เฉินอ๋องมองนางครู่หนึ่งเอ่ยอย่างด้วยความสนใจว่า “หรงหว่านซี จู่ๆ เปิ่นหวางก็รู้สึกรอคอย‘วันข้างหน้าที่ยังยาวไกล’ นี้...เปิ่นหวางไม่ใช่ผู้ที่รู้จักทะนุถนอมคนงามสักเท่าใดในเมื่อเ้าเสนอก็จงเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน เปิ่นหวางรับปากเ้า ทว่าพวกเราจะต้องปรับเปลี่ยนสักเล็กน้อย”
“เตี้ยนเซี่ยโปรดตรัสเพคะ”
“เปิ่นหวางไม่อยากจำเื่เล็กน้อยเหล่านี้ดังนั้นไม่ว่าเ้าหรือเปิ่นหวาง การให้รางวัลและบทลงโทษระหว่างพวกเราทั้งสองจะต้องให้รางวัลหรือมอบบทลงโทษนั้นให้แล้วเสร็จภายในสามวัน หากไม่จัดการให้แล้วเสร็จเมื่อพ้นสามวันนี้ไปจะไม่นับรวมเพื่อเป็การหลีกเลี่ยงไม่ให้เ้ายกย่องชมเชยไม่กี่หนเมื่อถึงยามสำคัญกลับนึกขึ้นได้แล้วฉีกหน้าเปิ่นหวาง เปิ่นหวางไม่อาจขายหน้าเ้าคิดว่าวิธีนี้ดีหรือไม่?”
“วิธีการของเตี้ยนเซี่ยย่อมต้องดีอยู่แล้วเพคะ”หรงหว่านซีเอ่ยพลางยกยิ้ม
“ดีถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ตกลงกันเช่นนี้” เฉินอ๋องเอ่ย
ทั้งที่รู้ดีว่าแม้สตรีนางนี้ไม่ได้รุกฆาตเขาจนแพ้ราบคาบและสามารถเสมอกับเขาทว่าภายในใจกลับค่อนข้างเฝ้ารอและรู้สึกว่าการประลองฝีมือครั้งนี้น่าสนุก
เฉินอ๋องโบกมือ“หลายวันจากนี้เ้าจงอยู่ที่จวนอย่างว่าง่ายและให้เปิ่นหวางมาสู่ขอ”
“หม่อมฉันส่งเสด็จท่านอ๋องเพคะ”
เมื่อเห็นเฉินอ๋องขึ้นรถม้าไม่นานนักรถม้าเคลื่อนตัวไปถึงหัวมุมถนน หรงหว่านซีส่ายหน้า รู้สึกน่าขบขันเพราะช่างคล้ายกับการแข่งขันระหว่างเด็กผู้หญิงที่ไม่มีผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะไม่มีผิด
เดิมทีเฉินอ๋องคิดจะใช้วิธีนี้ควบคุมนางให้นางประพฤติตนเป็คนว่านอนสอนง่ายเฉินอ๋องคิดว่านางคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นสักหน่อยเพื่อไม่ให้ถูกการกระทำกิริยาหยาบคายเช่นเมื่อครู่แน่นอนว่านางต้องระมัดระวังมากขึ้น แต่ถ้านางต้องระวังเพียงฝ่ายเดียวก็ถือเป็เื่ที่น่าอึดอัดไม่น้อย
ปกติความสัมพันธ์ระยะยาวต่างต้องมีความเสมอภาคกันถึงจะดีหากเริ่มต้นก็พ่ายแพ้เสียแล้ว ภายหน้าเกรงว่าคงต้องถูกผู้อื่นจูงจมูกให้เดินตาม
แม้ภายนอกนางไม่ยอมแสดงท่าทีอกตัญญูต่อเฉินอ๋องทว่าภายในใจก็ไม่เคยมีความเคารพเชื่อฟังถึงเพียงนี้มาก่อน แน่นอนว่าเฉินอ๋องรู้ข้อนี้ดีด้วยเหตุนี้ถึงคิดจะควบคุมนาง แต่ท้ายที่สุดเหตุใดถึงไม่อาจควบคุม? นั่นไม่ใช่เพราะนางมากแผนการแต่เพียงเพราะ...เฉินอ๋องผู้นี้เป็คนใจกว้างคนหนึ่ง
หากเื่นี้เกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทเกรงว่าผลสรุปคงจะต่างกันโดยสิ้นเชิง
หากหรงหว่านซีรู้ว่าภายในจวนองค์รัชทายาทในขณะเดียวกันเกิดเหตุการณ์อะไรแน่นอนว่านางต้องไม่รู้สึกว่าตนใส่ร้ายองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน
ภายในจวนองค์รัชทายาทณ เรือนหลังเล็กหลังสวนดอกไม้ในมุมหนึ่ง
องค์รัชทายาททรงพระดำเนินวกไปวนมาแม้ฝีพระบาทไม่เร็วนัก แต่ก็ไม่ยอมหยุดเช่นกันและทรงคิดพิจารณาเื่หนึ่งอยู่ตลอด
ฉินอิ่นเยว่ยืนนอบน้อมอยู่ด้านหนึ่งนางนิ่งเงียบไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
นางก็รู้แล้วว่าแผนการล้มเหลวแม้จะบอกว่าที่เื่นี้ล้มเหลวไม่ได้เป็เพราะนางคิดแผนการไม่แยบยลแต่ผู้ใดจะรับรองได้ว่าองค์รัชทายาทไม่ทรงตำหนินาง?
