เหนียนยวี่ตอบรับสายตาของฉู่ชิง นางกลับมาสงบนิ่งดังเดิมแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างสดใส มีชีวิตชีวา “ใช่ ข้าคิดเรียบร้อยดีแล้ว”
คิดดีแล้วว่าจะแต่งงานกับเขา!
ภายใต้การครุ่นคิดชั่งน้ำหนัก ไม่ว่าฉู่ชิงจะ้าช่วยนาง หรือเพราะไม่ยอมให้นางเก็บความลับของเขา และไปแต่งงานกับคนอื่นเช่นนั้นจริง
อย่างไรตอนนี้ ฉู่ชิงก็เป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดของนาง!
ภายใต้หน้ากากของฉู่ชิง รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาอันไร้ผู้ใดเทียบเคียงแย้มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าพึงพอใจกับคำตอบนี้มาก
“ดี เอาตามนั้น สามวันหลังจากนี้ เมื่อถึงวันเกิดของเ้า ข้าจะไปสู่ขอถึงหน้าประตูด้วยตนเอง”
ฉู่ชิงยกชาขึ้นมาจิบช้าๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สายตาที่มองดูเหนียนยวี่ฉายประกายแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย “ได้ยินฝ่าาตรัสเื่เขื่อนริมแม่น้ำแตกว่า ท่านอ๋องมู่จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ เขากำลังเร่งเดินทางมาเมืองชุ่นเทียน วันเกิดของเ้า วันนั้น...”
“ท่านแม่ทัพหลวง โปรดวางใจเถิด วันนั้นท่านอ๋องมู่เขา...จะไม่ได้มา”
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงบุรุษนิสัยใสซื่อบริสุทธิ์ผู้นั้น นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเร่งเดินทางกลับมาเมืองชุ่นเทียนก็ตาม ทว่าฮองเฮาอวี่เหวินไม่มีทางปล่อยให้เขากลับมาทันตามกำหนดการแน่
ทว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องกลับมาถึงมิใช่หรือ?
ยามที่กลับมาและต้องมาเจอว่างานแต่งของนาง กลายเป็สถานการณ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
บุรุษจิตใจบริสุทธิ์ ผู้ให้คำมั่นว่าจะปกป้องนางด้วยท่าทีร่าเริงมีชีวิตชีวาถึงเพียงนั้น...รอยยิ้มสดใสของจ้าวอี้พลันผุดขึ้นในหัวของเหนียนยวี่ ฮองเฮาอวี่เหวินวางแผนดีเสียจริง คิดผลักปัญหายากให้นาง
เมื่ออยู่ภายใต้อำนาจของราชวงศ์ นางทำได้เพียงต้องยอมรับ
เมื่อท่านอ๋องมู่กลับมา นางจำต้องเผชิญหน้ากับเขา!
การทอดถอนหายใจของเหนียนยวี่อยู่ในสายตาของฉู่ชิง มือที่ถือถ้วยชาหยุดชะงักเล็กน้อย มีแสงวาบแปลกประหลาดพาดผ่านั์ตาคู่นั้น
คนฉลาดเช่นเขาย่อมคาดเดาออกได้ทันทีถึงสาเหตุที่เหนียนยวี่ถอนหายใจ
จ้าวอี้!
ฮองเฮาอวี่เหวินผลักปัญหายากให้เหนียนยวี่ ยามนี้นางกับเขาตกลงหมั้นหมายแต่งงานกันแล้ว แม้นจะผ่านด่านของฮองเฮาอวี่เหวินแล้ว ทว่าจะผ่านด่านของจ้าวอี้ได้อย่างไร?
เหนียนยวี่ไม่้าทำร้ายผู้ใดที่ทำดีกับนาง จ้าวอี้เองก็เป็หนึ่งในนั้น จ้าวอี้ผู้มีจิตใจจดจ่ออยู่กับเหนียนยวี่ เื่ครานี้คงจะทำให้เขาเ็ปเป็แน่!
