เซี่ยโม่ดึงความคิดกลับมา พร้อมทั้งพยายามตั้งสติ
“บนูเามีไก่ป่าอยู่หนึ่งฝูง กระต่ายป่าอีกหนึ่งฝูง เสี่ยวิหลบอยู่หลังพุ่มไม้ นับไก่ป่าและกระต่ายป่าฝูงนี้ได้ทั้งหมดสามสิบหกขา เราคิดว่ามีไก่ป่ากี่ตัวและกระต่ายป่ากี่ตัว” เธอคิดโจทย์ก่อนจะเอ่ยถามน้องชาย
คราวนี้เฉินเฟิงตัวน้อยหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ได้ตอบเลยในทันที “พี่ครับ มันมีคำตอบหลายแบบเหลือเกิน”
“เราคิดได้กี่แบบล่ะ”
คำถามข้อนี้ไม่เพียงต้องใช้ทักษะในการคำนวณขั้นพื้นฐาน แต่ยังต้องใช้ความรู้เื่การจัดกลุ่มอีกด้วย
หากข้อนี้น้องชายของเธอยังตอบถูกอีก สามารถเรียกได้ว่ามีพร์
เซี่ยเฉินเฟิงทำท่าครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะเอ่ยตอบ “พี่ครับ คำถามข้อนี้ยากไม่น้อย และมีความเป็ไปได้ที่จะมีแปดแบบ”
เธอตาโตด้วยความตื่นตะลึง นิ่งอึ้งเหมือนถูกคนโจมตี น้องชายของเธอเก่งเกินไปแล้ว
น้องชายของเธอยังไม่เคยเรียนสูตรคูณ ยังไม่เคยเรียนเื่การจัดกลุ่ม แต่กลับคิดคำตอบของโจทย์ข้อนี้ออก
“เฉินเฟิง เราคิดออกได้ยังไง” เธอถามอย่างแปลกใจ
เซี่ยเฉินเฟิงตอบคำถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมก็เริ่มจากนับขากระต่ายหนึ่งตัวก่อนแล้วก็ไปนับขาของไก่ ครบแล้วค่อยกลับมานับขากระต่ายตัวที่สอง นับแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบแปดตัว เลยได้คำตอบมาแปดแบบ”
“เราไม่คิดว่ามีกระต่ายเก้าตัวบ้างเหรอ”
เซี่ยเฉินเฟิงยิ้มพร้อมกับพูดล้อ “พี่ครับ พี่คงไม่ได้โง่ขนาดนั้นใช่มั้ย ถ้ามีกระต่ายเก้าตัวก็จะมีสามสิบหกขา ยังไม่รวมไก่ แต่เมื่อกี้พี่บอกว่าไก่กับกระต่ายรวมกันได้สามสิบหกขา”
เธอยอมแพ้ น้องชายของเธอเก่งจริงๆ
เวลานี้เองคุณปู่อายุหกสิบกว่าที่เฝ้าไข้อยู่เตียงข้างๆ เอ่ยถาม “เ้าหนู เราเข้าโรงเรียนหรือยัง”
เซี่ยเฉินเฟิงส่ายศีรษะ
“เด็กคนนี้ฉลาด ความคิดรอบคอบ เป็เมล็ดพันธุ์ชั้นดีทีเดียว” คุณปู่คนนั้นกล่าวชมเชย
นับั้แ่กลับชาติมาเกิดใหม่ เธอพบว่าเซี่ยเฉินเฟิงเป็เด็กที่ฉลาดมาก ตอนแรกกลัวว่า อาจเป็เพราะเธอรักน้องชายมากเกินไป ก็เลยเห็นน้องชายตัวเองฉลาดกว่าเด็กคนอื่น
แต่ตอนนี้พอได้ยินคนอื่นชมน้องชายของเธอ เธอทั้งรู้สึกดีใจและปลาบปลื้ม
“คุณปู่ คุณก็ดูออกด้วยเหรอคะ ฉันเห็นไม่มีอะไรทำก็เลยสอนการคำนวณพื้นฐานให้เขา”
“เด็กที่หัวดีแบบนี้ควรให้เข้าโรงเรียนเร็วหน่อย” คุณปู่คนนั้นแนะนำ
เธอมีท่าทีลังเล “แต่ว่าเขายังเด็กอยู่เลย ฉันกลัวว่าหากให้เข้าเรียนก่อนวัย เขาจะถูกเด็กคนอื่นรังแก รอปีหน้าค่อยว่าอีกทีดีกว่า ระหว่างนี้ฉันจะหาเวลาสอนเขาเอง ถึงวัยที่ต้องเข้าเรียน จะได้ข้ามไปเรียนปีสองได้เลย”
คุณปู่เอ่ยอย่างเห็นด้วย “แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน เราในฐานะพี่มีความคิดรอบคอบดีเหมือนกัน แต่เื่สมอง เรายังสู้น้องชายไม่ได้”
เธอชะงักเมื่อถูกโจมตี ทั้งยังเป็คนแปลกหน้าที่โจมตีเธออีกด้วย
แม้จะเศร้าแต่อีกใจก็รู้สึกดีใจที่มีคนชมน้องชายของเธอ ชาตินี้เซี่ยโม่อยากจะสร้างเครือซูเปอร์มาร์เก็ตเหมือนกับชาติที่แล้ว วาดหวังว่าน้องชายจะมีอนาคตที่ดีกว่าตนเอง ดังนั้นเธอก็ต้องเริ่มสร้างอนาคตให้น้องชายั้แ่ตอนนี้เลย
เธอทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “เฉินเฟิง หากเรายังไม่เหนื่อย พี่สอนท่องสูตรคูณให้เอาไหม”
“ดีครับ!”
