วันนี้ หากไร้ซึ่งแผนการของฉางไทเฮา แม้แต่พวกนางเขาเองคงมิอาจเข้าไปในสวนร้อยสัตว์ได้
"พวกเราทั้งหมดเป็คนในครอบครัวเดียวกัน จะกล่าวขอบคุณไปไใย" ฉางไทเฮากล่าวชี้ชัด ทว่าภายในพระทัยกลับครุ่นคิดสิ่งอื่น ขอบคุณงั้นหรือ? หึ ไม่รู้ว่าอีกประเดี๋ยว ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจะอยากกล่าวขอบคุณนางอีกหรือไม่?
ทั้งสองสบสายตากัน ต่างคนต่างครุ่นคิด
ครอบครัวเดียวกันหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรู้ดีว่า หากตำแหน่งแม่ทัพหลวงตกอยู่ในมือของคนสกุลหนานกงในวันนี้ เกรงว่าคงจะยากยิ่งที่พวกเขาจะกลายเป็ครอบครัวเดียวกัน!
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงย่นคิ้ว อยากจะยื่นมือออกไปรับผ้าเช็ดหน้า ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อย ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงงุนงงเล็กน้อย สบดวงเนตรของฉางไทเฮา
“"ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง คุณหนูอีหลานเป็คนโชคดี ไม่มีทางเป็อันใดแน่ กระดุมคล้องใจอันนั้น...”
รอบด้านไร้ผู้คน ฉางไทเฮาจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ทั้งความหมายยังชัดเจนอย่างยิ่ง นางกำลังเตือนให้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทำตามสัญญา ช่วยจ้าวเยี่ยนแย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพหลวง
กระดุมคล้องใจ?
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย คนฉลาดเช่นนาง ย่อมเข้าใจความหมายของฉางไทเฮา ทว่ากลับเสแสร้งทำหน้าสับสน พร้อมกับทอดถอนหายใจ “หม่อมฉันเองก็หวังว่าอีหลานจะไม่เป็อันใด อีหลานช่างน่าสงสารนัก หม่อมฉันได้ข่าวว่า อีหลานน่าจะอยู่ในสวนร้อยสัตว์ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า... อีหลานในยามนี้... จะเป็ตายเยี่ยงอย่างไรก็ยังไม่รู้...”
ยามเอ่ยถึงตอนท้าย ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยกมือกุมหน้าอก ยากจะปิดบังความโศกเศร้า ดูเหมือนจะเป็ลมหมดสติลงไปได้ทุกเมื่อ
ฉางไทเฮาทอดพระเนตรเห็นทุกสิ่งในสายตา พระพักตร์เต็มไปด้วยความเป็ห่วง “รีบพาฮูหยินผู้เฒ่าไปพักเสียหน่อยเถิด ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านอย่าเป็กังวลนักเลย คุณหนูอีหลานโชคชะตาวาสนาดีนัก”
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก ปล่อยให้หนานกงฉี่กับหนานกงจื้อประคองกลับไป เดินออกไปทางคีรีประดับูเาจำลอง
ฉางไทเฮากลับยังคงยืนอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพัก จึงค่อยก้าวฝีเท้าออกไป
เหนียนอีหลานน่าสงสารงั้นหรือ?
เหนียนอีหลานย่อมน่าสงสารแน่นอน ครั้นนึกถึงถ้อยคำที่จ้าวเยี่ยนบอกเมื่อคืนนี้ ดวงเนตรสงบนิ่งของฉางไทเฮาพลันพาดผ่านประกายเย้ยหยัน
เพื่อตำแหน่งแม่ทัพหลวง ตระกูลหนานกงจึงคิดจะสละชีวิตของเหนียนอีหลาน เพื่อเป็เครื่องต่อรองในการประนีประนอมโดยการกดดันฮ่องเต้หยวนเต๋อและฮองเฮาอวี่เหวิน นางเชื่อว่า เพื่อปลอบประโลมตระกูลหนานกง ฮ่องเต้หยวนเต๋อจะต้องมอบตำแหน่งแม่ทัพหลวงให้แก่คนตระกูลหนานกงแน่ ทว่าน่าเสียดาย...
นาังคนสกุลหนานกงวางแผนเช่นนี้ ไหนเลยจะได้รู้ว่า คนที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้ว เดิมทียังไม่ตาย!
นางเก็บงำรอยแย้มสรวลที่มุมปาก สตรีในชุดเรียบง่ายคลำลูกประคำในมือ ในยามนี้ เยี่ยนเอ๋อร์น่าจะเจอเหนียนอีหลานแล้ว!
