เยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นจินหลานคือห้าคนนี้
องค์ชายเก้า เฉิงปู้กุย ซือสิ่งหลง และฝาแฝดหยินหยางนั่นคือหูหยางอีและหูหยินอี
สำหรับองค์ชายสามนั้น เขามีอายุเกินกว่าจะเป็เยาวชนแล้ว และถูกจัดอยู่ในกลุ่มของชายหนุ่ม แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับเทียบเท่ากับองค์ชายเก้าเท่านั้น นั่นคืออยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่แปด จากข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่า ในบรรดาองค์ชายหลายคนของแคว้นจินหลานนั้น องค์ชายเก้านับว่ามีความสามารถมากที่สุดและโดดเด่นที่สุด
เมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ทั้งหกคน ท่าทางของหลัวเลี่ยกลับสงบนิ่งเหมือนในตอนแรก
หลังจากที่หลัวเลี่ยเก็บหยาดจันทร์นิรวานเรียบร้อยแล้วก็มองไปที่พวกเขาอย่างสงบ
“ตำแหน่งยุวราชันแห่งแคว้นจินหลานนั้น หากเ้า้าก็เอาไปเถอะ ข้าไม่ได้สนใจ”
“สิ่งที่ข้าสนใจมีแค่การโค่นพวกยอดฝีมือจากสิบแคว้นด้วยมือของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“เื่ที่ว่าจะได้เป็ยุวราชันหรือไม่ ข้าไม่สนใจสักนิด”
“อ้อ ข้าจะบอกพวกท่านเป็ครั้งสุดท้ายนะ ที่พวกท่านแข่งกันเป็ยุวราชันนั้น มันน่าเบื่อจริงๆ”
หลัวเลี่ยไม่ลืมที่จะยกจอกสุราขึ้นมาจิบ และอุทานว่า “สุรานี้ไม่เลวเลย”
เขาก้าวเท้าเดินจากไป
ั้แ่ต้นจนจบเขาไม่เคยเห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตาเลยสักครั้ง
และยังคงเป็เช่นเดิม ตอนที่เขาอยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่หก หลัวเลี่ยก็มั่นใจแล้วว่า เขาจะเอาชนะคนที่อยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่เจ็ดหรือแปดได้หลายสิบคน นับประสาอะไรกับหกคนนี้ ยิ่งตอนนี้เขาอยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่แปดแล้ว เป้าหมายของเขาเลยกลายเป็ว่าจะเอาชนะเยาวชนในสิบแคว้นด้วยตัวคนเดียว
องค์ชายสามและองค์ชายเก้าต่างมองหน้ากัน จากนั้นทั้งสองก็ปลดปล่อยไอสังหารที่รุนแรงออกมา
ในเมื่อกล้าพูดว่าปรากฏการณ์ในพิธีไหว้พระจันทร์ของพวกเขาเป็เื่น่าเบื่อและเป็เื่ตลก แล้วองค์ชายที่มีสถานะสูงส่งเช่นพวกเขาจะตกเป็เป้าสายตาของทุกคน และทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ในที่สาธารณะได้อย่างไร
องค์ชายเก้าส่งสายตาเป็สัญญาณให้ทุกคน
ซือสิ่งหลงซึ่งไม่ชอบหลัวเลี่ยอยู่แล้วก้าวออกไปทันที
“หลัวเลี่ย ก่อนที่งานเลี้ยงคืนไหว้พระจันทร์จะเริ่มขึ้น ข้าบอกเ้าไว้ว่าอย่างไร เ้าลืมไปแล้วหรือ ดูเหมือนข้าจะต้องสั่งสอนเ้าสักหน่อยแล้ว” ซือสิ่งหลงขยับร่างกายเล็กน้อย เกิดเสียงกระดูกลั่นดังออกมา ตรงหว่างคิ้วทั้งสองของเขาก็มีแสงเปล่งออกมาเล็กน้อย เขาได้แสดงเคล็ดวิชาอัสดงจำแลงออกมาแล้ว
หลัวเลี่ยมองไปที่ซือสิ่งหลง “เ้าอ่อนแอเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่เคยสนใจที่จะต่อสู้กับเ้า”
“อะไรนะ?!”
