เปลวเพลิงที่ลุกโชนต่างเริงระบำไปรอบๆ อากาศจะถูกแผดเผาหมดสิ้นในเร็วๆนี้ ถึงแม้ว่าเจียงเฉินจะทำการควบคุมอุณหภูมิของเปลวเพลิง ตลอดจนพลังหยวน แต่ทว่าเพลิงัแท้จริงทรงอำนาจมาก มันทำให้อุณหภูมิของห้องหลอมยาเพิ่มสูงขึ้นในพริบตา อากาศเต็มไปด้วยลมร้อนระอุ
บนใบหน้าเจียงเฉินสงบเยือกเย็น ผมดำของเขาปลิวไสว และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นดั่งผลึกหินสีดำทั้งสอง เขายังจับจ้องไปยังทะเลเพลิงที่อยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่กระพริบตา ภายในเพลิง สมุนไพรทั้งสี่สิบแปดชนิดต่างลอยอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน และทั้งหมดได้ถูกแผดเผาด้วยอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
หากว่ากั๋วฉานอยู่ที่นี่ แม่ว่าเขาจะรู้ถึงความสามารถของเจียงเฉินอยู่แล้ว ย่อมทรุดลงบนพื้นจากการตกตะลึงเป็แน่ การชำระล้างสมุนไพรทั้งสี่สิบแปดชนิดพร้อมกันเมื่อเทียบกับห้าชนิดพร้อมกัน มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นเพราะว่าสมุนไพรแต่ละชนิดจะมีจุดหลอมเหลวในการชำระล้างเป็ของมันเอง มันต้องใช้เมื่อความร้อนถึงจุดที่เหมาะสมเท่านั้นถึงสามารถชำระล้างสิ่งปนเปื้อนให้หายไปได้ หากว่าอุณหภูมิไม่สูงพอ สิ่งปนเปื้อนจะไม่ถูกขจัดออกโดยสมบูรณ์ และหากว่าอุณหภูมิสูงเกินไปตอนนั้นมันอาจถูกแผดเผากลายเป็เถ้าถ่านได้
ดังนั้นขั้นตอนในการชำระล้าง มันต้องอาศัยทักษะในการควบคุมเพลิงอย่างแม่นยำ นักปรุงยาจะต้องมุ่งสมาธิทั้งหมดในการใช้พลังิญญาััถึงจุดหลอมเหลวของสมุนไพรแต่ละชนิด และควบคุมอุณหภูมิของเพลิงให้ถึงจุดนั้น เพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะขจัดสิ่งปนเปื้อนทั้งหมดขณะที่รักษาวัตถุดิบไว้ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็ขั้นตอนที่ยากมากขั้นตอนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อนักปรุงยาทั่วไปทำการปรุงยา พวกเขาจะใช้เตาปรุงยาในการช่วยควบคุมอุณหภูมิของเปลวเพลิง นอกจากนี้เมื่อสมุนไพรได้ถึงจุดหลอมเหลวของมันแล้ว นักปรุงยาจะชำระล้างมันภายในครั้งเดียว หรือจะชำระล้างสมุนไพรใน่เวลาที่มันหลอมเหลวก็ได้ หากว่าสมุนไพรสองชนิดมีจุดหลอมเหลวที่แตกต่างกันได้ทำการชำระล้างในเวลาเดียวกัน มันอาจมีสิ่งปนเปื้อนตกค้างอยู่หรือวัตถุดิบจะถูกเผาไหม้ไป มันจะทำให้คุณภาพของตัวยาตกต่ำลง
