ตอนที่ผู้คนทั้งหลายเข้ามารุมล้อม หลงอวี้พลันดีดตัว จากนั้นก็มีแก่นสยบฟ้าอันทรงพลังสายหนึ่งถูกปลดปล่อย สะกดผู้คนทั้งหมด
ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้าหลีชง และพวกเฟิงฉางสิงกับเฟิงเทียนเสียงนั้นต่างก็ตัวแข็งราวกับหินทันที
“นี่มันบรรลุถึงแก่นของเคล็ดสยบฟ้าแล้วเหรอเนี่ย!”
ชายหนุ่มหลีชงพลันหน้าถอดสี ยกไม้ยกมือขึ้นอย่างลนลานปล่อยจินตภาพสยบฟ้า คิดจะต่อต้านแก่นสยบฟ้าของหลงอวี้!
หลีชงเพิ่งบรรลุจินตภาพสยบฟ้าได้ไม่นาน ตอนแรกหลงคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว จึงติดตามเฟิงอวิ๋นมายังเมืองอวี้กวนเพื่อเสพสุขกับการดูแลต้อนรับในฐานะของยอดฝีมือสักหน่อย
แต่ใครจะไปคิดว่าเป้าหมายที่เฟิงอวิ๋นสั่งให้เขามาลอบสังหารจะเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษท้ายสุดที่สามารถบรรลุแก่นสยบฟ้าได้แล้ว!
หลีชงปล่อยจินตภาพสยบฟ้า แต่ก็ถูกแก่นสยบฟ้าของหลงอวี้ทำลายทิ้งในทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร!
แม้การทำเช่นนั้นจะทำให้อานุภาพของแก่นสยบฟ้าถูกลดทอนลงไปบ้าง แต่มันก็ยังสะกดผู้คนไว้ได้อยู่ดี
“หลีชง ในฐานะที่เ้าเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิสยบฟ้า ใน่เวลาที่ลัทธิกำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่จากศัตรูภายนอก เ้ากลับนำกลุ่มคนมาลอบสังหารศิษย์ร่วมสำนักเช่นนี้ นี่จะไม่ไร้เหตุผลเกินไปหน่อยหรือ”
หลงอวี้ตะคอกอย่างดุร้าย จากนั้นเงาร่างก็ได้เปลี่ยนเป็ิญญา หายตัวไปในพริบตา!
เงาร่างของเขาจางลงจนดูเลือนรางท่ามกลางท้องฟ้ายามรัตติกาล จากนั้น ฝ่ามือพลันปรากฏประกายแสงสีทองอ่อนๆ ตรงหน้าหลีชง
ฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมาร!
ภายใต้การสะกดของแก่นสยบฟ้า หลีชงพยายามหลบฝ่ามือที่ใกล้จะถึงตัวอย่างยากลำบาก เขาที่เพิ่งจะยกเท้าถูกฝ่ามือสีทองประทับเข้ากลางอก
ตูม!!!
เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว หลีชงถูกซัดเต็มๆ ฝ่ามือจนกระเด็นไปไกลนับสิบจ้างก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง กระอักเืสดๆ ออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็สลบแน่นิ่งไป
แม้จะมีวรยุทธ์ขั้นแปด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงอวี้แล้ว ก็ถูกทำร้ายจนสาหัสในการโจมตีครั้งเดียว
ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่แค่ขั้นเดียวนานแล้ว
“หลังจากบรรลุวิชากายามารพิชิตมารถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้พลังของสัญลักษณ์ัปรภพก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อน ข้าสามารถใช้พลังของสัญลักษณ์ได้ตลอดเวลา ทำให้พลังพื้นฐานของข้าเทียบเท่ากับยอดฝีมือขั้นเก้า!”
หลังจากหลงอวี้ซัดหลีชงกระเด็นในฝ่ามือเดียวได้ ตัวเขาก็กลายเป็ิญญา เลือนหายไปจากสายตาของผู้คนทั้งหมดอีกครั้ง!
ท่ามกลางท้องฟ้ายามรัตติกาลนี้ ไม่มีใครจับตัวหลงอวี้ที่กลายเป็ิญญาได้!
