ในใจของมู่หรงฉือสะท้านะเืจนไม่อาจจะมีอะไรมาเทียบ คิดไม่ถึงว่ามู่หรงอวี้จะคิดถึงความเป็ไปได้นี้ก่อนตนเสียอีก
เขาเฉลียวฉลาดกว่าที่นางคิดเอาไว้จนแทบจะใกล้เคียงกับปีศาจ
สีหน้าของมู่หรงอวี้เคร่งขรึม “เมื่อครู่เปิ่นหวางตรวจสอบแล้วรอบหนึ่ง โดยรอบไม่พบสิ่งใดน่าสงสัย”
นางเห็นทหารยี่สิบกว่าคนยังตรวจสอบจุดที่อาจเป็ที่ซ่อนตัวได้รอบๆ หรืออาจเป็ทางเข้าใต้ดินก่อนจะพูด “หาดูอีกสักหน่อย”
เขาพยักหน้า ทั้งสองคนตรวจสอบทุกซอกทุกมุมไปด้วยกัน
ทางทิศเหนือของบึงเสวียนเยว่เป็ูเาเล็กๆ ลูกหนึ่ง บนูเามีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม มีทั้งต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียดฟ้ากับต้นไม้เตี้ยไล่เรียงกันไป ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าสีต่างๆ ดูแล้วบริสุทธิ์น่ารัก
นางเดินไปทางเขาลูกนั้น ที่ตีนเขาล้วนเป็ต้มไม้พุ่มเล็กๆ กับเถาวัลย์ที่ขึ้นรกเกี่ยวพันกันเต็มไปหมด
“เปิ่นหวางดูแล้ว ไม่มีอะไรน่าสงสัย” มู่หรงอวี้เชื่อในการวิเคราะห์ของตัวเอง
“ดูอย่างละเอียดอีกที”
มู่หรงฉือหยิบกิ่งไม้แห้งหนาขึ้นมาหนึ่งกิ่ง แล้วหักเศษกิ่งไม้เอาไว้ที่ตีนเขา ก่อนจะเดินตรวจสอบอย่างละเอียด
แทงตรงนี้ จิ้มตรงนั้น แหวกตรงนี้ไปอีกสองสามที ไม่นานทั่วทั้งร่างของนางก็เปียกชุ่ม หน้าผากขาวสะอาดปกคลุมไปด้วยหยาดเหงื่อ
เขาเรียนรู้วิธีของนางโดยการหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาแหวกเถาวัลย์เ่าั้ แต่แหวกออกมาก็พบเพียงผืนดิน
จู่ๆ นางก็หยุดการกระทำลง มองไปด้านหน้าแล้วครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน
มู่หรงอวี้เห็นนางไม่ขยับจึงเดินเข้ามาถาม “เป็อะไรหรือ?”
“ท่านคิดหรือไม่ว่าที่นี่มีหญ้ากับเถาวัลย์มากกว่าที่อื่น อีกทั้งยังรกเป็อย่างมาก” มู่หรงฉือขมวดคิ้วแน่น
“เยอะกว่าที่อื่นจริงๆ ทั้งเถาวัลย์ กิ่งไม้ยาว ทุกอย่างดูรกตาไปหมด” ดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น “ยิ่งปกปิดก็ยิ่งมีปัญหา”
พวกเขาสบตากันพลันแหวกกิ่งไม้ใบหญ้าพวกนั้นออกอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากรกชัฏเกินไป เขาจึงเรียกลูกน้องสองคนมาช่วย
เสียกำลังอีกเล็กน้อย ในที่สุดที่นี่ก็ปรากฏหน้าตาดั้งเดิมออกมา เป็ถ้ำดินแคบๆ แห่งหนึ่ง
