ย้อนเวลากลับมาเป็แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%
Chapter 4
/
บอร์ดเกมที่ส่งตรงมาจากต่างประเทศ ถูกเทลงบนพื้นพรมโดยที่มีชายหนุ่มสามคนนั่งลงบนพื้นพรมล้อมรอบ—แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างฟากและแบร์ดูเอ็นจอยเสียจนยกมือถือขึ้นมาถ่ายเป็รอบที่เท่าไรก็ไม่อาจทราบได้ แตกต่างจากเ้าของห้องทั้ง ๆ ที่เป็ฝ่ายกดสั่งมาแท้ ๆ แต่ไม่ยักจะออกอาการตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย...
“เป็ไรวะ” แบร์ที่ไม่ชอบบรรยากาศน่าอึดอัดเท่าไรนัก เอ่ยถามเพื่อนสนิทที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาจนเขานึกห่วง
“จานินไม่ตอบข้อความกู” ลมหายใจหนักหน่วงถูกพ่นออกมาเมื่อพูดถึงปัญหาที่ตัวเองกำลังเผชิญ เมื่อก่อนแซคเกลียดการรัวแชตเป็ที่สุดทว่าบัดนี้นั้น เขากำลังทำในสิ่งที่ตัวเองเกลียดโดยการกดส่งข้อความหาคนรักทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าจานินกดอ่านแค่เพียงบับเบิ้ลแรกที่เขาถามว่า ‘ถึงหรือยัง’ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมกดเข้ามาอ่านอีกเลย
“อาฮะ แล้ว?”
“จานินสัญญาว่าตอบข้อความกูทุกครั้ง แล้วมึงดูตอนนี้ดิ” ว่าเท่านั้นไม่พอ แซคยังชูหน้าจอแชตที่มีข้อความของเขาเป็ส่วนใหญ่ให้กับเพื่อนสนิททั้งสองดูเพื่อเป็หลักฐานประกอบกับคำพูด
“ไม่ว่างหรือเปล่า” แบร์พยายามปลอบแต่อีกใจนึงก็นึกแปลกใจเพราะั้แ่คบกันมาเขาไม่เคยเห็นมันกระวนกระวายเท่านี้มาก่อน
“มันไม่เกี่ยวกับว่างหรือไม่ว่าง ประเด็นคือจานินกำลังผิดสัญญากับกูไง”
“พูดดี ๆ อย่าพาล” ฟากที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่นานเอ่ยปรามเ้าของห้องด้วยน้ำเสียงเข้มก่อนจะเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจเพราะอยู่ ๆ ไอ้คนที่มีอีโก้สูงเฉียดฟ้าก็เอ่ยปากขอโทษพวกเขาราวกับทำมันเป็ปกติ
“กูขอโทษ”
“ไม่เป็ไรเว้ยมึง ขำขัน ฮ่า ๆ” แบร์ทำหน้าเหลอหลาเอ่ยแก้ไขสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงกุกกัก จากนั้นจึงเอื้อมมือไปตบไหล่เพื่อนสนิทที่ิญญาเปรตน่าจะออกจากร่างแล้วเป็ที่เรียบร้อย
ฝากทุกท่านแคปประโยคเมื่อกี้ทีนะครับ จะเอาไปแปะฝาบ้าน
“เฮ้อ พูดปัญหาของมึงมาตามตรงเลยดีกว่า สรุปเป็ห่าอะไรพวกกูจะได้ให้คำปรึกษาถูก” ั้แ่รู้จักกันมานี่เป็เพียงไม่กี่ครั้งที่สามหนุ่มเพศรองอัลฟ่าหันหน้าปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด...