ขณะนิ่งเงียบภายในใจคิดแผนการอีกหนึ่งแผนการเป็ที่เรียบร้อยยังมีเวลาอีกหกวันก่อนจะถึงวันที่แปดเดือนห้า ระยะเวลาหกวันนี้องค์รัชทายาทคงไม่คิดยอมแพ้กระมัง?
แต่เวลามีจำกัดหากยังล้มเหลวอีกจะต้องไม่มีโอกาสอีกครั้งอย่างแน่นอนดังนั้นจะต้องคิดให้รอบคอบจนมั่นใจได้จึงจะดี
องค์รัชทายาททรงพระดำเนินอีกไม่กี่ก้าวในที่สุดก็ประทับนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะกลม
ฉินอิ่นเยว่รีบเดินก้มหน้าเข้าไปนวดพระอังสาให้องค์รัชทายาททันที
“ดีที่แม้ครั้งนี้จะล้มเหลวทว่าไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียใดๆ ต่อเปิ่นกงข่าวลือที่กระจายออกไปถือว่าไม่กว้างมากนัก ถึงไทเฮากับเสด็จพ่อจะทรงทราบก็ไม่ใส่พระทัยแต่อย่างใดเพราะทรงคิดว่าเป็เพียงการพูดคุยทั่วไปของประชาชน” องค์รัชทายาทตรัส
“องค์รัชทายาทเพียงแต่อยากระบายโทสะเท่านั้นถือเป็เื่ที่สมควรยิ่งนัก ์ย่อมต้องคุ้มครองคนดีเพคะ” ฉินอิ่นเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แต่เหลือเพียงแค่หกวันหรือเปิ่นกงต้องปล่อยให้พวกเขาเข้าพิธีมงคลอย่างราบรื่นกลายเป็ที่สรรเสริญเยินยอของประชาชน? และทำให้ไทเฮากับเสด็จพ่อทรงพอพระทัย?”องค์รัชทายาทตรัส
ถือว่ายกประโยชน์ให้เ้าสามเกินไปแล้ว
ประเด็นสำคัญก็คือหรงหว่านซีเมื่อลองคิดว่านางกับบุรุษอื่นจะถูกผู้คนสรรเสริญเยินยอภายในใจรู้สึกกระสับกระส่ายจนไม่อาจอธิบาย
วันนี้หมู่โฮ่ว[1] ทรงเรียกเขาไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักคุนหนิงกงทั้งยังตรัสถามอยู่พักใหญ่ ดูจากท่าทีของหมู่โฮ่ว เดิมคงอยากจะตำหนิติเตียนแต่โชคดีที่เขาแก้ต่างอย่างเหมาะสม ถึงทำให้นางคิดว่าเขาไม่ได้จงใจปล่อยข่าวลือทว่าหมู่โฮ่วยังตรัสตักเตือนว่าอย่าได้เฝ้าคะนึงหาคุณหนูตระกูลหรงผู้นั้นภายหน้าจะเลือกสตรีที่ดีกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่ามาเป็พระวรชายาขององค์รัชทายาท
แต่ถ้าเขาสามารถจัดการได้อย่างแยบยลนอกจากจะได้ล้างแค้นยังทำให้เสด็จพ่อและไทเฮาไม่อาจจับผิดหากยังเฝ้าคะนึงหาจะมีอะไรให้น่ากังวล? เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ได้มีผลร้าย
การระวังตัวเป็เื่จำเป็แต่อย่าได้ระวังตัวจนเกินไปจะกลายเป็คนขี้ขลาด
และเขาดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทได้ขี้ขลาดมากเกินไปแล้ว...
“ไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยทรงมีแผนการแล้วหรือไม่เพคะ?”เมื่อเห็นองค์รัชทายาทนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ฉินอิ่นเยว่จึงเอ่ยถาม
องค์รัชทายาทส่ายพระพักตร์“ยังไม่มีชั่วคราว ก่อนหน้านี้ก็คิดมาไม่กี่อย่าง แต่รู้สึกว่าไม่น่าจะใช้การได้นัก...ไหนเ้าลองบอกมาสิว่าเ้ามีแผนการอะไร? เปิ่นกงเห็นว่าเ้าคล้ายจะคิดแผนการได้แล้ว”
“แผนการของหม่อมฉันเมื่อเทียบกับแผนการของไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยย่อมไม่มีค่าพอจะเอ่ยถึงเพคะ”ฉินอิ่นเยว่เอ่ย “ทว่าผู้คนมักจะบอกว่านักปราชญ์ยังรู้พลั้ง คิดว่าหากเตี้ยนเซี่ยจะนึกไม่ถึงวิธีก็คงเป็ไปได้ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจะขอโอ้อวดแล้วนะเพคะ”
“เ้ารีบบอกมาเถิด”องค์รัชทายาทตรัส
“เตี้ยนเซี่ยแม่ทัพหรงอารักษ์เขตพรมแดนระหว่างแคว้นเฟิงและแคว้นเหลยมานานหลายปีได้ยินว่าแม่ทัพหรงเป็คนซื่อตรง เกรงว่าขณะรับหน้าที่ตลอดหลายปีมานี้คงสร้างความบาดหมางต่อผู้อื่นเป็จำนวนไม่น้อยกระมัง? หม่อมฉันได้ยินว่าชาวแคว้นเหลยถนัดเื่การต่อสู้ทั่วทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยคนมากตัณหาและป่าเถื่อนไร้อารยธรรมมีผู้คนจำนวนหนึ่งทำการค้ามนุษย์ระหว่างสองแคว้นมานานปีโดยลักลอบส่งสตรีแคว้นเฟิงไปให้บุรุษของแคว้นตนเพคะ”
ฉินอิ่นเยว่เอ่ยพลางยกยิ้ม“เตี้ยนเซี่ยทรงคิดว่า จากลักษณะนิสัยของแม่ทัพหรงตลอดหลายปีมานี้คงขวางทางร่ำรวยของผู้คนจำนวนมากใช่หรือไม่เพคะ? หากจะถูกผู้อื่นคิดแค้นฝังใจคงจะเป็เื่ปกติกระมัง?ยามนี้แม่ทัพหรงกลับมาอยู่เมืองหลวงอย่างสงบสุข รอบกายไม่มีกองทัพคอยคุ้มกันหากมีคนคิดจะแก้แค้นคงเป็เื่ง่ายดายใช่หรือไม่เพคะ?”
เมื่อองค์รัชทายาทได้ยินดังนั้นพลันเข้าพระทัยใช่แล้ว หากหรงหว่านซีถูกคนกักขฬะเ่าั้จับตัวไป ยังจะเหลือชื่อเสียงอยู่อีกรึ? เมื่อไม่มีชื่อเสียงเกียรติยศไม่หลงเหลืออย่าว่าแต่ออกเรือนกับเฉินอ๋องเกรงว่าภายหน้าแม้แต่คุณสมบัติไปเป็อนุของผู้อื่นก็ยังไม่มีแล้วกระมัง?
ถึงยามนั้นหากเขาไม่รังเกียจและแสดงออกว่าเห็นแก่ความรู้สึกในวันวานยินยอมที่จะรับหรงหว่านซีเข้าจวน หรงชิงผู้นั้นคงจะซาบซึ้งในบุญคุณของเขา? ยังจะวางมาดใหญ่โตได้อีกงั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยสตรีที่ถูกสามีผู้เป็เชื้อพระวงศ์ทอดทิ้งให้อยู่ในจวนของนาง ไทเฮาต้องทรงรู้สึกขวางพระเนตรพระกรรณหากเขาลอบรับนางเข้าจวนเพื่อถือเป็การช่วยเสด็จพ่อและไทเฮากำจัดปัญหาใหญ่ เสด็จพ่อกับไทเฮาก็คงไม่สืบสาวราวเื่จะต้องปิดพระเนตรข้างหนึ่งและปล่อยผ่านอย่างแน่นอน
เมื่อมีแผนการนี้ยังจำเป็ต้องสวมหมวกสีเขียว[2] ให้เ้าสามที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกหรือ? เพราะแผนการนี้สามารถทำให้งานแต่งของหรงหว่านซีกับเ้าสามพังไม่เป็ท่าเลยด้วยซ้ำ!
วิธีการนี้ไม่เลวจริงๆเหตุใดถึงไม่คิดได้เร็วกว่านี้เล่า!
ทว่าแผนการนี้ไม่ง่ายดายเช่นแผนการก่อนหน้าและต้องฝ่าอันตรายจำเป็ต้องวางแผนให้รัดกุมถึงจะดี
[1]หมู่โฮ่วคำใช้เรียกฮองเฮาขององค์หญิงและองค์ชาย หมายถึงพระมารดาผู้เป็ฮองเฮา
[2]สวมหมวกสีเขียวหมายถึงการถูกนอกใจ