หนี!!
หลินหยางดึงเวินชิงชิงให้ลุกขึ้นแล้วจึงมองไปที่แผ่นหลังของถังหงเป็ครั้งสุดท้ายจากนั้นก็รีบพุ่งทะยานหนีออกไปทางด้านหลัง ความเร็วของเขานั้นแม้แต่เหล่ายอดฝีมือระดับเซียนเทียนนั่นยังต้องตะลึง
“ตามมันไป!!”
เฉินผิงะโออกคำสั่ง
“ฝันไปเถอะ ตราบใดที่ข้า ถังหงผู้นี้ยังยืนอยู่ก็อย่าหวังที่จะผ่านไปได้เลย!!!!”
ถังหงเอ๋ยถังหง
เดิมทีตอนนี้ควรจะเป็่เวลาที่เขาจะได้เสพสุขกับบั้นปลายชีวิตแท้ๆแต่กลับต้องะเิพลังทั้งหมดที่มีออกมาราวกับูเาไฟที่กำลังปะทุอย่างเกรี้ยวกราดตัวเขาในตอนนี้ก็เหมือนพญาราชสีห์ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับความตายเขาจะใช้่เวลาสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้ให้เปล่งประกายองอาจเฉิดฉายถึงขีดสุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่
เขายื่นหมัดไปทางคนที่คิดจะขยับตัวขณะเดียวกันก็ถีบขากระแทกพื้นเพื่อดีดตัวเองให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนสามารถเข้าไปประชิดตัวของเฉินผิงได้ในพริบตาตัวเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกำแพงมนุษย์ที่ตั้งตระหง่านเพื่อขวางทางอสูรร้ายเหล่านี้เอาไว้
“ตายซะเถอะ!!!!”
ในแววตาของเฉินผิงนั้นไร้ซึ่งความหวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น เขาะเิจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงจนแทบจะไม่เหลือความเป็มนุษย์ให้เห็นแล้ว
สี่ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนลงมือพร้อมกันจนเกิดเป็เสียงะเิดังสนั่นะเืฟ้าะเืดินถังหงผู้ที่ชะตาอาภัพคนนั้นคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับไปได้เสียแล้ว
..................................
ฮืออ
“ท่านลุง!!”
หลินหยางและเวินชิงชิงที่ตอนนี้ถอยหนีออกจากจุดเกิดเหตุมาได้ราวหนึ่งพันเมตรแล้วพอได้ยินเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวเข้า ก็ชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็รีบมุ่งหน้าไปต่อทันที
หลินหยางตอนนี้ไม่ได้แสดงสีหน้าและอารมณ์ใดๆ ออกมาทั้งสิ้นเขากำลังใช้สมาธิทั้งหมดไปที่การหาวิธีพาเวินชิงชิงหนีให้พ้นจากเขี้ยวเล็บของนักฆ่าสุดโเี้พวกนี้ให้ได้
เขาไม่สามารถหนีกลับฐานทัพได้เส้นทางกลับถูกพวกนักฆ่าทั้งแปดคนนั้นขวางเอาไว้แล้ว
เขาไม่รู้ว่าพวกเวินติ่งเทียนตอนนี้อยู่ที่ไหน และไม่สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ด้วยเพราะมันจะกลายเป็ว่าเขาเปิดตำแหน่งของตัวเองให้พวกศัตรูรู้...
ตอนนี้คงทำได้แค่พึ่งตัวเองไปก่อน...
เขาต้องพาเวินชิงชิงหนีออกจากป่าแห่งควายตายนี่ด้วยตัวเอง!!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือเวินชิงชิงที่ก่อนหน้านี้ยังร้องไห้คร่ำครวญอยู่นั้น อยู่ดีๆ ก็เงียบเสียงไปเสียเฉยๆ
หลินหยางสามารถััได้ถึงแขนของเวินชิงชิงที่กำลังกอดคอของเขาเอาไว้แน่นและกำลังสั่นไปทั้งตัว น้ำตาของนางทำให้ไหล่เสื้อของหลินหยางเปียกโชกไปหมด แต่นางกลับกำลังฝืนกล้ำกลืนความเศร้าและความหวาดกลัวของนางเอาไว้เพื่อไม่ให้หลินหยางต้องคอยพะว้าพะวังถึงนาง
ภาพพจน์ของเวินชิงชิงในความคิดของหลินหยางเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
เวินชิงชิงเองก็สมกับเป็ลูกสาวของเวินติ่งเทียนผู้นั้นถึงปกติจะทำชอบตัวแก่นแก้วเอาแต่ใจก็ตาม แต่ข้างในลึกๆ ก็มีด้านที่กล้าหาญและเข้มแข็งอยู่เหมือนกันทำให้หลินหยางรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งเขาจึงรวบรวมพลังทั้งหมดไปที่ขาทั้งสองข้างของเขาอีกครั้งแล้วจึงพาเวินชิงชิงหนีลึกเข้าไปข้างในป่าทึบแห่งนี้
เขาคิดว่า อย่างไรก็ไม่สามารถหันหลังกลับไปได้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องวัดดวงโดยการหนีเข้าไปทางส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมรกตแห่งนี้ถ้าโชคดี ก็อาจจะได้เจอพวกของเวินติ่งเทียนพอดี แต่ถ้าโชคร้าย...