“กู...กูรู้สึกว่าจานินไม่ได้รักกูแล้ว” น้ำเสียงที่เคยมั่นคงกลับสั่นไหวยามเอ่ยถึงใครบางคนที่ดูห่างเหินกันไปทุกทีและหากมันเป็เช่นนั้นจริง ๆ แซคจะโทษใครได้นอกเสียจากตัวเองที่มีรักดี ๆ แต่กลับไม่มีปัญญารักษามัน
“คิดมาก ถ้าจานินไม่รักมึง มันคงบอกเลิกมึงไปนานแล้วไม่ทนอยู่อย่างนี้หรอก” คำปลอบโยนของแบร์ทำให้ใจเขาชื้นขึ้นเพียงเล็กน้อย—ทว่ามันก็เพียงแค่เล็กน้อยเพราะแซครู้ดีอยู่แก่ใจว่าเหตุใดจานินถึงไม่ไปจากกัน
ไม่ใช่เพราะเต็มใจแต่เป็การจำใจต่างหาก
“แต่ถ้าจานินหมดรักมึงแล้วจริง ๆ มึงก็ควรดีใจมากกว่าจะมานั่งกังวลปะวะ” ฟากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ราวกับพูดคุยเื่ดินอากาศ แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดของตัวเองนั้นดันไปกระตุกหางของใครบางคนเข้า
“มึงหมายความว่าไง แล้วทำไมกูจะมานั่งดีใจกับเื่ที่กูกลัวที่สุดด้วยวะ” แซคเอ่ยเสียงสั่นพยายามระงับอารมณ์อย่างสุดขีด มันตั้งใจมาปั่นเขารู้และแซคก็ยังเป็หมาบ้าตัวเดิมที่มักจะเดินลงหลุมพรางของมันเสมอ...
“อะไร ไม่ใช่ว่ามึงไม่รักจานินแล้วเหรอ”
“...”
“หรือกูเข้าใจอะไรผิดไป?”
“กูรักจานิน ถ้ามึงไม่รู้เหี้ยอะไรก็หุบปากไป” แซคมือสั่นเทาด้วยความโมโห ไอ้เหี้ยนี่แม่งเป็ใครถึงกล้ามาตัดสินว่าเขาไม่ได้รักจากนินแล้ว—
“ถุ้ย! รักเหี้ยอะไรแอบไปเอากับคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน”
“...”
“มึงเถียงมาดิ...ควาย ถ้ามันหมดรักมึงก็ไม่แปลกหรอก ทำตัวเหี้ยขนาดนี้ใครจะไปทนมึงได้” มือหนาลูบหน้าตัวเองแรง ๆ หนึ่งทีเพื่อระงับโทสะ ฟากเกลียดการนอกใจและแม่งโคตรย้อนแย้งที่เขาดันคบเพื่อนที่มีสันดานแบบนี้อยู่ เตือนก็ไม่รู้จักฟังเชิญตายห่าคาอีโก้มึงเถอะไอ้เศษสวะชาติหมา
“สัดฟาก ใจเย็นดิ๊ มึงจะใส่อารมณ์เพื่อ?”
“ก็ดูมันทำตัว”
“คนเรามันก็ต้องผิดพลาดกันบ้าง มึงจะให้มันดีั้แ่เกิดยันตายก็ไม่ใช่ปะวะ” ทุกครั้งที่ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด ไอ้ฟากจะหัวร้อนด่ากราดเสมอเพราะแม่งเป็เด็กมีปม ส่วนไอ้แซคถ้ามีคนเปิดมันก็สวนกลับอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมต่างจากตอนนี้ที่นั่งสงบเสงี่ยมไม่อ้าปากเถียงสักคำ
“เดี๋ยวมา” มือหนาคว้า Marlboro ที่วางอยู่ใกล้มือพร้อมกับไฟแช็กติดตัวไป และไม่ลืมที่หยุดมองเ้าของห้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมหายใจแล้วเอื้อมมือไปผลักหัวมันแรง ๆ หนึ่งที
แน่จริงมึงลุกมาด่ากูสิ ซึมเหมือนหมาแบบนี้ใครมันจะไปชิน
“มึงอย่าไปสนใจคำพูดไอ้ฟากมันเลย สำหรับกู มึงดีที่สุดแล้วเพื่อน” เมื่อเหลือกันเพียงสองคน แครี่ของกลุ่มอย่างแบร์ก็เอ่ยปลอบเพื่อนพร้อมกับลอบมองสีหน้าของมันไปด้วย งงแตกไปเลยดิผม ปกติมันด่ากลับแล้วไอ้การนั่งก้มหน้าหุบปากนี่แม่งโคตรจะไม่ใช่นิสัย
“...”
