ออกจากสำนักกระบี่์มาได้สามเดือนกว่าแล้ววันลาที่ขอสำนักใกล้จะถึงกำหนด เสวียนเทียนบอกลาบิดามารดาเริ่มออกเดินทางกลับสำนักกระบี่์
เสวียนเทียนขี่ม้ากิเลนดำจากหมู่บ้านหวงปั้ว ออกนอกอำเภอเป่ยโม่
ม้ากิเลนดำฝีเท้าไวว่องกลางวันก็ข้ามทุ่งม้าป่ามาแล้ว มาถึงหมู่บ้านเหยียหม่าตรงสุดทิศใต้ของทุ่งม้าป่า
เมื่อครั้งจากสำนักกระบี่์กลับมายังอำเภอเป่ยโม่หมู่บ้านเหยียหม่าเป็สถานีพักสุดท้ายของเส้นทาง ครั้งนี้กลับสำนักกระบี่์ หมู่บ้านเหยียหม่าเป็สถานีพักจุดแรกของเส้นทาง
เมื่อนำม้ากิเลนดำไปไว้ที่คอกม้าด้านนอกของโรงเตี๊ยมแล้วเสวียนเทียนก็เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเพียงแห่งเดียวของหมู่บ้านเหยียหม่า
สั่งอาหารจานเด็ดของร้านมาสองสามอย่างสุราหนึ่งไห อาหารกลางวันจัดการเสียที่นี่เลย
หมู่บ้านเหยียหม่าติดกับทุ่งม้าป่าอันเวิ้งว้างเป็เส้นทางเดียวที่ทอดไปถึงอำเภอเป่ยโม่ ทั้งสามด้านของอำเภอเป่ยโม่ล้อมรอบด้วยูเาทิศใต้มีทุ่งม้าป่ากั้นขวาง เป็แอ่งที่ราบเล็กๆ แห่งหนึ่งผู้ฝึกยุทธ์ในอำเภอน้อยครั้งจะออกไปข้างนอก ผู้ฝึกยุทธ์ข้างนอกก็น้อยครั้งจะเข้ามาข้างใน
ดังนั้นหมู่บ้านเหยียหม่าจึงค่อนข้างเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด นอกจากผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหนึ่งที่อยู่แถบนี้มีผู้ฝึกยุทธ์มาเยือนน้อยคน ที่มาก็เป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์
เสวียนเทียนสะพายกระบี่ขุนเขาหนักและกระบี่แรกฟ้าเล่มหนึ่งดำสนิท เล่มหนึ่งฟ้าครามร่างแผ่กลิ่นไอที่ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาเท่านั้นจะมี ในโรงเตี๊ยมหมู่บ้านเหยียหม่าสะดุดตาเป็อย่างยิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ไม่กี่คนในโรงเตี๊ยมคอยลอบมองประเมินเสวียนเทียนอย่างใคร่รู้
“อายุน้อยเพียงนี้ก็เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาแล้วต้องเป็ศิษย์ของสี่สำนักใหญ่แน่!”
“เฮ้อ พวกเราฝึกฝนทั้งชีวิตก็ไปไม่ถึงชั้นเบิกนภาคุณชายท่านนี้ ดูแล้วคงเพิ่งอายุเพียงสิบสี่สิบห้าตอนนี้ก็พลังวัตรชั้นเบิกนภาแล้ววันข้างหน้าย่อมเป็ยอดฝีมือที่สุดยอดของอาณาจักรเสินเตาแน่!”
“ตาเฒ่าเลี่ยว เ้าอย่าเอาพวกเราไปเทียบกับเขานี่เทียบกันได้หรือ อายุน้อยขนาดนี้ก็ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาต่อให้เป็ในสี่สำนักใหญ่ก็เป็ศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง มีไม่กี่คนหรอกที่เทียบได้”
“นั่นสินะ ไม่มีทางเทียบได้เ้าดูถึงเขาจะอายุน้อย แต่ร่างสูงไม่แพ้ข้าแล้ว หน้าตาก็เหมือนยอดคนหล่อเหลาไม่ธรรมดา ช่างเป็ัในหมู่คน ถ้าข้ามีลูกสาวก็คง...!”
