ต้องบอกเลยว่าตุ๊กตาในกล่องใบนี้ล้วนน่ารักน่าเอ็นดู ตัวตุ๊กตาแกะสลักจากไม้ เสื้อผ้าตัดเย็บแบบย่อส่วน เครื่องประดับศีรษะก็เป็แบบย่อส่วนเช่นกัน ตุ๊กตาหลายตัวยังสวมกำไลหยกที่ข้อมือด้วย นี่มันก็คือตุ๊กตาบาร์บี้ชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
หากไม่ใช่เพราะตอนที่ฉู่อี้เห็นยาปฏิชีวนะครั้งแรก แววตาฉายแววอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่เสแสร้ง อวิ๋นเจียวคงคิดว่าฉู่อี้เป็คนยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมาเหมือนกับนางแล้ว
ขณะที่ชุนเหมยก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะยกกล่องตุ๊กตาไปไว้ในห้องของอวิ๋นเจียว อวิ๋นเหนียงก็รีบห้ามไว้ นางยิ้มๆ แล้วพูดว่า “กล่องใบนี้มีสองชั้น ด้านล่างยังมีอีกหนึ่งชั้น!” พูดจบ นางก็ให้ชุนเหมยเปิดชั้นที่สองของกล่อง
ภายในชั้นที่สองนั้น กลับเป็ว่าวกระดาษหลายแบบ มีทั้งรูปนกนางแอ่น รูปที่งดงามน่ารัก รูปเทพธิดา รูปปลาดุก...
“น้องหญิงช่วยขอบคุณเ้าของร้านของพวกเ้าแทนข้าด้วย เขาช่างมีน้ำใจยิ่งนัก” ของขวัญสามกล่องแรกยังไม่เท่าไร แต่กล่องสุดท้ายนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็ของขวัญสำหรับเจียวเอ๋อร์โดยเฉพาะ หรือว่าฉู่อี้จะสนใจเจียวเอ๋อร์?
ไม่น่าจะใช่กระมัง เจียวเอ๋อร์อายุแค่หกขวบ ฟางซื่อเผลอคิดไปไกล แต่ไม่นานนางก็รู้สึกตัว บุตรสาวของนางน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ใครๆ ก็ต้องชอบเป็ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น ของพวกนี้ล้วนเป็ของเล่นของเด็กๆ ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม
อวิ๋นเหนียงตอบ “ไม่ต้องเกรงใจเ้าค่ะ ของพวกนี้ล้วนเป็คนรับใช้ที่ไปเลือกซื้อมา เ้าของร้านของพวกข้าเพียงแค่้าเอาใจพวกท่าน หวังว่าพี่หญิงจะขายเครื่องประทินผิวสูตรเข้มข้นอะไรพวกนั้นให้กับร้านฝูหรงเซวียนของพวกเรามากขึ้น”
อวิ๋นเจียวพูด “ท่านวางใจได้เ้าค่ะ พวกข้าจะไม่ขายให้ร้านอื่นแน่นอน อีกสักพักพอมีเครื่องประทินผิวสูตรเข้มข้นกับเครื่องประทินผิว พวกข้าจะให้คนนำไปส่งที่ร้านของท่านนะเ้าคะ”
อวิ๋นเจียวไม่้าขายเครื่องประทินผิวสูตรต่างๆ ให้อวิ๋นเหนียงเร็วเกินไป เพราะของพวกนี้ให้ผลลัพธ์ดีกว่าเครื่องประทินผิวธรรมดามาก หากให้ไปมากเกินไป อีกฝ่ายจะคิดว่าของพวกนี้หาได้ง่ายจนไม่เห็นค่า
“แต่ตอนนี้พวกเรามีเครื่องประทินผิวสูตรธรรมดาอยู่เยอะ ในเมื่อท่านมาด้วยตัวเองแล้ว ข้าขออนุญาตตัดสินใจแทนท่านแม่ ให้ท่านเอาเครื่องประทินผิวสูตรธรรมดาพวกนี้ไปทั้งหมดเลยก็แล้วกันนะเ้าคะ”
อวิ๋นเหนียงได้ยินดังนั้นก็ดีใจ รีบตอบรับด้วยความยินดี
