“แปดพันตำลึง! ” ดูเหมือนคุณชายหวังคนนั้นจะระอากับการเสนอราคาที่ไม่มีวันจบสิ้นลงนี้เต็มทนแล้วเขายกป้ายหยกของตัวเองขึ้นอีกครั้ง แล้วเสนอราคาที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงขึ้น
บรรยากาศที่ร้อนระอุราวกำลังจะลุกเป็ไฟภายในหอหมู่ตันเงียบสงัดลงทันตาแปดพันตำลึง แม้แต่กับเศรษฐี รวมไปถึงชนชั้นสูงที่นั่งอยู่ในที่นี้ตัวเลขนี้ก็ยังนับว่ามากจนไม่อาจมองข้ามไปได้เลย
แม้ฝานหรูเยว่จะมีรูปโฉมงดงาม แต่สำหรับทุกคนในที่นี้ การทุ่มเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อความสำราญเพียงคืนเดียวก็ยังถือเป็ความฟุ่มเฟือยที่เกินกำลังอยู่ดีอย่างไรเสียมันก็ซื้อเวลาได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น หากไม่ได้วันนี้เช่นนั้นค่อยมาใหม่วันหน้าก็ได้ นี่เป็ความคิดของคนส่วนมากในที่แห่งนี้
คุณชายหวังมองท่าทางของคนทั้งหลายภายในร้าน ขณะที่มุมปากก็ค่อยๆยกขึ้นจนกลายเป็รอยยิ้มได้ใจในที่สุด เขารู้สึกดื่มด่ำมีความสุขกับความรู้สึกเช่นนี้กดทุกคนให้อยู่ต่ำกว่าด้วยอำนาจที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิงทำให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวในตัวเรา แต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้
ดูเหมือนฝานหรูเยว่จะเดาชะตากรรมที่ตนกำลังจะพบเจอได้แล้วนางมองไปรอบร้านเป็ครั้งสุดท้ายทว่าก็ยังไม่เจอร่างของคนที่ให้สัญญากับนางเป็มั่นเป็เหมาะอยู่ดีนางรู้สึกสิ้นหวังมากจนรู้สึกอยากตายรู้สึกเหมือนตัวเองเป็เพียงลูกแกะที่รอให้ถูกฆ่าลูกแกะที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยหมาป่าที่หิวกระหายทว่าคนเลี้ยงแกะที่นางอดทนรอคอยกลับหายไป ไม่เห็นแม้เงา
นางก้มหน้าลงในที่สุดความหวังระลอกสุดท้ายในดวงตาคู่สวยก็สลายหายไปเหลือเพียงความเศร้าหมองเท่านั้น
แม่เล้าบนเวทีดีใจจนแทบจะเป็ลมอยู่แล้วแค่คิดถึงเงินแปดพันตำลึงที่แสนมหาศาล นางก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อรู้สึกราวกับภาพตรงหน้าเป็เพียงความฝันเท่านั้น
แต่นางก็พยายามประคองสติของตัวเองเอาไว้ นางมองดูผู้คนรอบๆอีกครั้ง จากประสบการณ์การอ่านคนจากสีหน้าและท่าทางที่ทำมาตลอดหลายปีแม่เล้าย่อมดูออกว่าไม่มีใคร้าเสนอราคาที่สูงกว่านี้อีกแล้วดังนั้นนางจึงอ้าปาก เตรียมจะประกาศปิดการประมูลลง
ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ ป้ายหยกของใครบางคนก็ถูกยกขึ้นสูง
มันเป็ป้ายหยกที่ธรรมดามาก ไม่ได้เคลือบขอบด้วยเงินหรือทองใดๆทั้งสิ้น ทว่าผู้เป็เ้าของกลับมีท่าทีมั่นใจเหลือเกิน เขายกมันขึ้นสูงราวกลัวว่าใครจะมองไม่เห็นอย่างนั้น แถมยังโบกมันไปมาเพื่อดึงดูดความสนใจอีกด้วย
