“เฮ้ บังเอิญยิ่งนัก!”
หยางวั่นอวิ๋นหันกลับมาและมองไปยังห้าคนที่ทยอยมาถึง เขามองไปรอบๆ สักครู่ แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของอวี้ชุนเสวี่ย
ทั้งห้าคนอยู่ในสภาพไม่น่ามองนัก ทุกคนล้วนได้รับาเ็ เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างทาง
“ดูเหมือนพวกเ้าจะโชคดี ถึงได้วิ่งนำเรามาได้”
ลี่ไห่ซิงไม่มีความสุข พวกเขาออกเดินทางพร้อมกัน ทว่ากลุ่มแรกที่มาถึงกลับเป็จื๋อซิวทั้งสี่ ซึ่งทำให้ทั้งซิงซิวและหยวนซิวรู้สึกอับอาย
หนิงเทียนเดินเข้าไปในเมือง ก่อนกลิ่นอายดุร้ายจะทำให้เขาขมวดคิ้ว
เมืองโบราณแห่งนี้ค่อนข้างประหลาด มีบรรยากาศของความทรุดโทรมที่ควรมีในแดนรกร้าง ทั้งยังมีพลังแปลกๆ ที่ระงับหมื่นสรรพสิ่งในใจของเขาไว้ได้อีกด้วย
ชิวอีเซี่ยนตามติดหนิงเทียน ขณะที่หยางวั่นอวิ๋นและอูเหรินเจี๋ยจงใจชะลอความเร็วลง เพื่อขัดขวางทั้งห้าคนที่เพิ่งมาถึง
ถนนที่ปูด้วยหินสีหยกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่ก็มีรอยเท้ายุ่งเหยิงนับไม่ถ้วนที่ถูกทิ้งเอาไว้
หนิงเทียนสังเกตเห็นรายละเอียดนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาจึงเริ่มเคร่งขรึม
“หลีกไป”
ลี่ไห่ซิงคำราม แล้วดึงชิวซานอวิ๋นเข้าไปในเมืองโดยตรง
ในไม่ช้า ทุกคนก็เดินเข้าไปในประตูเมืองและมองทิวทัศน์ในเมืองด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน
อู๋เยวี่ยฮุยหยุดเดินชั่วคราว ก่อนจะก้มมองเบื้องล่าง
เหมยฉินเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมอง้า ก่อนจะจมลงไปในห้วงความคิดที่ลึกซึ้ง
เจียงซั่งอี ลี่ไห่ซิง และชิวซานอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลใดๆ
“รีบไปกันเถอะ เราจะปล่อยให้พวกเขานำหน้าเราไปไม่ได้”
ชิวอีเซี่ยนตื่นเต้นมากจนอยากจะตามให้ทัน แต่หนิงเทียนกลับดึงเขากลับมา
“เหตุใดจึงวิตกกังวลนัก ไม่เห็นหรือว่าพื้นดินเต็มไปด้วยรอยเท้า?”
ชิวอีเซี่ยน หยางวั่นอวิ๋น และอูเหรินเจี๋ยต่างก้มมองพื้นด้วยความสับสนในดวงตา
“จำนวนศิษย์จากทั้งสามสายบำเพ็ญที่เข้ามาในโลกนี้มีเพียงเจ็ดสิบสองคนเท่านั้น แม้ทั้งหมดจะมาที่นี่ พวกเขาก็ไม่สามารถทิ้งรอยเท้าไว้ได้มากมายเช่นนี้ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”
หยางวั่นอวิ๋นมองหนิงเทียนทันที โดยมองว่าเขาเป็ดั่งกระดูกสันหลังของทั้งสี่โดยไม่รู้ตัว
หนิงเทียนเหลือบมองอู๋เยวี่ยฮุยสองสามครั้ง แล้วตอบคำถาม “ซิงซิวแตกต่างจากคนทั่วไปในแง่ของความแข็งแกร่งทางจิต ศาลาดารา์มีชื่อเสียงไปทั่วหล้า ข้าเดาว่าเขาจะต้องรับรู้ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็แน่”
อู๋เยวี่ยฮุยหัวเราะเยาะ “แม้ว่าข้าจะรู้ แล้วข้าจะบอกเ้าทำไม?”