กระทั่งนักปรุงยาผู้มากประสบการณ์สามารถที่จะชำระล้างสมุนไพรสองสามชนิดเข้าด้วยกันในครั้งเดียว ความจริงที่เจียงเฉินสามารถที่จะชำระล้างสมุนไพรนับโหลเข้าด้วยกันนี่มันน่าตื่นตะลึงนัก มีเพียงปรมาจารย์นักปรุงยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่านั้นที่จะมีความกล้าที่จะทำ แต่ไม่มีผู้ใดที่สามารถทำได้อย่างสบายๆเช่นนี้
อย่างไรก็ตามนี่คือเจียงเฉิน เขาเป็ปรมาจารย์นักปรุงยาระดับนักบุญผู้ทรงอำนาจ ตลอดจนด้วยทักษะยอดิญญาต้าเหยี่ยนทำให้เขามีความเข้าใจที่ดีเยี่ยมและควบคุมได้อย่างแม่นยำ ตอนนี้เขายังมีเพลิงัแท้จริง ดังนั้นทักษะการปรุงยาของเขาท้าทาย์นัก
การชำระล้างสมุนไพรจำนวนหลายสิบพร้อมกันไม่ใช่เื่ง่าย เจียงเฉินจักต้องหาจุดหลอมเหลวของสมุนไพรกว่าสี่สิบชนิดและชำระล้างพวกมันในเวลาเดียวกัน ขั้นตอนนี้ทำให้เขาใช้เวลาไปเกือบสามชั่วโมง
"ข้าใช้เวลาราวๆสามชั่วโมงเลยรึ หากข้าได้อยู่ในร่างเดิม ข้าสามารถทำมันได้ในเวลาเพียงนาที"
เจียงเฉินส่ายหัว หากว่าสิ่งที่เขาพูดออกมากั๋วฉานได้ยิน หรือนักปรุงยาคนอื่นมาได้ยิน พวกเขาอาจกระอักเืออกมาและพยายามทุบตีเจียงเฉิน คำพูดของเขาเปรียบดั่งการตบหน้าฉาดใหญ่แก่นักปรุงยา ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่ใช่เพียงคนสองคน เป็การตบหน้านักปรุงยาทุกคน
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ นำกั๋วฉานมาเป็ตัวอย่าง หากว่าเขาจะต้องชำระล้างสมุนไพรทั้งสี่สิบแปดชนิด เขาจำเป็ต้องใช้เวลาราวๆสี่ถึงห้าวัน สำหรับการหลอมดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคี เขาจะใช้เวลามากยิ่งกว่านี้ และในขั้นตอนสุดท้ายในการหลอมรวมวัตถุดิบทั้งหมดเข้าด้วยกัน หากไม่มีเวลาขั้นต่ำครึ่งเดือน ตามปกติมันจะเป็ไปไม่ได้ที่เขาจะปรุงยาหกสุริยันขึ้นมา
"จากนั้น ข้าจะต้องกลั่นดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคี ข้าจะหลอมมันกลายเป็สถานะของเหลว จากนั้นข้าจะผสานทุกสิ่งเข้าด้วยกันและประสบความสำเร็จ"
เจียงเฉินคิดในใจ ภายใต้การควบคุมพลังหยวนของเขา สมุนไพรทั้งสี่สิบแปดชนิดได้ถูกชำระล้าง พวกมันเปล่งแสงสีสดใส พวกมันดูเหมือนหยาดผลึกขณะที่พวกมันลอยอยู่ที่มุมหนึ่งของทะเลเพลิง
เจียงเฉินพลิกฝ่ามือและนำดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคีออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเขาโยนมันลงไปในทะเลเพลิง เพลิงัแท้จริงของเขาได้กลายเป็ัเพลิงจำนวนมากและได้ล้อมรอบดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคี
ฮ่าห์!