“เชอะ! คนอื่นเขาเป็คนชั้นไหน จะสนลูกสาวของเ้าได้อย่างไร ตาเฒ่าเลี่ยวเ้าช่างฝันกลางวันเสียจริง!”
“นั่นสินะ...!”
........
........
ถึงแม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์หลายคนจะกดเสียงเบาแต่ก็ยังเข้าหูเสวียนเทียนชัดเจน ทำให้เขาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ทันใดนั้นเองนอกโรงเตี๊ยมก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังลอยเข้ามา เสียงดังมาถึงโรงเตี๊ยม มีเสียงม้าร้องดังขึ้นสามครั้งจากนั้นฝีเท้าม้าหยุดลง
เสียงเบาๆ สามครั้งดังเข้าหูของเสวียนเทียนนั่นเป็เสียงคนสามคนลงจากม้า หูของเสวียนเทียนขยับ เสียงนั่นแ่เบาเป็อย่างยิ่งเสียงลงพื้นของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์ไม่มีทางแ่เบาถึงเพียงนี้ ผู้ที่มาคงเป็จอมยุทธ์ชั้นเบิกนภาเป็แน่
หมู่บ้านเหยียหม่ายามปกติยากจะมีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาสักคนมาเยือนเวลานี้กลับมาถึงสามคน เสวียนเทียนเผยท่าทางสนอกสนใจออกมาหลายส่วนเมื่อสามคนลงม้าแล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “มือกระบี่เงาผีนี่เ้าเล่ห์นักพวกเราตามร่องรอยของเขา ไล่ล่ามาพันกว่าลี้ แม้กระทั่งเงาของเขาก็ยังไม่เห็นน่าโมโหจริงๆ”
เสียงผู้ชายพูดต่อ “ศิษย์น้องหญิงเชียนโหรวมือกระบี่เงาผีคงหนีไปได้ไม่ไกล น่าจะอยู่แถวนี้ เขาหลบได้ไม่นานหรอกอย่างไรก็ต้องถูกพวกเราพบเป็แน่”
“มีแต่ท่านไม่รีบไม่ร้อนข้าว่าต่อให้ไฟลุกติดขนคิ้ว ท่านก็ร้อนรนขึ้นมาไม่เป็อยู่ดี ฮึ” ผู้หญิงคนนั้นแค่นเสียงใส่เขาทีหนึ่ง แต่น้ำเสียงเป็เชิงประชดประชันดูแล้วคงสนิทสนมกับผู้ชายที่เพิ่งเอ่ยด้วย
ตอนนี้เอง เสียงผู้ชายอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ศิษย์พี่กู้ท่านต้องเชื่อคำของศิษย์พี่เฟิง ศิษย์พี่เฟิงบอกว่าอีกไม่นานจะพบก็ต้องพบแน่”
“ฮึ! มือกระบี่เงาผีกล้าข่มเหงหญิงสาวชาวบ้านรอพบแล้ว คอยดูหญิงสาวอย่างข้าจะจัดการเขาให้เห็นดีกัน” เสียงผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นอีกในน้ำเสียงยังคงมีโทสะอยู่
ผู้หญิงคนนั้นพูดจบหนุ่มสาวอายุราวสิบแปดสิบเก้าปีสามคนก็เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม
หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินเคียงกันมาด้านหน้าผู้ชายอีกคนหนึ่งตามมาด้านหลังทั้งสองคน
หลังของทั้งสามสะพายกระบี่ยาวแบบฉบับของศิษย์สำนักกระบี่ผู้ชายด้านหน้าสวมเสื้อผ้าสีขาว ผิวขาวจัด หน้าตานับว่าหล่อเหลาผู้หญิงด้านข้างสวมเสื้อผ้าสีชมพูอ่อน งดงามพอตัวผู้ชายด้านหลังดูแล้วอ่อนวัยที่สุด สวมเสื้อสีดำ รูปหน้าออกจะยาวอยู่สักหน่อย
เสื้อของทั้งสามมีจุดเด่นที่เหมือนกันอยู่จุดหนึ่งบนอกด้านซ้ายมีวงกลมวงหนึ่ง ข้างในมีกระบี่เล่มน้อยหนึ่งเล่มเป็ศิษย์สำนักกระบี่์!