อูเหรินเจี๋ยกล่าวว่า “พี่อู๋ทำไมต้องเก็บทักษะของตนไว้เป็ความลับด้วย มีคนมากมายเข้ามาที่นี่ก่อนเรา คิดว่าคนเ่าั้ไม่รู้ความลับที่นี่หรือ?”
อู๋เยวี่ยฮุยฮึมฮัม “คนเ่าั้คือคนเ่าั้ พวกเ้าไม่คู่ควร”
อู๋เยวี่ยฮุยจากไปในพริบตาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง
หนิงเทียนมองเหมยฉินเสวี่ย แต่เหมยฉินเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรสักคำ และติดตามอู๋เยวี่ยฮุยไปทันที
“ช่างน่ารังเกียจ กล้าดีอย่างไรมาดูถูกพวกเรา”
ชิวอีเซี่ยนคำรามด้วยความโมโห
หยางวั่นอวิ๋นค่อนข้างสงบและพูดอย่างใจเย็น “ซิงซิวล้วนหยิ่งผยองมาโดยตลอด พวกเขาไม่สนใจแม้กระทั่งหยวนซิว ไม่ต้องพูดถึงพวกเราเลย”
“ไปกันเถอะ พวกเราแค่ต้องระวังให้มากหน่อย”
อูเหรินเจี๋ยกำลังจะออกเดิน แต่ถูกหนิงเทียนหยุดไว้
“ข้าจะก้าวนำไปก่อน จากนั้นพวกท่านต้องก้าวไปข้างหน้าตามรอยเท้าของข้า และต้องไม่พลาด”
“ทำไม?”
“เพราะที่นี่มีผีที่มองไม่เห็น”
หนิงเทียนมีความเชี่ยวชาญในเส้นทางิญญา และสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเห็นได้
เมืองโบราณแห่งนี้ลึกลับมาก บนหอคอยยังคงมีทหารที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกนั้นราวกับกำลังเฝ้าเมืองอยู่เช่นเดิม
หนิงเทียนคิดถึงการบุกรุกของความมืด และนึกถึงคำสั่งห้ามที่สลักไว้ด้านหลังแผ่นศิลาแผ่นแรก เขารู้สึกว่ามีความลับมากมายซ่อนอยู่ในโลกนี้
“ผี?”
ชิวอีเซี่ยน หยางวั่นอวิ๋น และอูเหรินเจี๋ยต่างใและอยากจะถาม แต่หนิงเทียนปฏิเสธที่จะอธิบาย และบอกเพียงให้ทั้งสามคนระวังตัวไว้
เส้นทางของหนิงเทียนคดเคี้ยวไปมา เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปตามถนนหินหยก มีสายตาจ้องมองไปที่ร่างของเขาเป็ครั้งคราวจากท่ามกลางอาคารทั้งสองฝั่ง
อูเหรินเจี๋ย หยางวั่นอวิ๋น และชิวอีเซี่ยนไม่รู้เื่นี้ แต่หนิงเทียนรู้สึกตึงเครียดและรู้สึกถึงพลังแห่งคำสาปได้เป็อย่างดี
มีการสังเวยิญญาที่นี่หรือไม่?