ยามที่ครุ่นคิดบางอย่าง ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ
เป็ไปตามที่นางคาดการณ์ไว้อย่างแท้จริง นอกตำหนักชีอู๋ ไร้ผู้คนรอบด้าน บุรุษในชุดสีขาวจับข้อมือของหญิงสาว พาเข้าไปในห้องที่ไม่สะดุดสายตาอย่างเร่งรีบ...
เมื่อครู่นี้ ยามที่ทุกคนเข้าไปในสวนร้อยสัตว์ด้วยกัน คนอื่นๆ เดินตามฝูงชนตรงไปยังกระโจม ทว่ายามที่ไม่มีผู้ใดสังเกต จ้าวเยี่ยนกลับก้าวฝีเท้าช้าลง
ในยามนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่า บุคคลที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกดดันให้ฮองเฮาอวี่เหวินส่งตัวออกมาอย่างตั้งอกตั้งใจ ถูกจ้าวเยี่ยนพาตัวมาั้แ่ต้นแล้ว
ภายในห้อง
เหนียนอีหลานถูกจ้าวเยี่ยนลากมาตลอดทาง พร้อมกับก้าวเดินอย่างเร่งรีบ แม้แต่ในยามนี้ ในใจของนางยังคงมิอาจแอบซ่อนความตื่นตระหนก
เมื่อครู่นี้ นางเห็นคนมากมายเข้าไปในสวนร้อยสัตว์ นางเห็นท่านยายดูเป็ทุกข์เพราะนาง ท่าทางมันยังคงดูจริงใจ ทว่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...
“ทำไม?” เหนียนอีหลานมองจ้าวเยี่ยนในชุดสีขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เื่ราวมากมาย นางคิดเยี่ยงอย่างไร ก็ล้วนไม่เข้าใจ “เหตุใด เมื่อคืนนี้ ท่านยายถึงส่งคนมาไปฆ่าหม่อมฉัน? เห็นได้ชัดว่า นางเพิ่งจะขอให้ฮองเฮาส่งตัวหม่อมฉันกลับไป? นางเป็ห่วงหม่อมฉันถึงเพียงนั้น หรือทั้งหมดจะเป็คำเท็จ?”
ครั้นเอ่ยมาถึงตอนท้าย เสียงของเหนียนอีหลานแทบจะแหบแห้ง
จ้าวเยี่ยนเหลือบมองนางอย่างเฉยเมย สตรีผู้นี้กับเหนียนยวี่เป็พี่น้องกัน หากในยามนี้เปลี่ยนเป็เหนียนยวี่ ด้วยความฉลาดเฉลียวของนาง คงจะคิดเหตุผลได้นานแล้ว ทว่าเหนียนอีหลาน... กลับยังไม่เข้าใจอีกหรือไร?
เหนียนยวี่... ภาพเงาร่างของคนผู้นั้นผุดเข้ามาในหัวของจ้าวเยี่ยน ในใจรู้สึกปวดร้าวเบาบางอย่างไร้สาเหตุ จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้วแน่นทันที
สตรีฉลาดเฉลียวเช่นนั้น ไม่อยู่แล้วจริงๆ มันช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
หากนางไม่ตาย...
เหนียนยวี่กับฉู่ชิง ทั้งคู่อยู่ในค่ายเสินเช่อเหมือนกัน หากเหนียนยวี่ไม่ตาย เกรงว่าฉู่ชิงน่าจะมีโอกาสรอดเช่นเดียวกัน
หากฉู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ ผู้คนมากมายที่ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพหลวงในวันนี้ ไม่ว่าผู้ใด คงเปล่าประโยชน์
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว อย่างไรเสีย เขายังคงปรารถนาให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นตามกำหนดเวลา แม้นต้องสูญเสียชีวิตของเหนียนยวี่!
“"ท่านอ๋องหลี ท่านบอกหม่อมฉันทีว่า เป็เพราะเหตุใด?” สีหน้าของเหนียนอีหลานร้อนรนยิ่งกว่าเดิม นางก้าวมาข้างหน้าทันที และเร่งเร้าขอคำตอบอย่างร้อนใจ
จ้าวเยี่ยนกลับมารู้สึกตัว เขาจ้องมองเหนียนเหนียนอีหลาน ดวงตาสงบนิ่ง ผาดผุดอารมณ์เย้ยหยัน “เพราะว่าหากเ้าตาย ตระกูลหนานกงก็จะมีโอกาสแย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพหลวงให้หลานชายของตระกูลหนานกง”
“ตำแหน่งแม่ทัพหลวง? ” ร่างกายของเหนียนอีหลานสั่นเทาเล็กน้อย นางไม่มีเวลามาสำรวจ เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพหลวงคือฉู่ชิง เหตุใดตระกูลหนานกงถึงยัง้าแก่งแย่ง มีเพียงถ้อยคำสองคำที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวนาง....
หมากที่ถูกทอดทิ้ง สำหรับท่านยาย สำหรับตระกูลหนานกง ตัวข้าเป็แค่เบี้ยหมากที่ทอดทิ้งไปเท่านั้นหรือ?
เพื่อตำแหน่งแม่ทัพหลวง พวกเขาจึงส่งคนมาฆ่านางอย่างไม่เสียดาย เพื่อจะใช้ความตายของนางเป็เครื่องต่อรอง!
“ไม่ ไม่มีทาง...” ดวงตาของเหนียนอีหลานสั่นไหว ส่ายศีรษะไม่หยุด “เห็นได้ชัดว่าพวกเขาฝากความหวังกับข้าไว้สูงยิ่งนัก พวกเขาหวังให้ข้ากลายเป็พระชายามู่ หวังให้ข้าส่องแสงให้ตระกูลหนานกง”
“ฝากความหวังไว้สูง? คุณหนูใหญ่เหนียน คงจะไม่รู้ว่า ตำแหน่งแม่ทัพหลวง มีความหมายเยี่ยงอย่างไร” จ้าวเยี่ยนหัวเราะแ่เบา แววตาดูแคลน ทว่ายังกระตือรือร้น “ต่อให้เ้าจะได้กลายเป็พระชายามู่จริงๆ ก็ยังไม่สำคัญเทียบเท่าแม่ทัพหลวงผู้กุมอำนาจยิ่งใหญ่ทางการทหาร”
มันเป็สิ่งที่หอมหวานน่าแย่งชิง ในอดีต ฉู่ชิงได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้หยวนเต๋ออย่างมาก เขาครองตำแหน่งนั้นอย่างไม่ไหวติง ต่อให้ในใจของผู้คนจะมุ่งมาดปรารถนา ก็ไม่มีหวังแม้แต่น้อย ทว่าการเสียชีวิตของฉู่ชิงในยามนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
ในใจของเหนียนอีหลานรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม “เช่นนั้นหม่อมฉันควรทำเยี่ยงอย่างไร? ท่านยาย พวกเขา ละทิ้งหม่อมฉันไปแล้ว หม่อมฉันควรจะทำเยี่ยงอย่างไรดี?”
"พวกเขาทอดทิ้งเ้า แล้วเ้า้าจะละทิ้งตัวเองด้วยหรือไร? " จ้าวเยี่ยนเบนสายตาออกจากนาง น้ำเสียงสงบนิ่งไร้อารมณ์
"ไม่ หม่อมฉันมิอาจละทิ้งตัวหม่อมฉันได้"
แทบจะไม่ต้องคิดสิ่งใด เหนียนอีหลานรีบส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว
“ในเมื่อเป็เยี่ยงอย่างนั้นนี้ เช่นนั้นเ้าก็ต้องมีชีวิตอยู่ให้ดี...”
“แต่... ท่านยายละทิ้งหม่อมฉันไปแล้ว หม่อมฉันควรจะพูดเช่นไร? หากนางต้องมารู้ว่าหม่อมฉันยังไม่ตาย จะไม่ส่งคนมาฆ่าหม่อมฉันอีกหรือเพคะ? ไม่ หม่อมฉันไม่อยากตาย หม่อมฉันยังไม่อยากตาย...”
เหนียนอีหลานพึมพำอย่างตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูก นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยึดจับแขนเสื้อของจ้าวเยี่ยน มองบุรุษตรงหน้าด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง “ช่วยหม่อมฉัน... ท่านอ๋องหลี ท่านช่วยหม่อมฉันด้วย...”
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว เพราะการััของเหนียนอีหลาน จึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย สายตากวาดมองมือของเหนียนอีหลาน เหนียนอีหลานสังเกตเห็นความรังเกียจของเขา ราวกับถูกเข็มทิ่มปวดแปล๊บๆ จึงรีบปล่อยมือออกทันที กลืนน้ำลายไปอึกหนึ่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “อีหลานสมควรตาย... ไม่ อีหลานอยากจะมีชีวิตอยู่...”
เหนียนอีหลานพูดจาสะเปะสะปะ ทั้งประโยคดูสับสนยุ่งเหยิง ปฏิกิริยาของนางอยู่ในสายตาของจ้าวเยี่ยน คนที่้าความหวังอย่างร้อนรน เป็คนที่เขา้าพอดี!
ดวงเนตรหรี่ลงเล็กน้อย จ้าวเยี่ยนเอ่ยให้ความหวังนาง “เ้าอยากมีชีวิต เปิ่นหวางเองก็มีหนทางให้”