“เดี๋ยวกูด่ามันให้ มึงอย่าโกรธมันเลยนะ มีกันอยู่แค่นี้ดี ๆ กันไปเถอะ”
“อะไร กูไม่ได้โกรธ กูแค่กำลังคิดตามคำพูดของมันอยู่” แซคเอ่ยพร้อมกับเงยหน้ามอง
เพื่อนสนิทด้วยสีหน้าจริงจัง ยอมรับว่าเขาก็เป็มนุษย์คนหนึ่ง มันก็...อาจจะมีบ้าง แต่เมื่อตั้งสติได้แซคก็พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนตั้งใจจะสื่อก่อนจะพบว่าไม่มีเหี้ยอะไรเลยเพราะมันตั้งใจด่ากูล้วน ๆ
พี่รู้ พี่มันเลว แต่กำลังกลับตัวอยู่นี่ไง :- (
“ให้แน่นะมึง”
“เออ”
“...”
“...”
“นี่ ไอ้แซค ถ้ากูถามไรไปมึงจะโกรธกูปะ” มันโกรธแน่แต่แบร์แค่อยากจะถามลองเชิงไปงั้น
“ถามมาเหอะ ไม่โกรธหรอกแต่กูจะตอบเท่าที่อยากตอบนะ”
“ได้...เมื่อกี้ที่มึงบอกว่ารักจานินน่ะ มึงแน่ใจแล้วเหรอ คือกูไม่ได้จะตัดสินหรืออะไรนะ กูแค่สงสัยเพราะการกระทำของมึงมันโคตรจะสวนทางกับคำพูด” แบร์อยู่ท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกมันั้แ่เริ่มจีบ คบกันและใกล้จะเลิกรา เพราะฉะนั้นเขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ทุกอย่างเหมือนกัน
“กูไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้นมันเป็ความรักรูปแบบไหน แต่อย่างเดียวที่กูรู้ในตอนนี้คือกูรักจานิน รักมากจนหวาดกลัวไปหมด...”
“...”
“มึงอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดที่กูพูด แต่แบร์...กูรักจานินจริง ๆ นะ รักจนกูคิดว่าถ้าหากต้องเสียเขาไปอีกครั้งใจกูต้องสลายแน่ ๆ” ใช่ แบร์น่ะไม่เข้าใจในสิ่งที่ไอ้แซคตั้งใจจะสื่อหรอก แต่ในฐานะเพื่อนที่กำลังเห็นมันร้องไห้ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตบบ่า และลบทุกข้อครหาออกจากใจ
“ถ้ารักขนาดนั้นก็กลับไปทำให้มันเชื่อใจดิ...”
“...”
“เชื่อใจว่ามึงจะไม่ทำทุกอย่างพังเป็ครั้งที่สอง”
50%
เวลาราว ๆ สี่โมงเย็น คนที่ได้ทั้งกำลังใจและคำด่าทอจากเพื่อนสนิทอย่างล้นหลาม ส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอระหว่างลวกเส้นสปาเก็ตตี้ที่ซื้อติดบ้านเอาไว้หลายถุง เพราะนอกจากไข่เจียวแล้วก็มีสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศนี่แหละที่จานินกินเป็ประจำเพราะทำค่อนข้างง่าย
ก็แหงล่ะ จะไม่ง่ายได้ไงก็คุณใช้ผมทำนี่ :- (
เส้นสีเหลืองที่เหนียวนุ่มกำลังดีถูกตักใส่ทัพเพอร์แวร์ขนาดกลางก่อนจะตามด้วยการราดน้ำซอสมะเขือเทศหมูสับลงไปเป็อันดับสุดท้ายก่อนจะปิดฝาลง
เพราะรถยนต์ส่วนตัวเขาให้จานินเอาไปขับ แซคจึงต้องใช้บริการรถแท็กซี่ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะกดส่งข้อความหาคนรักเป็ระยะ ๆ แต่ทว่าก็ไร้การตอบกลับอีกเช่นเคย—ยัยคนนี่งอนเก่งมาก! งอนนานยิ่งกว่ามาสคาร่าอีก!