จิตใจของหนิงเทียนสั่นคลอนกับความคิดที่ผ่านเข้ามาเพียงชั่วครู่ เขาไม่้าพบกับิญญาสังเวยโบราณที่นี่
ข้างหน้าเป็ทางแยก เด็กหญิงตัวน้อยในวัยประมาณสองสามขวบยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะดูไร้เดียงสา
หนิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย และหยุดก้าวไปข้างหน้า คนอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นสาวน้อยคนนี้ได้ ร่างของนางเป็เพียงจิติญญา
เด็กหญิงตัวเล็กๆ สังเกตเห็นดวงตาของหนิงเทียน นางจึงหันหลังกลับและเดินไปยังถนนทางด้านซ้าย
หนิงเทียนขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินตามไป
เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ข้างหน้ามองย้อนกลับมาเป็ครั้งคราว ราวกับว่านางดูว่าหนิงเทียนติดตามมาหรือไม่
ในไม่ช้า เด็กหญิงตัวน้อยก็ข้ามสี่แยกและเข้าไปในคฤหาสน์ซึ่งมีสวน บ่อน้ำ หิน และสวนสมุนไพร
เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้าไปในสวนสมุนไพร ก่อนจะกลายร่างเป็ดอกไม้ต้นน้อยที่พลิ้วไหวตามสายลม ซึ่งทำให้หนิงเทียนใ
“พวกท่านรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
หนิงเทียนพูดกับทั้งสามคนที่อยู่ข้างหลัง แล้วเดินเข้าไปในสวนสมุนไพรเพียงลำพัง
มีสมุนไพรมากมายที่ปลูกอยู่ที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่หนิงเทียนไม่รู้จัก แต่เขาเชี่ยวชาญศาสตร์เล่นแร่แปรธาตุที่ได้มาจากทักษะกลั่นเม็ดยา มีความรู้ด้านสมุนไพรอยู่บ้าง
มีดอกโบตั๋นเจ็ดสีอยู่ในสวนสมุนไพร โดยมีดอกเจ็ดดอกบานสะพรั่ง แต่ละดอกมีสีที่แตกต่างกัน ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว คราม ฟ้า และม่วง
บนดอกโบตั๋นมีผีเสื้อเกาะอยู่ ปีกของมันสวยงามเป็อย่างมาก บางครั้งเป็สีดำ บางครั้งก็เป็ขาว สีฟ้า สีทอง และสีม่วง
สวนสมุนไพรเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่หนิงเทียนกลับกระสับกระส่ายและมองผีเสื้อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ดูเหมือนมันก็กำลังมองหนิงเทียนเช่นกัน ปีกอันสวยงามเปลี่ยนสีทุกครั้งที่โบกสะบัด นี่คือผีเสื้อที่หนิงเทียนไม่เคยเห็นมาก่อน
“เขากำลังจะไปไหน?”
ชิวอีเซี่ยนมองหนิงเทียนด้วยความสับสน ก่อนจะพบว่าหลังจากเข้าไปในสวนสมุนไพร เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่สามารถรับรู้ถึงลมหายใจใดๆ ได้เลย
อูเหรินเจี๋ยกล่าวด้วยเสียงทุ้ม “สถานที่แห่งนี้แปลกมาก สัญชาตญาณของข้าบอกว่ามีเจตนาสังหารซ่อนอยู่รอบตัว ดังนั้นจงอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”
หยางวั่นอวิ๋นพูดอย่างกังวล “หวังว่าศิษย์น้องหนิงจะปลอดภัย”
จู่ๆ ผีเสื้อเปลี่ยนสีในสวนสมุนไพรก็บินวนไปมารอบๆ หนิงเทียน พลังแห่งคำสาปอันแสนลึกลับทำให้หนิงเทียนรู้สึกเวียนหัว จนใบหน้าของเขาเริ่มน่าเกลียดอย่างมาก
“เ้าเป็ิญญาสังเวยหรือ?”
นี่เป็สิ่งสุดท้ายที่หนิงเทียนคาดว่าจะเจอ แต่มันก็เกิดขึ้นกับเขา
ผีเสื้อบินมาหยุดบนไหล่ของหนิงเทียน ก่อนปล่อยคลื่นเสียงแปลกๆ ที่ทะลุเข้าไปในหัวใจของเขา
“เ้าถูกปนเปื้อนด้วยวิถีแห่งจิติญญา จงระวังผลกรรม”
จิติญญาของหนิงเทียนตึงเครียด แม้ว่าเขาจะติดตามต้นไม้สังเวยิญญาโบราณเข้าสู่เส้นทางิญญา แต่เขาก็ยังดูซีดเซียวและไร้พลังเมื่อเผชิญหน้ากับิญญาสังเวยตนอื่น
ิญญาสังเวยเป็ิญญาที่มีการคงอยู่ที่เหนือธรรมชาติ มันสามารถควบคุมเส้นทางิญญา ควบคุมจิติญญาได้อย่างลึกลับและน่าสยดสยอง
“เ้าพาข้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด?”