ซือสิ่งหลงเกือบจะคลั่งจากคำพูดที่ว่า ในสายตาของคนคนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็คู่ต่อสู้ด้วยเลย “ช่างโอหังและโง่เขลา ข้าจะสั่งสอนเ้าเอง”
ซือสิ่งหลงวิ่งไปข้างหน้าอย่างดุดัน เขาวิ่งเข้าไปใกล้หลัวเลี่ย ยกมือขึ้นส่งหมัดหนักที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเสียงคำรามของเสือตรงไปที่หลัวเลี่ย
หมัดนี้ดุร้ายเหมือนเสือที่กำลังคลั่ง กระบวนท่าคล้ายหมัดผู้พิชิต
หลัวเลี่ยไม่ได้ใช้พลังผู้ฝึกตนระดับที่แปด เขาใช้เพียงพลังผู้ฝึกตนในระดับที่หก นอกจากนี้เขายังปลดปล่อยพลังในระดับที่หกออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขายกมือขึ้นและออกแรงรับกระบวนท่าหมัดของซือสิ่งหลงเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก
ตูม!
เขารับหมัดของซือสิ่งหลงไว้ด้วยมือเดียว
ไม่ว่าหมัดนี้จะมีพลังรุนแรงเพียงใด แต่มันก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
“เ้า เ้า...” ซือสิ่งหลงตกตะลึง
“ที่จริงแล้วเพื่อจัดการกับเ้า ข้าไม่จำเป็ต้องออกแรงใช้พลังถึงครึ่งหนึ่งของผู้ฝึกตนระดับที่หกด้วยซ้ำ เ้าอ่อนแอเกินไปแล้ว” หลัวเลี่ยออกแรงที่มือของเขาข้างที่รับหมัดของซือสิ่งหลงเล็กน้อย ขณะที่ซือสิ่งหลงลอยออกไปกว่าสามสิบจั้ง สุดท้ายร่างของเขาก็ชนเข้ากับต้นหอมหมื่นลี้โบราณแล้วสลบไป
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของชาวเมืองจินหลานที่อยู่ที่นี่
ใน่สองปีที่ผ่านมา ตำแหน่งยุวราชันแห่งแคว้นจินหลานมักจะเป็ซือสิ่งหลง เฉิงปู้กุย และฝาแฝดหยินหยาง แต่ตอนนี้ผู้คนในแคว้นจินหลานตระหนักแล้วว่า หลัวเลี่ยก็มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็ยุวราชันแห่งแคว้นจินหลานเช่นกัน
“เ้าบ้า ข้าจะจัดการเ้า!”
เฉิงปู้กุยหยิบพู่กันเวทขึ้นมาแล้วเริ่มเปิดปากร่ายคาถา หลังร่ายคาถาเสร็จสิ้น พู่กันเวทก็รวบรวมพลังธรรมชาติในระยะมากกว่าเก้าสิบจั้งเข้ามารวมไว้ที่ตัวพู่กัน จากนั้นเฉิงปู้กุยก็โบกมือที่ถือพู่กันเวทอยู่หนึ่งครั้ง
ทันใดนั้น ลูกธนูแหลมคมกว่าสามสิบถึงสี่สิบดอกก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ลูกธนูแหลมคมเข้ามาแทนที่ความว่างเปล่า และพุ่งเข้ามาเพื่อสังหารหลัวเลี่ย
นี่คือคาถาของนักเวทคาถาหนึ่งชื่อว่าคาถาศรพันดอก แต่เฉิงปู้กุยสามารถใช้พลังของมันได้เพียงสามถึงสี่จากในสิบส่วนเท่านั้น
“เ้าก็อ่อนแอและเปราะบางพอๆ กัน”
พลังภายในของหลัวเลี่ยส่วนหนึ่งไหลเข้าสู่มือซ้ายของเขา
มือซ้ายแห่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!