หรือราคาแปดพันยังไม่ใช่ราคาสุดท้าย? แม่เล้าหัวใจกระตุกวูบก่อนจะประกายความตื่นเต้นที่มากจนไม่อาจยับยั้งออกมาแม้อีกฝ่ายจะไม่มีป้ายหยกระดับสูงเป็เครื่องยืนยันตัวตน แต่เศรษฐีหรืออ๋องและชนชั้นสูงที่ไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงก็มักจะเข้าร่วมงานประมูลด้วยป้ายหยกธรรมดาเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็ที่ดึงดูดสายตาอยู่บ่อยครั้ง เื่แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นภายในหอหมู่ตันเสียหน่อยอีกอย่างนางก็มั่นใจว่าในแผ่นดินต้าเว่ยแห่งนี้ไม่มีใครกล้าสร้างความวุ่นวายในหอหมู่ตันแน่
ดังนั้น นางจึงมองไปที่เ้าของป้ายหยกอย่างตื่นเต้นเขาเป็เพียงเด็กชายวัยแรกรุ่นที่น่าจะมีอายุเพียงสิบห้าถึงสิบหกเท่านั้นทั้งยังแต่งตัวธรรมดา ดูไม่เหมือนคนที่จะมีเงินมากถึงแปดพันตำลึงเลยสักนิด
บัดนี้ แม่เล้าถูกความโลภเข้าครอบงำไปเป็ที่เรียบร้อยแล้วสายตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวังราวกำลังรอให้ชายหนุ่มที่แสนธรรมดาคนนี้บอกราคาที่สูงจนทำให้นางอ้าปากค้างออกมาเช่นนั้น
แต่ใครบางคนกลับรู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมากวินาทีที่ป้ายหยกถูกชูขึ้นสูง คุณชายหวังก็หน้าเสียไปในทันทีเขาไม่ชอบเื่เช่นนี้ ไม่ชอบให้เด็กที่เป็ใครก็ไม่รู้มาแย่งความโดดเด่นไปจากเขาเขาเตรียมตัวพร้อมแล้ว อีกเดี๋ยวเขาจะบอกราคาที่สูงกว่าราคาที่หนุ่มคนนั้นเสนออย่างลิบลับออกไปจากนั้นก็พูดหยามหนุ่มคนนั้นแบบซึ่งๆ หน้าให้สาสมแล้วค่อยเข้าไปเสพสุขกับแม่นางฝานหรูเยว่ผู้แสนงดงามในที่สุด
แต่พวกเขาถูกลิขิตให้ต้องผิดหวังในที่สุด ไม่ว่าจะเป็คุณชายหวังหรือแม่เล้าก็ตาม
เพราะหนุ่มที่ยกป้ายหยกขึ้นไม่ได้มีท่าทางราว้าจะเสนอราคาออกไปเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงมองดูผู้คนรอบๆพลางขมวดคิ้วมุ่นเท่านั้น
จากนั้น หนุ่มคนนั้นก็กล่าวขึ้นดังนี้ “ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง”
เสียงของเขาใสสะอาดเหลือเกินปานเป็หิมะสีขาวที่ยังไม่ถูกโลกใบนี้แปดเปื้อนเช่นนั้น แต่ในความใสสะอาดก็ยังแฝงไปด้วยพลังอำนาจอันแสนมหาศาลคล้ายเป็สายฟ้าที่ปะทุขึ้นในราตรีของฤดูร้อนก็ไม่ปาน
แม่เล้าชะงักอึ้งไป คุณชายหวัง เซี่ยโหวฟ่งอวี้ กู่หนิง กับคนอื่นๆที่มาด้วยกันเองก็เช่นกัน แม้แต่แม่นางฝานหรูเยว่ที่หน้าซีดเผือดราวกับไม่มีเืซึ่งกำลังก้มหน้าลงต่ำ ยังแหงนหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มที่ค่อนข้างผอมคนนี้ทันที
จู่ๆ หรูเยี่ยนก็รู้สึกบางอย่าง บางทีอาจเป็เพราะนางดื่มเหล้าไปไม่น้อยแต่จู่ๆ นางก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบปีก่อนย้อนกลับไปตอนที่ยังเป็ยอดบุปผาของหอหมู่ตัน
ในตอนนั้นก็เป็เวลากลางคืนเช่นนี้ภายในหอหมู่ตันที่ภายนอกแลดูงดงามหรูหรา ทว่าภายในกลับสกปรกโสโครกแห่งนี้...