เครื่องประทินผิวเหล่านี้ อวิ๋นเจียวมอบให้กับฟางซื่อเมื่อไม่กี่วันก่อน ทั้งหมดมีอยู่ยี่สิบกระปุก ล้วนเป็ของที่นางซื้อมาจากเถาเป่า นางเพียงแค่แสร้งทำอยู่ในห้องครัวไม่กี่ครั้ง เอาของที่ทำเสร็จแล้วมอบให้ป้าสะใภ้ใหญ่หนึ่งกระปุก อาสะใภ้สามหนึ่งกระปุก อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ อวิ๋นหลานเอ๋อร์ และชุนเหมย ก็ได้คนละกระปุกเช่นกัน
เมื่อฟางซื่อได้ยินอวิ๋นเจียวพูดเช่นนั้น นางก็ลุกขึ้นไปหยิบกล่องเล็กๆ ที่ใส่เครื่องประทินผิวออกมาจากในห้อง ก่อนจะส่งให้อวิ๋นเหนียง
อวิ๋นเหนียงตรวจสอบดูทีละกระปุก รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งสดใสมากขึ้น เครื่องประทินผิวชุดนี้มีกลิ่นและเนื้อััที่แตกต่างจากครั้งก่อน ทั้งกลิ่นและเนื้อััมีความบางเบากว่า
ฟางซื่อเล่าสิ่งที่อวิ๋นเจียวพูดกับนางให้อวิ๋นเหนียงฟังอย่างละเอียด “อีกไม่นานก็ถึงเทศกาลตวนอู่ [1] แล้ว พระอาทิตย์ก็เริ่มแรงขึ้น อากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นบ้านของพวกเราจึงทำเครื่องประทินผิวที่มีเนื้อัับางเบา แต่ชุ่มชื้นมากขึ้น”
“ยิ่งหน้าร้อนด้วยแล้ว อย่าว่าแต่ทาเครื่องประทินผิวเนื้อหนาแล้วจะเหนียวเหนอะหนะ แถมทำให้เป็สิวง่าย หรืออาจเกิดผื่นขึ้นได้ ส่วนเื่ราคา ก็เท่าเดิมเ้าค่ะ”
ฟางซื่อทำอะไรตรงไปตรงมา ส่วนอวิ๋นเหนียงก็ไม่เื่มาก นางรีบหยิบตั๋วเงินสามพันตำลึงเงินออกมาจากกระเป๋าเงิน มอบให้ฟางซื่อทันที
“พี่หญิง ช่างก่อสร้างที่บ้านพวกท่านมีจำนวนเพียงพอหรือไม่? ไม่เช่นนั้นข้าจะช่วยหาให้เพิ่มอีก! ท่านเร่งสร้างบ้านให้เสร็จโดยเร็วเถิด มิเช่นนั้นทุกครั้งมีเครื่องประทินผิวแค่นี้ ไม่พอให้ฮูหยินผู้สูงศักดิ์ใช้เลยเ้าค่ะ พี่หญิงไม่รู้หรอกว่าร้านของพวกเราสาขาที่เมืองหลวง ธรณีประตูเกือบถูกคนเหยียบย่ำจนพังแล้ว!”
“คนที่มาจองเครื่องประทินผิวต่อแถวยาวเหยียดจากเมืองหลวงมาถึงอำเภอจิ่วจิ้นแล้ว บวกกับพวกคนมีอำนาจที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่น... พี่หญิงคนดี ท่านสงสารน้องหญิงผู้น่าสงสารคนนี้ด้วยเถิดเ้าค่ะ!”
ฟางซื่อเอ่ยยิ้มๆ “เ้าพูดเกินไปแล้วกระมัง? หากสร้างแค่บ้านคงเสร็จไปนานแล้ว เพียงแต่พวกเราสั่งทำของบางอย่างมายังไม่ได้ ตอนนี้ยังคงทำแค่ฐานอยู่ ตอนนี้เ้าเร่งให้พวกเราส่งของ ระวังพอสร้างโรงผลิตเสร็จแล้ว เ้าจะบ่นว่าของเยอะเกินไป!”
อวิ๋นเหนียงเลิกคิ้ว พูดด้วยท่าทีองอาจ “พี่หญิงดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้ามีแต่จะกลัวว่าของน้อยเกินไป ไม่มีทางรังเกียจว่าของเยอะหรอกเ้าค่ะ พอสร้างโรงผลิตเสร็จแล้ว พวกท่านก็ทำออกมาเยอะๆ เลย! ไม่ต้องกังวลเื่อื่นๆ นะเ้าคะ!”