เธอสอนน้องชายท่องสูตรคูณอย่างช้าๆ ค่อยเป็ค่อยไป
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยท่องสูตรคูณทีละแม่
ทันใดนั้นก็เอ่ยถามเธอว่า “พี่ครับ ถ้าผมท่องสูตรคูณได้แล้ว ต่อไปถ้าเจอคำถามแบบนี้ ผมก็จะแก้ได้ง่ายๆ แล้วใช่ไหม”
น้องชายคงจะหมายถึงคำถามก่อนหน้านี้ เฉินเฟิงของเธอนี่ความคิดก้าวะโจริงๆ
“ความรู้ที่พี่สอนให้มีประโยชน์ทั้งนั้น หากเราท่องสูตรคูณได้ มันจะมีประโยชน์กับความรู้ที่เราได้จะเรียนหลังจากนี้”
“งั้นผมจะตั้งใจท่อง”
“แต่ถ้ารู้สึกปวดหัว หยุดท่องก่อนก็ได้ รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาท่องต่อ”
“ไม่เอา ผมจะท่องให้ได้ก่อนแล้วค่อยนอน พรุ่งนี้จะได้เรียนเื่ใหม่”
เธอลูบหัวน้องชายอย่างรักใคร่เอ็นดู น้องชายเธอทั้งฉลาดทั้งหัวไวแบบนี้ ต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน
หลังจากท่องจนจำได้ น้องชายเธอถึงยอมหลับตาเข้านอน
เธอขดตัวนอนตรงปลายเตียง เมื่อรับรู้ได้ว่าเท้าของน้องชายเย็นเฉียบ เธอจับเท้าทั้งสองข้างมาซุกที่อก แม้ในใจจะรู้สึกสงสารน้องชาย แต่ความวางใจและความเหนื่อยล้าก็ทำให้เซี่ยโม่ผล็อยหลับไป
เช้าวันต่อมา ท้องฟ้าด้านนอกสว่างแจ่มใส
เซี่ยโม่ตื่นขึ้นมาตามความเคยชินของนาฬิกาในร่างกาย หันมองไปรอบๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล เท้าของน้องชายที่เธอกอดเอาไว้ั้แ่เมื่อคืนตอนนี้อุ่นจนแทบร้อน
เธอมองสีหน้าของน้องชาย ไม่มีอะไรผิดปกติ สีหน้าเหมือนคนปกติทุกอย่าง คงเป็เพราะฤทธิ์ยาเมื่อวาน
เธอลุกขึ้น ออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ไม่กล้าไปไหนไกลจากห้องพัก
เวลานี้เองที่ประตูถูกเปิดเข้ามา ก่อนคุณตาจะถือของมากมายเดินเข้ามาในห้อง
“คุณตา มาได้ยังไงคะ”
เธอถามอย่างเป็ห่วง คุณตาอายุมากแล้ว แต่ก็ยังถ่อมาถึงโรงพยาบาลที่อยู่ตั้งไกลแต่เช้าตรู่
“ก็เพราะเป็ห่วงพวกหลานนั่นแหละ เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานรถตำรวจมันนั่งไม่พอ ตาคงจะตามมาั้แ่เมื่อวานแล้ว เมื่อวานตาก็คิดจะมาเยี่ยม แต่เห็นว่าฟ้ามันมืด ถ้ามาก็ต้องไปเช่าโรงแรมอีก”
คุณตาไม่ได้บอกหลานสาวว่า เมื่อวานอาการโรคหัวใจของคุณยายกำเริบ เมื่อคืนทั้งคืนพวกเขาสองตายายเลยแทบไม่ได้นอน