“ไอ้สวะ มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เฟิงฉางสิงพอเห็นหลีชงถูกซัดกระเด็นในฝ่ามือเดียวก็ตื่นตระหนก ััได้ถึงแรงที่กำลังพุ่งมาจากทางด้านหลังของตัวเอง ทำให้เขาขนลุกซู่ทั้งตัว!
“หัตถ์อสุรา!”
เฟิงฉางสิงใช้ หัตถ์อสุรา วิทยายุทธ์ตระกูลเฟิงขั้นสมบูรณ์ มือข้างหนึ่งของเขากลายเป็กรงเล็บ ตะปบไปด้านหลังทันที กลิ่นอายของอสุราแผ่กำจาย ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งก็ไม่ปาน!
หัตถ์อสุราที่ฝึกสำเร็จถึงขั้นสมบูรณ์จะมีอานุภาพทรงพลังสุดขีด แค่กลิ่นอายอสุราก็สามารถทำให้เืในตัวถูกขัดขวางจนไหลเวียนไม่สะดวกแล้ว
เพียงแต่หัตถ์อสุรานี้เป็แค่วิทยายุทธ์ขั้นล่างเท่านั้น ต่อให้ฝึกสำเร็จถึงขั้นสมบูรณ์ก็ไม่มีทางใช้ต่อกรกับหลงอวี้ในตอนนี้ได้!
เมื่อสามเดือนก่อน หลงอวี้ที่้าจะเข้าไปฝึกวิทยายุทธ์ของตระกูลเฟิงในหอวิทยายุทธ์โดนถูกดูถูกกลั่นแกล้งและขัดขวางสารพัด
แต่บัดนี้วิทยายุทธ์ของตระกูลเฟิงแทบจะไม่ต่างอะไรจากขยะในสายตาของหลงอวี้
“อย่างนั้นก็มาลองซัดกันตรงๆ หน่อยเป็อย่างไร ฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมาร!”
แสงสีทองสว่างขึ้นบริเวณหนึ่ง ปราณศักดิ์สิทธิ์บางๆ แผ่ออกมา พริบตานั้นก็ได้ขับไล่กลิ่นอายอสูรทั้งหมดที่อยู่รอบๆ จนมลายหายไป จากนั้นฝ่ามือสีทองข้างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าของเฟิงฉางสิง
เปรี้ยง!
พริบตาที่ฝ่ามือของทั้งสองปะทะกัน ประกายแสงสีทองอ่อนๆ พลันสว่างวาบ จากนั้นฝ่ามือของเฟิงฉางสิงก็ถูกบดขยี้แทบจะทันที!
การประลองวิทยายุทธ์ครั้งนี้ หลงอวี้กุมชัยอย่างสมบูรณ์
‘หนี!’
ความคิดหนีปรากฏในหัวของเฟิงฉางสิงทันที แต่มันสายไปแล้ว
“ฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมาร!”
ฝ่ามือั์ที่ส่องแสงสีทองอ่อนๆ ได้ปรากฏตรงหน้าของเฟิงฉางสิงอีกครั้ง เขาจำเป็ต้องรับมืออย่างเลี่ยงไม่ได้ รีบโคจรลมปราณภายในตัว ใช้วิชาท่าร่างเพื่อหลบหนี
ทว่าภายใต้การสะกดของแก่นสยบฟ้า แม้เฟิงฉางสิงจะใช้วิชาท่าร่างวิ่งหนีสุดกำลังก็ไม่อาจหลบหนีได้ เขาถูกลดความเร็วลง
ผัวะ!
ฝ่ามือสีทองซัดแผ่นหลังของเฟิงฉางสิงไปเต็มๆ ทำให้เขากระอักเืพร้อมกับปลิวราวกับว่าวที่สายป่านขาด ก่อนจะตกลงมานอนนิ่งบนพื้น
เหล่าลูกหลานตระกูลเฟิงทั้งหลายที่เคยคิดจะสังหารหลงอวี้ มีหรือที่จะกล้าอยู่ต่อ?
ผู้คนทั้งหมดรวมถึงเฟิงเทียนเสียงต่างพยายามหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต!
