“อยู่ห่างจากนายหน่อย? เจาเยี่ย นายจะให้ฉันอยู่ห่างจากนายได้ยังไง? ” วางหลังมือไว้ตรงตำแหน่งที่เจาเยี่ยััเมื่อสักครู่ ถูเบาๆ ไปมา กู้หลานอันถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ฉันกลับชาติมาเกิดใหม่ก็เพราะนาย นายอยู่ในใจฉัน ฉันจะยังสามารถถอยไปไหนได้อีก? ”
ถอยออกจากห้อง เจาเยี่ยก็ยังไม่ได้ไปไหน เขาแค่บิดตัวและยืนพิงราวกั้นอยู่นอกห้อง บ้านของตระกูลกู้สร้างผนังเก็บเสียงได้ดีมาก ดนตรีและการขับร้องที่ชั้นล่างยังคงบรรเลงไม่หยุด แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดมาชั้นบนสักนิด ได้ยินเพียงเสียงลมพัดเข้าหู ยากที่จะหาความเงียบสงบแบบนี้ แต่ในใจเจาเยี่ยกลับรู้สึกว้าวุ่นเพราะเขาไม่เคยพบเจอคนแปลกประหลาดแบบกู้หลานอันมาก่อน โผล่เข้ามาในสายตาเขาในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดสุด ๆ ยิ่งเมื่อได้กลั่นแกล้งเขา หลานอันก็ชอบทำท่าทางแปลกประหลาดกับตัวเองอีกเป็ชุด แต่มันกลับทำให้คนอื่นรู้สึกว่านี่เป็การกระทำที่เป็ความเคยชินของหลานอัน แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือ ตัวเองกลับเกลียดเขาไม่ลงอย่างแท้จริง
เกลียดไม่ลงเท่ากับว่าชอบหรือ? เขารู้ดีว่าไม่ใช่ เพียงแต่ไม่อาจทำเหมือนเขาเป็คนแปลกหน้าได้
ทำไมถึงเป็แบบนี้? สาเหตุนั้นเขาเข้าใจดี เพราะตัวของกู้หลานอันมักจะเผยความสิ้นหวังออกมาให้เห็น และตรงจุดนี้มันเหมือนกันกับเขาที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเ็ปที่ได้รับจากพ่อแม่สมัยก่อน เพียงแต่เปรียบเทียบกับเขาที่เติบโตมาแบบนี้ คิดไม่ออกจริงๆ ว่า กู้หลานอันที่มีชีวิตอยู่ในบ้านที่แสนร่ำรวยและเป็ที่รักของทุกคนจะกลายเป็แบบนี้ได้อย่างไร
เจาเยี่ย นายไม่ควรคิดเื่ของคนที่แค่เดินผ่านเข้ามาในชีวิตคนนี้อีก ไม่ควรให้เขามีอิทธิพลต่อนาย และไม่ควรเห็นอกเห็นใจเขาด้วย ความเห็นใจก็คือความรู้สึก นายไม่ควรมีความรู้สึกใดๆ ให้เขา เจาเยี่ยเตือนตัวเองในใจ ยืดตัวขึ้น มองแสงไฟที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดที่อยู่ไกลออกไปอยู่สักพัก แล้วจู่ ๆ ไฟนั้นก็ดับลง จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันได้หันตัวกลับ หัวไหล่ของเขาถูกใครบางคนแตะอย่างเบามือ เขาหันกลับมา ก็เห็นอันนายืนกอดอกอยู่ จ้องเขาด้วยใบหน้าจริงจัง พร้อมพูดเบาๆ ว่า “มากับฉันหน่อยพวกเรามีเื่ต้องคุยกัน” พูดจบอันนาก็เดินนำหน้าไป
เจาเยี่ยสับสนพลางมองคนที่ตัวเองเห็นในงานเลี้ยงเมื่อสักครู่กับคนที่อยู่ตรงหน้า เปรียบเทียบดูแล้ว เหมือนกับเป็อันนาคนละคนเลย ลังเลอยู่วินาทีเดียว ก็เดินตามไปอย่างไม่รีบเร่ง
“มีอะไรเหรอครับ? ” เดินจนห่างจากห้องกู้หลานอันพอสมควรอันนาก็หยุดเดิน เธอไม่ได้พูดอะไร เจาเยี่ยก็เลยเปิดปากถามก่อนตามมารยาท
“เธอชอบหลานอันรึเปล่า? ” อันนาถามอย่างจริงจัง แม้ว่าเธอจะเป็สาววาย แม้ว่าเธอจะสนับสนุนลูกชายของเธอให้ไปชอบผู้ชายคนหนึ่ง แต่ถ้าเกิดผู้ชายคนนี้เป็ชายแท้ ไม่มีความเป็ไปได้ที่เขาจะชอบลูกขายของเธอ ถ้าอย่างนั้นก่อนที่เจาเยี่ยจะเข้าไปอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของกู้หลานอัน เธอก็พร้อมจะเป็คนใจร้าย เดิมทีความรักที่ไม่สมหวังก็ทำร้ายจิตใจคนอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือกับคนที่ต้องเสี่ยงอย่างกล้าหาญกับการเอาชื่อเสียงเื่รักร่วมเพศของตัวเองไปเปิดเผยต่อสาธารณชน
“ไม่ชอบครับ” เจาเยี่ยตอบแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย
อันนาฟังแล้วขมวดคิ้ว ถ้าหากเขาลังเลเธอก็สามารถประเมินได้ว่าเขาเป็พวกปากอย่างใจอย่าง แต่ว่าเขาไม่ใช่ เขาพูดอย่างชัดเจนเลยว่าไม่ได้รัก ในเมื่อไม่รัก อย่างนั้นเธอก็ต้องขอโทษหลานอันแล้ว เธอต้องตัดสินใจ อันนาเงยหน้าถามด้วยสายตาเ็า “ถ้าอย่างนั้นเธอรู้รึเปล่าว่าเขาชอบเธอจนเขามาสารภาพเื่เพศสภาพกับฉัน? ”
“ผมรู้ว่าเขาชอบผมครับ” เจาเยี่ยตะลึงงัน คิ้วขมวดจนไม่เป็เส้นตรง แม้กู้หลานอันเคยสารภาพรักกับเขาั้แ่แรกพบจริง “แต่ผมไม่รู้ว่าเพื่อผมแล้ว เขาจะสารภาพเื่เพศสภาพของเขาครับ”
“เธอรู้สึกยังไงเมื่อรู้แล้ว? ” อันนาไล่ถาม
“ไม่เกี่ยวอะไรกับผมครับ” คำตอบที่ไร้ความรู้สึกของเจาเยี่ยกลับทำให้อันนาชื่นชมอยู่บ้าง ไม่ให้ปัจจัยภายนอกมาปะปนกับความรู้สึก มีเพียงรักกับไม่รัก ง่ายดายเพียงนี้ คนแบบนี้ ถ้าเขาสามารถตกหลุมรักใครสักคน คนคนนั้นจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน
เธอมองเจาเยี่ยอย่างชื่นชมอยู่นาน อันนาเพิ่งจะรู้สึกเสียดาย ก้มหน้าถามเขาว่า “ในเมื่อไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ถ้าหลังจากนี้หลานอันเข้าใกล้เธออีก ต้องขอร้องให้เธอช่วยออกห่างจากเขาหน่อยนะ อย่าให้เขามีโอกาสได้หลงรักเธอ ฉันเป็แม่เขา หวังดีกับเขา หวังว่าเธอจะเข้าใจนะ”