หลินหยางคิดไปถึงเื่ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้...
นั่นก็คือชีวิตของเขาที่คงต้องดับสิ้นลงภายในป่าแห่งนี้แล้ว!!!!
หลินหยางรีบถีบเท้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้หนีไปได้ไกลมากกว่าเดิม
..................................
ใน่เวลาเดียวกัน
ณ ลานปะาที่มีคราบเืสาดกระจายไปทั่วนั่น ถังหงค่อยๆ ปิดตาลงอย่างไร้กำลังร่างกายที่ดูแข็งแกร่งกำยำราวกับภูผาอันสูงใหญ่ ค่อยๆ ร่วงหล่นลงสู้ผืนพสุธา
ทั่วทั้งบริเวณนี้กลายเป็เหมือนกับทะเลเื
คนของตระกูลเวินถูกฆ่าตายหมดทุกคน
หนึ่งในยอดฝีมือระดับเซียนเทียนทั้งสี่คนขยับเข้ามายืนอยู่ข้างๆของเฉินผิงอย่างรวดเร็ว นักดาบชุดดำคือหัวหน้าของพวกมันเขามองไปที่เฉินผิงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า
“ทำขนาดนี้แล้วยังปล่อยให้สองคนนั้นหนีไปได้ จอมยุทธ์ของอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นช่างน่าผิดหวังเหลือเกินพ่อบ้านเฉิน”
เฉินผิงมองไปที่ทั้งสี่คนตรงหน้าเขาไม่มีใครที่ฝีมืออ่อนด้อยกว่าเขาเลยสักคน โดยเฉพาะนักดาบชุดดำคนนี้ เป็องครักษ์ที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดของซ่างกวันเฟยถ้าหากไม่ได้ทั้งสี่คนนี้ช่วยจัดการเหล่านักรบของตระกูลเวินในเสี้ยวพริบตาละก็ผลลัพธ์อาจจะไม่ออกมาเป็แบบนี้แน่
ในตอนนั้นเองตรงด้านหลังของคนทั้งแปดก็มีเสียงโห่ร้องของเหล่าทหารดังขึ้น เหล่าทหารจากกองกำลังพิทักษ์เมืองได้นำกำลังพลตามมาช่วยเหลือแล้วแต่น่าเสียดายที่เหล่าคนของเฉินผิงนั้นมีฝีมือแข็งแกร่งมากเกินไปกองกำลังช่วยเหลือเ่าั้ถูกทำลายจนพินาศย่อยยับภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
“ข้าน้อยรู้สึกละอายใจยิ่งนัก” เมื่อเฉินผิงอยู่ต่อหน้านักดาบชุดดำผู้นี้แล้วเขาก็ทำได้เพียงยอมรับคำถากถาง “แต่ว่าเ้าหลินอี้นั่นมันมีฝีมือแค่ระดับชุ่ยถี่เท่านั้นถ้าพวกเราสี่คนไล่ตามมันไปละก็ มันไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่นอน”
“ฮิฮิ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราเสียหน่อย...”หญิงสาวที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดงรัดรูปสุดยั่วยวนคนนั้นกล่าวขึ้นจากด้านหลังของนักดาบชายชุดดำนางกำลังหมุนควงกงจักรกระหายเืวงนั้นเล่นบนนิ้วของนางแล้วแย้มรอยยิ้มที่ดูขี้เล่นแต่ก็น่าหวาดกลัวออกมา “แต่ว่าถ้าคืนนี้พ่อบ้านเฉินยอมมาหาข้าที่ห้องละก็ ข้าอาจจะช่วยท่านก็ได้นะ...”
