ทั่วทุกพื้นที่ในค่ายล้วนอยู่ในกำมือของหูเทียนเป่ย
อย่าว่าแต่เื่ที่ไท่จื่อส่งคนมาเชื่อมความสัมพันธ์กับิเยว่เลยขนาดยุงบินผ่านเขายังรับรู้ได้
“เสด็จพ่อเองก็ร่วมมือกับไท่จื่อมิใช่หรือ? เหตุใดข้าจึงไม่อาจร่วมมือกับไท่จื่อได้เล่า?”
ที่ซีฟาน สถานะของหญิงสาวค่อนข้างสูง
แต่ในสายตาของเสด็จพ่อนางที่เป็องค์หญิงกลับเป็เพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งในฐานะเชื้อพระวงศ์เท่านั้น
ดังนั้น นางจำเป็ต้องหาสามีที่ดีให้ได้
ตลอดหลายวันมานี้ นางเฟ้นหาบุรุษดีๆ หลายคน ทว่ามีเพียงหลงเทียนอวี้เท่านั้นที่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็พระสวามีของนาง
แต่น่าเสียดาย เขามีชายาอวี้หลินเมิ้งหยาอยู่ข้างกายเสียแล้ว
“หลงเทียนอวี้ไม่เหมือนกับพวกคุณชายแห่งซีฟานหากเ้าคิดจะล้อเล่นกับหัวใจของเขา สุดท้ายเขาจะทำให้เ้าทรมานจนตาย”
หูเทียนเป่ยส่งสายตาเ็าไปทางน้องสาวเกรงว่าต่อให้นางต้องทนกล้ำกลืน แต่ก็คงไม่เข้าใจว่าผู้ชายบางประเภทก็มิสมควรเข้าไปยุ่มย่าม
ิเยว่กลับไม่สนใจฟังคำเตือนของเขา กลับกัน นางตั้งปณิธานแล้วว่าจะจับหลงเทียนอวี้ไว้ในกำมือให้ได้
“องค์หญิงิเยว่รู้จักกับท่านอ๋องหรือเพคะ?”
อันที่จริง ไม่ว่าจะคิดกี่ตลบหลินเมิ้งหยาก็รู้ได้ว่าทั้งสองมิได้รู้จักกันมาก่อน
แต่เพราะท่าทางยั่วยวนของิเยว่เมื่อครู่กลับทำให้หัวใจของนางบีบตัวเข้าหากัน
แพ้ให้ท่านหญิงหลินหลางยังไม่เท่าไร ถ้าหากยังแพ้ให้กับองค์หญิงิเยว่อีกละก็นางคงต้องรีบไสหัวไปทันที
“ไม่รู้จัก นางเป็องค์หญิงแห่งซีฟานข้าเพิ่งได้เจอนางเป็ครั้งแรก”
ในสายตาของหลงเทียนอวี้ สตรีก็คือสตรี ไม่มีอะไรแตกต่างกัน
นอกจากหลินเมิ้งหยาแล้วเขาไม่เคยรู้สึกว่าหญิงสาวนางใดน่ารักน่าชังอีกเลย
หรืออาจจะพูดได้ว่าสำหรับเขาแล้ว สตรีแบ่งออกเป็สองประเภท
ประเภทแรกคือหลินเมิ้งหยา ส่วนอีกประเภทคือคนอื่น
“อ้อ เช่นนั้นท่านอ๋องคิดว่าองค์หญิงิเยว่หน้าตาเป็เช่นไรหรือเพคะ?”