นางก็เป็เหมือนฝานหรูเยว่ในตอนนี้ยืนอยู่กลางเวทีด้วยความหวาดกลัวแม่เล้าของนางกำลังะโกำกับการประมูลอย่างเต็มที่ลูกค้าภายในร้านพูดจาหยาบกระด้าง ลามกสิ้นดีหลังวิพากษ์วิจารณ์ราวกับนางเป็สิ่งของที่ไม่มีชีวิตจนจบงานประมูลจึงเริ่มขึ้นในที่สุด
นางในตอนนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัวไม่ต่างไปจากฝานหรูเยว่ในตอนนี้และชายคนหนึ่งก็แสดงตัวขึ้นแล้วมอบรอยยิ้มที่นางยังคงคิดถึงและไม่เคยลืมมาจนถึงทุกวันนี้มาให้
และเพื่อรอยยิ้มนั้น นางจึงอดทนรอเขามานานนับสิบปีแม้นางในวัยสาวจะเปลี่ยนมาเป็ไข่มุกหมองสีเหมือนอย่างทุกวันนี้แล้วก็ตามแต่ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะรอต่อไปเลย
ดูเหมือนแม่เล้าจะยังไม่เข้าใจว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่นางถามซูฉางอันอย่างลองเชิง “คุณชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านหมายความว่าเยี่ยงไร?”
“ที่พวกเ้าทำ มันไม่ถูก” ซูฉางอันเดินไปหยุดอยู่หน้าเวทีเขาแหงนหน้ามองแม่เล้าคนนั้น พลางพูดขึ้นอย่างจริงจัง
จู่ๆ แม่เล้าก็หน้าเสียตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าหนุ่มคนนี้้าจะสร้างความวุ่นวายภายในงานจริงๆแม้นางจะไม่ได้เห็นใครกล้าเข้ามาหาเื่วิวาทภายในหอหมู่ตันมานานแสนนานแล้วก็เถอะแต่บัดนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นตรงหน้า ต่อหน้าต่อตานางเลย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเกิดขึ้นในงานที่สำคัญอย่างงานประมูลยอดบุปผาอีก...
นางรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมากแม่เล้ารีบส่งสายตาเป็เชิงไปให้พนักงานชายหลายคนที่อยู่รอบๆ จากนั้นชายทั้งหลายก็เดินตรงเข้าไปหาซูฉางอันอย่างรู้งานทันที
ซูฉางอันเลิกคิ้ว พลังิญญาภายในร่างกายเริ่มขับเคลื่อนขึ้นแล้วเพียงมันพุ่งออกไปเบาๆพนักงานชายทั้งหลายก็ถูกกระแทกจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้นดินทันที
เขาเป็ถึงจอมดาราของงานหลอมดาวประจำปีเชียวนะ ขนาดนักรบระดับเก้าดาราถึงเจ็ดคนก็ยังพ่ายแพ้เพียงเพราะดาบเดียวของเขาเลยแล้วคนธรรมดาที่แม้แต่พลังระดับหลอมจิตก็ยังไม่มี จะเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้ยังไง?