ทั้งสองคนมองตากันแล้วยิ้ม ที่ปากถ้ำมีทางผ่านได้แค่คนก้มตัวลงไปหนึ่งคนเท่านั้น บางทีอาจเป็ทางที่นำไปสู่ความลับของบึงเสวียนเยว่ให้พวกเขาก็เป็ได้
ลูกน้องสามคนเดินนำอยู่ข้างหน้า ต่อมาก็เป็พวกเขา คนที่เหลือตามอยู่ด้านหลัง พากันเข้าไปในถ้ำดิน
ที่ว่างในถ้ำยังนับว่ากว้าง แสงส่องสลัวๆ เดินเข้าไปด้านในยังมีห้องอยู่ห้องหนึ่ง
“ท่านอ๋อง ทางนี้มีประตูหินพ่ะย่ะค่ะ”
ลูกน้องคนหนึ่งส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
พวกเขารีบเดินไปทันที เป็อย่างที่คิด ประตูหินบานนั้นดูหนาหนัก แต่ไม่มีกลไกสำหรับเปิด
มู่หรงฉือมีลางสังหรณ์อย่างรุนแรง ประตูหินบานนี้จะเปิดไปยังโลกใต้ดินอันลึกลับ “จะต้องมีกลไกอยู่แน่ ทุกคนช่วยกันหา”
ทว่า หาจนทั่วทั้งถ้ำก็ยังหากลไกเปิดประตูหินนี้ไม่พบ
มู่หรงอวี้ยกมือขึ้นััประตูหิน ครั้นมองอย่างละเอียดดวงตาพลันสว่างวาบขึ้นมา
นางเองก็มองดูอีกรอบ ใบหน้าเล็กก็แทบจะแนบไปกับบานประตู
“ตรงนี้มีรอยแตกเล็กๆ หากไม่สังเกตดีๆ จะมองไม่เห็นเลย” เขาชี้ไปตรงตำแหน่งทิศตะวันออกของประตูหิน
“มีรอยแตกอยู่จริงๆ” นางออกแรงกดลงไป ก็เกิดเสียงดังครืดคราด ประตูหินเปิดออกไปด้านข้างทันที
ทุกคนต่างยินดี แล้วพากันมองเข้าไปด้านใน
ด้านในเป็ทางเดินหินเส้นหนึ่ง เส้นทางอันมืดมิดที่พาไปสู่โลกอันลึกลับ
มู่หรงฉือกับมู่หรงอวี้สบตากันอย่างหนักแน่น จากนั้นก็นำลูกน้องเข้าไป
เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้คนด้านในรู้สึกตัว พวกเขาพยายามเดินให้เบาที่สุด เนื่องจากด้านในค่อนข้างมืดทึบ พวกเขาทำได้เพียงค่อยๆ คลำทางเดินไปด้านหน้า เส้นทางยาวไกล พวกเขาค่อยๆ เดินคลำไปอย่างระมัดระวังพลางคอยสังเกตว่าทั้งสองข้างมีห้องหินอีกหรือไม่
“เ้าคิดว่าพวกเราจะเจอกับคุณชายชุดทองที่นี่หรือไม่?” มู่หรงอวี้พูดเสียงเบาข้างหูนาง
“ไม่แน่ว่าจะเจอ” มู่หรงฉือตอบเสียงค่อย ทันใดนั้นก็พบว่าท่าทางใกล้ชิด คลุมเครือของพวกเขาถูกลูกน้องของเขาเห็นจนหมดสิ้น
นางแยกตัวออกมาสองก้าว หมายจะรักษาระยะห่างกับเขาแต่กลับถูกเขาดึงกลับไปอยู่ข้างหน้า
เขาเข้าประชิดริมหูของนาง ลมหายใจอุ่นร้อนถูกพ่นออกมา “อย่าอยู่ห่างจากเปิ่นหวางเกินไป”
นางเข้าใจความหมายของเขา ที่นี่ลึกลับอันตราย มีหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอน เขา้าจะปกป้องนางตลอดเวลา