เขายกมือซ้ายขึ้นในอากาศ ลูกศรคมๆ ที่ดูเหมือนลูกศรเหล็กของจริงสำหรับคนอื่นๆ นั้นเป็เพียงเศษกระดาษสำหรับมือซ้ายแห่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของเขา
หลัวเลี่ยก้าวไปข้างหน้า และใช้มือซ้ายของเขาปัดป้องลูกธนูที่พุ่งเข้ามา
เขามองไปที่เฉิงปู้กุยอีกครั้ง แล้วตบพู่กันนักเวทให้กระเด็นออกไป เฉิงปู้กุยใ ก้าวถอยหลังไปมากกว่าสิบก้าว จากนั้นเขาก็ไม่สามารถทรงตัวให้ยืนได้อีก เขานั่งลงบนพื้นแล้วสลบไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฝาแฝดหยินหยางจึงเข้าโจมตีพร้อมกัน
พวกเขาเชี่ยวชาญในการใช้พลังร่วมกัน คนหนึ่งเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ อีกคนหนึ่งเป็นักเวท เมื่อรวมกับจิติญญาของความเป็ฝาแฝดที่ไม่เหมือนใครทำให้พวกเขาร่วมมือกันอย่างราบรื่น
หลัวเลี่ยเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย วิชาก้าวัถูกเขานำมาใช้ ทันใดนั้นร่างของเขาก็ลอยขึ้นท่ามกลางเสียงร้องของัในทะเล และเพียงพริบตาเขาก็ไปยืนอยู่ต่อหน้าฝาแฝดหยินหยางในทันที
ฝาแฝดทั้งสองเพิ่งเริ่มแสดงกระบวนท่าของพวกเขา และก่อนที่พวกเขาจะได้เริ่มการโจมตี หมัดของหลัวเลี่ยก็เข้าถึงตัวของพวกเขาแล้ว
มันรวดเร็วจนไม่สามารถใช้พลังวรยุทธ์ตอบโต้กลับไปได้ทัน และเพียงแค่สองหมัด ฝาแฝดหยินหยางก็ถูกซัดลอยแยกกันไปทางซ้ายและทางขวา
แล้วเยาวชนทั้งสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นจินหลานต่างก็พ่ายแพ้ให้กับหลัวเลี่ยไปเช่นนี้
พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับพลังของผู้ฝึกตนระดับที่หก และผู้ฝึกตนคนนั้นเห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ในการต่อสู้เลย
“แข็งแกร่งมาก ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเข้ามาในแคว้นจินหลานของเราด้วยฐานะยุวราชัน เขายังไม่ได้แสดงพลังอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“แม้แต่พลังในตำนานอย่างเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนที เขาก็ยังไม่ได้ใช้มันเลย”
“เขายังต้องใช้มันอีกหรือ เมื่อครู่เขายังไม่ได้แสดงพลังภายในที่ฝึกฝนมาด้วยซ้ำ เขาใช้แค่มือของเขาเท่านั้น เยาวชนทั้งสี่ของเราที่เพิ่งพ่ายแพ้ไปนั้นเทียบเขาไม่ได้เลย”
“ในที่สุดแคว้นที่อ่อนแออย่างเป่ยสุ่ยก็จะมีโอกาสรุ่งเรืองขึ้นแล้วหรือ”
ผู้คนจากแคว้นจินหลานเริ่มเชื่อมั่นในตัวหลัวเลี่ยมากขึ้นจากการชกสามครั้ง และการเตะสองครั้งของเขา
องค์ชายสามและองค์ชายเก้ารู้สึกอับอายเป็อย่างมาก
ตอนแรกพวกเขายังคงเมินเฉยต่อหลัวเลี่ยแล้วบอกว่าตนเองเหมาะสมกับตำแหน่งยุวราชันแห่งแคว้นจินหลานมากกว่า แต่ในตอนนี้เป็อย่างไร หลัวเลี่ยได้ตบหน้าของพวกเขาด้วยการพิสูจน์พลังของตนเองแล้ว
“ดี!”