ฉู่ชิงขมวดคิ้ว มีประกายแสงสลัวไหลวนในดวงตา ยากจะเข้าใจ
ในห้องชา กลิ่นหอมของใบชาลอยวนอยู่ในอากาศ ท่ามกลางความเงียบอันยาวนาน ทั้งสองต่างจิบชา ราวกับว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังติดอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง มิรู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ศาลาฉางยวี่ เมืองชุ่นเทียน
ในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง บุรุษชุดขาวนั่งอยู่ที่โต๊ะ ถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือ ในฤดูเหมันต์เช่นนี้ ควันร้อนที่ลอยกรุ่นออกมาจากถ้วยยิ่งเห็นชัดเป็พิเศษ มือของชายผู้นั้นขาวราวหยก ตัวหมากที่ทำจากหยกสีขาว เมื่ออยู่ในมือของเขา ดูราวกับผสานเป็หนึ่งเดียวกับมือข้างนั้น
บนกระดานหมากตรงหน้า หมากขาวและหมากดำ ภาพรวมทั้งกระดานดูแปลกประหลาด ดูเหมือน เมื่อหมากในมือของชายหนุ่มวางลงไป ก็จะสามารถทำให้ภาพรวมของกระดานหมากนี้ชัดเจน
แต่ในยามนี้ ตัวหมากในมือของชายผู้นั้นกลับไม่ได้ถูกวางลงไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติ ราวเทพเซียนปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง
“พลัดหลงหรือ?” จ้าวเยี่ยนเอ่ยปาก น้ำเสียงของเขาดูเยือกเย็น
“ผู้น้อยสมควรตาย คุณหนูรองเหนียน เ้าเล่ห์มากเ้าค่ะ คนของผู้น้อย...” คนที่แต่งกายเป็สาวใช้ธรรมดาคุกเข่าลงกับพื้น ท่าทีตื่นตระหนก คนผู้นั้นคือโม่หลี
ทว่ายังไม่ทันจะเอ่ยจบ พลันได้ยินเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นมา ฝ่ามือข้างหนึ่งของจ้าวเยี่ยนตบลงบนกระดานหมาก จนตัวหมากบนกระดานกระจัดกระจาย สตรีที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นตื่นใมากเสียจนเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก นางตัวสั่นสะท้าน ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก
นางไม่เคยเห็นเ้านายตัวเองโกรธขนาดนี้มาก่อน...
“เ้าเล่ห์หรือ?” จ้าวเยี่ยนลูบถ้วยชาในมือ ร่างของเหนียนยวี่พลันผุดขึ้นในหัวเขา นางเ้าเล่ห์จริง แต่ว่า...
เหนียนยวี่ นางพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดจากคนที่ลอบติดตามนางถึงเพียงนี้ นี่มิใช่หมายความว่า สถานที่ที่นางจะไปเป็สถานที่สำคัญมากหรอกหรือ?
และสถานที่นั้นคือที่ใดกันแน่?
แสงสลัวไหลวนในดวงตาของจ้าวเยี่ยน บรรยากาศในห้องกดดันอย่างที่สุด ครั้นจ้าวเยี่ยนคิดว่า สามวันหลังจากนี้จะเป็วันเกิดของเหนียนยวี่ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพลันยิ่งมืดมนขึ้นเรื่อยๆ
“มู่อ๋อง...น่าจะกลับมาแล้ว” จ้าวเยี่ยนเอ่ยปาก มิรู้ั้แ่เมื่อใดที่ในมือของเขาถือปิ่นหยก บนปิ่นหยกอันนั้นมีดอกเหมยสีขาวสลักให้เห็นอย่างชัดเจน เป็ปิ่นหยกอันเดิมที่เหนียนยวี่เคยส่งกลับมา
ปลายนิ้วของชายหนุ่มลูบดอกเหมยสีขาวบนปิ่นหยกอย่างเบามือ ตราตรึงสลักลึกยิ่งขึ้น
โม่หลีที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบเอ่ยออกไปว่า “เรียนนายท่าน ได้ข่าวมาแล้วเ้าค่ะ ท่านอ๋องมู่อยู่ในระหว่างทางกลับเมืองชุ่นเทียน คิดว่าภายในสามวันคงจะกลับมาถึงทันแน่นอนเ้าค่ะ แต่...”
“แต่ว่าอะไร?” จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว ค่อยๆ พุ่งสายตาตรงไปยังหญิงสาวผู้นั้น
“ผู้น้อยยังมีเื่อื่นจะรายงานอีกเ้าค่ะ”
"ว่ามา"
“ผู้น้อยได้ข่าวว่า ก่อนหน้านี้ฮองเฮาอวี่เหวินได้ลอบส่งคนกลุ่มหนึ่งออกไปนอกเมืองชุ่นเทียน ดูเหมือนว่า…” โม่หลีเหลือบมองจ้าวเยี่ยน และเอ่ยปากย่างระมัดระวัง “ดูเหมือนว่า คนกลุ่มนั้นกำลังมุ่งหน้าไปทางที่ท่านอ๋องมู่กลับมา...”