เนื่องจากเป็เื่เร่งด่วน เช่นนั้นก็ช่างเถิด จะได้ไม่ต้องเปิดเผยฝีมือและเพื่อความปลอดภัยของตน ติดตามเขาไปย่อมดีกว่า
ทันใดนั้น ภายในสถานที่เงียบสงัดพลันมีเสียง ฟิ้วๆๆ ดังขึ้น ฝนธนูแหลมคมพุ่งมาทางพวกเขาอย่างไร้ทางป้องกัน
ทุกคนเผชิญหน้ากับฝนธนูที่พุ่งเข้ามา มู่หรงอวี้โอบนางเอาไว้พาหลบหลีกซ้ายขวา พริบตาต่อมาก็กระโจนตัวขึ้นสูง หมุนตัวรอบหนึ่งแล้วหลบไปด้านข้าง นางใิญญาแทบหลุดจากร่าง
การกระทำนี้เป็ไปอย่างลื่นไหลไม่ติดขัด มีอยู่สองครั้งที่ลูกธนูเฉียดผ่านหูกับหัวของนางไป อันตรายอย่างยิ่งยวด นางได้ยินเสียงลมจากลูกธนูที่แล่นผ่าน แต่ตัวนางที่อยู่ภายใต้การปกป้องของเขาไม่ได้รับาเ็ใดๆ นางหอบหายใจอย่างรุนแรง เห็นใบหน้าของเขายังคงมุ่งมั่นดั่งเหล็กกล้า ตอนนี้เวลานี้ที่นางไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือ เหตุใดเขาถึงได้ปกป้องตนถึงเพียงนี้?
ศัตรูตัวฉกาจที่สุดในชีวิตนี้ของนาง ‘ตอแย’ นางซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งค่อยๆ ชอบนางขึ้นมา?
แต่เขาเป็คนฉลาดมากแผนการ มีความทะเยอทะยาน ความรักของชายหญิงสำหรับเขาแล้วไม่ใช่เพียงสิ่งที่ไว้มาประดับให้ดูดีหรือ? เขาจะทุ่มเทความจริงใจให้กับสตรีผู้หนึ่งได้อย่างไร? อีกทั้งนางยังเป็ศัตรูตัวฉกาจของเขา เกลียดชังเขาเข้ากระดูก เขาจะมามีความรักกับนางได้อย่างไรกัน?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เืที่ร้อนระอุก็ค่อยๆ เย็นเยียบลง
ลูกน้องแต่ละคนต่างไม่มีใครได้รับาเ็ ก่อนจะเดินหน้าไปกันต่อ มู่หรงอวี้พูดริมหูนาง “พวกเราแตะต้องถูกกลไก คิดว่าคนด้านในคงจะััได้ว่ามีคนเข้ามา จากนี้จะต้องระวังให้มาก”
มู่หรงฉือพยักหน้า คุณชายชุดทองมีความคิดลึกล้ำดั่งมหาสมุทร วันนี้พวกเขาเข้ามาถึงที่นี่ จะสามารถรอดออกไปอย่างปลอดภัยหรือไม่ก็ยากจะพูด
พวกเขาเลี้ยวอ้อม ต่อมาก็ลงบันไดหิน เดินไปได้ครู่หนึ่ง พวกเขาก็พบประตูหินที่น่าจะเป็เส้นทางหนึ่งเอาไว้ จึงผลักประตูเข้าไป
ห้องหินนั้นกว้างขวาง ในห้องวางหีบขนาดใหญ่เอาไว้หลายใบ
มู่หรงอวี้ส่งสัญญาณ ลูกน้องสองคนก็เดินเข้าไปเปิดหีบไม้ออกอย่างเบามือ
ในหีบไม้ไม่ได้ใส่กุญแจเอาไว้ ลูกน้องสองคนหลังจากเปิดหีบแล้วก็หมุนตัวกลับมาด้วยสีหน้าใ
มู่หรงฉือเดินเข้าไปดูทันที ในหีบนั้นใส่ะุปืนใหญ่เอาไว้!