เจียงเฉินะโออกมา จากนั้นเขาปรับอุณหภูมิของเพลิงัแท้จริงให้ไปถึงขีดสุด และเริ่มแผดเผาดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคี
ดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคีมีพลังงานจำนวนมหาศาลบรรจุอยู่และมันไม่สามารถที่จะให้เสียเปล่าได้ นอกจากนี้ มันยังมีพลังหยางอันบริสุทธิ์บรรจุอยู่ภายใน มันคือแหล่งพลังงานของหมู่ป่าหนามอัคคี
แท้จริงแล้ว ดวงจิตอสูรจะมีเพียงแค่พลังงานบรรจุอยู่เท่านั้น ไม่จำเป็ต้องชำระล้างแต่อย่างใด สิ่งที่เจียงเฉินทำคือหลอมละลายมันให้กลายเป็ของเหลวจะทำให้เขานำไปผสานกับวัตถุดิบอื่น
การหลอมละลายดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคีมันเป็เื่ยากมาก ไม่เพียงแค่ยากเพราะมันทนทาน เจียงเฉินจะต้องทำให้แน่ใจว่าพลังงานที่บรรจุอยู่ภายในไม่เสียเปล่า และมันทำให้เขาต้องระมัดระวังเป็อย่างมากขณะที่กำลังหลอมละลายมัน เขาไม่สามารถที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่น้อย
ภายนอกห้องปรุงยา กั๋วฉานและหวงต้าต่างนั่งหันหน้าเข้าหากันบนโต๊ะหิน ในครั้งนี้กั๋วฉานได้นำไวน์ที่ดีทีสุดที่เขาได้บ่มด้วยสมุนไพรชั้นยอดนำมาให้หวงต้า ในความคิดของเขา เจียงเฉินจะต้องใช้เวลาในการปรุงยาสองถึงสามวันแน่ในครั้งนี้ ดังนั้นเขาสามารถใช้เวลานี้ในการสืบค้นว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปยังหุบเขาสายหมอกจากหวงต้า
"ตาแก่กั๋วฉาน ในที่สุดเ้าก็แสดงความมีไมตรีจิตและเสิร์ฟไวน์ที่ดีกับนายท่านหมาผู้นี้แล้วสินะ ไม่เลวๆ หลังจากที่เ้ายอมติดตามนายท่านหมาผู้นี้สักระยะ เ้าจะได้เรียนรู้และพบวิธีการทำสิ่งต่างๆให้ถูกต้องเอง"
หวงต้าถือไวน์ด้วยกีบเท้าของมัน มันกระดกไวน์ชั้นเลิศขณะที่มันเชิดหัวขึ้น
"พอแล้ว พอกันที ข้าไม่อาจหุบปากเ้าด้วยไวน์ชั้นเลิศได้ ข้าคิดว่าวันใดที่เ้าหยุดหลงตัวเอง วันนั้นพระอาทิตย์คงขึ้นทางตะวันตก!เร็วๆเข้า บอกบิดามาซะ เื่ราวทั้งหมดในการเดินทางไปยังหุบเขาสายหมอกของเ้า!"
กั๋วฉานรีบหยุดหวงต้ามิให้พูดต่อ เมื่อด้านหลงตัวเองของเ้าหมานี่ตื่นขึ้น ต่อกระทั่ง์สามารถเดินได้หรือผืนปฐีลอยได้ มันก็ไม่หยุด
เมื่อกั๋วฉานเอ่ยถึงหุบเขาสายหมอก หวงต้ากลายเป็เร่าร้อนในทันใด มันเริ่มเล่าไม่หยุดและน้ำลายกระเด็นไปทุกที่ รวมถึงใบหน้าและหัวของกั๋วฉาน เขาสับสนว่ามันเป็น้ำลายของหวงต้าหรือไม่ หรือจะเป็ไวน์
กั๋วฉานขมวดคิ้ว เขาเริ่มรู้สึกเสียใจในการตัดสินใจของเขาที่มาคุยกับหวงต้า หากไม่ใช่เพราะเขา้ารู้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในหุบเขาสายหมอก เขาอาจคว่ำโต๊ะแล้วเดินจากไปแล้ว ไม่มีทางที่จะนั่งดื่มกับหวงต้าอีก
ภายในห้องปรุงยา เจียงเฉินใช้เวลาทั้งวัน ในที่สุดเขาก็สามารถหลอมดวงจิตอสูรหมูป่าหนามอัคคีได้สำเร็จ เหงื่อได้ไหลจากหน้าผากของเขา หากว่าเป็นักปรุงยาคนอื่นๆ อาจนอนกองเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย
"เอาล่ะ ขั้นตอนต่อไปคือผสานวัตถุดิบทั้งหมดและขึ้นรูปเม็ดยา นี่เป็ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดแล้ว"
ท่าทางของเจียงเฉินเปลี่ยนเป็จริงจัง ขณะนี้เขาไม่กล้าที่จะประมาทใดๆ ในที่สุดเจียงเฉินเริ่มขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือการผสานทุกสิ่งเข้าด้วยกัน
ณ นิกายชิงิ แคว้นเฉียน
หลิวหงและผู้าุโคนอื่นๆกลับมาจากแคว้นฉี และตอนนี้พวกมันได้เข้าพบฉิงจื่อ
"เป็อย่างไร?พวกเ้าได้พบสิ่งใดหรือไม่?"
