สายตาของเว่ยซูหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของเหยียนชิง ชาติที่แล้ว่เวลาที่เขามีโอกาสได้เข้าใกล้เหยียนชิง ส่วนใหญ่ก็จะต้องดื่มเหล้าจนเมา เว้นแต่ว่าจะใจเย็นลงถึงจะยอมให้คนเข้าใกล้
ชาติที่แล้ว ก่อนที่จะหลุดพ้นจากเดรัจฉานอย่างหยียนิฮ่วน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคือพี่เขยและน้องชายสามี หลังจากหลุดพ้นจากเหยียนิฮ่วนแล้ว พวกเขาก็ได้พบกันในราชสำนักในฐานะเพื่อนร่วมงาน เขาเป็แม่ทัพ เหยียนชิงเป็ราชครูขององค์ชาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคบค้าสมคมกันมากนัก
จนกระทั่งตระกูลเหยียนถูกปะาทั้งตระกูล สุดท้ายวันนั้นก็เหลือแต่เหยียนชิงเป็สหายใต้แสงตะเกียง พวกเขาจึงได้รู้จักกันมากขึ้น... อย่างไรก็ตาม สุดท้ายโชคชะตานั้นก็ตื้นเขิน หลังจากสามปีของการไว้ทุกข์ให้กับตระกูลเหยียน เหยียนชิงฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ ่เวลาสุดท้ายของชีวิต เหยียนชิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทว่าน่าเสียดายที่มันเป็ครั้งสุดท้าย
หลังจากนั้น เขาก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรง ปลดเปลื้องภาระหน้าที่ต่างๆ แล้วกลับคืนสู่ผงธุลี เขาท้อแท้และสิ้นหวัง สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้ตระกูลเหยียนได้ เขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตระกูลเหยียนถูกใส่ร้าย... มันช่างน้าเศร้า
“แค่กแค่ก... ข้าเมานิดหน่อย เ้ากินอะไรรองท้องแล้วก็พักผ่อนเถอะ ต่อไปพวกเราก็เป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว ข้าจะให้คนรู้ความคอยปรนนิบัติเ้า”
หลังจากดื่มสุราเสร็จ เหยียนชิงจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก
เว่ยซูหานวางแก้วเหล้าลง แล้วรีบตามไปคว้าแขนของเขาเอาไว้
“นี่เป็คืนร่วมหอ เ้าจะไปที่ใด? ในเมื่อทำเพื่อศักดิ์ศรี เช่นนั้นก็ทำให้จบโดยสมบูรณ์เถิด”
เว่ยซูหานมีมือที่แข็งแรงมาก อย่างไรเสียก็เป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ อายุยี่สิบปี รูปร่างหน้าตาค่อยๆ กลายเป็ผู้ใหญ่ แต่เหยียนชิงอายุสิบเจ็ดปีเป็เพียงบัณฑิตหน้าขาวที่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะมัดไก่ยังทำไม่ได้ จะต่อกรกับเขาได้อย่างไร หลังจากดิ้นรนอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่หลุดพ้น จึงได้แต่พูดกับเขา
“บุรุษสองคนจะมาร่วมหออะไรกัน ข้าไม่เข้าใจเื่พวกนั้นหรอก... อีกอย่าง ข้าก็แค่แต่งเ้าเข้าจวนแทนพี่ชายข้า ประเพณีขั้นตอนที่ยุ่งเหยิงพวกนี้ไม่จำเป็ต้องใส่ใจ และเ้าก็ไม่จำเป็ต้องทำเื่ที่น่าอึดอัดใจพวกนี้...คิดเสียว่าตระกูลเหยียนเป็บ้านของเ้า แต่อย่าคิดว่าเ้าเป็ชายาของข้า”
เขายังบริสุทธิ์ เขาไม่ใช่เหยียนิฮ่วน ไม่มีทางป่าเถื่อนเยี่ยงเดรัจฉานเหยียนิฮ่วนผู้นั้น เขาเพียงแค่อยากปกป้องเว่ยซูหาน การอยู่ในตระกูลเหยียนที่จะกลายเป็ศัตรูตัวร้ายในอนาคต มันน่าขำใช่หรือไม่ แต่มันก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น
อีกอย่าง ด้วยความแตกต่างทางกายของเขากับเว่ยซูหาน มีบางอย่างที่เขาก็อยากช่วยแต่ก็ไม่มีความสามารถพอจะทำได้ อืม เขาทำไม่เป็ แม้ว่าเขาจะเป็คนสองชาติ แต่ทักษะด้านนี้ของเขานั้นว่างเปล่า
เว่ยซูหานยังคงไม่ยอมปล่อยมือ จ้องเขม็งอยู่เช่นนั้น เพราะความมึนจากฤทธิ์เหล้าจึงทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้า เขาแทบอดใจไม่ไหวอยากจะคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอด แต่ว่า เขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเดี๋ยวจะทำให้อีกฝ่ายใ เขาในตอนนี้เป็แค่สุนัขจรจัด จะเสียมารยาทเช่นนั้นไม่ได้
เหยียนชิงดิ้นรนอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังคงดิ้นไม่หลุด จึงแข็งค้างไปชั่วขณะ ทำได้เพียงขมวดคิ้วและยิ้มอย่างขมขื่น
“เ้าช่างดื้อรั้นเสียจริง...”
“ข้า...” เว่ยชูหานพูดไม่ออก ก่อนจะปล่อยมือตามสัญชาตญาณ
เหยียนชิงเก็บมือกลับมา ก่อนจะขยับข้อมือครู่หนึ่ง
“คืนแต่งงานไม่อยู่ห้องหอ ก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไร วันหน้าหากอยู่ต่อหน้าบ่าวไพร่ เ้าคงกระอักกระอ่วน เอาอย่างนี้เถอะ ข้าจะนอนอยู่บนตั่งด้านนอกห้องสักคืน พรุ่งนี้เช้าเ้ากับข้าไปคารวะท่านแม่ด้วยกัน...”
เว่ยซูหานได้ยินเช่นนี้ ยังคงเดินหน้าเข้าไปหยุดอีกฝ่ายไว้ และกล่าวเสียงต่ำ
“เพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียน ความสัมพันธ์ยังลึกซึ้ง การนอนร่วมเตียงเดียวกันก็เป็เื่ปกติ ยิ่งไปกว่านั้น เ้าได้แต่งงานแล้ว การนอนร่วมเตียงกับข้านับว่าเป็เื่ไม่สมเหตุสมผลหรือ? ใน่ฤดูใบไม้ร่วงการนอนบนตั่งจะทำให้เ้าหนาวเอาได้”
เขาจำได้ เหยียนชิงร่างกายอ่อนแอมาั้แ่เกิด หากไม่ระวังอาจจะป่วยเอาได้ ชาติที่แล้วมีตำแหน่งใหญ่โตก็ยังเป็เช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะพระคุณของตี้จวิน [1] ร่างกายคงทรุดหนักไปตั้งนานแล้ว
ท่านตี้จวิน ชาตินี้ เหยียนชิงเป็ของเขาเพียงคนเดียว ไม่ว่าใครก็ห้ามสอดแนม
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ดึงอีกฝ่ายเข้าไปในห้องโดยไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง แต่งงานแทนแล้วจะอย่างไร? คนที่ไหว้ฟ้าดินเป็สามีภรรยากับเขาคือเหยียนชิง ตลอดชีวิตของเขาเขารู้จักเพียงคนผู้นี้เท่านั้น
“เอาล่ะ...”
เหยียนชิงจนใจ เดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องจนมาถึงข้างเตียง ขณะที่กำลังจะสะบัดมือออก คิดไม่ถึงว่าร่างของเขาจะล้มลงไปนอนบนเตียงมงคล พอได้สติ ก็พบว่าเว่ยซูหานกดทับร่างของเขาแล้ว และมือก็กำลังปลดเข็มขัดของเขาออก...
เชิงอรรถ
[1] ตี้จวิน หมายถึง องค์ฮ่องเต้