“ลู่...ลู่เต้า! เ้าฟื้นสิ! อย่าทำให้ข้าใสิ!” กู่เสี่ยวอวี่ร้อนใจจนน้ำตาคลอ
ลู่เต้าลืมตาขึ้นทันใด จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว “ขะ...ข้าไปก่อนนะ! ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ!”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบวิ่งออกจากกระโจมไป กู่เสี่ยวอวี่รีบตามออกไปถาม “พวกเรายังจะเจอกันอีกใช่หรือไม่”
ไป๋เสียตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่!”
น่าเสียดายที่กู่เสี่ยวอวี่มิอาจได้ยินสิ่งที่ิญญาพูด ลู่เต้าที่ทำเป็ไม่ได้ยินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มพยักหน้าต่อหน้าต่อตาไป๋เสีย จากนั้นก็ะโหายเข้าไปในป่าลึก
ลู่เต้ามุ่งหน้าไปตามเสียงน้ำไหล จนกระทั่งมาถึงลำธารแห่งหนึ่ง เขาไม่รอช้ากดหัวลงไปในลำธารเย็นเยือกนั้นทันที เพื่อให้สมองที่ร้อนเกินไปเย็นลง
“ไม่คิดเลยว่าเ้าจะเ้าชู้ได้ขนาดนี้” เสียงไป๋เสียลอยเข้าหู
ลู่เต้ายกศีรษะขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็วแล้วรีบค้านว่า “นะ...นั่นนางเข้าใจผิด! ข้าแค่อยากจะกอดแตงโมเท่านั้นเอง!”
“ถ้าไม่สำเร็จก็ยังใช้ข้ออ้างเื่กอดแตงโมมาแก้ตัวได้ ดีทั้งรุกและรับ” ไป๋เสียปรบมือเบาๆ กล่าวชมเชย “ไม่เลวๆ”
“แต่ตอนนี้เ้าไม่มีเวลามาสนใจเื่รักๆ ใคร่ๆ หรอก” ไป๋เสียเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า
ลู่เต้าเบือนหน้าหนี พึมพำด้วยความไม่เต็มใจ “ข้ารู้แล้ว...ไปตามหาสุนัขให้เ้าก็ได้”
ลู่เต้าเช็ดน้ำบนใบหน้าแล้วมุ่งหน้าไปยังเขายลดาบต่อ
กู่เสี่ยวอวี่กำลังเตรียมอาหารเย็นให้เกาฮ่าวอยู่หน้าเตา นางนำผักกาดขาวมาหั่นเป็เส้นๆ อย่างชำนาญ ขณะหั่นอยู่ๆ ภาพลู่เต้าทานอย่างเอร็ดอร่อยก็แวบเข้ามาในหัว ทันใดนั้นนางก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ถ้าหากเสี่ยวฮ่าวชอบอาหารที่ข้าทำบ้างก็ดีสิ” กู่เสี่ยวอวี่คิดเสียดาย
นั่นมิใช่ความผิดของนาง เพราะเกาฮ่าวไม่ชอบทานอาหารที่นางทำมาโดยตลอด นานเท่าไรแล้วที่นางไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยปากชมว่าอร่อยเลยสักครั้ง
พริบตาเดียว ผักกาดขาวก็ถูกหั่นเสร็จเรียบร้อยตามปริมาณที่เกาฮ่าวทานเป็ประจำ ผักกาดขาวปริมาณนี้เพียงพอสำหรับเขาแล้ว แต่กู่เสี่ยวอวี่ที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบผักกาดขาวมาหั่นเพิ่มอีกสองส่วน
“ไม่รู้...ว่าเขาจะมาหรือเปล่านะ” กู่เสี่ยวอวี่มองกองไฟในเตา มือทั้งสองข้างประคองแก้มเหม่อลอย
สวี่ตัวเจียวที่กำลังสั่งเหล่าพ่อครัวทำอาหารอยู่ในเตาแอบเหลือบมองกู่เสี่ยวอวี่ ก็พบว่าอีกฝ่ายใช้วัตถุดิบในการเตรียมอาหารเย็นมากกว่าปกติ
“ไม่ใช่ว่าจะไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นหรอกนะ” สวี่ตัวเจียวแอบหัวเราะในใจ “ดีเลย จะได้ไม่ต้องเปลืองแรง”
ตราบใดที่พาเกาฮ่าวไปพบเห็นกับตา ในเมื่อนิสัยของเขายโส เช่นนั้นคงรับไม่ได้ที่กู่เสี่ยวอวี่ไม่ซื่อสัตย์กับเขาแบบนี้ หากเป็เช่นนั้น เกาเทียนหย่วนคงไม่บังคับให้เกาฮ่าวแต่งงานกับกู่เสี่ยวอวี่อีกต่อไป สำหรับตำแหน่งฮูหยิน นางมั่นใจว่าตัวเองจะคว้ามาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า ราตรีค่อยๆ ปกคลุมทั่วทั้งเขายลดาบ คาราวานของเกาฮ่าวก็กลับมาแบบมือเปล่า ทุกคนเดินวนไปมาอยู่บนูเาทั้งวัน ไม่ต้องพูดถึงสัตว์ิญญาในตำนาน แม้กระทั่งร่องรอยการใช้ชีวิตของมันก็ยังหาไม่พบด้วยซ้ำ
