเห็นสิ่งเหล่านี้
ครั้นมาถึงจวนสกุลต้วน ถงซื่อบอกบิดาทึ่มให้วางเคอโยวหรานลงบนเตียงฝั่งด้านในของต้วนเหลยถิง จากนั้นปาดน้ำตาด้วยความอาวรณ์ก่อนพาบิดาทึ่ม เอ้อร์ยา และซานยาจากไป
ต้วนเหลยถิงนั่งพิงอยู่บนเตียง มองสตรีข้างกายที่ได้รับาเ็ด้วยสายตาเปี่ยมความสงสัย ไม่รู้ว่าเกิดเื่ใดขึ้น เหตุใดนางถึงได้กลับมาในสภาพเช่นนี้?
มารดาสกุลต้วนเป็ห่วงเคอโยวหรานจึงตั้งใจรั้งท่านหมอหลูเอาไว้ ใช้เงินสองตำลึงเพื่อจัดเทียบยาไม่กี่ชุดให้นาง ก่อนจะไปวุ่นวายกับงานในครัว
สะใภ้ทั้งสองก็ตามไปช่วยงานในครัวด้วยเช่นกัน
ทางฝั่งต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลางพากันอธิบายเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนสกุลเคอให้ต้วนซานหลางฟังด้วยท่าทางสมจริงหนึ่งรอบ
เน้นย้ำว่าเคอโยวหรานช่วยพวกเขานำเงินสินสอดยี่สิบตำลึงกลับคืนมา ทั้งยังคลี่คลายสถานการณ์ที่ส่งผลเสียต่อพวกเขาอย่างชาญฉลาดเช่นไรบ้าง
จนแทบจะเยินยอสตรีผอมแห้งดั่งท่อนฟืนผู้นี้ว่าควรมีอยู่บนสรวง์เท่านั้นแล้ว
ต้วนเหลยถิงมองสตรีที่กำลังหลับใหลด้วยสายตาอ้อยอิ่ง พลางเผยท่าทีคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด เคอโยวหรานค่อยๆ รู้สึกตัวและลืมตาขึ้น พลันพบกับดวงตาพร่างพราวดั่งหมู่ดาวและหนวดเคราเต็มใบหน้าของบุรุษเข้าพอดี
นางถึงกับสะดุ้งโหยง ความง่วงงุนมลายหายไปจนสิ้น
หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงนึกขึ้นได้ว่า อีกฝ่ายคือสามีของเ้าของร่างเดิม
จากความทรงจำของเ้าของร่างเดิม คนผู้นี้เป็คนดียิ่งนัก แม้เขาจะขาหัก แต่กลับเข้มแข็งและทรหดเหลือแสน
ใช้ไม้เท้าเป็เครื่องช่วยค้ำยัน แบกรับภาระหน้าที่ส่วนใหญ่ของครอบครัว รวมถึงแหล่งที่มาของรายได้ มิหนำซ้ำยังเรียนรู้งานไม้ด้วยตนเอง
แม้หลังจากนั้นสามปีก่อนเ้าของร่างเดิมจะจากไป ทั้งสองก็ยังไม่เคยร่วมหอเลยสักครั้ง ทว่าคนผู้นี้กลับดีต่อเ้าของร่างเดิมเป็อย่างยิ่งตลอดมา
ครั้นเ้าของร่างเดิมจากไป ิญญาของนางยังได้เห็นว่าต้วนเหลยถิงใช้เงินสองตำลึงสุดท้ายในจวนซื้อโลงศพมาทำพิธีฝังศพให้ตน
สิ่งที่เ้าของร่างเดิมมิอาจปล่อยวางมากที่สุดก็คือบุรุษผู้นี้ แต่อีกฝ่ายมิได้รักเ้าของร่างเดิมแต่อย่างใด เ้าของร่างเดิมคิดว่าตนเป็ภาระของเขา ดังนั้นจึงเลือกที่จะปลิดชีพตนเองโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเพื่อคืนอิสระให้บุรุษผู้นี้
แม้คนผู้นี้จะแลดูร่างสูงใหญ่กำยำ ไว้หนวดเคราเต็มใบหน้า ทว่านางไม่จำเป็ต้องหวาดกลัวเขา
ครั้นคิดได้เช่นนี้ ร่างกายที่ตึงเครียดของเคอโยวหรานจึงผ่อนคลายลง
เมื่อเห็นเคอโยวหรานฟื้นคืนสติ ต้วนเหลยถิงจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงละมุนว่า “ตื่นแล้วหรือ? ท่านแม่ต้มยาให้เ้า ยามนี้กำลังอุ่นพอดี ลุกขึ้นมากินยาเสียก่อนแล้วค่อยนอนต่อเถิด”
เคอโยวหรานพยักหน้า นึกไม่ถึงว่ามารดาสกุลต้วนยังซื้อยาให้นาง
เดิมทีสกุลต้วนก็มีเงินทองไม่มาก ทั้งยังใช้ไปแล้วบางส่วน ครั้นถึงเดือนสามยังต้องหาเงินให้ได้สามสิบห้าตำลึงเพื่อประคองชีวิตต้วนเอ้อร์หลางอีก
นางจำต้องรีบรักษาร่างกายนี้ให้หายดีโดยเร็ว จะได้พยายามหาเงิน...