“ชิชิชิ ข้ายังอยากฆ่าอีก!!” ชายผอมแห้งที่ท่าร่างรวดเร็วราวประกายแสงนั้นหัวเราะอย่างเ็า
ส่วนชายร่างใหญ่ที่สะพายดาบขนาดมหึมาเอาไว้บนหลังนั้นกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำเขารอฟังคำสั่งของหัวหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ได้โปรด ขอให้ท่านดาบมือมารช่วยเหลือข้าน้อยอีกสักครั้งหลังจากนี้รับรองว่านายท่านของตระกูลข้า จะต้องตอบแทนท่านอย่างคุ้มค่าแน่นอน”เฉินผิงยกสองมือขึ้นประสานกันทำท่าคารวะเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ
พวกเขาไม่สามารถปะทะกับพวกกองกำลังพิทักษ์เมืองได้ เพราะถ้าถูกรู้ตัวตนที่แท้จริงเข้าละก็มันอาจจะทำให้ตระกูลเฉินโดนหางเลขไปด้วยก็เป็ได้
“สิบนาที” ชายที่ถูกขนานนามว่า‘ดาบมาร’ คนนั้นชักดาบดำเรียวยาวเล่มนั้นออกมาอีกครั้งและะเิจิตสังหารออกมาอย่างน่ากลัว“ครบสิบนาทีเมื่อไหร่ พวกเราจะกลับกันทันที เื่ที่เหลือทั้งหมดถือว่าไม่เกี่ยวกับพวกข้า”
พอกล่าวจบยอดฝีมือระดับเซียนเทียนทั้งสี่คนก็พุ่งเข้าใส่เหล่าทหารที่เข้ามาใกล้พวกเขาแล้วหลังจากนั้น เสียงกรีดร้องอันสยดสยองก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ส่วนเฉินผิงก็พาเหล่ายอดฝีมือระดับเซียนเทียนของตระกูลเฉินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หลินหยางหนีไปเมื่อครู่นี้
ในแววตาของเขานั้นมีเพียงแต่ความคิดที่จะฆ่าคนเพียงอย่างเดียว
เวลาสิบนาทีนั้นมันมากเกินพอที่เขาจะสามารถตามล่าหาเ้าหนูที่ชื่อหลินอี้นั่นจนเจอและจัดการสังหารมันทิ้งได้อีกเป็พันๆ ครั้ง!!
..................................
ภายในป่าทึบแห่งนี้หลินหยางกำลังวิ่งหนีไปพร้อมกับแบกเวินชิงชิงเอาไว้บนหลังไปด้วย
ทั้งสองคนไม่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้มาก่อนแต่น่าเสียดายที่มันอาจจะเป็ความอบอุ่นครั้งสุดท้ายในชีวิตของทั้งสองคนแล้ว
เวินชิงชิงกอดหลินหยางเอาไว้แน่น
นางเ็ปหัวใจจนแทบจะไร้ความรู้สึกไปแล้วตอนนี้มีเพียงแผ่นหลังของหลินหยางเท่านั้นที่ยังพอช่วยมอบความอบอุ่นให้นางได้บ้างเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้นเอง หลินหยางก็ปล่อยนางลงจากหลัง
หลินหยางลองคำนวณเวลาดูแล้ว ตัวเองวิ่งมาไกลขนาดนี้แต่กลับยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเวินติ่งเทียนมันถึงเวลาที่เขาต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว
อีกฝั่งคือพวกคนของตระกูลเฉินเห็นได้ชัดว่าพวกมันมุ่งเป้ามาที่ผู้าุโคนใหม่ของตระกูลเวินอย่างเขา
หากพาเวินชิงชิงไปด้วย อาจจะต้องตายด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าพวกเขาแยกกันละก็อย่างน้อยเขาก็ยังเป็ตัวล่อให้กับสาวน้อยผู้เข็มแข็งคนนี้หนีรอดไปได้
“ไป...”
หลินหยางหันหลังกลับ เขาพูดสั้นๆ เพียงหนึ่งคำเท่านั้น
“หลินอี้ ข้าไม่ไป...”