มู่หรงอวี้หยิบะุชุดหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด ั์ตาคมปลาบฉายแววน่ากลัว “เป็ะุที่กองทัพตรวจสอบอาวุธทำขึ้นมา”
หีบอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน เต็มไปด้วยะุปืนใหญ่หลายหีบ
นางเต็มไปด้วยโทสะ แววตาพลันเข้มขึ้น ว่านฟางกับหวังเทาลอบค้าอาวุธคงไม่ได้มีเพียงเท่านี้ คิดว่าคุณชายชุดทองคงจะส่งของที่ซื้อมากลับไปแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะถูกตัดหัวไปแล้ว แต่ความเกลียดชังที่นางมีต่อพวกเขาไม่อาจลบเลือนไปได้
ความผิดของพวกเขาคือการทำลายประเทศชาติ!
มู่หรงอวี้ยกมือขึ้นเรียกให้ทุกคนออกไป ทันใดนั้น ท่ามกลางความเงียบก็เกิดเสียงแปลกๆ ขึ้น
มู่หรงฉือกับมู่หรงอวี้หันไปทันที กลับเห็นเพียงพื้นสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่ลูกน้องยี่สิบกว่าคนจะหายตัวไปทั้งหมด!
เหตุใดถึงเป็เช่นนี้?
“พวกเขาเล่า?” นางถามด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ดวงตาเบิกกว้าง
“หายไปหมดแล้ว” ั์ตาของเขาเ็า
“หา? ตาย...หมดแล้วหรือ?” นางพูดด้วยความหวาดกลัว
เขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง เท้าขวาเหยียบลงกับพื้นสองสามที “พื้นนี่ทำจากแผ่นเหล็ก หากเปิ่นหวางเดาไม่ผิด เมื่อครู่จู่ๆ แผ่นเหล็กก็ถูกเปิดออก พวกเขาจึงตกลงไป”
นางถอนหายใจ “พวกเขาไม่มีใครเป็อะไรใช่หรือไม่”
มู่หรงอวี้พูดเสียงเย็น “จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดวงของพวกเขาแล้ว”
ทันใดนั้นดวงตาของมู่หรงฉือก็เปล่งประกายขึ้นมา “บางทีคุณชายชุดทองอาจจะควบคุมกลไกอยู่ แล้วจงใจแยกพวกเราออกจากกัน ให้เหลือแค่พวกเราสองคน”
เขาพยักหน้า กุมมือเล็กของนางแน่น มองนางด้วยสายตาร้อนแรง “กลัวหรือไม่?”
นางส่ายหน้า เขาลูบแก้มขาวนวลของนางพลางเผยรอยยิ้มเอ็นดู “สตรีที่เปิ่นหวางต้องใจ ก็ควรจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเปิ่นหวาง”
นางทั้งขวยเขินทั้งโมโห จึงถลึงตาใส่เขา “ใครคือสตรีของท่านกัน?”
เขาคลี่ยิ้มออกมา แล้วจูงมือนางเดินออกจากห้องหินไป
…
มู่หรงฉือยิ่งรู้สึกแปลกๆ มากขึ้นไปอีก เหตุใดใต้ดินนี้ไม่มีผู้ใดสักคน? ไปหลบซ่อนตัวกันหมดแล้วหรือ?
มู่หรงอวี้พูดเสียงต่ำ “โลกใต้ดินนี้กว้างใหญ่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงว่าจะหาทางออกไม่เจอพวกเราทำสัญลักษณ์ทิ้งเอาไว้เถิด”
สัญลักษณ์นี้แปลกประหลาดอย่างมาก กระทั่งนางก็ดูไม่ออกว่าเป็รูปอะไร แต่กลับเลียนแบบได้ง่าย
ทันใดนั้น นางพลันรู้สึกว่ามีอะไรร่วงมาบนบ่า ครั้นหันไปมองก็เห็นแมงป่องตาสีทองตัวหนึ่ง
เหตุใดห้องหินนี้ถึงได้มีแมงป่องด้วย?
“ระวัง!”
