เมื่อจวินเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็อดยิ้มๆ ไม่ได้ ภรรยาของเขาคงคิดอยากจะหยอกล้อคนเล่นเป็แน่ เขายิ้มบางๆ กล่าวตอบ “เว่ยหลงมีงานให้ต้องไปทำ เร่งกลับมาไม่ทันภายในสามวันนี้หรอก”
อวิ๋นซีพยักหน้า ก่อนจะมองเซียนโหรว “แม่นางเซียนโหรว ได้ยินแล้วกระมัง? ”
ทันใดนั้นดวงหน้าของเซียนโหรวก็ราวกับควันไฟพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า นางกัดฟันตอบ “เซียนโหรวได้ยินแล้วเพคะ"
เหลยหงที่เห็นมาแต่ต้นกลั้นหัวเราะไม่ไหวจึงได้ปลดปล่อยออกมา “พระชายา หากท่านยังหยอกล้อแม่นางน้อยเซียนโหรวต่อไป เกรงว่านางคงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” แท้จริงแล้วเื่ระหว่างเซียนโหรวและเว่ยหลง คนระดับสูงดังเช่นพวกเขาล้วนรู้กันหมด
ถ้าจะให้พูดถึงสองคนนี้คงต้องย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเซียนโหรวและเว่ยหลงได้รับภารกิจให้ไล่ล่าสังหารหมอปีศาจของหนานเจียงด้วยกัน มิคาดคนจะติดกับดักเข้า หมอปีศาจวางยาสำราญสุขทุกข์แยกจากใส่คนทั้งสอง เพราะเหตุนี้คนทั้งสองจึงต้องกลายมาเป็เช่นนี้ ต้องมาอยู่ด้วยกัน
หลายปีมานี้เว่ยหลงขอเซียนโหรวแต่งงานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ล้วนถูกเซียนโหรวปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า นางอยากจะรอจนกว่างานใหญ่ของนายท่านสำเร็จแล้วค่อยแต่ง ด้วยเหตุนี้ เหล่าองครักษ์คนอื่นๆ จึงได้มีใจคิดอยากจะช่วยโน้มน้าว แต่เซียนโหรวเป็คนดื้อดึงมาก เื่ที่นางตั้งใจแน่วแน่แล้ว ต่อให้จะเป็นายท่านที่ช่วยพูดให้ ก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลง
“เอาละ ข้าไม่แกล้งเ้าแล้ว” เมื่อพูดจบ นางก็ละสายตาลงไปบนร่างของเหลยหงแทน “พวกเรามาคุยกันเื่นายท่านเหลยหงผู้ยิ่งใหญ่ดีหรือไม่ เถ้าแก่โรงพนันที่ใหญ่ที่สุดในหนานเย่า เสียมารยาทแล้วจริงๆ ”
เหลยหงได้ฟัง ดวงหน้าชราที่ใกล้จะสี่สิบแล้วก็แดงก่ำทันใด วันนี้ฮูหยินคิดจะมาหยอกล้อพวกเขาหรือ? เขารีบยืนขึ้นกล่าว “มิกล้า มิกล้า ล้วนเป็นายท่านที่คอยสนับสนุนอยู่เื้ัพ่ะย่ะค่ะ”
อวิ๋นซีเพียงยิ้มๆ มองชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำสูงใหญ่ตรงหน้า คิดไม่ถึงแม้แต่น้อยเลยว่า โรงพนันตระกูลเหลยจะเป็กิจการลับๆ ของจวินเหยียน จู่ๆ นางก็ถอนใจด้วยรู้สึกแปลกประหลาดหน่อยๆ ตกลงว่าเื่ของคนข้างหมอนยังมีที่นางยังไม่รู้อีกมากสักแค่ไหน?
