โหยวเสี่ยวโม่ได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าใคร พอหันหลังก็พบกับร่างคนที่คุ้นเคย
จากไปสี่วัน ในที่สุดเขาก็กลับมา อีกอย่างดูจากท่าทางก็รู้ว่ากลับมาถึงก็ตรงมาหาเขาทันใด กับแค่ยาร้อยเม็ดเอง ถึงกับอดใจรอไม่ได้เลย
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ได้รับรู้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจของหลิงเซียวแม้แต่นิด เดินไปหน้าเขาพร้อมเอ่ยถามสบายอารมณ์ “ศิษย์พี่หลิง ท่านกลับมาจนได้สินะ คราวก่อนคนที่มาบอกว่าท่านไปทำธุระ คนนั้นคือศิษย์น้องท่านใช่ไหม?”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ล้วงขวดยาออกมาสองขวดพร้อมจะยื่นให้กับหลิงเซียว ฟางเฉินเล่อก็เดินมา
“ท่านคงเป็หลินเซียวแห่งแขนงการต่อสู้สินะ สวัสดี ข้าคือฟางเฉินเล่อ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หลิงเซียวเหลือบตามองเขานิ่ง จากที่เขาสังเกต ฟางเฉินเล่อยิ้มด้วยท่าทีสบายๆ แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรเช่นนี้ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่หลิงเซียวแผ่รังสีกดดันบนตัวออกมาล่ะก็ ต่อให้มีฟางเฉินเล่อร้อยคนก็ไม่เอาไม่อยู่
โหยวเสี่ยวโม่พึ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้แนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกัน “ศิษย์พี่หลิง นี่คือศิษย์พี่ใหญ่ข้าเอง ฟางเฉินเล่อ”
หลิงเซียวยักคิ้ว พร้อมเก็บสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยด้วยรอยยิ้มปานฤดูใบไม้ผลิ “สวัสดี ได้ยินศิษย์น้องเสี่ยวโม่เอ่ยถึงเ้ามานาน วันนี้ได้เจอ ช่างสมกับเป็ศิษย์เอกของทัพพิภพ ได้ข่าวว่าเ้าเลื่อนขั้นถึงนักหลอมโอสถระดับสี่ั้แ่ยังหนุ่ม น่านับถือ!”
“หามิได้ ศิษย์พี่หลินกล่าวเกินไปแล้ว ศิษย์เอกแห่งแขนงการต่อสู้ ข้าสิต้องนับถือท่าน” ฟางเฉินเล่อยิ้มพร้อมพยักหน้า
แม้เขาจะรู้สึกว่าหลินเซียวที่อยู่เบื้องหน้าไม่ค่อยเหมือนกับที่ได้ยินมา ทว่านี่เป็การเจอกันครั้งแรก ถึงแม้จะมีข้อสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมาต่อหน้า
โหยวเสี่ยวโม่ชินกับนิสัยเสแสร้งของหลิงเซียวแล้ว การเปลี่ยนสีหน้าอะไรเทือกนี้คงเป็ไม้ตายเขาก็ว่าได้ ทว่าเขาไม่คิดมาก่อน ทั้งสองเจอกันครั้งแรกกลับเอ่ยชื่นชมกันไปมาเสียนี่ เ้าชมข้า ข้าชมเ้า ไม่มีใครยอมใคร!
ท้ายสุด ฟางเฉินเล่อกล่าวจบการสนทนาด้วยการขอตัวไปทำธุระต่อและจากไป
พอฟางเฉินเล่อจากไป หลิงเซียวหันมามองโหยวเสี่ยวโม่สายตาเยือกเย็น ฮึ! พร้อมกับหันหลังเดินไป
โหยวเสี่ยวโม่สงสัยที่ถูกสบถใส่ก่อนรีบวิ่งตามไป พอตามไปถึงตัว ทั้งสองก็ถึงที่พักพอดี หลิงเซียวผลักประตู เดินเข้าไป และนั่งลงบนเก้าอี้ไม่พูดไม่จา
โหยวเสี่ยวโม่ไม่เข้าใจว่าเขาโมโหเื่อะไร ปิดประตูเสร็จจึงเดินไปหา
“ศิษย์พี่หลิง ภารกิจมีปัญหาอะไรงั้นหรือ?” โหยวเสี่ยวโม่ถามอย่างระมัดระวัง พูดจบก็แอบมองสีหน้าเขาที่หงุดหงิดไม่สบอารมณ์ ไม่รู้เ้าบ้าที่ไหนมาขัดใจเขากันนะ ไม่รู้หรือไงว่า หมอนี่โหดร้ายทารุณแค่ไหน ถ้าเขาเอาคืนขึ้นมา อีกฝ่ายได้ตายทั้งเป็แน่
แล้วโหยวเสี่ยวโม่จินตนาการภาพการทรมานในหัวมากมาย โดยที่เขาไม่ได้รู้เลยว่า ไอ้เ้าบ้าที่พูดถึงคือ ตัวเขาเอง
“ข้าออกโรงเองทั้งที เ้าคิดว่าจะมีเื่ไหนที่ข้าจะทำไม่สำเร็จงั้นหรือ?” หลิงเซียวเห็นเขาเดาไปถึงเื่ภารกิจ ก็หลุดขำออกมา
“งั้นถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจมีปัญหา งั้นท่านเคืองอะไรกันเล่า?” โหยวเสี่ยวโม่ถามอย่างสงสัย
หลิงเซียวเห็นเขาเดาไม่ออกเสียที ใบหน้านิ่งเฉยกำลังจะเอ่ยปาก โหยวเสี่ยวโม่ก็อุทานออกมา
“อ้อ ข้ารู้แล้ว” จบคำอุทาน ก็หยิบยาสองขวดออกวางบนมือเขา “ศิษย์พี่หลิง ที่ศิษย์น้องท่านกำชับมาข้าจำได้หมดเลย ยาพวกนี้คือจำนวนของห้าวัน ข้าหลอมไว้หมดแล้ว ท่านจะนับดูหรือไม่?”
