เมื่อได้เห็นมนุษย์กำลังสังหารมนุษย์ด้วยตาตนเอง เด็กหนุ่มคิดว่าคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับเป็แน่ หรือไม่ก็อาจจะฝันร้ายทั้งคืน ทว่าเพียงแค่นอนกอดทารกน้อย ฟังเสียงลมหายใจมั่นคงของนาง เพียงครู่เดียวเด็กหนุ่มก็หลับสนิทตามเ้าตัวน้อยไปเสียแล้ว
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว
เมื่อเด็กหนุ่มเปิดประตูกระท่อม ก็เห็นว่าเ้ามืดกำลังยืนอ้อยอิ่งเคี้ยวหญ้าอยู่ไม่ไกล บนพื้นหญ้าก็ยังคงมีน้ำแข็งเกาะเป็ชั้นๆ เช่นที่ผ่านมา
เมื่อได้ยินเสียงเ้าม้าเคี้ยวหญ้าที่กลายเป็น้ำแข็งดัง “กร๊วม กร๊วม” อาลู่จึงเดินไปทางที่มันยืนอยู่ จากนั้นจึงนั่งยองลงตรงหน้าเ้าม้าสีนิล เมื่อตรวจดูดวงตาของมัน ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก ต่างจากเมื่อวานที่ดวงตาขุ่นมัวจนแทบจะกลายเป็สีเทา
เมื่อตรวจดูเสร็จแล้วอาลู่จึงยื่นมือกะจะลูบหัวเ้าม้าสักทีสองที ทว่าเ้าม้านั้นกลับเบี่ยงหน้าหนี ซ้ำยังเชิดหน้าขึ้นแล้วพ่นลมหายใจใส่เด็กหนุ่มทีหนึ่ง
อาลู่เจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกกังวล ยามเ้าม้าเล่นกับน้องสาวตน มันยังดูเชื่องจนคิดว่าที่เหล่าปาบอกว่ามันพยศนักหนานั้นเป็เพียงคำขู่
ทว่าเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอเมื่อคืนวาน ก็ตัดสินใจว่าเขาควรเชื่อคำพูดของเหล่าปาน่าจะเป็การดีที่สุด ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ได้ตอแยเ้าม้าต่อ เพียงลุกเดินกลับไปยังกระท่อมของตน
เมื่อกลับมาถึงก็เห็นว่าทารกน้อยตื่นแล้ว มือของนางยังคงจับเท้าพยายามดึงเข้าปากดั่งที่เคยพยายามอยู่หลายครั้ง อาลู่เห็นภาพนี้จากไกลๆ ก็รู้สึกว่านางช่างน่ารักน่าชัง ชีวิตของเขาราวกับว่าตราบใดที่ยังคงเห็นน้องสาวอยู่ข้างกาย ก็พลันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจขึ้นมา
เด็กหนุ่มฮัมเพลงที่เขาไม่รู้ชื่อเสียงเบา มือยังคงง่วนอยู่กับการจุดไฟเพื่อต้มน้ำแกงหมั่นโถวเป็อาหารเช้า ในวันนี้อาลู่มีทั้งหมั่นโถวลูกดำลูกหนึ่ง และผักป่าหวานมาเติมน้ำแกง ในใจจึงบังเกิดความรู้สึกพอใจเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า
ั้แ่ท่านพ่อจากไปเขาก็ไม่เคยได้กินอิ่ม ตอนนี้แม้จะโดนจับขึ้นมาบนูเากระดูกแห่งนี้ ทว่าชีวิตที่นี่ก็ไม่เลวนัก อย่างน้อยก็ยังพอมีอาหารประทังท้องให้อิ่มถึงเจ็ดแปดส่วน
เพียงแต่เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัว คิ้วของเด็กหนุ่มก็ขมวดมุ่นเขาหากันทันใด จวบจนได้ยินเสียงทารกน้อยกำลังพลิกตัวปีนป่ายอยู่บนกองหญ้าที่ปูไว้ ท่าทางร้อนใจพลิกตัวม้วนไปม้วนมานั้น อาลู่ก็รู้ทันทีว่านางคงจะ้าถ่ายหนัก