หนิงเทียนกัดฟันถามเสียงต่ำ
ผีเสื้อบินขึ้นมาเกาะบนไหล่อีกข้างของหนิงเทียน มันดูราวกับภูตน้อยผู้น่ารัก
“เ้ามีเส้นทางิญญา ดังนั้นจงอย่ายุ่งกับิญญาผู้กล้าหาญในเมือง”
“ได้ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ยุ่งกับพวกเขา”
ผีเสื้อบินขึ้นไปและกลับไปหาดอกโบตั๋น
“เ้าคิดว่าดอกโบตั๋นนี่สวยหรือไม่?”
หนิงเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองดอกโบตั๋นอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเห็นแสงหลากสีของมัน มันดูสวยเกินกว่าจะเป็จริงได้
ดอกโบตั๋นนี้ส่งกลิ่นหอมแปลกๆ ซึ่งทำให้หนิงเทียนมึนเมา เขารู้สึกว่าโลกรอบตัวหมุนเวียน ก่อนทิวทัศน์รอบกายจะเปลี่ยนไป
มันเหมือนกับความฝัน หนิงเทียนรู้สึกเหมือนได้เข้าสู่พื้นที่ลวงตาที่แปลกประหลาด ซึ่งเป็อุโมงค์มิติเวลาที่เต็มไปด้วยสีสัน มันพาเขาไปสู่โลกที่แตกต่างกันถึงเจ็ดใบ
หนิงเทียนกำลังว่ายเวียนอยู่ในแดนแห่งความฝัน สีสันของห้วงมิติเวลาที่แตกต่างกันดูเหมือนจะซ่อนความลึกลับบางอย่างไว้
หนิงเทียนยืนอยู่ในสวนสมุนไพรอย่างโง่เขลา จิติญญาของเขาได้เข้าสู่ดอกโบตั๋นผ่านการนำทางของิญญาผีเสื้อสังเวย และเขากำลังประสบกับการเดินทางในจินตนาการที่ไม่เคยพบมาก่อน
แผนที่จิติญญาทั้งเก้าในร่างกายของหนิงเทียนกำลังสั่นะเืและส่งเสียงคำราม หอคอยพลังทั้งสองเชื่อมต่อกัน กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตตื่นขึ้นมาเพื่อปกป้องจิตใจของหนิงเทียนทันที
ผีเสื้อเกาะอยู่บนดอกโบตั๋น ปีกกระพือเบาๆ ชิ้นส่วนของแสงิญญากำลังลุกไหม้ ปล่อยภาพเหตุการณ์ประหลาดแห่งการทำลายล้างของ์ และให้มันผสานเข้ากับความฝันของหนิงเทียน
ดูเหมือนหนิงเทียนจะได้รับประสบการณ์ชีวิตและความตาย สีของเวลาและพื้นที่ที่แตกต่างกันแสดงถึงความหมายที่แตกต่างกัน การเปลี่ยนแปลงของเวลาและพื้นที่ทั้งเจ็ดสีนั้นประกอบด้วยความลับสุดยอด ตามมาด้วยเสียงแปลกๆ ที่ดังสะท้อนอยู่ในใจของเขา
ต้นไม้โบราณปรากฏขึ้น เม็ดแก่นแท้ิญญาเปล่งประกายราวกับประภาคารท่ามกลางสายหมอก และคอยนำทางหนิงเทียน
ประตูิญญาหมุนบนแผนที่จิติญญาที่เก้าซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่มันปลุกหนิงเทียนที่มึนเมาให้ตื่นขึ้นในทันที
จิติญญาของเขายังคงเร่ร่อนอยู่ในห้วงเวลาและอวกาศที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่เขาตระหนักดีถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
จุดประสงค์ของิญญาผีเสื้อสังเวยที่ล่อให้หนิงเทียนเข้าสู่ความฝันคืออะไร?