ถึงกระนั้นหนึ่งในองครักษ์อย่างอ้านอี ตัวนางเองก็รู้จัก จึงไม่ได้กล่าวอะไรไร้สาระมากเกินไป สายตาสุดท้ายจึงเบนไปที่ร่างของิอี้แทน “รองหัวหน้าสมาคม สมาคมการค้าใหญ่สิบแปดแห่งของหนานเย่า ผู้นำตระกูลิ กิจการหลักคือธัญพืช น้ำมัน ทุ่งหญ้า” ไม่ว่าจะธัญพืชหรือน้ำมันก็ดี ทุ่งหญ้าก็ดี เหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดาเลย เพราะนับเป็ของที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ล้วนจำเป็ทั้งนั้น ขณะที่ทุ่งหญ้าก็ถือเป็สิ่งที่กองทัพ้า
อายุของิอี้พอๆ กับจวินเหยียน วัยใกล้จะสามสิบ ทั้งยังมีหน้าตาไม่เลวยิ่ง เพียงแต่บนร่างเขาไร้ซึ่งกลิ่นอายซุกซนของวัยหนุ่ม และมีเสน่ห์ของชายวัยผู้ใหญ่เข้ามาแทนที่
หากมีแค่สถานะผู้นำตระกูลิเพียงอย่างเดียว ในเมืองหลวงนี้ิอี้ก็คงเป็ได้แค่บุคคลระดับกลางๆ แต่เพราะยังมีตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคม สมาคมการค้าใหญ่สิบแปดแห่งของหนานเย่า ทำให้สถานะของเขาถูกยกระดับขึ้นไปอีก จนอาจเรียกได้ว่า คนเป็รองหัวหน้าสมาคมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของหนานเย่า สถานะเช่นนี้คุ้มค่าให้คนมากมายอยากเข้าหาทั้งในที่แจ้งและที่ลับ
ิอี้เพิ่งเคยพบอวิ๋นซีเป็ครั้งแรก ได้ยินนางเรียกชื่อตน ก็ยืนขึ้นทำความเคารพ “ิอี้คารวะพระชายา”
อวิ๋นซีโบกๆ มือ พูดว่า “เอาละ พวกเราเจอกันแล้ว ตอนนี้มาคุยเื่สำคัญกันเลยเถอะ” โชคดีที่คนเหล่านี้ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านที่เห็นนางมาปรากฏกายอยู่ที่นี่
สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ ขอแค่เป็คนที่ภักดีต่อจวินเหยียนก็ล้วนรู้กันหมดว่า นายท่านของพวกเขาได้แต่งภรรยาที่ไม่ธรรมดาผู้หนึ่งเข้ามา นางฉลาดหลักแหลมมาก แม้จะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่หลายคนต่างก็ยอมศิโรราบให้อวิ๋นซี
เหลยหงเป็ผู้เริ่มกล่าว “นายท่าน นายหญิง ก่อนหน้านี้คนของกระหม่อมได้พบความเคลื่อนไหวของคนผู้หนึ่ง”
“ใคร? ” จวินเหยียนถามเรียบๆ
“บุตรชายสายตรงของเฉินโหว เฉินกวง” เหลยหงเห็นว่าท่านบนที่นั่งหลักทั้งสองไม่คิดจะขัดคำพูดเขา จึงพูดต่อ “เมื่อกระหม่อมทราบข่าวนี้ก็ได้ไปสอบถาม จึงได้รู้ว่าที่แท้เฉินกวงไปโรงพนันมาหลายครั้งแล้ว เริ่มแรกคนชนะไปกว่าหมื่นตำลึง แต่ก็ค่อยๆ แพ้จนหมดเงินอย่างราบคาบ ตอนนี้เขาติดหนี้โรงพนันอยู่สองแสนตำลึง”
หากให้พูดตามจริง เฉินกวงผู้นี้จะจับตาดูหรือไม่ก็ไม่เป็ปัญหาเท่าใดนัก เพราะปัญหาใหญ่อยู่ที่เื้ัเขาต่างหาก นั่นก็คือจวนเฉินโหว หลายปีมานี้จวนเฉินโหวมีสมาชิกในตระกูลเป็ขุนนางน้อยมาก พวกเขาเริ่มผันตัวไปเป็พ่อค้าอย่างแท้จริงแทน ซึ่งกิจการที่มีในตอนนี้ครอบคลุมไปทั่วทั้งเหนือใต้ อีกทั้ง จวนเฉินโหวยังนับเป็แหล่งเงินของฝั่งรัชทายาท หรือจะเรียกว่าเป็ต้นไม้เงินของทางฝั่งรัชทายาทก็ได้
กระทั่งจวนเฉินโหวมาถึงรุ่นปัจจุบันก็มีแค่เฉินกวงที่เป็ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว เพราะยามนี้เฉินโหวมีอายุได้หกสิบกว่าแล้ว ลูกชายถูกโจรสังหารไปั้แ่เมื่อหลายปีก่อนตอนออกไปเก็บบัญชียังที่ต่างๆ ส่วนลูกสาวคนโตก็คือมารดาของลู่หลิงฉิง ฮูหยินลู่ผู้นั้นที่มองดูแล้วสถานะสูงส่ง
เมื่อเื่ราวมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ นางก็อดไม่ได้ให้เม้มปาก ในสายตามีแสงสายหนึ่งสว่างวาบขึ้น ท่าทีแสดงออกชัด จวนเฉินโหวนี้ นางสนใจมาก “เหลยหง ให้คนไปเล่นเป็เพื่อนคุณชายเฉินหน่อย ตระกูลเฉินมีเงินมาก ไม่ต้องเป็กังวลไป หนี้สองแสนตำลึงนี้ยังนับว่าน้อยเกิน ให้เขาเป็หนี้มากกว่านี้อีกสักหน่อย อย่างไรเสีย จวนเฉินโหวก็มีนายท่านอยู่แค่สองคนย่อมต้องมีเงินเก็บมากแน่ พวกเราช่วยเขาใช้จ่ายหน่อยเถอะ”