“วันนี้รถติดนะครับ” แซคเอ่ยปากชวนคุณลุงคนขับพูดคุยตามประสาหนุ่มหล่ออัธยาศัยดี โดยที่สายตายังคงมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อเก็บภาพตึกรามบ้านช่องในตอนที่ยังไม่พัฒนา
หากจำไม่ผิดสลัมตรงนั้นจะถูกนายทุนกว้านซื้อที่ดินเพื่อสร้างเป็ห้างสรรพสินค้าในอีกไม่กี่ปีถัดมาและแน่นอนว่าจะเกิดการประท้วงต่าง ๆ นา ๆ เพราะตาสีตาสาชาวบ้านธรรมดาถูกไล่ที่อย่างไม่เป็ธรรม
“มันก็ติดทุกวันนั่นแหละคุณ ต่อให้เสียเงินขึ้นทางด่วนก็ติดเหมือนเดิม”
“ฮ่า ๆ ก็จริงครับ”
“แล้วนี่จะออกไปไหนล่ะ ปกติเวลานี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยออกจากบ้านกันหรอกนะ” ครานี้คุณลุงเป็ฝ่ายถามกลับและแซคก็ยินดีที่จะตอบอย่างภาคภูมิใจว่ากำลังจะเอากล่องข้าวไปส่งให้เมีย
“เอามื้อเย็นไปส่งให้แฟนน่ะครับ วันนี้เขาทำงานดึก”
“อ้าว ไม่ให้แกร๊ปไปส่งแทนล่ะคุณ จะเสียเวลานั่งรถกลับไปกลับมาทำไม”
“ไม่เสียเวลาหรอกครับ แค่ได้เจอหน้าเขาก็คุ้มแล้ว”
มิตรภาพระยะสั้นของลูกค้าและพนักงานขับรถจบลงเพียงเท่านี้ เมื่อสองเท้าของร่างสูงใหญ่เหยียบลงหน้าตึกพาณิชย์ ที่มีบริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งทำสัญญาเช่าแบบรายปีเพื่อเปิดเป็ออฟฟิศขนาดย่อมใจกลางเมือง
แซคสาวเท้ายาว ๆ ไปนั่งรอที่ป้อมยามเพราะประชาสัมพันธ์ชั้นล่างมีเพียงพนักงานเท่านั้นที่จะสามารถเดินเข้าออกได้—แซคหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดโทรหาคนรักแต่ทว่าสิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงรอสายก่อนจะถูกตัดไปในที่สุด
ร่างสูงทั้งกดโทรและส่งข้อความอยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับ แซคจึงปลอบใจตัวเองด้วยการคิดว่าจานินอาจจะยุ่งจนไม่ว่างรับสายหรืออีกฝ่ายอาจจะลืมเปิดการแจ้งเตือนเพราะฉะนั้นอดทนนั่งรออีกหน่อยคงไม่เป็ไร...