พลังยุทธของฉิงจื่อฟื้นขึ้นมาเกือบสมบูรณ์แล้ว มันลืมตาแล้วมองไปยังหลิวหงและผู้าุโนิกายอีกสองคน
"เรียนท่านผู้นำ พวกข้าได้พบบางอย่าง นั่นเป็ที่พวกข้ามารายงานท่าน ขอให้ท่านผู้นำตัดสินใจขอรับ"
หลิวหงกพูดขึ้น
"เป็อะไรไป?หรือว่าเ้าหนุ่มนั่นมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดางั้นรึ?"
ฉิงจื่อขมวดคิ้ว ด้วยความสามารถของหลิวหง มันไม่อาจสังหารเจียงเฉินได้ แต่ความจริงที่ว่ามันได้กลับมายังนิกายชิงิ นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าเ้าหนุ่มนั่นมีภูมิหลังที่เป็ปัญหาอยู่ อย่างน้อยภูมิหลังของมันไม่ใช่สิ่งที่หลิวหงสามารถล่วงเกินได้
"ใช่แล้วขอรับ เ้าเจียงเฉินคนนั้นมันไม่ได้อยู่แคว้นเฉียน มันมาจากแคว้นฉี และมันมีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นฉี เมื่อพวกข้าไปถึงแคว้นฉีทุกๆคนที่พวกข้าถามล้วนรู้จักนามของมัน"
หลิวหงถอนหายใจออกมา การเดินทางไปแคว้นฉีเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับเจียงเฉิน มันราบลื่นจนคาดไม่ถึง มันคิดว่ามันจักต้องไปทั่วแคว้นฉีเพื่อหาเจียงเฉิน มันไม่เคยคาดมาก่อนเลยว่าเจียงเฉินจะโด่งดังขนาดทุกๆคนที่มันถามรู้จักหมด
ความจริงแล้วเจียงเฉินเป็คนที่ทุกๆคนในแคว้นฉีต่างรู้จัก นอกจากนั้น สถานที่หลิวหงไปคือเขตหวงฉี เป็สถานที่ที่เจียงเฉินถูกเคารพบูชาดั่งเทพ และกระทั่งเป็แบบอย่างแก่เด็กตัวเล็กๆอีกด้วย
"ไหนลองว่ามาซิ"
ฉิงจื่อพูดขึ้น
"เ้าเด็กนั่นเป็ศิษย์ของนิกายเซวียนอี้ และมันได้เปิดตัวครั้งแรกที่การแข่งขันประจำปีแคว้นฉี มันได้ทำข้อตกลงที่จะต่อสู้ชี้ตายกับหนานเป่ยเฉาแห่งนิกายอัคคีผลาญฟ้าในเวลาหนึ่งปี นามของมันได้เป็ที่รู้จักไปทั่วหลังจากที่ได้สังหารเหล่าปีศาจโลหิตและราชันย์จันทราโลหิต มันกระทั่งสังหารเหลียงเซียวจากนิกายเทียนเจี้ยน ข้าได้ยินมาว่าการบ่มเพาะของมันรวดเร็วอย่างมาก และกระทั่งนักพรตเซวียนอี้ยังโปรดปรานมัน นั่นเป็เหตุที่ว่าพวกข้าไม่ได้ลงมือ และตรงกลับมารายงาน พวกข้าจำเป็ต้องให้ท่านผู้นำตัดสินใจ"
หลิวหงบอกฉิงจื่อทุกๆสิ่งที่มันรู้มาจากแคว้นฉี
"หนานเป่ยเฉาเป็อัจฉริยะไร้ที่เปรียบที่หาได้ยาก และข้าคิดว่าราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ได้สังเกตุถึงเขาเป็ที่เรียบร้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเข้าร่วมกับพวกนั้นในอนาคต เจียงเฉินนี่ก็กล้าจริงๆที่ไปทำข้อตกลงที่จะสู้กับเขาในเวลาหนึ่งปี"
ฉิงจื่อผงกหัว มันไม่ได้แปลกใจมากมายเกี่ยวกับเจียงเฉิน อัจฉริยะเช่นเขาจักต้องเป็ที่รู้จักกันทั่ว
"ท่านผู้นำ เมื่อเจียงเฉินมาจากนิกายเซวียนอี้ พวกเราจักทำเช่นไร?"