เวินชิงชิงไม่ได้โง่ นางรู้อยู่แล้วว่าหลินหยางคิดจะใช้ชีวิตตัวเองเป็เหยื่อล่อเพื่อถ่วงเวลาให้นางหนีไป
“ถ้าเ้าไม่ไปละก็ทั้งผู้าุโหลิ่วชิงและถังหงคงตายตาไม่หลับแน่”
คำพูดของหลินหยางนั้นสั้น ท่าทีก็แข็งกร้าวราวกับเหล็กไหล
เวินชิงชิงจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองหลั่งน้ำตาไปกี่ครั้งแล้วตอนนี้นางเห็นเพียงแต่ภาพรางๆ ของหลินหยางจากด้านหลัง นางรู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
“หลินอี้ สัญญากับข้าสิ ว่าเ้าจะกลับมาหาข้า...ได้ไหม?”
หลินหยางหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
ไม่รู้ทำไม คำพูดประโยคนี้มันกลับกระแทกเข้าไปในหัวใจของเขาทำให้บนใบหน้าเขาตอนนี้ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ออกมา
“วางใจเถอะ ข้าไม่ยอมตายแน่!! ข้ายังต้องล้างแค้นให้กับผู้าุโหลิ่วกับผู้าุโถังอีกนะ!!”
พอเขากล่าวจบก็เริ่มเดินออกไปอีกครั้ง
ด้านหลังของเขามีเสียงก้าวเท้ากระท่อนกระแท่นของเวินชิงชิงและเสียงของหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงใส่เศษธุลีที่อยู่บนพื้นจนเกิดเป็เสียงที่ฟังดูสิ้นหวัง
หลินหยางไม่ได้หันหลังกลับไปมอง
เขาดีดตัวพุ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากออกตัวไปได้หลายนาทีแล้วเขาก็หยิบกระบอกส่งสัญญาณของตระกูลเวินออกมาจากในแหวนพระสุเมรุพอเขาดึงสายบนกระบอกนั่นออกมา ลูกไฟสัญญาณก็พุ่งขึ้นจากกระบอกไปสู่บนฟ้าดูแล้วน่าจะสามารถมองเห็นได้ในระยะสิบลี้
อยู่ตรงนั้น!!!!
เฉิงผิงและพวกทั้งสี่คนนั้น แต่เดิมก็ไล่ตามหลินหยางมาจนระยะห่างเหลือไม่ถึงพันเมตรแล้วกิจการของตระกูลเฉินแต่เดิมก็คือการล่าสัตว์ประหลาดอยู่แล้วการออกตามล่าสัตว์ประหลาดในป่าลึกแบบนี้สำหรับพวกเขาแล้วเป็เื่ที่ง่ายยิ่งกว่าปอกเปลือกกล้วยเข้าไปอีกและร่องรอยที่หลินหยางทิ้งเอาไว้ตอนหลบหนีนั้นมันชัดเจนราวกับเป็ป้ายบอกทางสำหรับพวกเขาเลย
แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าเ้าเด็กโง่สองคนนั้นมันยังกล้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกมาแบบนี้
คงจะอยากตายกันแล้วสินะ!!!!
เฉินผิงและพวกแสยะยิ้มเหี้ยมเป้าหมายของพวกเขาอยู่ใกล้เพียงเอื้อม
หลินหยางพุ่งทะยานออกไปต่ออีกครั้งมือซ้ายของเขาลูบไปที่แหวนพระสุเมรุในมือขวาตลอดเวลา
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเผชิญหน้ากับเหล่านักฆ่าระดับเซียนเทียนสุดแกร่งนั่นเพียงลำพัง
ซึ่งมันเป็ทางเลือกที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็มองไม่เห็นทางรอดเลยแม้แต่นิดเดียวแต่หลินหยางเลือกที่จะฝืนลิขิต์ เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเอง
ก่อนที่เขาจะออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลเวินนั้นหลินหยางได้จัดเตรียมอะไรบางอย่างเอาไว้แล้ว
ในตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเองคงคิดฟุ้งซ่านมากเกินไปเขาไม่ได้คิดเลยว่า ของที่เตรียมเอาไว้พวกนั้นจะได้ใช้ประโยชน์ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ
หลินหยางที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งในชีวิตใหม่นี้เขาไม่มีทางยอมพ่ายแพ้ต้องอุปสรรคง่ายๆ แน่
เขาได้เปลี่ยนจากลูกแกะน้อยที่ถูกผู้คนทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวตัวนั้นกลายเป็พยัคฆาอันองอาจแล้ว มันผู้ใดที่คิดจะฆ่าเขามันผู้นั้นก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกเอาคืนอย่างสาสม
ระหว่างที่หลินหยางกำลังคิดอยู่นั้น เขาไม่ได้ก้าวขาช้าลงเลยแม้แต่นิดเดียว
ต้องดึงคนพวกนี้ให้ออกห่างจากเวินชิงชิงมากที่สุดยิ่งไกลยิ่งดี
ประมาณสามสิบวินาทีต่อมาด้านหลังเขาก็เสียงพูดอันคุ้นเคยดังขึ้น
พวกมันตามมาถึงแล้ว
หลินหยางเร่งพลังเนตรเพลิงสุพรรณขึ้นแล้วหันหน้ากลับไปมองก็พบว่าคนที่ไล่ตามมามีเพียงแค่สี่คนเท่านั้น อีกทั้งในกลุ่มคนที่ตามมานั้นนอกจากเฉินผิงแล้วล้วนมีแต่ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นต้นเท่านั้นสำหรับหลินหยางแล้วนี่นับเป็ข่าวที่ดีทีสุดสำหรับเขาเลย
ถ้าแค่สี่คนนี้ละก็ลองสู้แลกชีวิดูก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสรอดเลยซะทีเดียว!!!!
ความคิดของหลินหยางนั้นวิ่งแล่นอย่างรวดเร็วทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงอันมืดหม่นของเฉินผิงดังขึ้น
“ผู้าุโหลิน... ถ้าข้าเป็ท่าน ข้าคงเลิกดิ้นรนอย่างไร้ความหมายแบบนี้ไปนานแล้วจะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องตาย จะทำให้มันยุ่งยากแบบนี้ทำไม?”
หึหึ
ยอดฝีมือตระกูลเฉินอีกสามคนที่เหลือแสยะยิ้มอำมหิต
ในสายตาของพวกเขานั้นหลินหยางไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้ตัวหนึ่งเท่านั้น ภารกิจในวันนี้ถือว่าเสร็จสิ้นไปแล้วเรียบร้อย
หนึ่งในนั้นที่เป็ผู้าุโระดับเซียนเทียนของตระกูลเฉินที่ชื่อเจิ้งชงถึงกับกล่าวขึ้นมาว่า
“เ้าหนูแซ่หลินดูไม่ออกเลยนะว่าคนอย่างแกจะเป็สุภาพบุรุษเหมือนกัน ล่อพวกข้าออกมาเพื่อให้ยายหนูของตระกูลเวินนั่นหนีไปสินะ?ไอ้หน้าโง่ เป้าหมายของพวกข้ามีแค่แกคนเดียวอยู่แล้ว!! ถ้าแกหยุดหนีละก็ ข้าอาจจะช่วยให้แกได้ตายแบบไม่ต้องเ็ปก็ได้!!”
หึหึ...
นักฆ่าเหล่านี้หัวเราะขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาจะรู้สึกดีมากเวลาที่ได้เห็นเหยื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากความตายแต่ว่าครั้งนี้พวกเขาไม่อยากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป วิกาลยาวนานความฝันก็มักจะยุ่งเหยิง อีกอย่างนี่ก็ถึงเวลาที่ต้องจบชีวิตของเ้าหนูนี่แล้ว
หลินหยางยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีต่อไป ราวกับว่าเขาถูกคำพูดของพวกเฉินผิงข่มขู่เสียจนเป็บ้าไปแล้ว
แถมเขายังะโขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งแล้ววิ่งตะบึงบนนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ซื่อบื้อ...
ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนที่พูดจาอวดเบ่งไว้เมื่อกี้แสยะยิ้มขึ้นอย่างเ็าพวกเขาเร่งความเร็วขึ้นไปอีกระดับ กระทืบเท้าทีหนึ่งแล้วจึงดีดตัวขึ้นไปหาหลินหยางอย่างรวดเร็วราวะุปืนที่พุ่งออกมาจากรังเพลิง
“ชอบทำให้เื่มันยากนักใช่ไหม อย่างนั้นก็ไปตายเสียเถอะ!!”
เฉินผิงและพวกอีกสองคนที่เหลือถึงกับผ่อนความเร็วลง
ในสายตาของพวกเขาแล้ว ถ้าเจิ้งชงผู้นี้ลงมือแล้วหลินหยางไม่มีทางรอดแน่นอน
แต่ในจังหวะที่เจิ้งชงกำลังจะชกหมัดเข้าใส่แผ่นหลังของหลินหยางที่อยู่บนยอดของต้นไม้นั้นหลินหยางก็พลิกตัวหันกลับมาพร้ะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดจนเมฆาสั่นะเืว่า
“คนที่จะตายนั่นมันเ้าต่างหาก ไอ้เวรเอ๊ย!!!!”