องค์ชายเก้าพูดเสียงดัง “ตอนนี้ข้ายอมรับแล้วว่าเ้ามีคุณสมบัติที่จะเป็ยุวราชัน และเป็ตัวแทนของแคว้นจินหลานของข้าในการเข้าร่วมการประลองยุวราชันสิบแคว้น แต่เพื่อให้เ้าได้รู้ว่าแคว้นจินหลานของข้าแข็งแกร่งกว่าแคว้นเป่ยสุ่ยของเ้า และเ้าไม่ใช่เยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นจินหลานของข้า ดังนั้นข้าคนนี้จะเป็คู่ต่อสู้ของเ้าเอง”
หลัวเลี่ยไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วมองลงไปที่องค์ชายเก้า และยิ้มอย่างสบายๆ “องค์ชายเก้า ท่านคือผู้ฝึกตนระดับที่แปด นอกจากนี้ท่านยังเป็เยาวชนที่มีฝีมือเป็อันดับหนึ่งของแคว้นจินหลาน ท่านทำให้ข้าสนใจในตัวท่านเล็กน้อย”
“เ้ารู้มาไม่น้อยเลย” องค์ชายเก้าพูดอย่างภาคภูมิใจ “ข้าคนนี้ไม่รังแกผู้ที่มีระดับต่ำกว่า แต่เพื่อศักดิ์ศรีของแคว้นเรา ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือแล้ว”
หลัวเลี่ยแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากของตน “หยุดพูดเื่ไร้สาระ แล้วลงมือเถิด”
“ตายซะ!”
องค์ชายเก้าโกรธมาก หลัวเลี่ยกล้าบอกว่าเขาพูดเื่ไร้สาระหรือ เขากระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าและต่อยหลัวเลี่ยด้วยหมัดที่ทรงพลังมาก
นี่เป็ศิลปะการต่อสู้อันแข็งแกร่งที่ไม่เหมือนใครของราชวงศ์จินหลาน เรียกว่าหมัดทัพทะเลทราย!
มองจากภายนอกเหมือนหลัวเลี่ยจะไม่ได้สนใจองค์ชายเก้ามากนัก แต่ในใจเขาระมัดระวังมาก เพราะองค์ชายเก้ามีระดับพลังอยู่เหนือกว่าเขาถึงสองระดับ
แต่หลังจากที่องค์ชายเก้าแสดงกระบวนท่านี้ออกมา หลัวเลี่ยก็แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน
ด้วยพลังโจมตีนี้ เขายังไม่ได้ใช้กระบวนท่าหมัดผู้พิชิต แต่ใช้เพียงพลังระดับสูงสุดของผู้ฝึกตนระดับที่หกเท่านั้น
เขาออกหมัดไปเพียงหมัดเดียว
ตูม!
องค์ชายเก้ากลับไปอยู่ที่จุดเดิม และยังกลับไปเร็วกว่าตอนมาถึงตัวเขาเมื่อครู่
หลัวเลี่ยยื่นนิ้วชี้ออกมาและส่ายเบา ๆ “ท่านเองก็ไม่ได้เื่”
องค์ชายเก้าเช็ดเืออกจากมุมปากของเขาแล้วพูดอย่างเ็า “ข้าประเมินเ้าต่ำไปจริงๆ ต่อจากนี้ข้าจะใช้พลังอย่างเต็มที่แล้ว” เขายกมือทั้งสองขึ้นมาแตะบริเวณหน้าอก หลังจากนั้นมวลอากาศรอบกายเขาก็ปั่นป่วน ใบไม้ร่วงหล่นปลิวว่อนรอบๆ ตัวเขา ทันใดนั้นร่างภาพลวงตาที่มีลักษณะเหมือนนายพลก็ปรากฏกายขึ้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ องค์ชายสามก็ใ และพูดว่า “วิชาสิ้นสลายแห่งจินหลาน หนึ่งในเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นจินหลาน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้