“พวกเราถูกหลอกหรือเปล่า” ศิษย์สกุลเกาคนหนึ่งกระซิบกับคนข้างๆ เกาฮ่าวได้ยินเข้าจึงจ้องเขม็งไปที่ศิษย์สกุลเกาผู้นั้นด้วยความเดือดดาล
แต่นี่เป็ความจริงที่มิอาจโต้แย้ง หาไม่เจอก็พอเข้าใจ แต่นี่แม้กระทั่งร่องรอยการใช้ชีวิตบนเขาก็ยังหาไม่พบ อาจเป็ไปได้ว่าที่นี่ไม่มีสัตว์ิญญาอยู่เลย
เกาฮ่าวโกรธจนแทบคลั่ง บัดซบ หรือว่าทั้งชีวิตนี้เขาจะไม่อาจปลุกพลังิญญาได้เลย
ในเวลานี้ กู่เสี่ยวอวี่ถือตะกร้ามาที่หน้าเกาฮ่าวอีกครั้ง “เสี่ยวฮ่าว ข้าเตรียมอาหารเย็นให้เ้าแล้ว”
เมื่อเขาเห็นกู่เสี่ยวอวี่ก็รู้สึกโมโห จึงระบายความโกรธทั้งหมดใส่นาง เกาฮ่าวคว่ำตะกร้าต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะอาหารที่เ้าทำไม่อร่อยเช่นนี้ ข้าคงปลุกพลังิญญาไปได้นานแล้ว!”
หลังจากพูดจบ เกาฮ่าวก็ผลักกู่เสี่ยวอวี่ออกไป ทิ้งให้นางเก็บกวาดของที่เละเทะด้วยความน้อยใจ ศิษย์สกุลเกาคนอื่นๆ ต่างแสร้งทำเป็ไม่เห็น แล้วเดินอ้อมหลบเลี่ยงนางไป
สวี่ตัวเจียวที่อยู่ไกลออกไปเห็นกู่เสี่ยวอวี่ถูกปฏิเสธเช่นนี้ก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เมื่อไรที่กู่เสี่ยวอวี่ไปพบคนรัก นั่นจะเป็ฟางเส้นสุดท้ายที่คร่าชีวิตนาง
กู่เสี่ยวอวี่ก้มลงเก็บตะกร้าบนพื้น เงยหน้าขึ้นมองเกาฮ่าวที่เดินจากไปก็รู้สึกเศร้าใจ นางคิดมาโดยตลอดว่าตราบใดที่นางแสดงความจริงใจ ในที่สุดก็จะได้รับความจริงใจจากเกาฮ่าวกลับคืนมา
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็อย่างที่คิด ท่าทีของเกาฮ่าวยิ่งเลวร้ายลงทุกวัน
นางมองข้าวและน้ำแกงที่หกเลอะเทอะในตะกร้าพลางถอนหายใจอย่างเสียดาย หรือว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของนาง จะต้องอยู่กับเขาเช่นนี้
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กู่เสี่ยวอวี่ก็นึกถึงลู่เต้า คนที่รู้สึกมีความสุขเมื่อได้ทานอาหารที่นางทำโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานกู่เสี่ยวอวี่ก็รวบรวมสติกลับคืนมา นางถือตะกร้ากลับไปที่เตา หยิบอาหารเย็นที่เตรียมไว้ให้ลู่เต้าเดินเข้าไปในป่าอย่างเงียบๆ
“ลู่เต้า! เ้าอยู่หรือไม่ ลู่เต้า!” กู่เสี่ยวอวี่พยายามะโเรียกลู่เต้าในป่า แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ
เมื่อสวี่ตัวเจียวเห็นกู่เสี่ยวอวี่ขยับตัว ก็รีบไปที่หน้ากระโจมของเกาฮ่าว นางจัดผมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแ่เบา “นายน้อย”
“เข้ามา”
เมื่อสวี่ตัวเจียวได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปในกระโจม เมื่อเกาฮ่าวที่กำลังรับประทานอาหารอยู่เห็นว่าเป็สวี่ตัวเจียว ก็ไม่ได้มีสีหน้าดีขึ้นแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เมื่อสวี่ตัวเจียวเห็นเกาฮ่าวกำลังรับประทานอาหารเย็นที่นางทำ ก็รู้สึกว่าตัวเองชนะกู่เสี่ยวอวี่แล้ว
‘เห็นหรือยัง คุณชายเกาฮ่าวชอบทานอาหารที่ข้าทำ!’ สวี่ตัวเจียวแอบยิ้มเยาะในใจ
“มีอะไร” เกาฮ่าวถามเสี่ยงขุ่น
“นายน้อย...” สวี่ตัวเจียวทำท่าทางออดอ้อนพูดตะกุกตะกัก “มีบางอย่าง...ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่...”