เด็กหนุ่มจึงอุ้มทารกน้อยเดินไปไม่ไกลนักด้านหลังกระท่อมไม้ ด้านนอกเห็นเป็รั้วไม้ล้อมสูงขึ้น ด้านหนึ่งของรั้วไม้นั้นบังสระกระดูกไว้ ส่วนยอดที่ควรจะมีหลังคามิได้มีอะไรปกคลุม
อาลู่จัดแจงขุดหลุมเล็กๆ แล้วประคองทารกน้อยให้นั่งยองลง ท่าทีของทารกน้อยนั้นราวกับกำลังเขินอายทุกครั้งที่ต้องถ่ายหนัก ใบหน้าน้อยๆ นั้นจะต้องแดงซ่านขึ้นมาเสมอ
ทว่าเฉินโย่วน้อยนั้นอยากจะะโว่า นางมิได้กำลังเขินอาย นางเพียงกำลังออกแรงเบ่ง ใบหน้าจึงกลายเป็สีแดงเช่นนี้
อาลู่พบว่าหากเขาไม่จ้องนางขณะทำธุระนั้น นางจะถ่ายไวขึ้นมาสักหน่อย ดังนั้นบางครั้งเขาจึงได้แต่แหงนหน้ามองฟ้า มองดูว่าบนท้องฟ้านั้นมีสิ่งใดบ้าง
มีก้อนเมฆ
มีนกน้อย
แต่วันนี้เมื่อเห็นช่องว่างระหว่างซี่บนรั้วไม้ เด็กหนุ่มก็อดไม่ได้จะมองลงไปยังสระกระดูกเบื้องล่าง หากเป็ปกตินั้นอาลู่คงมองเห็นเพียงความมืดมิดของสระลึกไร้ก้นแห่งนี้ เมื่อคิดถึงเื่เมื่อวานที่มีคนถูกโยนลงไป ซ้ำเ้าเทาเองก็เพิ่งะโลงไป เขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ ทว่าก็ยังคงยืดคอออกไปมองสระกระดูกอยู่ดี สิ่งที่อาลู่เห็นก็ยังคงเป็ความมืดมิด จะแตกต่างก็ตรงที่ในอดีตความมืดมิดที่เขาเคยเห็นนั้นดูราวกับความมืดมิดยามคืนสงัดไร้แสงจันทร์ ส่วนตอนนี้ความมืดมิดนั้นดูคล้ายกับหมอกดำที่ปกคลุมหลุมลึกไว้ชั้นหนึ่งเท่านั้น
ส่วนเฉินโย่วน้อยที่กำลังถ่ายหนักนั้นดูท่าจะไม่ประสบความสำเร็จนัก จึงหันหน้ามาหาพี่ชาย เห็นเขากำลังชะโงกดูสระกระดูกอยู่ นางจึงตัดสินใจทำตามพี่ชาย เมื่อทอดสายตาลงไปเบื้องล่างทารกน้อยก็เห็นว่าก้นสระมีม้าหนึ่งตัว ร่างมนุษย์อีกร่าง และกองกระดูกอีกกอง นางรู้สึกว่าภาพตรงหน้าไม่น่าพิสมัยนัก
ใบหน้าน้อยเบือนกลับมาแล้วออกแรงเบ่งต่อ ครู่ต่อมาก็มีเสียงปู๊ดดังขึ้นทีหนึ่ง ในที่สุดนางก็จัดการได้แล้ว ทั้งร่างพลันรู้สึกปลอดโปร่งทันใด
เด็กหนุ่มเมื่อเห็นนางจัดการธุระของตนเสร็จแล้วก็ไม่ได้อุ้มนางจากไปทันที แต่ค่อยๆ หาดินมากลบหลุมเล็กๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน
ครั้งแรกที่เขาพาทารกน้อยมาถ่ายหนักนั้น วันต่อมาหลุมที่นางถ่ายหนักไว้ก็มีต้นไม้สีเขียวขจีงอกขึ้นมา ด้วยอาลู่นั้นเลี้ยงสัตว์อยู่กลางทุ่งหญ้ามาหลายปี พืชชนิดไหนกินได้กินไม่ได้เขาล้วนแยกแยะได้หมด อาลู่หลังจากเห็นต้นไม้ที่ขึ้นงอกมาจากหลุมอาจมนั้น ก็รู้ทันทีว่าพืชชนิดนี้กินได้อย่างแน่นอน แถมยังเป็พันธุ์ที่มีรสชาติดีเสียด้วย
นับแต่นั้นยามทารกน้อยจะถ่ายหนัก อาลู่จึงตั้งใจจัดแจงขุดหลุมไว้รอ เมื่อนางปลดทุกข์เรียบร้อย ก็หาดินมากลบเสียหน่อย ไม่นานนักก็เห็นต้นอ่อนงอกขึ้นมาจนกลายเป็แปลงผักน้อยๆ ว่ากันตามตรงแล้วกลางทุ่งหญ้าแห้งแล้งเช่นนี้ การที่ต้นอ่อนเหล่านี้สามารถงอกขึ้นมาได้ นี่นับว่าเป็เื่เหลือเชื่ออย่างแท้จริง
