“เ้าใจเย็นๆ ก่อนสิซูเหยียน!”
มู้เซวี่ยนขมวดคิ้วเข้มพลางพูดปราม“เ้าก็น่าจะรู้สถานการณ์ในจักรภพธาราดีว่ามันร้ายแรงขนาดไหนฟางชิงยวนก็แค่จัดการกับพวกสัตว์แล้วพลาดไปโดนปู้อี้เชวียนทำให้เขาถูกสัตว์พวกนั้นทำร้ายจนตายแค่นั้นเอง...ถึงอย่างไรเื่นี้เ้าก็ไม่ควรไปโทษฟางชิงยวนอยู่ดีและอีกอย่างปู้อี้เชวียนก็เป็แค่เพื่อนร่วมสำนักคนหนึ่งเท่านั้นนี่เ้าคิดจะเป็ศัตรูกับคนของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์เพราะเพื่อนแค่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
ซูเหยียนเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาก่อนจะมองไปรอบๆด้วยสายตาที่ผิดหวังแล้วพูดขึ้น “ซือคงอี้เ้าเป็ถึงหัวหน้าของศิษย์ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้แต่กลับยืนมองปู้อี้เชวียนถูกฆ่าโดยไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ? หวังซง เ้าเป็ถึงศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจันทรากลับไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ?...หลัวมิงไฮ่ ถึงแม้เ้าจะเป็ศิษย์ของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์แต่เ้าก็ใจจืดใจดำยืนมองปู้อี้เชวียนถูกฆ่าตายอย่างนั้นเหรอ? พวกเ้า...พวกเ้ามัน...”
ซือคงอี้มองใบหน้าของซูเหยียนด้วยความละอายก่อนจะพูดขึ้น“ข้าขอโทษ ซูเหยียน แต่ข้าทำไม่ได้...”
หวังซงเองก็เอาแต่ก้มหน้าพลางกัดฟันแน่นโดยไม่พูดอะไร
ส่วนหลัวิไฮ่ก็เอาแต่พะวงและไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
พอเห็นแบบนั้นซูเหยียนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน“แต่ละคนเป็ถึงศิษย์แนวหน้าของสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงแต่กลับไม่กล้าออกความคิดเห็นใดๆแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าพวกเ้าจะมีความสามารถที่โดดเด่นแต่ก็เป็แค่พวกขี้ขลาดและไร้ประโยชน์เท่านั้น!ข้ากับปู้อี้เชวียนเสียใจจริงๆ ที่ต้องมาร่วมเดินทางกับคนอย่างพวกเ้า!”
ว่าแล้วซูเหยียนก็ใช้กระบี่ชี้ไปทางฟางชิงยวนจากนั้นพลังของเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัของนางก็แผ่ซ่านออกมาอย่างน่าเกรงขามจนคนอื่นๆต่างพากันถอยห่าง “ฟางชิงยวน ข้าจะทวงความยุติธรรมให้ปู้อี้เชวียนเอง!”
มู้เซวี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดไป“ซูเหยียน ถึงเ้าจะเป็ลูกสาวของท่านซูซีเฉิงก็อย่าได้เหิมเกริมให้มันมากนัก เพราะถ้าวัดกันที่พลังจริงๆเ้าคงจะไม่มีสิทธิ์ได้ย่างกรายเข้ามาในสนามประลองแห่งนี้หรอก!หรือบางทีเ้าอาจจะสู้ข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
ซูเหยียนเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีที่เหมือนจะแข็งแกร่งแต่ก็อ่อนแอจนคนที่มองอยู่ต้องกังวลนางถือกระบี่ให้ปลายชี้ลงบนพื้นก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ “ฟางชิงยวนในเมื่อเ้าอยากจะทำตัวเป็เต่าหัวหดก็เชิญ! ... มู้เซวี่ยน ก้าวออกมาเดี๋ยวนี้แล้วข้าจะทำให้เ้ารู้เองว่าข้ามีพลังมากพอที่จะเข้ามาในสนามประลองเซินยวนนี่หรือเปล่า!”