หลิวหงถาม ความแข็งแกร่งโดยรวมของนิกายเซวียนอี้ใกล้เคียงนิกายชิงิ นอกจากนี้หากนิกายชิงิส่งคนไปสังหารเจียงเฉินในแคว้นฉี มันไม่ได้เปรียบต่อพวกมันแต่อย่างใด ขณะที่นั่นไม่ใช่อาณาเขตของพวกมัน
"รอไปก่อน พวกเราไม่อาจตอแยนิกายเซวียนอี้ได้ในตอนนี้ นอกจากนั้นแคว้นฉีไม่ใช้อาณาเขตของพวกเรา ปล่อยเ้าหนุ่มนั่นไปก่อน พรุ่งนี้พลังยุทธของข้าก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว จากนั้นข้าจะไปยังหุบเขาสายหมอกและสังหารเ้าหมูป่าหนามอัคคีซะ หากว่าข้าได้ดวงจิตอสูรของมันมา ข้าสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธ เมื่อเวลานั้นมาถึง ต่อให้เป็นิกายเซวียนอี้ก็ไร้ค่า"
ฉิงจื่อพูดขึ้น อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้คาดว่าสิ่งที่รอมันในวันพรุ่งนี้เมื่อมันไปถึงเขาสายหมอกจะเป็เพียงซากหมูป่าหนามอัคคีที่ตกตายไปแล้ว และการที่จะปล่อยเจียงเฉินไปก่อนนั้นจะไม่มีทางเป็จริง
"เข้าใจแล้ว พวกข้าน้อมปฎิบัติตามคำสั่งท่านผู้นำ"
หลิวหงกุมมือต่อฉิงจื่อ แม้ว่ามันจะเกลียดเจียงเฉินเข้ากระดูกดำ มันก็เข้าใจว่าการที่จะบุกไปยังนิกายเซวียนอี้เพื่อสังหารเจียงเฉินมันเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่มันทำได้ในตอนนี้คือปฏิบัติตามคำสั่งของฉิงจื่อ
ยอดเขากั๋วฉาน นิกายเซวียนอี้
ในยามพลบค่ำ ระลอกคลื่นพลังได้ทะลักออกมาจากห้องปรุงยาหลังจากที่เงียบสนิทมาทั้งวัน กั๋วฉานและหวงต้าเลิ่กคิ้วขึ้นพร้อมกัน
"ระลอกคลื่นพลังนี้ คงไม่ใช่ว่าเขาปรุงยาได้สำเร็จหรอกนะ?"
กั๋วฉานมีสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ เพียงแค่วันครึ่งผ่านไป และหากเจียงเฉินได้ปรุงยาหกสุริยันได้สำเร็จภายในวันครึ่งจริงๆ นี่มันประสบความสำเร็จที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
แอ้ด.......
ประตูห้องปรุงยาได้เปิดออกมา และเจียงเฉินที่สวมชุดสีขาวได้ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มสดใสบนหน้าของเขา และเม็ดยาสีทองลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา
