ใบหน้าแดงระเรื่อ เขาก้มหน้าลงแล้วปรับอารมณ์ครู่หนึ่ง ไม่นานนางก็พบราชสีห์หิรัณย์ที่มีหน้าตาดุร้ายอยู่ที่พื้น
“พี่เหยียน นี่ท่านไปเอาสัตว์เลี้ยงมาจากไหน น่ารักจริงๆ”
หลงเหยียนจับให้นางลุกขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก พวกเราไปที่ตำหนักหลงอู่กันเถิด ไม่แน่ตอนนี้คนตระกูลเซียวอาจกำลังรอเราอยู่เป็ได้ อีกสองวันจะถึงวันแข่งขันแล้ว คิดว่าตอนนี้พวกเขาคงปรึกษากันเื่ชิงลูกแก้วปีศาจกันอยู่”
หลงหยุนฉีไม่อยากไปแต่ก็จำต้องออกจากห้องหลงเหยียน นางหันมามองราชสีห์หิรัณย์ครู่หนึ่ง หลงเหยียนทิ้งมันไว้ในห้องเพราะกลัวว่ามันจะกลายเป็เป้าสายตาของผู้อื่น
ถ้านางรู้ว่าราชสีห์หิรัณย์เป็สัตว์เทพที่มีพลังระดับทองคำขั้นที่ห้า นางต้องใมากแน่
บนตำหนัก ผู้าุโแห่งตระกูลหลง บิดาของเขานั่งอยู่ด้านข้าง หลงเหยียนและหลงหยุนฉีเดินเข้าไปพร้อมกัน จากนั้นก็กล่าวทักทายผู้ใหญ่ทุกคน พบว่าไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเื่ที่เกิดขึ้นเลย
แต่หลงเหยียนััได้ถึงแววตาที่ดุร้ายจากเซียวกงเป้าแล้ว หากมิใช่เพราะเมื่อครู่ตนกระชากเขาแรงๆ ไม่แน่ตอนนี้ตนอาจกลายเป็ตัวตลกของทุกคนก็ได้
ยังโชคดี ในเวลาสำคัญเช่นนี้ หลงเหยียนสามารถแก้สถานการณ์ได้ดี
เวลานี้หลงเหยียนมองเห็นคนตระกูลเซียวแล้ว ด้านหลังผู้นำตระกูลเซียว ผู้าุโตระกูลหลงยืนขึ้น มองหลงเหยียนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกวาดตามองทุกคน
“อีกสองวันก็ถึงงานแข่งขันล่าสัตว์ครั้งใหญ่แล้ว วันรุ่งขึ้นผู้นำตระกูลอู่ตี้ เ้าเมืองแห่งเมืองหยุนจงจะส่งคนมาชมการแข่งขันของเด็กหนุ่มของสองตระกูลเรา ถึงตอนนั้นหวังว่าพวกเ้าจะดึงความสามารถของตัวเองออกมาแสดงได้เต็มที่”
“ตอนนี้เรามาพูดถึงปัญหาที่อาจพบเจอในการแข่งขันกันหน่อยดีหรือไม่ จะหลบจากอันตรายอย่างไรเมื่อคนมีความสามารถที่พวกเราสองตระกูลฝึกขึ้นมาด้วยความตั้งใจ จะปล่อยให้ถูกปีศาจอสูรฆ่าตายไม่ได้เด็ดขาด”
ผู้าุโตระกูลหลงกล่าวยาวมาก บ้างก็มีผู้นำแห่งตระกูลเซียวพูดเสริมนิดหน่อย
หลงเหยียนตั้งใจฟังอย่างถึงที่สุด เช่นนั้นวันรุ่งขึ้นเ้าเมืองแห่งเมืองหยุนจงส่งคนมา จากนั้นผู้าุโแห่งตระกูลจะต้อนรับด้วยตัวเอง เปิดทางให้คนรุ่นหลังทั้งสองตระกูล
ให้พวกเขาได้อยู่ร่วมกัน เป็การทำความรู้จักฝ่ายตรงข้าม
คำพูดของผู้าุโแห่งตระกูลหลงนั้นหลงเหยียนจำขึ้นใจ ขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับ ผู้าุโเรียกหลงเหยียน ฝ่ามือคู่ใหญ่จับลงมาที่แขนของหลงเหยียนอย่างแรง
แววตาของเขาดูดุร้ายมาก “เหยียนเอ่อ อีกสองวัน เมื่อเ้าไปถึงเทือกเขาหยุนหลัว เ้าต้องรักษาระยะห่างจากทุกคนเข้าใจหรือไม่ ต่อให้เป็ลูกพี่ลูกน้องของเ้าก็ต้องระวังด้วย ครั้งก่อนเ้าทำหลงอวี่ซีาเ็ ปู่กลัวว่านางจะแค้นเ้า อีกอย่างเ้าต้องระวังตัวจากคนตระกูลเซียวด้วย...”
หลงเหยียนมองเขาด้วยสายตายินดีก่อนพยักหน้า “ท่านปู่วางใจเถอะ ในเมื่อข้าเคยไปเทือกเขาหยุนหลัวแล้ว ท่านวางใจเถิด” เมื่อพูดจบ หลงเหยียนก็เดินออกจากตำหนักอู่หลง
...
วันที่สองมาถึงอย่างรวดเร็ว ตระกูลหลงและตระกูลเซียวส่งรายชื่อของคนที่ส่งได้มาหมดแล้ว ผู้าุโแห่งตระกูลหลงยังคงนั่งอยู่ตำแหน่งผู้นำ ลุงใหญ่และอาหญิงประกบข้าง ทว่าครั้งนี้เขากลับพบว่าลุงสองหลงจ้านถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว
ผ่านเื่ราวครั้งก่อน เมื่อสายตาของหลงเหยียนหันมาประสานกันกับหลงจ้าน เขากลับก้มหน้าลง คาดว่า่เวลาที่ถูกขังในคุก เขาคงคิดหลายอย่างจนปลงแล้ว
พวกเขาต่างก็นั่งอยู่ข้างผู้าุโ ส่วนบิดานั้นนั่งข้างผู้นำตระกูลเซียวอีกโต๊ะหนึ่ง ส่วนด้านล่างก็คือคนรุ่นหลังในตระกูลหลง สำหรับกิจกรรมนี้ ทั้งสองตระกูลให้ความสำคัญเป็อย่างมาก ก่อนคนจากทั้งสองตระกูลจะออกเดินทาง ยังมีงานประลองเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มจากสองตระกูล เพราะเวลาไม่เพียงพอจึงทำให้กิจกรรมนี้ถูกยกเลิกไป
หลงเหยียนกวาดตามองรอบข้าง คนเหล่านี้ล้วนเป็ตัวแทนพละกำลังจากเมืองัแล้ว โดยเฉพาะผู้าุโแห่งตระกูลหลงและลุงใหญ่หลงห้าว คนหนึ่งมีพลังระดับชีพัขั้นที่เก้าสูงสุด ส่วนอีกคนมีพลังขั้นที่เก้ากลาง
ส่วนผู้นำแห่งตระกูลเซียว เซียวหยุนเหว่ยและเซียวกงเป้าก็มีพลังขั้นที่เจ็ดเหมือนกัน หากเปรียบเทียบกันแล้วก็ถือว่าสูสี แต่เพราะผู้าุโแห่งตระกูลหลงแตะขั้นที่เก้าสูงสุดแล้ว ตระกูลหลงจึงได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อย
ระหว่างเด็กหนุ่ม ทางด้านตระกูลหลงเรียงลำดับพลังตามนี้ หลงเหยียน หลงอวี่ซี หลงเซ่าโหยว และหลงห่าวเทียน รองลงมาก็คือหลงหยุนฉี หลงอวี่หยาง และคนอื่นๆ ...
แต่ก่อนเริ่มการแข่งขัน สายเืตระกูลหลงที่ตระเวนอยู่ด้านนอกก็กลับมาแล้วเช่นกัน
เขาชื่อว่าหลงป้าเทียน เป็หลานชายของญาติทางผู้าุโแห่งตระกูล แต่เพราะวงศ์เครือญาติกว้างมากจึงจำไม่ได้แล้วว่าอยู่ลำดับใดคนส่วนใหญ่แทบลืมเขาแล้วด้วยซ้ำ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังรู้จักเขา
ตอนที่หลงป้าเทียนออกจากตระกูลหลงอู่ ได้ยินมาว่าเขามีพละกำลังสูงกว่าหลงอวี่ซีมากโข ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขามีพลังระดับใด เมื่อผู้าุโเห็นเขาก็ดีใจมาก ใบหน้าประกายรอยยิ้มแห่งความยินดี
“ป้าเทียน มานั่งข้างปู่นี่สิ!”
เมื่อหลงเหยียนเห็นแล้วก็อดสะอิดสะเอียนไม่ได้ เมื่อนานมาแล้ว เขาถูกเรียกว่าเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหลง พร์ของเขาล้ำกว่าหลงอวี่ซีไม่น้อย เป็อันดับหนึ่งที่ทุกคนยอมรับ แม้กระทั่งหลงอวี่ซีเจอเขายังต้องเรียกว่าพี่เทียน
ในเมืองั ตระกูลหลงมีหลงป้าเทียน ตระกูลเซียวมีเซียวเชียนมั่ว พวกเขาทั้งสองคือยอดฝีมืออายุน้อยที่สุดในเมืองั
นึกไม่ถึงว่าวันนี้เขาก็กลับมาด้วยเช่นกัน มีหรือที่ผู้าุโจะไม่ดีใจ อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มความหวังให้ตระกูลหลงมากขึ้น
หลงเหยียนรู้สึกถึงแรงกดดัน โดยเฉพาะตอนที่หลงป้าเทียนหันมาเจอเขา
แววตานั้นดุร้ายจนหลงเหยียนชะงักอยู่กับที่...
“เ้าหมอนี่ไม่ชอบขี้หน้าข้าอย่างเห็นได้ชัด”
ไม่นานผู้าุโตระกูลหลงก็เรียกหลงเหยียนเข้าไปหา “เหยียนเอ๋อ เ้าก็มานั่งนี่สิ คิดว่าพวกเ้าควรทำความรู้จักกันเสียหน่อยตามอายุแล้วป้าเทียนอายุมากกว่าเ้าสามปี ถือเป็พี่ชายเ้า”
หลงเหยียนลุกขึ้นยืนอย่างมีมารยาท “พี่เทียน ได้ยินว่าหลายปีมานี้ท่านสร้างเื่น่าประหลาดข้างนอกไม่น้อย หากมีเวลา ช่วยเล่าเื่ภายนอกให้ข้าฟังได้หรือไม่”
หลงป้าเทียนเงยหน้าขึ้น ท่าทางแลดูทะนง เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “นี่เ้าคงนึกว่าตัวเองถูกยกระดับขึ้นมาแล้วหรือ ข้าได้ยินมาว่าในงานประลองยุทธ์ เ้าทำให้น้องหลงอวี่ซีาเ็หรือ?”
“กึก!” หลงเหยียนผงะไป กำหมัดแน่น
‘เ้าหมอนี่ไม่เป็มิตรกับข้าอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย มีอคติกับข้า...’
หลงเหยียนใช้ิญญาัััพลังิญญาของเขาแต่กลับไม่อาจรู้ได้
หลงเหยียนมั่นใจว่าเ้าหมอนั่นต้องมีพลังระดับชีพัขั้นที่เจ็ดสูงสุดแล้ว หรืออาจถึงขั้นที่แปด
เมื่อนึกว่าหากตนใช้วิชากายธาตุพลัง พลังปราณเพิ่มขึ้นสิบเท่า บางทีอาจสู้กับเขาได้
หลงเหยียนไม่เกรงกลัว ลุกขึ้นยืนจ้องตากับเขาต้องหน้าผู้ใหญ่ทุกคนในตระกุลหลงอู่
“หลงป้าเทียน ฟังจากน้ำเสียงแล้ว เหมือนเ้ากำลังข่มขู่ข้า อย่านึกว่าข้าเรียกเ้าว่าพี่ชายแล้วเ้าจะผยองลืมฐานะตัวเองไป?”
“ฟึ่บๆๆๆ!” ครั้งนี้ ทุกคนมองหลงเหยียนด้วยแววตาตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น? หลงเหยียนบ้าไปแล้วหรือ นี่เขากล้าพูดกับพี่เทียนด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ได้อย่างไร”
คนที่ใยิ่งกว่าคือตัวของหลงป้าเทียนเอง เมื่อก่อนเขารังแกหลงเหยียนไม่น้อย แต่วันนี้เ้าหมอนี่กลับใช้น้ำเสียงเช่นนี้คุยกับตน ช่างไม่เจียมเนื้อเจียมตัว
เดิมทีนึกว่าหลงป้าเทียนจะโมโห ทว่าเขากลับเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง
เขาพยักหน้าให้หลงเหยียน “ไม่เลว ไม่เลวเลย ตอนนี้เสี่ยวเหยียนโตแล้ว กล้าพูดเสียงดังกับข้าแล้ว แต่ที่ข้ากลับมาในวันนี้เพราะช่วยตระกูลในการแข่งขัน มีหรือจะถือสาคนปลายแถวอย่างเ้า”
--------------------