มู้เซวี่ยนขมวดคิ้วเข้มเพียงแค่เขาผายมือออกเบาๆ พลังของผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ขั้นเซียนก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ“ในเมื่อเป็แบบนี้ข้าก็ขอดูหน่อยแล้วกันว่าพลังของเพลงกระบี่เมฆาเพลิงัของเ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน!”
...
ข้ามองด้วยความตกตะลึงก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วะโออกไปสุดเสียง“อย่านะเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียน! ข้ายังไม่ตายสักหน่อย!”
ทว่าด้านหน้ากลับเป็เพียงกระจกบานหนึ่งที่กำลังเล่าเื่ราวอยู่เท่านั้นและตอนนี้ข้ายังไม่รู้ด้วยว่าตัวเองอยู่ห่างจากจุดที่พวกนั้นอยู่แค่ไหนหรือสิ่งที่ภาพกำลังแสดงอยู่บนกระจกจะเป็เพียงความคิดของข้าเท่านั้น? หรือบางทีอาจจะเป็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกมิติหนึ่งก็เป็ได้...
ข้าไม่รู้จริงๆว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้ก็คือซูเหยียนและคนอื่นๆไม่มีใครได้ยินเสียงของข้าสักคน
ขณะนั้นภาพในกระจกก็ฉายภาพของมู้เซวี่ยนที่กำลังวิ่งเข้าหาซูเหยียนด้วยพลังของจอมยุทธ์ระดับเซียนของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์โดยไม่เกรงกลัวต่อพลังของซูเหยียนเลยแม้แต่น้อยซึ่งพลังของมู้เซวี่ยนเคยได้รับให้เป็ศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักก่อนจะมีฟางชิงยวนซึ่งมีความแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆ
“ขอโทษด้วยนะซูเหยียน แต่ข้าจะต้องหยุดไม่ให้เ้าสู้กับฟางชิงยวน!”
มู้เซวี่ยนพุ่งเข้าไปด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเพียงพริบตาเดียวก็ไปยืนอยู่เบื้องหน้าของซูเหยียนพร้อมกับนิ้วมือที่วาดไปบนอากาศราวกับใบไม้กำลังร่วงหล่นลงบนพื้นทว่ามันคือพลังของดรรชนีทะลวงวายุที่พุ่งเข้าไปหาซูเหยียนด้วยพลังลมที่หมุนตัวเป็เกลียวถึงห้าระลอกจนคนอื่นๆถึงกับมองตาค้าง
ทว่าซูเหยียนกลับไม่พูดอะไรนอกจากถอยตัวหลบการโจมตีของมู้เซวี่ยนก่อนจะปล่อยพลังของระบำทิวากาลออกมาจนถึงขีดสุดและนั่นก็ทำให้ข้ารู้ได้ทันทีว่านางเห็นมู้เซวี่ยนเหมือนศัตรูคู่แค้นแล้วจริงๆ
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
เกิดเสียงะเิดังขึ้นติดๆกันหลังจากที่พลังของมู้เซวี่ยนถูกซูเหยียนสกัดไว้ทั้งหมด
“ช่างเป็การป้องกันที่แข็งแกร่งจริงๆ” ซือคงอี้ขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดขึ้น
ส่วนหวังซงก็พูดด้วยความประหลาดใจเช่นกัน“นี่น่ะเหรอพลังของเมฆาเพลิงั ถ้าเป็ข้าละก็...ต้องรับมือไม่ไหวแน่ๆ”
ตอนนี้ในสนามต่อสู้ใบหน้าของมู้เซวี่ยนเริ่มไม่สู้ดีนักเพราะพลังที่ปล่อยไปล้วนถูกซูเหยียนสกัดไว้จนหมดเมื่อเห็นแบบนี้มู้เซวี่ยนจึงกัดฟันแน่นแล้วยื่นมือขวาลงไปบนพื้นก่อนจะมีพลังจากลำแสงที่ก่อตัวกันอยู่ตรงปลายนิ้ว
“มู้เซวี่ยนจะใช้พลังดรรชนีอัสดงแล้ว!”