กลางดึก ยายแก่อยากให้มาดูหลานที่โรงพยาบาล เขารอจนเกือบรุ่งสางถึงค่อยออกจากบ้าน
“อาการเฉินเฟิงเป็ยังไงบ้าง” เขาถามหลานสาว
เซี่ยโม่ตอบด้วยเสียงไม่ดังนัก “ตอนนี้ยังหลับอยู่ค่ะ เมื่อวานให้น้ำเกลือก็เลยดีขึ้น อาจารย์บอกว่านอนโรงพยาบาลไม่กี่วันก็หายแล้ว”
“ดีแล้ว ยายเขาจะได้วางใจสักที”
ได้ยินคำนั้นเซี่ยโม่ถึงนึกขึ้นมาได้ “คุณตาคะ อาการโรคหัวใจของคุณยายเป็ยังไงบ้างคะ”
สีหน้าคุณตาขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด
เพียงเท่านี้ก็รู้ทันทีว่า คุณยายคงจะโมโหจนโรคหัวใจกำเริบอีกแล้ว
“คุณตา ยาที่หนูให้คุณยายกินเมื่อคราวที่แล้วได้ผลดีมาก เดี๋ยวหนูจะออกไปซื้อเพิ่ม คุณตาช่วยดูเฉินเฟิงให้หนูก่อนนะคะ”
ไม่รอคำตอบ เธอรีบวิ่งออกจากห้องไป
เธอหาจุดปลอดคน หยิบยาโรคหัวใจที่เคยให้คุณยายกินเมื่อคราวก่อนออกมา แกะซองยาทิ้ง พร้อมนำอาหารออกมาจากโกดังสินค้าด้วยเช่นกัน จากนั้นเอาใส่ในถุงแล้วกลับเข้าไปในโรงพยาบาล
“คุณตา ในถุงมียาของคุณยายแล้วก็พวกของกินค่ะ คุณตาเอากลับไปที่บ้านนะคะ”
“หลานนี่ ซื้อยามาก็พอแล้ว เมื่อวานหลังจากพวกหลานไปโรงพยาบาล ตากับยายก็จัดข้าวของในบ้าน เจอที่นอนแบบทหาร ฝ้ายสองสามกิโล แล้วก็ข้าวสารห้ากิโลกว่า หลานเป็คนซื้อมาใช่ไหม”
เธอพยักหน้า “อาจารย์ให้มาตอนหนูไปช่วยอาจารย์ย้ายบ้านค่ะ ใช่แล้ว ในห้องเก็บผักชั้นใต้ดินมีหนูอ้นอยู่หนึ่งตัว กลับบ้านไปคุณตาอย่าลืมเอามาทำอาหารนะคะ”
“โม่โม่ อย่าเพิ่งพูดเื่นี้เลย ตายังไม่กลับตอนนี้ ยายเขาต้มโจ๊กให้ตาเอามาให้ ถ้าเฉินเฟิงตื่นแล้ว พวกหลานก็กินซะนะ”
เธอซาบซึ้งเหลือเกิน คุณตาอุตส่าห์ถ่อมาตั้งไกลเพื่อเอาโจ๊กมาให้
โบราณกล่าวไว้ได้ดีมาก ความรักไม่อาจประเมินค่าได้ ความรักที่คุณตาคุณยายมีให้พวกเธอสองพี่น้อง เธอรับรู้แล้ว
“คุณตา ลืมไปแล้วเหรอคะว่าหนูมีเงิน คุณตาคุณยายไม่ต้องเป็ห่วงพวกเราหรอกค่ะ”
“เด็กโง่ ตากับยายมีหลานอยู่แค่สองคน แล้วจะไม่ให้เป็ห่วงได้ยังไง”
เวลานี้เอง เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยก็ค่อยๆ ลืมตาตื่น “พี่ครับ…”
คุณตารีบพุ่งเข้าไปหาหลานชาย “เฉินเฟิง เป็ยังไงบ้าง”
“คุณตามาแล้วเหรอครับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้