เขาะโออกมา ฝ่ามือใหญ่โบกมาแล้วตบแมงป่องตัวนั้นลอยไป
แมงป่องตัวนั้นกระเด็นโดนกำแพงก่อนจะร่วงลงบนพื้นแล้วแน่นิ่งไป
เขายกมือขึ้นตวัดมีดสั้นแทงไปที่ตัวของแมงป่องอย่างพอดิบพอดี เมื่อเขาดึงมีดสั้นออกมา ปลายแหลมของมีดเปื้อนไปด้วยของเหลวสีเขียว เขาเอาของเหลวสีเขียวนั้นปาดไปกับผนังกำแพงด้วยความระมัดระวัง
“เหตุใดเืของแมงป่องถึงได้เป็สีเขียว?” มู่หรงฉือถามด้วยความสงสัย
“นี่ไม่ใช่แมงป่องทั่วไป แต่เป็แมงป่องหมื่นพิษ” มู่หรงอวี้กุมมือเล็กของนางเอาไว้ ก่อนจะดึงให้นางวิ่ง “วิ่งเร็วเข้า!”
“ทำไม?”
“อีกเดี๋ยวค่อยอธิบายให้เ้าฟัง”
ไม่ว่าข้างหน้าจะต้องพบเจอกับอะไร ทั้งสองคนก็วิ่งสุดฝีเท้า เลี้ยวไปอ้อมมา ผ่านไปครู่หนึ่ง นางเหมือนได้ยินเสียงเบาๆ ด้านหลังไล่ตามพวกนางมาตลอด
นางอดหันกลับไปมองไม่ได้ จากนั้นก็ได้แต่แตกตื่น มีแมงป่องมากมายยั้วเยี้ยเต็มไปหมด อย่างน้อยก็น่าจะราวร้อยกว่าตัว!
แมงป่องหมื่นพิษรวมตัวกันเป็กลุ่มไล่ตามพวกเขา เนื่องจากพวกมันมีจำนวนมาก นางเองก็เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก อดรู้สึกหนังศีรษะชาแข้งขาอ่อนไม่ได้
มู่หรงฉือถูกภาพนี้ทำให้ใแล้วจริงๆ ขาทั้งสองข้างยิ่งเพิ่มความว่องไวของฝีเท้าขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ “เหตุใดถึงมีแมงป่องมากมายขนาดนี้?”
“แมงป่องพิษมักไม่อยู่เพียงลำพังแต่จะรวมกันเป็กลุ่ม” มู่หรงอวี้ตอบ
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?” นางถามพลางกรีดร้องอยู่ในใจ
“อย่าให้แมงป่องหมื่นพิษแตะถูกตัว แมงป่องชนิดนี้จะมุดเข้าไปใต้อาภรณ์แล้วมุดเข้าไปในิั เข้าสู่อวัยวะภายใน หากแมงป่องทำลายอวัยวะภายในแล้วเช่นนั้นย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะสิ้นลม”
นางคิดถึงก่อนหน้านี้ที่แมงป่องตัวนั้นร่วงลงมาบนบ่าของนางก็ใจนิญญาแทบหลุดลอย
จู่ๆ มู่หรงอวี้ก็หยุดฝีเท้าลง หมุนตัวไปประสานมือเข้าด้วยกัน ก่อนจะปล่อยพลังรุนแรงะเิแมงป่องพวกนั้นกระเด็นออกไป
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แมงป่องหมื่นพิษร่วงเกลื่อนกลาด ร่างของพวกมันสลายไป ของเหลวสีเขียวเจิ่งนองอยู่เต็มพื้น
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว แมงป่องกว่าร้อยตัวขึ้นก็ตายไปราวครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งก็คืบคลานมาด้วยความว่องไวยิ่งกว่าเดิม
มู่หรงฉือกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่น แล้วก็พุ่งเข้าไปอยู่ข้างกายของเขาในทันที
มู่หรงอวี้ปล่อยกระบวนท่าออกมาติดๆ กัน แต่ละกระบวนท่ารุนแรงราวมีดคมปาดออก แมงป่องเ่าั้กระเด็นไปทั่วทุกทิศ เปลือกแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่างแหลกเละเต็มพื้น
ทันใดนั้น นางก็เห็นว่าตรงมุมเสื้อของเขามีแมงป่องอยู่สองตัว จึงพูดขึ้นด้วยความใ “บนตัวของท่านมีแมงป่อง!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้