ทั้งสามเพิ่งเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมผู้ชายหน้าตาดีที่อยู่ด้านหน้าก็หัวเราะแล้วพูดขึ้น “ดูท่าจอมยุทธ์หญิงกู้ของพวกเราโกรธเข้าแล้วตอนจบต้องไม่สวยแน่”
ระหว่างที่พูด สายตาของทั้งสามก็กวาดมองผู้ฝึกยุทธ์ในโรงเตี๊ยม
พลังวัตรของทั้งสามล้วนอยู่ชั้นเบิกนภาขั้นสองทั้งไม่ได้เหมือนเสวียนเทียนที่ตั้งใจเก็บงำกลิ่นไอ กลิ่นไอของยอดฝีมือชั้นเบิกนภาทะลักออกมามากกว่าเสวียนเทียนมากผู้ฝึกยุทธ์ไม่กี่คนในโรงเตี๊ยมถูกสายตาของทั้งสามกวาดมอง ราวกับโดนเข็มทิ่มหายใจยังไม่กล้าหายใจแรง
สายตาของทั้งสามคนหยุดลงบนร่างของเสวียนเทียนประหลาดใจขึ้นมา พวกเขาเห็นตราสัญลักษณ์สำนักกระบี่์บนอกของเสวียนเทียนมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งย่อมต้องเป็ศิษย์สำนักใน แต่พวกเขากลับไม่รู้จัก
ทั้งสามคนเดินตรงเข้าไปหาเสวียนเทียนเสวียนเทียนยืนขึ้น กำหมัดพลางเอ่ยทักทาย “ศิษย์สำนักนอกหวงเทียน คารวะศิษย์พี่ทั้งสาม!”
สายตาของทั้งสามคนประหลาดใจอยู่บ้างจับจ้องใบหน้าของเสวียนเทียนราวกับสังเกตอะไรบางอย่าง?
“เ้าเป็ศิษย์สำนักนอก?” ศิษย์พี่เฟิงผู้มีหน้าตาออกจะหล่อเหลาอยู่บ้างถามขึ้น
เห็นทั้งสามคนสงสัย เสวียนเทียนจึงเอ่ยว่า “ใช่แล้วขอรับศิษย์น้องเป็ลูกหลานตระกูลหวงแห่งอำเภอเป่ยโม่ ่สิ้นปีกลับตระกูลไม่กี่วันก่อนทะลุสู่ชั้นเบิกนภา กำลังเดินทางกลับสำนักขอรับ”
ศิษย์พี่อีกคนหนึ่งเอ่ย “ศิษย์พี่เฟิง ศิษย์พี่กู้เขาไม่ได้พูดโกหกเขาก็คือหวงเทียนที่ได้ที่หนึ่งในการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกเมื่อปีกลายได้ยินว่าตอนนั้นพลังวัตรเพิ่งชั้นวิถียุทธ์ขั้นแปดในการประลองรอบสุดท้ายพลังวัตรทะลุขึ้นชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้า นี่พึ่งผ่านไปได้สามเดือนกลับก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาแล้ว!”
‘ศิษย์พี่เฟิง’ กับ ‘ศิษย์พี่กู้’ ฟังแล้วดวงตาก็เบิกโตเห็นได้ชัดว่าใอยู่ไม่น้อย ศิษย์พี่เฟิงกล่าวว่า “ที่แท้เป็ศิษยน้องหวงเทียน การแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกเมื่อปีกลายศิษย์ในก็เล่าลือกันอยู่ ศิษย์พี่เฟิงปู๋จื้อก็ยังได้ยินมาบ้าง วันนี้ได้พบที่แท้ศิษย์น้องหวงเทียนอายุน้อยถึงเพียงนี้ เพียงสามเดือนพลังวัตรจากชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าก็ก้าวขึ้นชั้นเบิกนภาความเร็วในการฝึกฝนของศิษย์น้องหวงเทียนทำให้ศิษย์พี่ตกตะลึงนัก ศิษย์น้องหวงเทียนเป็เกียรติที่ได้พบ!”
“ข้าก็ตะลึงมากเช่นกันข้าชื่อกู้เชียนโหรว เป็เกียรติที่ได้พบ ศิษย์น้องหวงเทียน!”
กู้เชียนโหรวก็มีสีหน้าตกตะลึง
“ข้าซุนอี้ชิว!”
ซุนอี้ชิวเองก็แจ้งชื่อของตนขึ้นมาบ้าง เอ่ยว่า “ศิษย์น้องหวงเทียนเกรงว่าใช้เวลาไม่นาน เ้าก็คงตามข้าทันแล้ว”
เมื่อรู้ตัวตนของเสวียนเทียนสายตาของทั้งสามก็เปลี่ยนเป็อ่อนลง คำพูดก็สุภาพกับเสวียนเทียนอยู่มากเห็นได้ชัดว่าในสายตาพวกเขา เสวียนเทียนมีความสามารถไม่ธรรมดาอยากผูกมิตรกับเสวียนเทียน
เฟิงปู๋จื้อ กู้เชียนโหรว ซุนอี้ชิว ทั้งสามคนล้วนอายุสิบแปดปีกว่ายังไม่เต็มสิบเก้าฐานะเป็ศิษย์สำนักในของสำนักกระบี่์ ในสายตาของคนจำนวนมาก นี่ก็เป็คนเก่งระดับอัจฉริยะแล้วแต่ก็ยังตกตะลึงกับความรวดเร็วในการฝึกฝนของเสวียนเทียนอยู่
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นในโรงเตี๊ยมได้ยินคำพูดของพวกเขาแต่ละคนตาโตอ้าปากค้าง พวกเขาฝึกทั้งชีวิตก็ไปไม่ถึงชั้นเบิกนภาเสวียนเทียนใช้เวลาสามเดือนจากชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าทะลุขึ้นชั้นเบิกนภาพวกเขาสบตากันทีหนึ่ง ในสายตาตื่นตะลึง หรือนี่จะเป็ปีศาจอัจฉริยะที่คนเขาเรียกกัน?
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกขอรับ!”เสวียนเทียนหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ได้พบศิษย์พี่ทั้งสามนับเป็วาสนาศิษย์น้องขอเป็เ้ามือ ศิษย์พี่เฟิง ศิษย์พี่กู้ ศิษย์พี่ซุนทุกคนนั่งด้วยกันเถอะ!”
เฟิงปู๋จื้อพยักหน้าแล้วเอ่ย “ดี แต่พวกเราศิษย์พี่สามคนจะให้ศิษย์น้องเลี้ยงได้อย่างไรมื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง!”
เสวียนเทียนโบกมือเอ่ย “ศิษย์น้องมาก่อนย่อมเป็เ้ามือครั้งหน้ามีวาสนาพานพบ ศิษย์พี่เฟิงค่อยเลี้ยงก็แล้วกัน เชิญนั่งเถิด”
เฟิงปู๋จื้อไม่ปฏิเสธอีก ตอบว่า “ได้ ครั้งหน้าข้าเลี้ยง”
เฟิงปู๋จื้ออยู่ทางด้านขวาของเสียนเทียนกู้เชียนโหรวอยู่ตรงข้าม ซุนอี้ชิวอยู่ด้านซ้าย ทั้งสามคนทยอยนั่งลงเสวียนเทียนพูดขึ้นเสียงดัง “เฒ่าแก่ เพิ่มสุราสามไห เอากับแกล้มอย่างดีมาชุดหนึ่ง”
“ขอรับ ท่านลูกค้า!” เฒ่าแก่โรงเตี๊ยมกับลูกน้องส่งเสียงตอบรับจากทางโต๊ะยาว
ทั้งสามคนนั่งลง เสวียนเทียนพูดขึ้น “ศิษย์พี่เฟิง หมู่บ้านเหยียหม่ากันดารนักผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาน้อยนักจะมา ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่ได้?”
“ฮึ! ก็ไล่ล่าเ้ามือกระบี่เงาผีน่าตายนั่นน่ะสิ”เฟิงปู๋จื้อยังไม่ทันได้พูด กู้เชียนโหรวก็เอ่ยด้วยท่าทางโกรธจัดขึ้นมาเสียก่อน
“มือกระบี่เงาผีเป็ผู้ใดหรือ?”เสวียนเทียนถามขึ้น
ครั้งนี้เฟิงปู๋จื้อเป็คนพูด ตอบว่า “ครึ่งปีมานี้ อยู่ดีๆ ก็ปรากฏมหาโจรขึ้นมาคนหนึ่งพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสอง เป็ยอดฝีมือแห่งวิถีกระบี่ ลงมือรวดเร็วยิ่งนักเรียกตัวเองว่ามือกระบี่เงาผี ก่อนหน้าไม่เคยมีคนฉายานี้มาก่อนอาจจะมาจากอาณาจักรอื่น คนผู้นี้ใจโฉดโเี้ ครึ่งปีที่ผ่านมาก่อคดีสังหารมากมาย อีกทั้งยังทำร้ายศิษย์ในของสำนักเราถึงสองคนทางสำนักและครอบครัวผู้เสียหายล้วนประกาศตามจับคนผู้นี้พวกเราสามคนรับภารกิจล่าสังหารมือกระบี่เงาผี บังเอิญได้ข่าวของมือกระบี่เงาผีไล่ตามมาตลอดทาง ติดตามมาจนถึงที่แห่งนี้ คนผู้นี้เ้าเล่ห์นักอีกทั้งปลอมตัวได้หลากหลาย พวกเราเห็นแต่เงาเื้ัไม่กี่ครั้ง ศิษย์น้องหวง ก่อนหน้านี้เห็นเ้าเข้าพวกเรายังสงสัยว่าเ้าเป็มือกระบี่เงาผีปลอมตัว เพราะเขาแย่งเสื้อผ้าของศิษย์สำนักเราไปปลอมเป็ศิษย์สำนักเรา ย่ำยีหญิงสาวชาวบ้านสามคน น่าชังนัก”
“ที่แท้เป็เช่นนี้นี่เอง!”
เสวียนเทียนในใจกระจ่าง พูดว่า “ฟังแล้วคนผู้นี้ไม่ธรรมดาศิษย์พี่เฟิง ศิษย์พี่กู้ ศิษย์พี่ซุนพวกท่านทั้งสามพบเข้า คงต้องระวังตัวเสียหน่อยแล้ว”
ซุนอี้ชิวพูดขึ้น “ศิษย์น้องหวงไม่ต้องกังวลศิษย์พี่เฟิงพลังวัตรบรรลุจุดสูงสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสองแล้วใกล้จะทะลุขึ้นขั้นสามในบรรดาศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นสองไม่มีใครเป็คู่ต่อกรของศิษย์พี่เฟิงได้มือกระบี่เงาผีถึงจะเ้าเล่ห์ แต่มีคนเคยประมือกับเขา เขามีพลังวัตรเพียงชั้นเบิกนภาขั้นสองเท่านั้นขอแค่หาเจอ ศิษย์พี่เฟิงต้องสังหารเขาได้แน่ ยังมีข้ากับศิษย์พี่กู้อยู่กลัวก็แต่จะหาเขาไม่พบ ถ้าพบแล้วไม่ให้เขาหนีไปอีกแน่”
ใบหน้าของเฟิงปู๋จื้อเต็มไปด้วยความมั่นใจกู้เชียนโหรวด้านข้างก็พยักหน้ายืนยัน
คนของสำนักใหญ่เทียบกับจอมยุทธ์พเนจรมีพลังกล้าแข็งกว่าอยู่ไม่น้อยเฟิงปู๋จื้อ กู้เชียนโหรว ซุนอี้ชิวทั้งสามคนล้วนมีพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสองรับมือกับมือกระบี่เงาผีหนึ่งคน ย่อมมั่นใจเปี่ยมล้น
เฟิงปู๋จื้อกล่าวว่า “ศิษย์น้องหวงกลับกันเ้าก็ต้องระวังตัว มือกระบี่เงาผีอยู่ไม่ไกลแถวนี้เขาเคยลอบโจมตีศิษย์ในสำนักเราไปแล้วสองคน ล้วนเป็ฝ่ายได้ชัย เ้ากลับสำนักจงใช้ถนนใหญ่ อย่าไปทางเล็กทางน้อย จำไว้ให้ดี!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้