“แฟนยังไม่มาเหรอน้อง” พนักงานรักษาความปลอดภัยชะโงกหน้าออกมาถามอย่างนึกเป็ห่วง เพราะเขาเห็นไอ้หนุ่มนี่นั่งรอั้แ่ห้าโมงกว่าจวบจนจะสองทุ่มในอีกไม่ช้าก็ไม่ยักจะเห็นแฟนอีกฝ่ายลงมาหาสักที ไม่ใช่ว่าถูกปล่อยให้รอเก้อหรอกนา :- (
“ยังเลยครับ แต่อีกสักพักก็น่าจะมาแล้ว” เสียงของแซคแกว่งเล็กน้อยด้วยความไม่มั่นใจ หากเป็เมื่อก่อนเขาคงหนีกลับห้องั้แ่ห้านาทีแรก ไม่เสียเวลามานั่งรออย่างไร้จุดหมายเป็เวลาหลายชั่วโมงเช่นนี้หรอก
แม่ง เหมือนเป็เวรกรรมเลยว่ะ เพราะเมื่อก่อนเขาก็เคยทิ้งจานินให้นั่งรอแบบนี้เหมือนกัน
‘ถ้าไม่มาก็โทรบอกดิ จะได้ไม่ต้องรอ’
‘ก็มาแล้วนี่ไง เธอจะบ่นอะไรนักหนาวะ แซคผิดเองที่ลืมนัดแต่เธอเรียกรถกลับเองก็ได้ปะ ไม่ใช่มานั่งรอแล้วชวนทะเลาะแบบนี้’
จานินไปดูงานที่ต่างประเทศและแซคสัญญาว่าจะไปรับที่สนามบิน แต่เขาดันลืมเลยปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งรอั้แ่บ่ายจนใกล้พลบค่ำ จานินจะเรียกให้รถมาส่งก็ได้แต่ทว่าเ้าตัวไม่ทำเพราะกลัวว่าถ้าเขามาแล้วเราจะคลาดกัน และตอนนี้แซคก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่
“เอานี่ ยากันยุง”
“ขอบคุณครับ” มือหนารับซองขนาดเล็กมาถือเอาไว้ ดวงตาคมก็สอดส่ายไปทั่วบริเวณด้วยความรู้สึกวูบโหวง...
รถยนต์ญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ขับเข้ามาในบริษัทเวลาเกือบสามทุ่ม เสียงพูดคุยเฮฮาของคนบนรถเรียกรอยยิ้มจากร่างบางที่กำลังมีสีหน้ากังวลได้เป็อย่างดี—วันนี้ทั้งวันแซคพยายามติดต่อมา แต่จานินเลือกที่จะเมินเฉยไม่ตอบโต้เพราะคิดว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงเบื่อแล้วเลิกพยายามไปเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดเพราะในจังหวะที่รถกำลังจะชะลอเพื่อจอดหน้าป้อมยาม ดวงตากลมเหลือบเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยซึ่งกำลังนั่งตบยุงอยู่เนือง ๆ อย่างน่าสงสาร
“เฮ้ย! จะลงไปไหน” พายใรีบคว้าแขนเรียวของคนตัวเล็กเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพุ่งลงจากรถทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ทันจอดสนิทเลยด้วยซ้ำ
“แซค...แซคมา” ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางที่ดึงข้อมือออกจากการเกราะกุม ก่อนจะรีบวิ่งลงจากรถไปยังศาลาข้างป้อมยามเล็ก ๆ ด้วยท่าทีร้อนรน...พายสบถเบา ๆ ในลำคออย่างนึกเจ็บใจก่อนจะเหยียบคันเร่งออกตัวอย่างแรงจนเพื่อนร่วมทางที่อยู่เบาะหลังร้องโวยวายว่าเขาขับเหี้ยอะไรอย่างนี้
เมื่อตัวร้ายอย่างมันกลับมามีบทบาทพระเอกอย่างเขาก็ต้องหลบไปหลังฉากน่ะถูกแล้ว
กลิ่นฟีโรโมนที่คุ้นเคยบวกกับเสียงหอบหายใจทำให้คนที่นั่งมองปลายเท้าตัวเองอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อพบว่าคนที่ตัวเองนั่งรอมาหลายชั่วโมงปรากฏอยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาที่ตระเต็มไปด้วยคำถามถึงการมาของเขา
“เธอไปไหนมา”
“ไปกินข้าว ล...แล้วเธอมานี่ได้ไง”
“พอดีแซคทำสปาเก็ตตี้มาให้เพราะคิดว่าเธอคงยังไม่ได้กินอะไร”
“...”
“แต่ไม่เป็ไร เดี๋ยวแซคกินเองก็ได้...ไป—ไปก่อนนะครับ” อัลฟ่าหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าหล่อยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกฝืนทนแค่ไหนก็ตาม
“อ้าวน้อง รอตั้งหลายชั่วโมงแฟนมาแล้วเหรอ”
“ครับ ยังไงผมกลับก่อนนะพี่ สวัสดีครับ” แซคเตรียมจะเดินไปเรียกแท็กซี่แต่ทว่าถูกมือเรียวรั้งชายเสื้อเอาไว้เสียก่อน ร่างสูงสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนรักที่กำลังหน้าเสียอยู่เต็มประดา
ปึก!