น้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความหึงหวงแม้แต่หลินเมิ้งหยายังไม่อาจควบคุมมันได้
นางมิอาจลบภาพสาวงามภายใต้แสงจันทร์เมื่อครู่ออกไปจากใจได้เลย
ทว่า คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน
“ข้าไม่ได้มองก็เลยไม่รู้”
ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งที่มิใช่คำพูดอ่อนหวานแต่หลินเมิ้งหยากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
อุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวอย่างสวยงาม ทว่าหลงเทียนอวี้กลับไม่ชายตามองเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่องเต้ิเป็พันธมิตรกับไท่จื่อจริงๆ เพคะแต่ตอนนี้หม่อมฉันยังไม่รู้ว่าไท่จื่อเอาอะไรไปแลก”
ฮ่องเต้ิมิใช่คนที่จะยอมร่วมมือด้วยง่ายๆเมื่อครู่เขาไม่ได้รีบตอบตกลงในทันที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนั่นเท่ากับว่าเขากำลังพิจารณาว่าจะได้ผลประโยชน์จากฝ่ายใดมากกว่ากัน
ดังนั้นเมื่อพูดถึงจุดนี้แสดงว่าพวกเขากำลังถูกกระตุ้น
หากฮ่องเต้ิเรียกร้องข้อเสนอที่สูงจนเกินไปการเจรจาในครั้งนี้ถือว่าล้มเหลว
“สิ่งที่ไท่จื่อพอจะให้ได้ข้าคิดว่าคงไม่ใช่ของที่มีมูลค่ามากมายนัก”
หลงเทียนอวี้ครุ่นคิด กระซิบเสียงเบา
ไท่จื่อมิใช่คนใจกว้าง ดังนั้นสิ่งที่เขาพอจะให้ได้คงเป็ของที่อยู่ในการ
“ไม่ว่ามันคืออะไร พวกเราควรสืบออกมาให้รู้แจ้งท่านอ๋องมีวิธีหรือไม่?”
แววตาเปี่ยมไปด้วยความหวังของหลินเมิ้งหยากำลังจ้องมองมาที่ตนเองหลงเทียนอวี้พยักหน้าลงโดยไม่รู้ตัว
“ได้ ข้าจะลองแอบสืบให้เ้า”
ทั้งสองที่เพิ่งจะกลับเข้ามาในบริเวณค่ายได้เห็นแสงไฟจากคบเพลิงสว่างวาบไปทั่วทั้งพื้นที่แสนมืดมิด
ทหารจำนวนไม่น้อยแบ่งออกเป็กลุ่มและเดินไปเดินมาไม่หยุด
ได้ยินเสียงดังขึ้น เสมือนกำลังเข้าจับกุมใครบางคน
หลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยารีบแอบหลบ
“อีกเดี๋ยวหากเข้าไปแล้วถ้าไม่มีเื่อันใดอย่าได้ออกมาเป็อันขาด”
หลงเทียนอวี้กระซิบออกคำสั่ง หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ก่อนเขาจะพานางไปส่งที่กระโจมและหมุนตัววิ่งเข้าไปแฝงตัวในกลุ่มทหาร
ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ภายในกระโจม ทุกคนยังคงไม่หลับ
มองดูหลินเมิ้งหยาซึ่งอยู่ในผ้าคลุมสีดำสนิทกลับมาป๋ายจีรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าเพื่อถอดผ้าคลุมให้กับนาง
ด้านนอกค่ายเกิดความวุ่นวาย ทว่าเหตุการณ์ภายในกระโจมกลับสงบเงียบ
พี่เยว่ถิงซึ่งนอนอยู่บนเตียงฟื้นแล้ว ทว่าใบหน้ากลับขาวซีด
“พี่เยว่ถิง ท่านฟื้นแล้ว”
หลินเมิ้งหยาวิ่งเข้าไปหาเยว่ถิงด้วยความดีใจทว่าใบหน้าไร้สีเืของเยว่ถิงกลับสงบนิ่ง
แต่หลังจากได้เห็นหน้าหลินเมิ้งหยาแล้ว สุดท้ายนางจึงฝืนยิ้มออกมา
“หย๋าเอ๋อร์ เ้าช่วยชีวิตพี่เอาไว้อีกแล้ว”
เื่บางเื่ไม่จำเป็ต้องพูดออกมาต่อหน้า ขอบตาของเยว่ถิงก็เปียกชื้น
มือเล็กสีขาวดั่งหิมะกำผ้าห่มแน่น
“แต่ข้าที่เป็แบบนี้สู้ตายไปยังจะดีเสียกว่า”
แม้ร่างกายจะาเ็ แต่นางสามารถอดทนได้ทว่าความทรงจำอันแสนเลวร้ายที่ปรากฏขึ้นในใจกลับมิอาจลบล้างออกไปได้
ทันทีที่นางตื่น เยว่ฉีเล่าเื่ความตายของหูลู่หนานให้นางฟังแล้ว
แล้วอย่างไรเล่า? นางจะทำเหมือนว่าเื่พวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้อย่างไร?