ศิษย์ของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงราวกับว่าถ้ามู้เซวี่ยนใช้พลังดรรชนีอัสดงไปแล้วซูเหยียนจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนประมาณนั้นแต่ก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดแบบนั้นเพราะซูเหยียนเป็ศิษย์ใหม่ของสำนักหมื่นิญญาที่วันๆเอาแต่ฝึกฝน และเก็บตัวเป็ความลับอยู่ในบ้านจึงไม่มีใครรู้ว่านางแข็งแกร่งแค่ไหนแต่กับมู้เซวี่ยนไม่เหมือนกันเพราะเขาเป็ถึงศิษย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังเป็อันดับต้นๆด้วยพลังของดรรชนีทะลวงวายุและพลังของดรรชนีอัสดงซึ่งเป็ที่เลื่องลือไปทั่วจนใครๆต่างก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาดี
เพียงแค่เขาชี้นิ้วขึ้นมาพลังที่เหมือนกับแสงอาทิตย์ในยามอัสดงที่ส่องมายังใบหน้ามันก็รุนแรงจนทำให้ศิษย์หลายๆคนต่างก็ถอยห่าง เพราะไม่สามารถทนต่อความกดดันแบบนี้ได้
แต่ถึงกระนั้นซูเหยียนกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติงก่อนที่พลังของเมฆาเพลิงัจะหายไปแต่กลับมีพลังใหม่ที่คล้ายกันแผ่ออกมาจากร่างกายอันงดงามของนางแทนมันเป็พลังที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจจนหินก้อนเล็กก้อนน้อยที่อยู่รอบๆถูกพลังของนางดึงดูดให้ลอยขึ้นสูงร่างกายที่ปราดเปรียวของนางแผ่แสงแห่งพลังสีเขียวมรกตของท้องฟ้าออกมาหลังจากนั้นก็ไหลรวมเข้าไปอยู่ในคมกระบี่ที่เงาวับดั่งแสงจันทร์และกลายเป็พลังที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดผวา
“นี่มัน...นี่มันพลังของเมฆาเพลิงัขั้นที่สี่...ระบำแสงจันทร์มรกต!”
ซือคงอี้เห็นแบบนั้นแล้วพูดขึ้น“นี่ซูเหยียนนางฝึกพลังของระบำแสงจันทร์มรกตสำเร็จั้แ่เมื่อไรกัน!? ...มู้เซวี่ยนแพ้แน่ๆ!”
...
เชว้ง!
กระบี่ในมือของนางฟันเข้าไปที่พลังดรรชนีอัสดงของมู้เซวี่ยนจนแตกสลายและขณะที่มู้เซวี่ยนถอยห่างออกมานางก็พุ่งตามไปติดๆพร้อมกับกระบี่ในมือที่แทงตรงไปยังหัวไหล่ของมู้เซวี่ยนด้วยความเร็วจนยากจะหลบหลีก
“แย่แล้ว...”
มู้เซวี่ยนตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นก่อนจะประกบมือเข้าด้วยกันแล้วชี้ออกไปด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่ประกบกันแน่นก่อนจะพูดขึ้น“ข้าไม่เชื่อหรอกนะว่าพลังระบำแสงจันทร์มรกตของเ้าจะสามารถแทงทะลุพลังดรรชนีอัสดงที่ถูกอัดพลังเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยมของข้าได้!”
ซูเหยียนไม่ได้พูดอะไรนอกจากกระชับกระบี่ให้มั่นแล้วดิ่งลงจากฟ้าเท่านั้น!
ปั้ง!
