เพียงครู่เดียวเด็กรับใช้ที่ขึ้นไปรายงานก็ลงมา น้ำเสียงมีความให้เกียรติมากกว่าครั้งก่อนหลายส่วน “เชิญพวกท่านทางนี้ขอรับ”
“ไปเถิด” ซูิเยว่หันไปพูดกับสามคนด้านหลังก่อนจะตามเด็กรับใช้เสื้อเขียวขึ้นไป
เสี่ยวอวี่มองพิจารณาหอฉวินฟางด้วยความประหลาดใจ นี่เป็ครั้งแรกที่นางมาที่นี่
แต่พอเห็นคุณหนูของตนชำนาญเส้นทางเช่นนี้ก็นึกถึงเื่ที่คุณหนูทิ้งตนไว้ที่อวี่ฉู่จวี้เมื่อสองครั้งก่อน นางเข้าใจทันทีว่าคุณหนูของตนคงไม่ได้มาที่นี่แค่ครั้งเดียว
“นี่ไม่ใช่หอโคมเขียวหรือ คุณหนูมาทำอะไรที่นี่หรือ?” เสี่ยวอวี่ถามเสียงเบาอย่างไม่เข้าใจ หอฉวินฟางเป็หอโคมเขียวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ถึงนางจะไม่เคยมาที่นี่มาก่อนแต่ก็พอรู้จักอยู่บ้าง
ซูิเยว่หันกลับมามองนาง เสี่ยวอวี่จึงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที
พวกนางตามเด็กรับใช้ชุดเขียวขึ้นไปยังชั้นสี่ เด็กรับใช้ชุดเขียวพาพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูที่เคยมาครั้งที่แล้ว จากนั้นก็เคาะประตู “เ้าของหอ พาคนมาแล้วขอรับ”
“เข้ามา” ด้านในมีเสียงเย็นเยือกของสตรีดังออกมา ต่อมาประตูห้องก็ถูกเปิดออก ภายในประตูมีคนที่สวมหน้ากากเงินยืนอยู่
แววตาของซูิเยว่กวาดมองคนคนนั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ หากนางเดาไม่ผิด การแต่งตัวแบบนี้คงจะเป็คนภายในของหอเชียนจี้
เพียงแต่ตอนที่นางมาเมื่อสองครั้งก่อน นางไม่เคยเห็นคนของหอเชียนจี้ในห้องของอวี้เซียนเซียนมาก่อน แต่วันนี้กลับได้เห็นแล้ว
“เชิญพวกท่านเข้ามาด้านใน” เด็กรับใช้ชุดเขียวทำท่าเชิญ จนกระทั่งซูิเยว่พาพวกเสี่ยวอวี่เข้ามาในห้องถึงได้ออกไปพร้อมปิดประตูให้
ภายในห้องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเป็เหมือนตอนที่ซูิเยว่มาในครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้ภายในห้องกลับมีเพิ่มขึ้นมาหลายคน นอกจากองครักษ์สวมหน้ากากเงินที่เฝ้าอยู่หน้าประตูแล้ว ยังมีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่หลังผ้าม่านผืนบางสีชมพู
ในใจของซูิเยว่ระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน คนคนนั้นมีผ้าม่านบังอยู่หนึ่งชั้นจึงทำให้เห็นรูปร่างไม่ชัด แต่คาดเดาจากรูปร่างได้ว่าคงจะเป็บุรุษ
อวี้เซียนเซียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะด้านนอก พอเห็นนางก็แย้มยิ้ม “คุณหนูซู พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
“ใช่น่ะสิ เ้าของหออวี้ ครั้งนี้ข้าก็มาขอความช่วยเหลือจากเ้าอีกแล้ว”
อวี้เซียนเซียนหัวเราะออกมาเสียงเบา แววตากวาดมองคนที่อยู่ด้านหลังของซูิเยว่ “คนพวกนี้คือ....”
ซูิเยว่เองก็ไม่ได้ปกปิด “พวกเขาคือคนของข้า เ้าของหออวี้โปรดวางใจ พวกเขารู้จักประมาณตนดี ดังนั้นท่านวางใจได้เลย พวกเขาไม่มีทางพูดอะไรเลอะเทอะแน่นอน”
“ข้าเชื่อคุณหนูซูอยู่แล้ว” อวี้เซียนเซียนพูดไปก็หันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังผ้า “รีบนั่งเถิด”
ซูิเยว่เดินไปนั่งตรงข้ามกับอวี้เซียนเซียน แววตาเรียบนิ่งมองคนที่อยู่ด้านหลังผ้าโปร่งอีกครั้ง คนคนนั้นยกแก้วชาขึ้นมาค่อยๆ ดื่มและไม่ได้พูดอะไรออกมา
ซูิเยว่คาดเดาว่าคนคนนี้อาจจะเป็คนภายในของหอเชียนจี้ ฐานะค่อนข้างสูง
แต่สองครั้งก่อนที่นางมาก็มีแค่อวี้เซียนเซียนเพียงคนเดียว ครั้งนี้กลับมีคนภายในของหอเชียนจี้ปรากฏตัวขึ้น ทั้งหมดนี่เพื่อป้องกันและคอยระวังนางอย่างนั้นหรือ?
อวี้เซียนเซียนมองความกังวลของนางออกจึงหัวเราะเบาๆ แล้วอธิบาย “คุณหนูซูไม่ต้องคิดมากหรอก คนคนนี้คือผู้ดูแลของพวกเรา ครั้งนี้เขาก็แค่ผ่านมาหา ไม่ขัดขวางการทำธุรกิจของพวกเราหรอก คุณหนูซูวางใจได้”
เพื่อยืนยันคำพูดของอวี้เซียนเซียน คนที่อยู่หลังม่านก็หันหน้ามาทางซูิเยว่พร้อมพยักหน้าน้อยๆ
ซูิเยว่เองก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็การเข้าใจ
มุมปากของเชียนซวินจือที่อยู่หลังม่านประดับไปด้วยรอยยิ้ม แววตาประกายความสนใจเล็กน้อย เขามองพิจารณาซูิเยว่ที่นั่งอยู่ด้านนอกอย่างสนใจ
ความจริงแล้วที่เขามาในครั้งนี้ก็เพื่ออยากดูว่าคนที่ทำให้สตรีเ็าไร้ความรู้สึกสนใจได้จะเป็คนแบบไหนกัน ดังนั้นเขาจึงสั่งอวี้เซียนเซียนเอาไว้ก่อนแล้วว่า หากซูิเยว่มาหานางอีกก็ให้รายงานเขาทันที ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
แต่พอได้เจอกันวันนี้ สตรีนางนี้มีจุดที่พิเศษอยู่หลายส่วนจริงๆ หน้าตาแน่นอนว่างดงามมากในระดับสูง แต่เชียนซวินจือรู้ดี แค่หน้าตาดีอย่างเดียวไม่อาจทำให้คนเ็าคนนั้นสนใจได้ แถมสตรีนางนี้ดูแล้วอายุก็ไม่ได้มาก แต่กลับดูมั่นคงเกินอายุ เจอเื่อะไรก็ไม่ได้ร้อนรน มีความคิดละเอียดรอบคอบ
ในเมื่อคนที่อยู่ด้านหลังภาพไม่ได้คุกคามอะไรนาง ซูิเยว่จึงดึงสายตากลับมามองอวี้เซียนเซียนแล้วเอ่ยออกมาตรงๆ “ข้ามาในครั้งนี้เพื่อจะซื้อหน้ากากหนังคนจากเ้าของหออวี้”
หน้ากากหนังคนนั้นใช้น้ำชาชนิดหนึ่งกับหนังสัตว์มาทำเป็หน้ากาก เมื่อแปะลงบนใบหน้าก็ไม่มีทางถูกสงสัย
“หน้ากากหนังคนหรือ?”
อวี้เซียนเซียนเลิกคิ้วมองซูิเยว่ด้วยความสนใจ ของที่ซูิเยว่มาซื้อกับนางนั้นยิ่งเกินกว่าที่คาดการณ์ขึ้นเรื่อยๆ ในทุกครั้ง
อวี้เซียนเซียนประหลาดใจเล็กน้อยว่าคุณหนูผู้นี้เป็คนแบบไหนกันแน่ “เ้าจะใช้หรือ? หน้ากากของพวกเราที่นี่แบ่งออกมามีหลายแบบ มีทั้งแบบใช้ครั้งเดียว แล้วก็แบบใช้ระยะยาว หากทำตามรูปหน้าจะติดสนิทกว่า คนอื่นไม่มีทางสงสัยแน่นอน”
“เปล่าเ้าค่ะ” ซูิเยว่ชี้นิ้วไปทางหวังซวินที่อยู่ด้านหลัง “เขาใช้ ตอนนี้ข้าจำเป็ต้องใช้แบบระยะยาว แต่ข้าไม่มีเวลามากขนาดที่จะรอหน้ากากแบบสั่งทำ ดังนั้นรบกวนเ้าของหออวี้ช่วยข้าดูด้วย”
สายตาของอวี้เซียนเซียนมองไปทางหวังซวินอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง นางครุ่นคิดอีกสักพัก สุดท้ายก็ยืนขึ้นเดินไปด้านหลังผ้าม่านโค้งตัวลงไปพูดกับบุรุษที่นั่งข้างโต๊ะ
เมื่อเห็นบุรุษคนนั้นพยักหน้าน้อยๆ ต่อมาอวี้เซียนเซียนก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากมุมอับด้านข้างก่อนจะถือมาวางไว้ตรงหน้าซูิเยว่
“คุณหนูซูดูเถิด ด้านในนี้มีหลายแบบ ล้วนเป็หน้ากากบุรุษ รับประกันคุณภาพแน่นอน”
ซูิเยว่เปิดกล่องออก ด้านในวางหน้ากากหนังคนเอาไว้ชุดหนึ่ง แต่ละอันเหมือนจริงมากราวกับถลกออกมาจากหน้าคนจริงๆ
“หวังซวิน เ้ามาดู”
หวังซวินรับคำแล้วเดินมาด้านข้างซูิเยว่ เขามองไปด้านในกล่อง “ข้าน้อยฟังคำพูดคุณหนูทุกอย่างขอรับ”
ซูิเยว่พลิกขึ้นมาดูได้พอสมควร สุดท้ายก็เลือกใบหน้าที่ค่อนข้างธรรมดาแบบหนึ่งขึ้นมา ไม่ได้ดูดีแต่ก็ไม่ดูแย่ หากไปอยู่ในหมู่ผู้คนก็ไม่มีทางดึงดูดความสนใจแน่ “เป็อย่างไร?”
“ดีมากขอรับ” หวังซวินพยักหน้า
ซูิเยว่เลือกหน้ากากนี้ พอดูไปแล้วก็หน้าเด็กกว่าอายุจริงๆ ของเขาหน่อย แต่ก็ช่วยซ่อนตัวตนของเขาได้ดีมาก
“เช่นนั้นก็เอาอันนี้” ซูิเยว่หยิบหน้ากากหนังคนผืนนั้นออกมาแล้วดันกล่องกลับไป นางหมุนตัวส่งหน้ากากหนังคนให้หวังซวิน “ลองดู”
“ขอรับ” หวังซวินรับหน้ากากหนังคนมาสวม หน้ากากหนังคนแบบนี้สวมง่ายมาก พอสวมเข้าไปก็ได้แล้ว ไม่มีใครมองออกว่าเป็หน้ากาก
เพียงครู่เดียวภายในห้องก็ปรากฏคนแปลกหน้าขึ้นมาหนึ่งคน ดูแล้วอายุสามสิบนิดๆ หน้าตาธรรมดา ซูิเยว่พยักหน้าพอใจ แม้แต่หนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่ก็ต่างเดินวนร้องจุ๊ๆ ๆ รอบตัวหวังซวิน
“เป็อย่างไรบ้าง?” หวังซวินยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองอีกรอบ ััเหมือนจริงมาก ไม่มีตรงไหนที่จะเผยข้อผิดพลาดออกมาเลย
“อืม ไม่เลวเลย” ซูิเยว่หันกลับไปมองอวี้เซียนเซียน “เอาอันนี้แล้วกัน เ้าของหออวี้เสนอราคามาเถิด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้