แสงอรุณยามเช้าทอดลงบนต้นอ่อนต้นน้อย ทำให้เห็นว่าสีเขียวอ่อนในทีแรกกำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีเขียวเข้ม ก้านของมันดูอวบขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
อาลู่ยืนมองแปลงผักตรงหน้าตนด้วยความเบิกบาน นอกจากนี้เขานั้นถึงขนาดคิดว่า อีกไม่นานเขาก็คงจะมีแปลงผักแปลงใหญ่เป็ของตัวเอง เด็กหนุ่มหันมาหยิกแก้มน้องสาวตนทีหนึ่ง คิดในใจว่าน้องสาวตนนั้นช่างเป็เด็กวิเศษโดยแท้
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าใบหน้าของเฉินโย่วน้อยบัดนี้ดูเหมือนจะไม่ดำเท่าเมื่อก่อน แก้มสองข้างก็ดูมีเนื้อขึ้นไม่น้อย ส่วนดวงตาก็ยังคงดำขลับล้ำลึกราวกับบ่อน้ำไร้ก้น งดงามดั่งอัญมณี
“รอเ้าผักพวกนี้โตเสียก่อนนะ แล้วพี่ชายจะเอามันมาห่อเจี่ยวจือให้เ้ากิน เ้ารู้หรือไม่ว่าเจี่ยวจือคืออะไร พี่เคยเห็นคนตระกูลต้าปาซือกินกัน ด้านนอกเป็แป้งขาวๆ ด้านในมีไส้เนื้อกับผัก พี่ว่าจะต้องเป็อาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเป็แน่ พี่ชายจะตั้งใจทำงาน ต่อไปเราจะได้มีเจี่ยวจือกินกัน” อาลู่พูดๆ ไปก็พบว่าเขานั้นมีเป้าหมายใหม่แล้ว เขาไม่เพียงจะต้องมีชีวิตรอดให้ได้เท่านั้น ต่อไปยังจะต้องหาเจี่ยวจือมาให้น้องสาวกินให้ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายพลันมีแรงขึ้นมาทันที
เฉินโย่วน้อยไม่เข้าใจว่าพี่ชายกำลังพูดอะไร รู้เพียงว่าพี่ชายอยู่ดีๆ ก็มีท่าทางฮึกเหิมขึ้นมา
นางจึงได้แต่ปรบมือแล้วเรียกพี่ชาย “พิๆ พิๆ”
อาลู่ที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน จึงหันมาอุ้มน้องสาวกลับไปยังกระท่อมน้อย
กองไฟที่อาลู่จุดไว้ในกระท่อมไม้นั้นยังคงลุกโชน หม้อที่ต้มน้ำแกงไว้เริ่มจะได้ที่ หมั่นโถวที่แข็งราวกับหินในทีแรกก็แตกออกผสมเป็เนื้อเดียวกับน้ำแกง ส่วนผักป่าที่ไม่ต่างจากผักแห้ง ตอนนี้ก็เปื่อยจนเริ่มนุ่มแล้ว ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงน้ำแกงเดือดปุดๆ จากหม้อสีดำดังมา
อาลู่เริ่มลงมือกิน ป้อนให้ตัวเองคำหนึ่ง แล้วป้อนให้ทารกน้อยคำหนึ่ง สลับกันไปมา
“ไว้ในอนาคตเราค่อยกินเจี่ยวจือกัน” อาลู่ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เจี่ยว เจียว” ทารกน้อยะโตอบ พร้อมใช้มือจับนิ้วเท้าพยายามยกขึ้นเข้าปาก
อาลู่นึกขันน้องสาวตน จึงตอบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า “พี่พูดว่าเจี่ยวจือ ไม่ใช่นิ้วเท้า”
ณ พระราชวัง
ฮองเฮาน้อยจ้าวกำลังยกมือปัดถ้วยรังนกตรงหน้านาง ถ้วยรังนกชั้นดีตกลงบนพื้นจนแตกกระจาย ทว่ารังนกที่ยังคงเป็ชิ้นๆ บนพื้นนั้นก็ยังคงดูงดงาม รังนกใสจนแทบจะโปร่งแสง แม้จะหกราดอยู่บนพื้น ความน่ากินของมันก็มิได้ลดน้อยลง