“แย่มากเลยแซค ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรวะ” กำปั้นหนัก ๆ ฟาดลงบนอกแกร่งหลายสิบทีจนคนที่กำลังทำตัวเป็กำแพงมีชีวิตอยู่นั้นคว้ามือเรียวที่เริ่มขึ้นสีแดงก่ำจากการออกแรงทุบมากุมเอาไว้อย่างทะนุถนอม
“มือแดงหมดแล้วที่รัก”
“...”
“เจ็บไหม แซคเป่าให้นะ” การกระทำที่ตระเต็มไปด้วยความอ่อนโยนล้วนตกอยู่ในสายตาของจานินทั้งสิ้น—หมาโง่ ถ้ารอแล้วยังไม่มีคนมาก็ควรกลับไปั้แ่แรกสิจะนั่งรอต่อไปอีกทำไม หรือไม่ก็สาดคำพูดแรง ๆ ให้สาแก่ใจไม่ใช้ยิ้มรับทั้ง ๆ ที่กำลังปวดใจขนาดนี้
/
หลังจากที่กลับขึ้นไปยังชั้นสิบห้าเพื่อหยิบกุญแจรถและสมาร์ทโฟนที่ถูกวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะทำงานอย่างไม่ใส่ใจ จานินก็กดลิฟท์ลงมายังชั้นลานจอดรถซึ่งมีคนรักยืนรออยู่แล้วก่อนหน้านี้
“เดี๋ยวแซคขับให้” เป็ประโยคแจ้งให้ทราบเพราะทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบกุญแจรถยนต์ที่เคยอยู่ในมือก็ถูกคนรักคว้าไปแทบจะทันที
จานินนั่งบนเบาะข้างคนขับ เขาเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าแซคต้องขับรถเร็วแน่ ๆ เพราะทุกครั้งยามทะเลาะกันหรือโมโหใครมาอีกฝ่ายมักจะทำตัวตีนผีผิดกับครั้งนี้ที่ความเร็วยังคงอยู่ในระดับกลาง ๆ จนจานินนึกแปลกใจ...
“จอดตรงสวนสาธารณะข้างหน้าแป๊บนึงได้ไหม” แซคไม่ได้ตอบอะไรเขาทำเพียงตบไฟเลี้ยวก่อนจะขับวนไปจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ตามประสงค์ของคนรัก
“เปิดกระจกให้หน่อยได้ไหม”
“ครับ”
ทันทีที่บทสนทนาถูกตัดจบ ร่างบางก็ใช้ช้อนส้อมม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากอย่างเต็มคำทั้ง ๆ ที่กระเพาะอาหารแทบจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว...จานินฝืนกลืนมันลงคอจนน้ำตาไหลพรากเพราะรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากจะอาเจียนออกมาแต่ทว่าก็ต้องอดทนไว้เพราะไม่อยากให้คนข้างกายช้ำใจไปมากกว่านี้
“พอแล้วครับ”
“...”
“ที่รัก ไม่ต้องกินแล้ว”
“ฮึก เราขอโทษ” น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลรินออกมาเป็สายเมื่อคนข้างกายเอื้อมมือมาลูบศีรษะกันอีกทั้งยังกล่าวปลอบประโลมว่าไม่เป็ไรซ้ำไปซ้ำมา
“คายออกมาครับ ไม่ต้องกินแล้ว” มือหนาขยับมาใกล้ริมฝีปากส่วนมืออีกข้างก็ลูบแผ่นหลังบางที่สั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น—จานินมองการกระทำของคนรักอย่างแปลกใจแต่กระนั้นก็ยอมคายเศษอาหารใส่ฝ่ามือที่บรรจงรองรับอย่างไม่นึกรังเกียจ...