พลังดรรชนีอัสดงของมู้เซวี่ยนยังไม่ทันได้พุ่งออกจากร่างกายของเขาก็ถูกพลังระบำแสงจันทร์มรกตของซูเหยียนฟันจนปลิวไปชนกับหินาาสรรพสัตว์ก้อนใหญ่มู้เซวี่ยนที่นั่งคุกเข่าข้างเดียวด้วยใบหน้าซีดเผือดพยายามลุกขึ้นแต่ก็ต้องกระอักเืออกมาอีกครั้งจนล้มพับลงไปนั่งที่เดิมพร้อมกับใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะแพ้ให้กับซูเหยียน
“อย่าพยายามอีกเลยมู้เซวี่ยน เ้าแพ้แล้วล่ะ”
ฟางชิงยวนเห็นแบบนั้นจึงพูดเสียงเรียบ“พลังของตระกูลซูแห่งพันธมิตรนักปราชญ์ขาวช่างกล้าแกร่งจริงๆนึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะสามารถเอาชนะคนที่มีขั้นการบำเพ็ญเหนือกว่าตัวเองได้ข้ายอมรับว่าเป็เื่ที่น่าประหลาดใจทว่า...การที่เ้าคิดจะมาสู้กับข้าด้วยพลังแค่นี้ช่างเป็ความคิดที่โง่เขลานัก!”
ซูเหยียนมองฟางชิงยวนด้วยแววตาโกรธแค้นก่อนจะใช้กระบี่ชี้ไปที่หน้าของเขาพลางพูดขึ้น“ไม่ต้องพูดมาก เข้ามา!”
คนอื่นๆต่างก็มองไปยังฟางชิงยวนพร้อมๆ กันชนิดที่ว่าพูดไม่ออกเพราะตอนนี้ซูเหยียนได้แสดงพลังที่เกินความคาดหมายและน่าเกรงขามออกมาคนหนึ่งแล้วและถ้าฟางชิงยวนต้องแสดงพลังออกมาอีกคนก็จะกลายเป็าของสองผู้ยิ่งใหญ่ที่ต้องมาประชันกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปนั่นเอง!
ซือคงอี้ขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดขึ้น“ซูเหยียน เ้าเองก็สู้กับมู้เซวี่ยนจนพลังิญญาในร่างกายลดลงไปมากแล้วทำไมถึงยังดื้อดึงจะสู้กับฟางชิงยวนอยู่อีกนะ?...ถึงอย่างไรปู้อี้เชวียนก็ตายไปแล้วและไม่มีทางจะฟื้นคืนกลับมาได้อีกทำไมเ้าจะต้องจมปลักอยู่กับความแค้นนี้ด้วยล่ะ?”
ซูเหยียนมองไปยังซือคงอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตากลับมีน้ำเอ่อล้นก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา “เขาเคยเป็คนของข้ามาก่อนแต่มาวันนี้เขากลับตายไปโดยไม่ได้ร่ำลาเ้าไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกที่เ็ปแบบนี้หรอกนะ!”
ซือคงอี้ได้ยินแล้วก็เงียบไป
ตอนนั้นเองฟางชิงยวนก็ผายมือขึ้นมาเบาๆก่อนจะมีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏออกมาท่ามกลางสายลมที่พัดวนในมือและนั่นก็คืออาวุธิญญาของเขานั่นเองฟางชิงยวนมองมายังซูเหยียนด้วยแววตาที่หนักแน่นก่อนจะพูดขึ้น “ซูเหยียนข้ารับคำท้าของเ้า และถ้าเ้าแพ้...ข้าก็จะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด! แต่เห็นแก่ที่เ้าเป็ถึงผู้สืบทอดของตระกูลซูข้าก็จะละเว้นชีวิตเ้าไว้แต่จะทำลายปราณิญญาของเ้าแทนเ้าจะได้รู้ว่าผลของการต่อกรกับคนอย่างข้ามันเป็ยังไง!”