หนิงเทียนไม่เข้าใจเื่ของสีทั้งเจ็ดที่มีการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าิญญาผีเสื้อสังเวยกำลังพยายามทำอะไรอยู่?
“ถึงเวลาที่เ้าต้องไปแล้ว”
หนิงเทียนพูดด้วยความสับสน “เมื่อครู่นี้...”
ผีเสื้อกล่าวว่า “หากเ้าได้พบจักรพรรดิมรกตในอนาคต จงบอกเขาว่าความมืดมิดมาถึงแล้ว ความฝันเมื่อครู่นี้ถือได้ว่าเป็การชดเชยแก่เ้า”
จักรพรรดิมรกตอีกแล้ว หนิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลมากขึ้นก็คือตอนนี้เขาไม่เข้าใจความฝันเลย
“ชดเชยเื่ใด โปรดบอกให้ชัดเจนได้หรือไม่?”
“ไปเถอะ เมื่อถึงเวลาเ้าจะรู้เอง”
สายลมพัดมา ดอกไม้นับร้อยส่งยิ้ม พร้อมพลังประหลาดที่พัดหนิงเทียนออกไป เมื่อเขาล้มลงกับพื้น เขาก็ตื่นขึ้นมาทันที พร้อมกับสวนสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้าที่อันตรธานไป
นี่เหมือนความฝัน แม้แต่หนิงเทียนก็ยังสงสัยว่าทุกอย่างเป็เพียงจินตนาการหรือไม่
“เ้ากลับมาแล้ว เมื่อครู่เ้าไปไหนมา?”
เมื่อเห็นหนิงเทียนปรากฏตัว ชิวอีเซี่ยนและหยางวั่นอวิ๋นต่างก็ตื่นเต้น
“มีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น รีบไปที่เจดีย์ก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
หนิงเทียนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนทั้งสี่คนจะมาถึงลานกลางเมืองภายในเวลาหนึ่งก้านธูป
เจดีย์ตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นด้วยความสูงประมาณหนึ่งร้อยจั้ง สร้างขึ้นบนแท่นหินทรงกลมซึ่งมีทั้งหมดเก้าชั้น
แท่นหินสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งจั้ง และมีจำนวนขั้นเก้าขั้น
ถัดจากทางเข้าชั้นหนึ่งของเจดีย์มีแผ่นศิลายาวสองจั้งตั้งอยู่ บนนั้นมีลวดลายแปลกๆ ปรากฏขึ้นที่ส่วนบนซึ่งกำลังส่องแสงแวบวับแ่เบา ครึ่งล่างเป็แผนที่ มันคือแผนที่ของโลกนี้ โดยมีจุดทำเครื่องหมายอยู่สิบจุด
ณ ตอนนี้เริ่มจะช้าแล้ว นอกจากหนิงเทียน ชิวอีเซี่ยน หยางวั่นอวิ๋น และอูเหรินเจี๋ยสี่คนที่เพิ่งมาถึงด้านนอกเจดีย์ ยังมีคนอีกเก้าคนที่ยืนอยู่ ทุกคนต่างให้ความสนใจกับสถานการณ์บนแผ่นศิลานั้น
“ทำไมพวกเขาไม่เข้าไปล่ะ?”
ชิวอีเซี่ยนมองคนเ่าั้อย่างสงสัย
“ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจกำลังรอโอกาสอยู่ก็เป็ได้”
อูเหรินเจี๋ยเสนอความคิดเห็นของตนเอง แต่หยางวั่นอวิ๋นกลับนึกถึงความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่ง
“ไม่แน่ว่าเจดีย์นี้อาจเข้าไม่ง่ายนัก”
หนิงเทียนไม่ได้สนใจคนเ่าั้ ในขณะนี้เขากำลังให้ความสนใจกับแผ่นศิลายาวสองจั้ง
แผนที่ด้านล่างสามารถช่วยให้ผู้คนเข้าใจสถานการณ์โดยทั่วไปของทั้งโลกได้ แต่สัญลักษณ์บนแผนที่เ่าั้หมายถึงอะไร?
บางลายก็เรืองแสง บางลายเป็สีเทา ทำให้เกิดความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