“ท่านอย่าได้เอ่ยเช่นนี้ พี่เยว่ถิงรู้หรือไม่ หากยังมีชีวิตก็จะยังมีความหวัง คิดเสียว่าเื่เ่าั้เป็เพียงฝันร้ายเถิด ตอนนี้ฟื้นแล้วจากนี้ไปจะไม่มีใครทำร้ายท่านได้อีก”
หลินเมิ้งหยาโอบกอดร่างบอบบางของเยว่ถิงหูลู่หนานสมควรได้รับโทษเช่นนั้นแล้ว
แต่พี่เยว่ถิงถูกทำร้ายจนไม่เหลือชิ้นดีอีกทั้งยังมิใช่สาวงามจิตใจดีเหมือนอย่างตอนแรกอีก
“จริงสิ เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงวุ่นวายถึงเพียงนี้?”
หลินจงอวี้ที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างตลอดเวลาจึงเอ่ยตอบ
“ั้แ่ตอนที่ท่านออกไป ทางฝั่งไท่จื่อเกิดวุ่นวายขึ้นมาเขาเอ่ยว่ามีมือสังหารลอบเข้ามา ดังนั้นไท่จื่อจึงพาคนออกตรวจสอบกระโจมแต่ละหลัง”
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด มีบางอย่างผิดปกติ
ทหารองครักษ์คุ้มกันอย่างแ่า จะมีมือสังหารลอบเข้ามาได้อย่างไรอีกทั้งยังคิดจะทำร้ายไท่จื่ออีก
“หลังจากตอนที่ข้าไปแล้ว มีใครเข้ามาในนี้หรือไม่?”
สาวใช้ทั้งสี่ครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้า
“พวกเ้าลองคิดดูให้ดี ตกลงมีใครเข้ามาหรือไม่?”
ทุกคนในกระโจมต่างพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก
สุดท้ายเยว่ฉีจึงเอ่ยออกมาอย่างลังเล
“หลังจากพี่หลินไป สาวใช้ประจำตัวของพี่สาวข้านามว่าปี้เหลียนมาที่นี่อีกทั้งบอกว่าท่านพ่อสั่งให้นำยาถ้วยหนึ่งมาให้พี่สาว”
สาวใช้ประจำตัวของพี่เยว่ถิง? อีกทั้งยังนำยามาให้?
“หลายวันมานี้ปี้เหลียนเป็คนนำซุปมาให้ คงไม่มีอะไรหรอก”
แม้เยว่ฉีจะอ้ำอึ้งแต่ถึงกระนั้นปี้เหลียนก็เป็คนสนิทของพี่สาวจริง ๆ
“นางนำของสิ่งใดส่งมาให้?”
หลินเมิ้งหยาได้กลิ่นผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นจึงรีบเอ่ยถาม
เยว่ฉีหยิบกล่องอาหารสีแดงออกมาจากมุมหนึ่ง
รูปลักษณ์ของมันไม่ได้พิเศษอันใด
หลินเมิ้งหยาหยิบกล่องมาพลิกดู เหตุเพราะเวลากระชั้นชิดดังนั้นนางจึงโยนมันลงพื้น
“ปัง” เสียงดังขึ้น กล่องอาหารแตกละเอียดคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่อยู่ภายในจะเป็ชุดสีดำ
“เป็ไปได้อย่างไร? ทั้งที่...”
มุมปากของหลินเมิ้งหยากระตุกขึ้นอย่างเ็า
ดูเหมือนไท่จื่อจะใจร้อนจึงคิดส่งของชิ้นนี้มาทำลายนางอย่างนั้นสินะ
ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบชุดสีดำขึ้นมา ก่อนจะเดินผลุบหายเข้าไปในฉากกั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ชุดสีดำถูกสวมใส่ลงบนร่างของหลินเมิ้งหยา
“พวกเ้าลองดูหน่อยสิว่ายังมีตรงไหนโผล่ออกมาให้เห็นอีก?”
หลังจากสวมเสร็จแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงเดินออกมา
เนื้อผ้าของชุดสีดำค่อนข้างบาง เมื่อสวมผ้าคลุมสีดำทับเข้าไปดังนั้นจึงมองไม่เห็นสิ่งใด
“เอาไปทิ้งก็ได้นี่เ้าค่ะ เหตุใดนายหญิงต้องใส่มันด้วย?”