หลังจากนั้นยังนึกถึงขาทั้งสองข้างของต้วนเหลยถิง
ชาติก่อนสกุลต้วนไม่มีเงิน ต้วนเหลยถิงจึงใช้วิธีพื้นบ้านตรึงกระดูกให้อยู่กับที่และรักษาด้วยตนเอง มิได้ไปหาท่านหมอแต่อย่างใด
หากมีเงินไปหาหมอ ไม่แน่ว่าอาจสามารถรักษาให้หายดีได้
ครั้นคิดเช่นนี้ เคอโยวหรานก็ฝืนประคองร่างกายลุกขึ้นดื่มยา มีเพียงหายดีโดยเร็วถึงจะสามารถเริ่มแผนการใหญ่เช่นการหาเงิน
แต่นึกไม่ถึงว่าร่างกายจะอ่อนแอเกินไป ยามทรงตัวไม่มั่นคงพลันเอนเข้าหาแผงอกของต้วนเหลยถิง
ต้วนเหลยถิงขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสตรี แม้คิดอยากจะผลักนางออกห่าง ทว่าผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดทั้งผอมและอ่อนแอเกินไปจริงๆ
ท้ายที่สุด ต้วนเหลยถิงก็สูดหายใจเข้าลึก ใช้ปลายลิ้นดุนฟันกรามและมิได้ผลักเคอโยวหรานออกแต่อย่างใด มือข้างหนึ่งโอบนางเข้าสู่อ้อมแขน ส่วนมืออีกข้างส่งยาจรดริมฝีปากนาง
เคอโยวหรานจึงขยับเข้าใกล้มือของบุรุษผู้นี้ ก่อนดื่มยาลงไปทีละอึก
ทั่วทั้งร่างของบุรุษที่อยู่ข้างกายผู้นี้เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แข็งแกร่งเปี่ยมพลัง นับเป็ประเภทที่เคอโยวหรานถูกใจพอดี
นอกจากนี้ภายในอ้อมอกของเขายังมอบความรู้สึกปลอดภัย อีกทั้งให้ััอบอุ่นท่ามกลางเดือนสองเช่นนี้
ร่างกายเย็นเยียบแต่เดิมของนางรู้สึกสบายขึ้นไม่น้อยเพราะความอบอุ่นผ่อนคลายอันบางเบานี้
เคอโยวหรานนึกอาวรณ์ความอบอุ่นนี้จึงลดความเร็วในการกินยาลง แม้ยาจะขม แต่ราวกับไม่เป็ไรเลยสักนิด
แต่ไม่ว่าอย่างไรย่อมมียามที่ดื่มยาจนหมด ผ่านไปไม่นานก็เห็นก้นถ้วยเสียแล้ว
เคอโยวหรานลอบไว้อาลัยให้ตนเองไม่กี่วินาที เตรียมจะกลับไปนอนลงฝั่งด้านในเตียงแข็งทื่อและเย็นเยียบอีกครั้ง อากาศในเดือนสองช่างหนาวจริงๆ!