เหล่านางกำนัลเห็นดังนั้นต่างพากันคุกเข่าลง ประจวบเหมาะกับฮ่องเต้ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเช่นกัน เมื่อเห็นภาพตรงหน้า โอรสัก็พลันขมวดคิ้ว
“ใครกันกล้าทำให้อาจ้าวของข้าโกรธเกรี้ยว” ฮ่องเต้ประทับลงพร้อมหันไปอุ้มองค์หญิงน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
องค์หญิงน้อยในห่อผ้าอ้อมลายหงส์ที่ปักด้วยทองคำบริสุทธิ์ ใบหน้าเล็กๆ สะอาดสะอ้าน ดวงเนตรฉ่ำวาว มองแล้วดูงดงามเหนือสามัญ
“หม่อมฉันเพียงไม่สบายใจเล็กน้อยเพคะ เ้าพวกนี้ถึงขั้นกล้าป้อนรังนกที่กลายเป็สีเหลืองแล้วให้อีเอ๋อร์ หากนางเกิดปวดท้องขึ้นมา หม่อมฉันจะทำเช่นไรเพคะ” ใบหน้าของฮองเฮาน้อยยังคงมีโทสะ คิ้วงามกระดกขึ้นน้อยๆ ทว่ากลับดูแล้วมีชีวิตชีวาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นแม้นางจะอยู่ในพระราชวัง แต่ศีรษะนางกลับไม่สวมกระทั่งกวานที่ใช้แสดงฐานะ เพราะเกรงว่าอาจจะไปเกี่ยวเข้ากับทารกน้อยจนทำนางาเ็ได้ ซ้ำนางยังรู้สึกคล่องแคล่วกว่า
เหล่านางกำนัลพากันตัวสั่นราวกับลูกนก
ปีนี้อากาศแปรปรวนนัก รังนกที่ส่งมานี้ก็เป็รังนกชั้นเลิศที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้ว
“สมควรโดนลงโทษนัก อีเอ๋อร์เป็ถึงดาวนำโชคแห่งแคว้นเชิน พวกเ้าจะล่วงเกินใครก็แล้วไปเถิด แต่มิอาจล่วงเกินนาง ใครอยู่ด้านนอกจงไปที่คลังหลวงของข้า แล้วหยิบรังนกที่ดีที่สุดมา”
ฮองเฮาน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คลายโทสะลง ค่อยๆ เดินไปเย้าเล่นกับองค์หญิงน้อยของตน
ในตำหนักแห่งนี้ทั้งอบอุ่นและปลอดโปร่งกว่าที่ใด ด้วยกลัวว่าด้านในจะมีควัน ในตำหนักขององค์หญิงน้อยจึงไม่มีแม้กระทั่งอ่างถ่าน แต่กลับล้อมตำหนักไว้ด้วยสระน้ำร้อนแทน โดยจัดให้นางกำนัลให้มารับหน้าที่ต้มน้ำโดยเฉพาะ ไอร้อนนั้นจึงค่อยๆ ระเหยเข้ามาในตำหนัก เช่นนี้องค์หญิงน้อยก็สามารถใส่ชุดสบายๆ เล่นอยู่ในตำหนักได้แล้ว
อาลู่ยังคงตักอาหารเข้าปากตัวเองคำหนึ่ง จากนั้นก็ป้อนให้น้องสาวคำหนึ่ง น้ำแกงหมั่นโถวที่เคยเต็มหม้อ ไม่นานนักก็ลดลงจนแทบจะเห็นก้นหม้อ ทว่าความอยากหารของเด็กทั้งสองนั้นก็ราวกับกระบุงก้นรั่ว เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม จึงมักรู้สึกอยู่เสมอว่าพวกตนนั้นไม่เคยจะกินอิ่มเลย
อาลู่เทน้ำลงไปในหม้อดำอีกครั้ง จากนั้นจึงคนตะกอนก้นหม้อที่ติดกันเป็แพให้ละลายน้ำ แล้วแบ่งกันดื่มกับทารกน้อยคนละอึก เพียงเท่านี้ก็รู้สึกว่าอิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
สองพี่น้องนั่งพิงประตูกระท่อม หันพุงกลมๆ เข้าหาดวงตะวัน วันนี้แดดจ้าเสียจนทำให้ตาของทั้งสองต้องหรี่ลง ทว่ากลับรู้สึกว่าร่างกายอุ่นขึ้นไม่น้อย ความพึงพอใจพลันบังเกิดขึ้นในหัวใจเด็กทั้งสอง