แซคไม่ได้แสร้งทำ กลับกันอีกฝ่ายทำมันด้วยใจยินดี
ร่างสูงนั่งยอง ๆ กับพื้นหญ้าก่อนจะเทน้ำเปล่าใส่ฝ่ามือเพื่อทำความสะอาด โดยหารู้ไม่ว่าทุก ๆ การกระทำของตนเองนั้น ล้วนตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่ยืนจดจ้องมาสักพักใหญ่ ๆ
“เดี๋ยวช่วย” น้ำเสียงแหบพร่าเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เอ่ยเรียกชายหนุ่มให้หลุดจากภวังค์ก่อนจะทิ้งตัวนั่งเบียดกายแล้วใช้ทิชชูเปียกเช็ดทำความสะอาดฝ่ามือหนาอย่างเชื่องช้าและตั้งใจ
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น คนทั้งคู่ก็กลับเข้ามานั่งในรถ โดยต่างคนต่างเลือกที่จะเงียบเพื่อทบทวนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้จะพังเต็มที—หลายวันที่ผ่านมานี้ ใช่ว่าจานินจะไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของคนรัก เขาเห็นหมดทุกอย่าง ทั้งแววตา วาจาและการกระทำ
ช่างเป็แซคที่จานินไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
“แซค” โอเมก้าตัวหอมเลือกที่จะเปิดบทสนทนาเมื่อฉุกคิดได้ว่ากำลังปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่า ๆ ร่างสูงเหม่ออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เพียงแค่ครู่หนึ่งเท่านั้นเพราะทันทีที่รู้สึกตัวใบหน้าที่แสนเหนื่อยล้าก็หันมาตอบรับเขาด้วยน้ำเสียงแ่เบาจนน่าใจหาย
“ครับ”
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอ”
“ไม่เป็ไรครับ แซครอได้” ยี่สิบปีก็รอมาแล้ว กะอีแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันคงไม่เกินใจหรอก
“...”
“...”
“เธอโกรธเค้าไหม”
“แซคไม่กล้าโกรธที่รักหรอก แต่แซคน้อยใจได้ไหมหรือถ้าขอมากไปแซคเสียใจนิดเดียวก็ได้” เขาตอบเสียงสั่นและยิ่งรู้สึกมากไปกว่านั้นเมื่อเ้ายอดดวงใจใช้สองมือประคองใบหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกัน
“อย่าร้อง...”
“เมื่อก่อนแซคไม่เคยรู้เลยว่าทำไมเื่แค่นี้เธอต้องโกรธ ต้องเสียใจ จน...อึก จนแซคได้เจอมันด้วยตัวเอง โคตรเจ็บหัวใจเลยที่รัก—แซคไม่กล้าโกรธ ไม่กล้ารู้สึกน้อยใจเพราะมันเป็สิ่งที่แซค ฮึก สมควรได้รับ”
“...”
“ขอโทษนะครับ กับเื่ที่ผ่านมา ธ...เธอไม่ต้องให้อภัยแซคแล้ว เธอจะเอาคืนหรือทำอะไรก็ได้ แซคยอมทุกอย่าง อึก ยอมเธอทุกอย่างจริง ๆ” ร่างสูงพรั่งพรูความรู้สึกออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างไม่ขาดสาย
ระหว่างเรามันบอบช้ำจนเกินเยียวยา บางที่การย้อนเวลากลับมาอาจจะเป็การตอกย้ำกลาย ๆ ว่าต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
เลิกรา
คะนึงหา
และดับสูญ
Tbc
คอมเมนท์, #แซคจานิน
สวัสดีค่าทุกคน นกเองนะคะ แฮะ ๆ แบบว่า ่นี้เป็ไงบ้างคะ สุขภาพจิตสุขภาพกาย ดีเยี่ยมมุ้ย
่นี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แม่สาวภูมิแพ้ก็คือจามจนจมูกพัง รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
พาตัวเองไปกินของแส่บ ๆ นอนให้เพียงพอ แล้วก็ ขอให้มีวันเวลาที่ดีค่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้