ทันใดนั้นเอง มารดาสกุลต้วนพลันถือข้าวต้มธัญพืชเข้ามาหนึ่งถ้วย ครั้นเห็นเคอโยวหรานอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของบุตรชายตน นางก็ยกยิ้มกระหยิ่มใจ จากนั้นฉวยโอกาสนั่งลงขอบเตียงและเอ่ยว่า
“มา กินข้าวต้มธัญพืชรองท้องก่อนเถิด เห็นเ้าซูบผอมเพียงนี้ จะต้องหิวมากเป็แน่”
ขณะกล่าวยังยกช้อนส่งไปจรดริมฝีปากของเคอโยวหราน “ข้าทำให้เย็นลงแล้ว กำลังอุ่นพอดี”
เคอโยวหรานน้ำตารื้นขอบตา หยาดน้ำใสสองสายไหลรินลงตามพวงแก้ม นางขยับเข้าหาช้อนที่มารดาสกุลต้วนส่งจรดริมฝีปากและกินข้าวต้มธัญพืชทีละคำจนไม่เหลือ
แม้ข้าวต้มธัญพืชจะค่อนข้างฝืดคอ แต่เคอโยวหรานกลับรู้สึกว่าข้าวต้มถ้วยนี้อร่อยที่สุดเท่าที่นางเคยกินมา
ชาติก่อนนางเป็เด็กกำพร้า เติบใหญ่มาโดยต้องสวมเสื้อผ้าจากร้อยบ้าน กินข้าวปลาจากร้อยเรือน แต่เพราะภายในประเทศมีนโยบายที่ดี นางจึงได้อาศัยเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาจนสามารถเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย ปริญญาโท และปริญญาเอกจนสำเร็จได้
ภายหลังเข้าทำงานและคืนเงินกู้ยืมจนหมด ทว่าท้ายที่สุดก็ยังคงตัวคนเดียวเช่นเดิม
ต้องดูแลตนเองั้แ่เล็กจนโต เล่าเรียนลำพัง ใช้ชีวิตลำพัง มีหรือจะเคยได้ััความอบอุ่นอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน?
การกระทำเช่นนี้ของมารดาสกุลต้วนคว้าหัวใจของเคอโยวหรานได้โดยสมบูรณ์ นางขอสาบานว่าจะช่วยเหลือสกุลต้วน นำพาสกุลเคอผ่านพ้นความยากลำบาก และใช้ชีวิตอย่างมีอันจะกินให้จงได้
หลังมารดาสกุลต้วนป้อนข้าวต้มเสร็จก็สั่งให้ต้วนซานหลางดูแลเคอโยวหรานให้ดี ก่อนจะยกถ้วยเปล่าออกไป
เคอโยวหรานค่อนข้างอาวรณ์ไออุ่นของต้วนซานหลาง จึงฉวยโอกาสอ้างอาการเจ็บป่วยเพื่อเอนพิงแผงอกของเขาพลางปิดเปลือกตาแสร้งหลับ ปลายจมูกกรุ่นกลิ่นหอมจางๆ ของใบหญ้าเขียวชอุ่มบนกายบุรุษ ช่างหอมเหลือเกิน
ต้วนซานหลางขมวดคิ้ว คิดอยากจะดันนางออกยิ่งนัก สตรีในอ้อมอกผอมมากเกินไปจริงๆ นอกจากกระดูกก็มีเพียงหนัง กระทั่งยามโอบยังทิ่มแทงมือ
เขาไม่เคยใกล้ชิดสตรีมาก่อน ครั้นยามนี้ภายในอ้อมแขนกำลังโอบกอดสตรีจึงรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง เขาก้มหน้าลงมองผ้าฝ้ายพันหนาชั้นบนศีรษะของนาง บนนั้นยังมีรอยเืซึมจำนวนมาก ท้ายที่สุดเขาก็ยอมอ่อนข้อและมิได้ดันนางให้ออกห่าง
ต้วนซานหลางเป็บุรุษมีความรับผิดชอบ ในเมื่อแต่งสตรีผู้นี้เป็ภรรยาแล้ว เช่นนั้นก็ต้องรับผิดชอบนางจนถึงที่สุด แม้จะไร้รัก แต่ก็ต้องดูแลนางให้ดี
ทว่าเคอโยวหรานที่ยามนี้กำลังปิดเปลือกตาถึงกับงุนงงเสียแล้ว นี่นางมองเห็นสิ่งใดกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้