คนอื่นๆที่ได้ฟังต่างก็ต้องตกตะลึงเพราะรู้ดีว่าฟางชิงยวนพูดคำไหนคำนั้นและถ้าซูเหยียนแพ้จริงๆ เขาก็จะทำลายปราณิญญาและการบำเพ็ญของนางแน่นอนและไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีเทพศาสตราวุธเยว่หลิงและวิหารศักดิ์สิทธิ์คอยหนุนหลังทำให้ซูซีเฉิงไม่กล้าติดใจหาเื่อย่างแน่นอนถึงแม้ซูซีเฉิงจะเป็เสนาบดีก็ต้องเคารพกฎของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งเอาไว้และเขาก็คงจะไม่กล้าเข้าไปหาเื่คนอย่างเยว่หลิงที่เป็ถึงเทพศาสตราวุธอันดับหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนเทพเดินดินอย่างแน่นอน
ซูเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “ข้าอยากจะควักเอาลูกตาที่มันไม่เห็นหัวคนอื่นของเ้าออกมาเหยียบให้จมดินจริงๆ!”
“นี่เ้า...”
ฟางชิงยวนมองซูเหยียนด้วยสายตาที่เดือดดาลก่อนจะพูดขึ้น“ซูเหยียน เ้าอย่าได้ทำตัวโอหังให้มันมากนักคิดว่าคนอย่างข้าจะไม่กล้าฆ่าเ้าหรือไง? ถึงข้าจะฆ่าเ้าทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ลงโทษข้าอยู่ดีเ้าคิดว่าพ่อของเ้าจะทำยังไง? คนอย่างซูซีเฉิงจะยอมเป็ปรปักษ์กับวิหารศักดิ์สิทธิ์และเขตเมืองทางใต้เพราะเ้าเพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“มันไม่สำคัญหรอกนะว่าท่านพ่อจะคิดยังไงเพราะที่สำคัญคือข้าไม่มีทางแพ้ให้คนอย่างเ้าเด็ดขาด!”
ซูเหยียนว่าแล้วก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับกระบี่ที่มีพลังแผ่ซ่านออกมาอย่างน่าเกรงขามและะโขึ้นฟันลงมาจาก้า
“ระวัง!”
ฟางชิงยวนมองคนเบื้องหน้าจากนั้นรูม่านตาก็หดเล็กลงดวงตากระตุกด้วยความโกรธก่อนจะเบนตัวหลบการโจมตีของซูเหยียน หลังจากนั้นพลังของเพลงกระบี่โลกชิตของเขาก็แผ่ออกมาทั่วบริเวณก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง“ข้าไม่สนว่าเ้าจะเป็ใคร แต่คนที่เข้ามาขวางทางข้ามันจะต้องพ่ายแพ้เท่านั้น!”
…
ตูม!!
หลังจากสิ้นเสียงะเิที่ดังสนั่นหวั่นไหวพลังิญญาก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
ซูเหยียนเคยใช้แต่พลังความแข็งแกร่งของกระบี่เพลิงกัลป์เอาชนะมาตลอดส่วนทางฟางชิงยวนเองก็ใช้ข้อดีของพลังการทำลายของเพลงกระบี่โลกชิตที่กล้าแกร่งเอาชนะเหมือนกันดังนั้นเมื่อพลังที่น่าเกรงขามและทรงอานุภาพจากทั้งสองพุ่งเข้ากระทบกันจึงทำให้เกิดเสียงะเิดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า
นึกไม่ถึงว่าเมื่อได้พลังของระบำแสงจันทร์มรกตมาช่วยจะทำให้ซูเหยียนสามารถสู้กับฟางชิงยวนได้อย่างสูสีและไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานพลังของซูเหยียนจะตีห่างถังเชวียหรานมาได้มากขนาดนี้!
ข้าที่นั่งมองภาพในกระจกพึมพำขึ้นเสียงเบา“เสี่ยวเหยียน ในเมื่อเ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ นางจะต้องเอาชนะฟางชิงยวนให้ได้นะ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้