ป๋ายจื่อคิดไม่ออกจึงเอ่ยถาม
“ในเมื่ออีกฝ่ายให้มาแล้วพวกเขาจะต้องมีวิธีเอาผิดพวกเราอย่างแน่นอนดังนั้นหากข้าสวมไว้กับตัวก็จะไม่มีใครหาเจอ”
แม้กระโจมจะกว้างมาก แต่ถึงจะซ่อนเอาไว้ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถูกหาพบ
มีเพียงร่างกายของชายาอวี้เท่านั้นที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
ทันทีที่สิ้นเสียงลง เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านนอก
“ทูลพระชายา ไท่จื่อถูกโจมตี ฉะนั้นจึงจำเป็ต้องตรวจค้นทุกกระโจมขอพระชายาได้โปรดเปิดทางด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จะเป็การตรวจค้น แต่นี่เป็กระโจมของหญิงสาวดังนั้นจึงมิอาจเข้ามาได้ง่ายๆ
หลินเมิ้งหยาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงส่งป๋ายซ่าวออกไป
ป๋ายซ่าวแหวกผ้าม่านออก มองดูทหารสิบกว่าคนด้านนอก
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะเอ่ย
“พระชายาของพวกเราหาใช่ฮูหยินธรรมดาไม่หากพวกเ้าเข้าไปตรวจค้นให้ระวังสิ่งของด้วย ถ้าเกิดบุบสลายขึ้นมาพวกเ้าคงกลับออกไปง่ายๆ ไม่ได้”
ทหารเ่าั้เป็คนของไท่จื่อดังนั้นป๋ายซ่าวไม่จำเป็ต้องไว้หน้าพวกเขา
ทหารเ่าั้เผยสีหน้าลำบากใจ
คนอื่นให้ความร่วมมือเป็อย่างดี มีเพียงชายาอวี้ที่ทำให้พวกเขาต้องสะอึก
ชายาอวี้ช่างแตกต่างจากผู้อื่นจริงๆ
“แม่นางโปรดวางใจ พวกเราจะระมัดระวังเป็อย่างดีพระชายาไม่เหมือนคนอื่น พวกเราจะระวัง”
ป๋ายซ่าวพาคนสองสามคนเข้าไปในกระโจม เพียงเดินผ่านประตูกลิ่นยาพลันพวยพุ่งเข้ามาเตะจมูก คิ้วของทหารเ่าั้ขมวดเข้าหากัน
ชายหญิงแตกต่างกัน นอกจากฉากกั้นที่เตียง บริเวณอื่น ๆมิมีอะไรผิดปกติ
“ถวายคำนับพระชายา พระชายาได้โปรดลงโทษด้วยพวกกระหม่อมมารบกวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แม้ไท่จื่อกับอ๋องอวี้จะไม่ถูกกัน แต่เื่นี้พวกเขาไม่กล้ายุ่ง
สำหรับพระชายาอวี้ พวกเขาไม่กล้าทำให้นางขุ่นเคือง
“อือ พวกเ้าเองก็ปฏิบัติตามคำสั่ง ป๋ายจี ป๋ายซ่าวพวกเ้าพาพวกเขาไปตรวจสอบ”
หลังฉากกั้น หลินเมิ้งหยานั่งอยู่บนเก้าอี้เยว่ฉีประคองร่างของเยว่ถิงและนั่งรอผลการค้นหาด้วยกันที่ด้านหลัง
แม้จะถูกหลินเมิ้งหยาข่มขวัญ แต่พวกเขาก็มิได้แสดงท่าทีตื่นกลัว
“ได้โปรดเปิดตู้หลังนี้ออก พวกเรา้าตรวจสอบ”
ใบหน้าของป๋ายจีแสดงความไม่พึงพอใจเหตุเพราะนี่คือตู้เก็บเสื้อผ้าของพระชายา
หยิบเสื้อผ้าออกมาวางบนโต๊ะทีละชุด
“พวกเราตรวจสอบแล้ว ไม่พบสิ่งใด”
ไม่พบแน่นอนอยู่แล้ว หลินเมิ้งหยาแอบส่งเสียงในใจแต่ถึงกระนั้นท่าทางที่แสดงออกมายังคงสงบนิ่ง