กำลังมุ่งหน้าไปทางที่จ้าวอี้กลับมา?
ฮองเฮาอวี่เหวินส่งคนไปรับจ้าวอี้หรือ?
ทว่าก่อนหน้านี้ จ้าวอี้เองก็เคยออกไปนอกเมืองชุ่นเทียน ทว่ากลับไม่เคยเห็นมีครั้งไหนที่ส่งคนไปต้อนรับเช่นนี้ แต่ครั้งนี้...
ในหัวของจ้าวเยี่ยนคิดพลิกแพลงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันเข้มขึ้น บุรุษในชุดขาวพลันพรวดลุกยืนขึ้นทันที "หรือว่า..."
จ้าวเยี่ยนครุ่นคิดถึงการคาดเดาของตนเอง ดวงตาสั่นไหว เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่แล้วสีหน้าไม่อยากเชื่อบนใบหน้าหล่อเหลา ค่อยๆ เลือนหายไปและแทนที่ด้วยใบหน้าเ้าเล่ห์
หากเป็อย่างที่เขาคิดจริงๆ ละก็...
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของเขา จ้าวเยี่ยนยกปิ่นหยกอันนั้นขึ้นมาพินิจมองอย่างละเอียด รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ราวกับสายลมในฤดูวสันต์ ทว่าสายตานั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่น
“เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ หรือเ้าจะรู้มาั้แ่แรกแล้วว่า การแต่งงานครั้งนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้?” จ้าวเยี่ยนพึมพำ ถ้อยคำที่เอ่ยออกมา ยากที่จะเข้าใจ
คนที่ขอแต่งงานไม่สามารถกลับมาทันตามกำหนด การแต่งงานจะสำเร็จได้อย่างไร?
อีกอย่าง...หากเขาไม่กลับมาไปตลอด...
ครั้นจ้าวเยี่ยนคิดอะไรบางอย่างได้ ใบหน้านั้นยิ่งฉายแววสงบนิ่ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเยี่ยนจึงค่อยๆ เอ่ยปากออกมาว่า “มีเื่ให้เ้าไปทำ ครั้งนี้ต้องทำให้สำเร็จ!”
โม่หลีตกตะลึง รีบก้าวไปข้างหน้าทันที ในห้องชายหนุ่มเอ่ยคำสั่งเสียงเบา หญิงสาวฟังอย่างตั้งใจ เอ่ยน้อมรับคำสั่ง และรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
นอกศาลาฉางยวี่ ในภัตตาคารแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่นั่น หนานกงฉี่จ้องตัวอักษรบนแผ่นป้าย ‘ศาลาฉางยวี่’ ั์ตาเ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกและมีพิษเหมือนงูคู่นั้น พลันครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ศาลาฉางยวี่...
นั่นมิใช่สถานที่ของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนหรอกหรือ?
เมื่อครู่นี้คนที่ติดตามเหนียนยวี่เข้าไปในศาลาฉางยวี่ เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ยังคงไม่ออกมาอีก
นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
หนานกงฉี่ครุ่นคิดเื่ราวอย่างรวดเร็วในหัว
จ้าวเยี่ยน...การคิดแย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพหลวงวันนั้น ความทะเยอทะยานของจ้าวเยี่ยนเผยโฉมออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว
บุรุษที่ดูอ่อนโยนไร้พิษภัย ไม่คิดแก่งแย่งแข่งขันผู้นี้ ความจริงแล้วเพียงแอบซ่อนความทะเยอทะยานของตนเองไว้ก็เท่านั้นเอง
แล้วตอนนี้เขาส่งคนมาลอบติดตามรอยเหนียนยวี่เพื่ออะไรกันแน่?
หนานกงฉี่หรี่ตาแหลมคมทั้งสองข้างลงเล็กน้อยพลางครุ่นคิด เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่า เื่นี้ผิดปกติอย่างยิ่ง จ้าวเยี่ยนให้ความสนใจกับเหนียนยวี่ถึงเพียงนี้ และวันเกิดของเหนียนยวี่ที่ใกล้จะมาถึงนั่นอีก...
หนานกงฉี่ถือถ้วยชาในมือ ดวงตาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย กลับมาคิดถึงข่าวลือ เื่การมั่นหมายจะไปสู่ขอที่แพร่สะพัดไปทั่ว ในใจของหนานกงฉี่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเื่วันเกิดนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