เกาฮ่าวยกคิ้วขึ้น วางตะเกียบในมือลง
***
ในป่า กู่เสี่ยวอวี่ยังคงะโเรียกลู่เต้าอยู่ “ลู่เต้า เ้าได้ยินข้าหรือไม่”
นางเอามือป้องปากหวังจะทำให้เสียงดังขึ้น แต่ไม่ว่าจะแผดเสียงเช่นไร ลู่เต้าก็ไม่ตอบกลับมา
จนกระทั่งนางะโจนคอแห้งผาก จึงหยิบถุงหนังใส่น้ำที่เอวขึ้นมาดื่มแก้กระหาย
“ลู่เต้า...เ้าไปไหนกันนะ” กู่เสี่ยวอวี่มองอาหารที่ค่อยๆ เย็นชืดในตะกร้าอย่างกังวล “ข้ายังอยากให้เ้าได้ลิ้มรสชาติอาหารร้อนๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกับใบไม้ดังมาจากในป่า กู่เสี่ยวอวี่ดีใจเป็อย่างยิ่ง รีบเดินตามเสียงไป ใต้ต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปมีคนผู้หนึ่งยืนหันหลังอยู่
เมื่อกู่เสี่ยวอวี่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกผิดหวัง เพราะลู่เต้าไว้ผมยาวสีดำขลับ ส่วนคนที่อยู่ใต้ต้นไม้กลับเป็หัวล้าน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่นางอยากเจอ
ชุดสีแดงแสดงให้เห็นว่าเขาเป็คนของสกุลเกาเช่นกัน หัวล้านเช่นนี้คงจะเป็เกาหร่วนไม่ก็เกาอิ้ง
กู่เสี่ยวอวี่หวาดกลัวพี่น้องคู่นี้มาโดยตลอด เพราะทั้งสองคนมักหาเื่มาแตะเนื้อต้องตัวนางเสมอ บางครั้งสายตาที่มองนางก็ดูไม่น่าไว้วางใจเช่นกัน หากเป็ไปได้ นางก็มิอยากพบเจอพวกเขาในสถานที่เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้
เดิมทีกู่เสี่ยวอวี่คิดจะหันหลังกลับไป แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายแปลกๆ เขายืนนิ่งหันหน้าเข้าหาต้นไม้อย่างกับถูกทำโทษ ถึงแม้ว่าที่นี่จะอยู่ไม่ไกลจากค่าย แต่พฤติกรรมแปลกๆ เช่นนี้ทำให้กู่เสี่ยวอวี่มิอาจเมินเฉย
นางต่อสู้กับความคิดของตนเอง ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า กอดตะกร้าไว้แนบอก ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
“เ้าเป็อะไรหรือไม่” กู่เสี่ยวอวี่ถามเสียงดัง
อีกฝ่ายยังคงหันหน้าเข้าหาต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อน
“เขาเป็อะไรไป” เพื่อไขข้อข้องใจ กู่เสี่ยวอวี่จึงเดินเข้าไปใกล้อีก
เมื่อทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าว กลิ่นคาวเืรุนแรงก็พัดโชยเข้ามา ลมกระโชกพัดใบไม้แห้งปลิวว่อนจนลืมตาไม่ขึ้น
ไม่นานลมก็สงบลง เมื่อกู่เสี่ยวอวี่ลืมตาขึ้นก็เห็นเกาหร่วนเบิกตากว้างจ้องมองนางราวกับเขาตายตาไม่หลับ
กู่เสี่ยวอวี่ใ รีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ เกาหร่วนถูกฆ่าตายแล้ว ศีรษะหงายไปด้านหลัง คอถูกของมีคมกรีด เหลือเพียงหนังตรงคอที่ยังเชื่อมกับศีรษะเท่านั้น
ร่างกายของนางสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เท้าค่อยๆ ก้าวถอยไปทีละก้าว นางคิดจะกลับไปที่ค่ายเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้ดั่งใจ ทันใดนั้น จางเฟิงผู้ควบคุมิญญาที่อยู่ในความมืดก็ร่ายเคล็ดวิชาเผยร่างที่แท้จริงออกมา
“ถ้าขยับ เ้าตาย” จางเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า
เขาใช้มีดกระดูกจ่อคอของกู่เสี่ยวอวี่ไม่ให้นางขยับ
“ไม่เลว” จู้หลงเดินออกมาจากความมืด นักรบกระดูกสูงสองเมตรเดินตามหลังมา มันสวมชุดเกราะขาดวิ่น มือถือดาบขนาดใหญ่ บนคมดาบมีเืของเกาหร่วนที่ยังไม่แห้งด้วยซ้ำ
จู้หลงยิ้มเหี้ยม “ค้างคาวบอกข้าว่า เ้ารู้จักคนที่ข้ากำลังตามหาอยู่”