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มีแก่นสยบฟ้าคอยสะกดพลังไว้ ความเร็วของทุกคนลดลงมากกว่าครึ่ง ร่างกายราวกับจมอยู่ในบ่อโคลน อยากหนีก็ก้าวไม่ออก
ตอนที่หลงอวี้ซัดเฟิงฉางสิงจนกระเด็นไปนั้น คนอื่นที่เหลือก็ยังหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไร หลงอวี้เพียงขยับก้าวเดียวก็ไล่ตามทุกคนได้
สำหรับคนที่คิดจะสังหารเขา หลงอวี้ไม่มีทางปรานีแน่!
ยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นแปดสองคนถูกจัดการจนสู้ต่อไม่ได้ ลูกหลานที่เหลืออยู่ของตระกูลเฟิงทั้งหลายกลายเป็ลูกไก่ในกำมือ รวมถึงผู้าุโตระกูลเฟิงที่มีวรยุทธ์ขั้นเจ็ดสองคนนั้นด้วย พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงอวี้อย่างสิ้นเชิง
เพียงครู่เดียวเท่านั้น ผู้คนทั้งหมดก็ล้มลง เหลือเพียงเฟิงฉางสิงคนเดียวเท่านั้น เขาที่พยายามอย่างสุดชีวิตในที่สุดก็หลุดจากอาณาเขตของแก่นสยบฟ้าได้เสียที
เขายังไม่ทันได้โล่งใจเ ก็มีเสียงพูดดังข้างหู
“ผู้าุโเฟิง จะไปไหนหรือ”
หลงอวี้นั่นเอง!
หลังจากนั้นเฟิงเทียนเสียงก็ััได้ถึงหิมะอันเย็นะเืซัดสาดมาจากด้านหลัง มันรัดเขาไว้ ขัดขวางไม่ให้หนีไปได้
เฟิงเทียนเสียงใจเสียทันที รู้ตัวแล้วว่าคราวนี้คงหนีไม่รอด
เขารู้สึกเสียใจสุดขีด ทำไมตอนนั้นถึงได้ไปหาเื่เ้าหลงอวี้ที่หน้าหอวิทยายุทธ์กันนะ? ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงยังเป็ผู้าุโของตระกูลเฟิงอย่างสงบสุขแล้ว ไม่ต้องถูกลากมาสร้างผลงานเพื่อชดใช้ความผิดและถูกหลงอวี้ฆ่าตายเช่นนี้!
“ผู้าุโเฟิง อย่าเพิ่งหนีไปสิ ข้ามีเื่อยากถามหน่อย”
หลงอวี้ที่เปลี่ยนร่างเป็ิญญามาปรากฏตัวตรงหน้าของเฟิงเทียนเสียงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถามอย่างตรงไปตรงมา
“เฟิงอวิ๋นกลับมาแล้วใช่ไหม”
เฟิงเทียนเสียงที่คิดว่าตัวเองต้องถูกฆ่าตายแน่ๆ ไม่คิดว่าหลงอวี้จะถามคำถาม จึงชะงักไปเล็กน้อย
ใบหน้าชราของเขาพลันปรากฏความหวังขึ้นเสี้ยวหนึ่ง รีบตอบกลับไป
“กลับมาแล้ว! กลับมาั้แ่เมื่อสองวันก่อนแล้ว เขาทำร้ายพ่อบุญธรรมของเ้าจนาเ็แล้วขึ้นเป็ประมุขของตระกูลเฟิงแทน ตอนนี้น่าจะกำลังจัดงานเลี้ยงฉลองที่ตัวเองได้ขึ้นเป็ประมุขอยู่!”
“มันทำร้ายพ่อบุญธรรมจนาเ็หรือ?”
หลงอวี้หน้าเครียดทันที
“ใช่แล้ว... หลงอวี้ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้านะ คนที่ผิดคือพวกมันต่างหาก! เ้าปล่อยข้าไปเถิด ข้ารับรองว่าหลังจากนี้จะไม่โผล่มาให้เ้าเห็นอีก!”