“โหยวเสี่ยวโม่!” จู่ๆ หลิงเซียวก็เรียกชื่อเขาเสียงเบา
“ขอรับ!” โหยวเสี่ยวโม่ใขานรับ พร้อมกับยกแขนขึ้น เหมือนกำลังคำนับผู้บังคับบัญชา
หลิงเซียวพอเห็นท่าทีแปลกประหลาดของเขาก็เกือบมาดหลุด แต่พอนึกถึงภาพที่เห็นที่เรือนหญ้าทิพย์ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีก ถึงจะหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจน เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างเ้ากับฟางเฉินเล่อนั่นไม่เลวนี่ แถมยังหัวเราะร่าเหมือนเ้าบื้อต่อหน้าเขา นี่เ้ากลัวว่าตัวเองจะดูบื้อไม่พอหรือปะไร?”
เขาเปลี่ยนหัวข้อไวจนโหยวเสี่ยวโม่ตามเกือบไม่ทัน
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร พร้อมเอ่ย “อ้อ เ้าหมายถึงศิษย์พี่ใหญ่ของข้าหรือ ข้ากับเขาตอนนี้เป็ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ฉะนั้นความสัมพันธ์ดีเป็พิเศษ สี่วันก่อน วันที่ท่านจากไปนั่นแหละ อาจารย์ขงเหวินเรียกข้าไปพบเพื่อรับข้าเป็ลูกศิษย์ ศิษย์พี่ใหญ่ก็เป็ศิษย์เอกของอาจารย์ ฉะนั้นตอนนี้พวกเรานับได้ว่าเป็ศิษย์ร่วมอาจารย์น่ะ”
แต่ว่าที่เขาหัวเราะกับศิษย์พี่ใหญ่มันเกี่ยวอะไรด้วย อีกอย่างสมองเขาก็ไม่ได้บื้อนะ!
ขงเหวิน?
หลิงเซียวนึกอยู่ชั่วครู่ก็นึกออกว่าขงเหวินนี่คือใคร ผู้ดูแลสูงสุดของทัพพิภพ
ดังนั้นที่กล่าวมา ฟางเฉินเล่อคือศิษย์เอกของขงเหวินจริง เื่นี้มีอยู่ในความทรงจำของหลินเซียว
ก่อนหน้านี้หลินเซียนกับฟางเฉินเล่อไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แม้ไม่รู้จักก็ไม่เป็อะไร แต่ว่าหลินเซียวนั่นเป็คนมีเลศนัย ฉะนั้นจึงแอบสืบถามเกี่ยวกับศิษย์เอกทั้งสามทัพมานานแล้ว อาจไม่ถึงขั้นรู้รายละเอียดลึกเกี่ยวกับพวกเขา แต่ก็พอรู้ประมาณหนึ่ง
ทว่า…
“ถึงแม้พวกเ้าจะเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกันก็ตาม แต่ก็ห้ามสนิทสนมกันมากเกินไป คุณสมบัติเ้าก็ด้อยมากอยู่แล้ว ขงเหวินไม่มีทางรับเ้าเป็ศิษย์โดยไม่มีสาเหตุอยู่แล้ว”
“อือ” โหยวเสี่ยวโม่หมดเรี่ยวแรงจะตอบ แม้คุณสมบัติเขาจะด้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องย้ำอยู่ตลอดนี่นา!
“เสียงเบาขนาดนี้ ยังไม่ได้กินข้าวเช้ารึไง?”
“จริงด้วย” พูดจบก็ลูบท้อง ไม่ได้กินข้าวหลายวัน รู้สึกไม่ชินเลยแฮะ
“...”