คำพูดของอวิ๋นเหนียงทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา ทุกคนพูดคุยกันอีกสักพัก ฟางซื่อชวนให้อวิ๋นเหนียงอยู่ทานข้าวเย็น ครั้งนี้อวิ๋นเหนียงไม่ได้ปฏิเสธ จึงอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านตระกูลอวิ๋น
เพียงแต่หลังจากทานข้าวเย็นที่บ้านตระกูลอวิ๋นเสร็จ นางก็ตกหลุมรักรสชาติอาหารของบ้านตระกูลอวิ๋นเข้าอย่างจัง แม้ว่าหน้าตาอาหารของบ้านพวกเขาจะดูไม่ประณีตเท่าโรงเตี๊ยม แต่รสชาติดียิ่งนัก! พูดง่ายๆ ก็คือ เป็เมนูเดียวกัน แต่ที่บ้านตระกูลอวิ๋นทำออกมารสชาติอร่อยกว่า
น้ำแกงก็เช่นกัน ทั้งๆ ที่เป็เพียงน้ำแกงผักธรรมดาๆ แต่กลับมีรสชาติเข้มข้น อร่อยยิ่งนัก หลังจากทานอาหารเสร็จ อวิ๋นเหนียงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมรสชาติอาหารของบ้านตระกูลอวิ๋น
ฟางซื่อและอวิ๋นเจียวต่างยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร อวิ๋นเหนียงเองก็รู้ดีว่า ตระกูลใหญ่ๆ มักจะมีสูตรลับประจำครัวอยู่หนึ่งหรือสองสูตร นางจึงไม่ได้ซักถามอะไร
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ อวิ๋นเหนียงก็จากไป เมื่อรถม้าออกจากเขตตำบล อวิ๋นเหนียงก็ลงจากรถม้าในที่เปลี่ยวไร้ผู้คน จากนั้นก็เปลี่ยนไปขึ้นรถม้าอีกคันหนึ่ง มุ่งหน้าไปหมู่บ้านหยางหลิ่ว
ฉู่อี้นั่งอยู่ที่โต๊ะ ฟังอวิ๋นเหนียงรายงานผลลัพธ์ในวันนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่ออวิ๋นเหนียงพูดถึงอาหารของบ้านตระกูลอวิ๋นด้วยสีหน้าตื่นเต้น ฉู่อี้ก็พลันรู้สึกอิจฉาอวิ๋นเหนียงขึ้นมา
คิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ เขาไปพักอยู่ที่บ้านตระกูลอวิ๋นหนึ่งคืน ยังไม่ได้กินอาหารดีๆ สักมื้อ ตอนนี้อวิ๋นเหนียงกลับมาชมว่าอาหารของบ้านตระกูลอวิ๋นอร่อยกว่าอาหารในวังหลวงเสียอีก ฉู่อี้ก็ยิ่งรู้สึกอยากลิ้มลอง
แต่ตอนนี้ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ เขาจึงยังไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าคนในครอบครัวอวิ๋นได้อย่างเปิดเผย
อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพราะฝีมือการทำอาหารของฟางซื่อและชุนเหมยเก่งกาจ แต่เป็เพราะในครัวของบ้านตระกูลอวิ๋นมีเครื่องปรุงที่ไม่มีในแคว้นต้าเยี่ย นั่นก็คือผงชูรส!
อวิ๋นเจียวที่้าปรนเปรอความอยากอาหารของตน ในที่สุดวันหนึ่งก็อดใจไม่ไหว หยิบผงชูรสออกมาใช้ นางคิดหาข้ออ้างต่างๆ นานา เตรียมพร้อมที่จะอธิบาย แต่กลับไม่มีใครในบ้านถามนางว่าผงชูรสมาจากไหน มีเพียงฟางซื่อเท่านั้นที่กำชับนางว่าอย่าเปิดเผยสูตรลับนี้
อวิ๋นเจียวไม่รู้ว่าครอบครัวนี้ไม่คิดมาก หรือเป็เพราะพวกเขาไว้ใจนาง นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขายผงชูรสนี้อย่างเด็ดขาด เก็บไว้กินเองก็พอ
ไม่ใช่เพราะนางไม่อยากได้เงิน แต่เป็เพราะด้วยเทคโนโลยีของแคว้นต้าเยี่ยในตอนนี้ ไม่มีทางสกัดโมโนโซเดียมกลูตาเมตจากธัญพืชได้! แต่อาจจะมีสิ่งทดแทนได้ นั่นก็คือผงเห็ด หรือผงชูรสที่ทำจากกุ้งแห้ง แต่ทั้งหมดนี้เป็เื่ของอนาคต รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน
หลังจากที่อวิ๋นเหนียงรายงานฉู่อี้เสร็จแล้ว นางก็เพิ่งรู้ตัวว่าวันนี้นางพูดมากไปหน่อย แต่ท่านโหวกลับไม่ขัดจังหวะนางเหมือนเช่นทุกครั้ง หรือว่าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก?
ขณะที่นางกำลังสงสัย ฉู่อี้ก็เอ่ยขึ้น “เ้ากลับไปที่เมืองหลวง แบ่งเครื่องประทินผิวชุดนี้ให้กับคนที่อยู่ในรายชื่อนี้”
พูดจบ ฉู่อี้ก็หยิบกระดาษที่เขียนรายชื่อไว้เต็มแผ่นขึ้นมาจากบนโต๊ะ อวิ๋นเหนียงรีบรับมา ก่อนจะกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็วและจดจำชื่อทั้งหมดเอาไว้ในใจ จากนั้นก็หยิบพับไฟ [2] ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเผากระดาษแผ่นนั้นทิ้ง
เชิงอรรถ
[1] เทศกาลตวนอู่ (端午节) หรือเทศกาลแข่งเรือั เป็เทศกาลของจีนที่จัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน
[2] พับไฟ (火折子) พับไฟหรือตะบันไฟเป็เครื่องมือจุดไฟของชาวจีนโบราณ จุดไฟได้ด้วยการเป่าเพียงครั้งเดียว