เฟิงเทียนเสียงเหงื่อแตกพลั่กรีบร้องขอความเมตตา
“เช่นนั้นหรือ”
หลงอวี้แสยะยิ้มออกมาเงียบๆ จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ประกายแสงสีทองบางๆ พลันปรากฏ เขาซัดฝ่ามือเหล็กไหลพิชิตมารใส่อีกฝ่ายทันที!
หลงอวี้ไม่เคยใจอ่อนกับศัตรูแม้แต่ครั้งเดียว
เฟิงเทียนเสียงพลันเผยสีหน้าไม่ยินยอม แต่ก็ถูกฝ่ามือสีทองซัดเข้ากลางอกจนกระเด็น กระอักเืออกมาและสิ้นลมไป! ตัวเขาที่มีวรยุทธ์ขั้นหกย่อมไม่มีทางทนรับการโจมตีของหลงอวี้ที่อยู่ขั้นแปดได้อยู่แล้ว
“เฟิงอวิ๋นมันกลับมาก่อนเวลาแถมยังกล้าทำร้ายพ่อบุญธรรมจนาเ็แล้วยกตัวเองขึ้นเป็ประมุขตระกูลเฟิงงั้นหรือ... ข้าจะดูว่าคนอย่างมันจะมีปัญญารักษาตำแหน่งประมุขไว้ได้หรือเปล่า!”
หลงอวี้ตาเป็ประกายเ็า จากนั้นเงาร่างก็เลือนหายไปในป่าทึบ
หลังจากจัดการศพทั้งหมดแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังเมืองอวี้กวนด้วยความเร็วสูง!
.......
เมืองอวี้กวน เขตตะวันตก ตระกูลเฟิง
ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างเล็ดลอด ภายในคฤหาสน์ของตระกูลเฟิงเต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่ง มีแเื่มาเพื่อฉลองที่เฟิงอวิ๋นขึ้นเป็ประมุขของตระกูลเฟิง
ทั้งตระกูลเฟิงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะครื้นเครง
ภายในห้องโถงนั้น เฟิงอวิ๋นในชุดสีขาวนั่งอยู่ที่พื้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต้อนรับผู้คนที่พากันเข้ามาอวยพรไม่ขาดสาย
ข้างเฟิงอวิ๋นมีชายหนุ่มท่าทางหยิ่งยโสผู้หนึ่งนั่งอยู่ รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกับหลิงหาน มีโอกาสสูงที่จะเป็ยอดฝีมือที่มาจากูเาตระกูลหลิงเช่นกัน
“หลิงเลี่ย ดูจากเวลาแล้ว หลิงชงควรจะกลับมาถึงแล้วนะ”
เฟิงอวิ๋นพูดเหมือนไม่ตั้งใจพูด
“ไอ้สวะนั่นอาจจะไม่กล้ากลับมาแล้ว ถ้าหลิงชงไม่พบตัวคนย่อมไม่กลับมาก่อนอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายหลิงชงผู้นั้นมีนามว่า ‘หลิงเลี่ย’ พูดเสียงเรียบ
เฟิงอวิ๋นไม่ตอบอะไร แค่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง
เขามองไปทางสวนที่อยู่นอกห้องโถง เห็นว่าเหล่าคนของตระกูลใหญ่ๆ ทั่วเมืองอวี้กวนมารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด ทั้งตระกูลถาน ตระกูลฉิน และตระกูลหลัว ประมุขของตระกูลเหล่านี้ล้วนเดินทางมาอวยพรด้วยตัวเองทั้งสิ้น
นี่คือผลประโยชน์ที่ได้มาพร้อมกับพลัง เฟิงอวิ๋นที่ยกระดับวิถียุทธ์ขึ้นสู่ขั้นเก้าได้แล้ว มีพลังสูงส่งไม่ธรรมดา ตอนนี้เขาได้ใช้กำลังชิงตำแหน่งประมุขตระกูลเฟิงมาแล้ว คนอื่นๆ ในเมืองอวี้กวนย่อมไม่กล้าไม่มาอวยพร!