เมื่อเหลยหงได้ยิน มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย พระชายาผู้นี้จะหน้าไม่อายเกินไปแล้วกระมัง หากพูดถึงเงินเยอะ อันที่จริงพวกเขาเองก็มีไม่น้อย เพียงแต่เงินเ่าั้ถูกนำไปใช้เลี้ยงกองทัพหมดแล้ว จะทำอย่างไรได้ กองทัพตะวันตกเฉียงเหนือกว่าแสนนายในตอนนี้ล้วนต้องพึ่งพาอาศัยพวกเขา
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ จักต้องนำเงินจากจวนเฉินโหวมาเข้ากระเป๋าพวกเราโดยเร็วที่สุด” เหลยหงเป็คนเ้าเล่ห์เพทุบาย เมื่อนึกถึงเื่ที่น่าสนุกเพียงนี้ เขาก็ยินดีที่จะเล่นเป็เพื่อนเ้าเด็กนั่นสักหน่อย
เมื่อก่อนเขาก็ไม่ชอบหน้าบิดาของเฉินกวง คนเอาแต่คิดว่าตนมีเงินจนไม่เห็นผู้อื่นเป็คนเฉกเดียวกับตน
อวิ๋นซีพยักหน้า จากนั้นก็เป็เซียนโหรวที่กล่าวต่อ “่นี้ในเมืองหลวงเองก็มีคนหน้าใหม่เข้ามาไม่น้อย คนเหล่านี้ยามไปดื่มสุรามักจะไปพบเจอกับลูกเขยเจิ้นหนานอ๋องหลินหรงเว่ย อีกทั้ง คนเ่าั้ยังดูให้ความเคารพต่อหลินหรงเว่ยมาก”
อวิ๋นซีและจวินเหยียนสบตากันทีหนึ่ง แต่เมื่อเห็นเขาเงียบ ไม่พูดอะไร อวิ๋นซีก็ทำได้แค่ถามต่อไปอย่างยอมรับชะตากรรม “รู้หรือไม่ว่าเป็ผู้ใด? ”
“ฟังจากสำเนียง ไม่เหมือนพวกเาาวหนานเย่า”
ประโยคเดียวของเซียนโหรว ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่พากันมองไปยังนาง แม้แต่ิอี้ที่ไม่ได้เปิดปากพูดมาตลอดก็ยังอดถามขึ้นไม่ได้ “ไม่ใช่พวกเาาวหนานเย่า? ”
เซียนโหรวอืมไปเสียงหนึ่ง “ถึงแม้คนเ่าั้จะพูดภาษาหนานเย่าอยู่ตลอด แต่สำเนียงกลับเหมือนพวกหนานหมาน ที่หอของพวกเรามีแม่นางผู้หนึ่งที่เมื่อก่อนเคยถูกขายไปยังหนานหมาน ตอนที่กำลังเกิดาวุ่นวาย นางถูกโจรจับตัวไป แต่เป็คนของเราที่ช่วยไว้ จากนั้นจึงพักอยู่ที่หอมาตลอด นางแน่ใจมากว่าสำเนียงที่คนพวกนั้นพูดคือของพวกหนานหมาน”
คำกล่าวนี้ของเซียนโหรว ทำให้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ไม่อาจไม่ระมัดระวังได้ ในเมื่อพูดขึ้นมาแล้วก็คงต้องเท้าความว่า หนานเย่าและหนานหมานมีความแค้นยิ่งใหญ่ระหว่างกันอยู่ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน หนานหมานและหนานเย่าเคยทำากัน ถึงแม้คราวนั้นจะเป็หนานเย่าที่ได้รับชัยชนะ แต่ก็ต้องสูญเสียไปอย่างมหาศาลเช่นกัน ตอนหลังสองแคว้นได้ร่วมลงนามในสัญญาสันติ อีกทั้ง หนานหมานยังได้ส่งชายาอ๋องมาแต่งงงานเชื่อมสัมพันธ์ ซึ่งหนานเย่าเองก็ได้แต่งองค์หญิงออกไปองค์หนึ่ง องค์หญิงผู้นั้นเป็พระขนิษฐาของเสี้ยวเหวินตี้ แต่เพราะมารดาผู้ให้กำเนิดสิ้นไปหลังคลอดทารก ั้แ่นั้นมาจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายไทเฮาองค์ปัจจุบัน
ไทเฮามีโอรสแค่สองพระองค์ ถึงกระนั้นก็ยังดีต่อองค์หญิงผู้นั้นมาก น่าเสียดาย หลังจากที่องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับหนานหมานแล้ว คนอยู่ไม่ถึงสามปีก็สิ้นพระชนม์ แน่นอนว่าหนานหมานปิดบังข่าวนี้ไว้ และกว่าข่าวนี้จะมาถึงเมืองหลวงก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ยิ่งกว่านั้น เสี้ยวเหวินตี้ยังได้ให้คนไปสืบหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ก่อนจะพบว่า เป็าาหนานหมานที่เล่นกับองค์หญิงจนเบื่อแล้ว จึงยกนางให้อ๋องผู้เป็อนุชาของตน สองพี่น้องใช้สตรีคนเดียวกัน ทว่า สตรีนางนั้นเป็ถึงองค์หญิงแห่งหนานเย่า สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ องค์หญิงถูกทรมานจนสิ้นใจตาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้