ซูฉางอันะโขึ้นไปเบาๆ เพียงเท่านั้นร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ข้างแม่นางฝานแล้ว ดูเหมือนแม่เล้าจะใมากที่ซูฉางอันสามารถเอาชนะชายชาตรีหลายคนได้อย่างง่ายดายนางรีบวิ่งไปหลบอยู่อีกด้านทันที แต่ซูฉางอันก็ไม่ได้สนใจการกระทำนั้นเพียงกวาดตามองไปที่คุณชาย รวมไปถึงลูกค้าทุกคนภายในร้านอีกครั้งจากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ข้าจะพานางไปจากที่นี่”
ฝานหรูเยว่อึ้งไปแล้วนางมองดูเด็กชายวัยแรกรุ่นที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน เขามีอายุเทียบเท่าหรืออาจจะน้อยกว่าตนเสียด้วยซ้ำ แถมร่างของเขายังแลดูผอมและอ่อนแออีก ทว่าในตอนนี้นางกลับรู้สึกราวร่างกายของคนตรงหน้าสูงใหญ่เหลือเกินแลดูมั่นคงไม่ต่างไปจากขุนเขาเลยทีเดียว
“เ้าถือสิทธิ์อะไรถึงจะพานางไป!?” คุณชายหวังทั้งโกรธและนึกขำไปในเวลาเดียวกันเขาถามเด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันตรงหน้าด้วยเสียงดุดัน
ทว่าซูฉางอันกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาเลยแต่กลับหันกลับไปหาฝานหรูเยว่แทน “เ้าอยากอยู่ที่นี่ไหม?” ซูฉางอันประกายรอยยิ้มขึ้นทางแววตาแล้วถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา
ฝานหรูเยว่ยังคงตะลึงอยู่ นางรู้สึกขลาดกลัวเล็กน้อย
แต่อาจเป็เพราะความอ่อนโยนในดวงตาของซูฉางอันทำให้นางมีความกล้าขึ้นอย่างประหลาด ดังนั้นในที่สุดนางก็ส่ายหน้าเป็การตอบคำถามของซูฉางอัน
“แล้วเ้ายินดีจะไปกับข้าไหม?” เขาถามขึ้นอีก
“อืม! ” ครั้งนี้ฝานหรูเยว่ตอบคำถามอย่างรวดเร็วและเด็ดเดี่ยวมาก
เมื่อเห็นดังนั้นซูฉางอันจึงหันกลับไปพูดกับคุณชายหวังคนนั้นอีกครั้ง “เ้าได้ยินรึยัง? นางไม่อยากอยู่ที่นี่ดังนั้นข้าจะพานางออกไปจากที่นี่เอง!”
คุณชายหวังจมเข้าสู่ความตกตะลึงไปในทันที จู่ๆเขาก็ไม่รู้ว่าจะสนทนากับหนุ่มตรงหน้ายังไงดีทว่าเพียงไม่นานเืในตัวก็ถูกเปลวเพลิงแห่งโทสะจุดจนลุกโชนขึ้นเมื่อคิดได้ว่าการพูดกับซูฉางอันก็ไม่ต่างไปจากการสีซอให้ควายฟังเขาก็ส่งสายตาเป็เชิงให้องครักษ์ข้างๆ ก่อนองครักษ์ทั้งหลายจะรับคำสั่งแล้วเริ่มเคลื่อนไหวทันที
องครักษ์เ่าั้ล้วนเป็องครักษ์ฝีมือดีประจำจวนของเขาทั้งสิ้นทุกคนเป็ยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในระดับเก้าดาราเป็อย่างน้อยพวกเขาดูออกั้แ่แรกแล้วว่าซูฉางอันมีพลังอยู่ในระดับหลอมจิตเท่านั้น จึงพอจะรับมือกับพนักงานภายในหอหมู่ตันที่ไม่เคยฝึกวิชาได้แต่ในหอหมู่ตันแห่งนี้ อย่าว่าแต่นักรบระดับหลอมจิตเลยต่อให้นักรบระดับคุมพิภพเดินทางมาด้วยตัวเองก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้นทั้งนั้น!
ซูฉางอันมีสายตาหนักอึ้งขึ้นในพริบตาเขาดูออกว่าชายหลายคนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาล้วนเป็ยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในระดับเก้าดาราขั้นสูงทั้งสิ้นทันใดนั้น ความระแวดระวังก็ปะทุขึ้นอย่างฉับพลันพลังิญญาภายในร่างกายเริ่มขับเคลื่อนขึ้น เขาคำรามเสียงดังลั่นส่งเสียงที่ทรงพลังคล้ายสิงโตคำรามออกไป
ในที่สุดฝานหรูเยว่ก็ตระหนักได้ว่าคนเลี้ยงแกะที่ตนกำลังรอคอยไม่ได้มาตามที่คิดเอาไว้ทว่าคนที่เข้ามาหา กลับเป็ลูกสิงโตที่กินเนืุ้์เป็อาหารต่างหาก