อายุน้อยแค่นี้กลับเป็ถึงยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นเก้า ทั้งเมืองอวี้กวนแทบจะหาไม่ได้แล้ว ต้องรู้ก่อนว่า แต่เดิมยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองอวี้กวนคือปู่ทวดของตระกูลถาน ที่เพิ่งบรรลุวรยุทธ์ขั้นเก้าได้หลังจากที่มีอายุราวหกสิบปี
แต่ตอนนี้ เฟิงอวิ๋นที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปีกลับสามารถเทียบเคียงกับปู่ทวดตระกูลถานได้ จะไม่ให้ผู้คนสรรเสริญเยินยอได้อย่างไร
หลิงเลี่ยที่อยู่ข้างๆ เฟิงอวิ๋นก็ได้อานิสงส์ไปด้วยในฐานะลูกศิษย์ระดับพิเศษที่มาจากลัทธิสยบฟ้าเช่นกัน เขาถูกเคารพเยินยอ และได้รับของกำนัลจากผู้คนมาไม่น้อย
“หลานเฟิงอวิ๋นสามารถก้าวเข้าสู่วรยุทธ์ขั้นเก้าได้ั้แ่อายุน้อยๆ เช่นนี้ ช่างน่ายินดี ช่างน่าชื่นชม!”
ชายชราผมขาวผู้หนึ่งพาสาวน้อยชุดแดงนางหนึ่งมาด้านหน้าของเฟิงอวิ๋นแล้วกล่าวเยินยอ
“หลานสาวข้าถานเยว่ เป็ศิษย์ลัทธิสยบฟ้าเช่นเดียวกับเ้า บางทีอาจจะผูกมิตรกันได้นะ!”
ชายชราผู้นี้คือปู่ทวดของตระกูลถานนั่นเอง!
ปู่ทวดตระกูลถานผู้นี้ ท่าทางจะมาเพื่อเป็พ่อสื่อให้กับเหลนสาวของตัวเอง
เฟิงอวิ๋นประเมินสาวน้อยที่อีกฝ่ายพามา พบว่านางมีสีหน้าเขินอาย ท่าทางเหมือนอยากมองแต่ก็ไม่กล้า นับว่าค่อนข้างน่าเอ็นดูอยู่เหมือนกัน
ยอดฝีมือแห่งวรยุทธ์ จะขาดสตรีข้างกายไปได้อย่างไร
“มานั่งลงตรงนี้เถิด”
เฟิงอวิ๋นแย้มยิ้มสง่างามแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
“เยว่เอ๋อร์ ยังไม่รีบขอบคุณประมุขตระกูลเฟิงอีกหรือ”
ปู่ทวดตระกูลถานพูดเบาๆ
“อืม”
ถานเยวี่ยเผยสีหน้ายินดี
“ขอบพระคุณท่านประมุขตระกูลเฟิง!”
“มีหญิงงามเคียงคู่เช่นนี้ นับว่าเสริมบารมีให้กับศิษย์พี่เฟิงในฐานะของประมุขตระกูลยิ่งกว่าเดิมไม่น้อย ฮ่าๆ”
หลิงเลี่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นหน้าตาของถานเยว่ก็รู้สึกชมชอบเล็กน้อย แต่ในเมื่อเฟิงอวิ๋นถูกใจนางแล้ว เขาย่อมไม่คิดอะไร
“ในเส้นทางแห่งวิถียุทธ์ สุดท้ายผู้หญิงก็เป็เพียงเครื่องประดับ”
เฟิงอวิ๋นพูดหนึ่งประโยคเสียงเรียบ
คำพูดนี้ทำให้ถานเยว่ที่เพิ่งนั่งลงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้า
และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงตื่นตระหนกของผู้คนไม่น้อยดังขึ้นจากทางสวน ดึงดูดความสนใจของพวกเฟิงอวิ๋น
เฟิงอวิ๋น หลิงเลี่ยและถานเยว่พากันมองไปทางสวนทันที เห็นชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งสะบัดมือซัดข้ารับใช้ของตระกูลเฟิงสองคนที่เข้าไปขวางทางจนกระเด็น ก่อนจะเดินเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเฟิงอย่างไม่กลัวเกรง
‘หลงอวี้!’
ในใจของผู้คนทั้งหมดพลันปรากฏชื่อนี้ขึ้นมาทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้